ทว่าลูกบอลอัสนีที่อยู่กลางอากาศย่อมไม่เกรงใจ กดลงมาด้านล่าง ชั่วขณะนั้นสายฟ้าพลันเปล่งแสงสว่างวาบสับลงมากลางฝูงแมลง
ยามนั้นฝูงแมลงสิบกว่าฝูงพลันมีสายฟ้าสีดำขาวแล่นเปรี้ยะๆ ไม่หยุด แมลงวิญญาณจำนวนนับไม่ถ้วนถูกโจมตีจนไหม้เกรียม และทยอยกันร่วงลงมาจากกลางอากาศราวกับห่าฝน
แม้ว่าร่างแมลงกลืนทองจะใกล้เคียงกับอมตะ แต่ภายใต้การโจมตีที่รุนแรงของเคราะห์สวรรค์อย่างเคราะห์อัสนีเที่ยงแท้ พวกที่อ่อนแอหน่อยก็ได้รับบาดเจ็บไม่น้อย แม้ว่าจะอาศัยความแข็งแกร่งของเรือนร่างทำให้ไม่ถึงชีวิต แต่ก็สลบไปจำนวนไม่น้อย
แต่แมลงกลืนทองเหล่านั้นและราชาแมลงที่ถูกเลือกสิบกว่าตัวที่หลงเหลืออยู่กลางอากาศก็ถูกลูกบอลอัสนีส่งเสียงดังคำรามทำให้ได้สติขึ้นมา
ทันใดนั้นแมลงเหล่านั้นก็ส่งเสียงร้องแหลมสูงออกมา ชั่วขณะนั้นแมลงกลืนทองนับหมื่นตัวก็ทยอยกันกระโจนมาที่ลูกบอลอัสนีเป็นฝูง ชั่วพริบตาก็ปกคลุมลูกบอลจนเป็นสีทองเรืองรอง และพยายามกลืนกินพลังอัสนี
พริบตาที่แมลงกลืนทองกระโจนเข้ามาผิวของลูกบอลอัสนีสีดำขาวก็มีประจุไฟฟ้าทะลักออกมา ตัดสลับกันไปมา และโจมตีไปที่ฝูงแมลงอย่างไม่เกรงใจเลยสักนิด
เช่นนั้นลูกบอลอัสนีก็หดเล็กลงอย่างรวดเร็วด้วยการกลืนกินของแมลงกลืนทอง แมลงกลืนทองโตเต็มวัยจำนวนมากในฝูงเอง ก็ต้านทานไม่ไหวพลางสลบไปท่ามกลางสายกระแสไฟฟ้า
ทว่าแค่สองสามชั่วลมหายใจแมลงกลืนทองร่างกายโตเต็มวัย ก็ทยอยกันร่วงลงมาจากลูกบอลอัสนี มีเพียงราชาแมลงสิบกว่าตัวที่ยังตรึงอยู่บนนั้นแน่นอย่างโหดเหี้ยม และกลืนกินพลังอัสนีอย่างบ้าคลั่ง
ทว่ายามนี้ลูกบอลอัสนีสีดำขาวก็ไม่สนใจราชาแมลงเหล่านั้นอีก พลางพุ่งมาหาหานลี่ที่อยู่ด้านล่างท่ามกลางเสียงดังอึกทึก
ยามนี้ผิวของลูกบอลอัสนีเล็กลงกว่ายามที่ปรากฏตัวหนึ่งในสี่ส่วน
แต่ต่อให้เป็นเช่นนั้นลูกบอลอัสนีที่ดำขาวก็ยังคงมีเส้นผ่าศูนย์กลางสองสามจั้ง ร่อนลงมาพร้อมกับสายฟ้าจำนวนนับไม่ถ้วนที่ไหลเวียนไปมา ท่าทางยังคงน่าตกตะลึงเป็นอย่างยิ่ง
และหลังจากที่ถูกแมลงกลืนทองต้านทาน หานลี่ที่อยู่ด้านล่างกลับแปลงกายเป็นร่างนิพพานแล้ว
เมื่อเห็นลูกบอลอัสนีร่อนลงมา ร่างวานรยักษ์ก็อ้าปากคำรามเสียงดังสนั่นทันที ชั่วพริบตาร่างกายก็ขยายใหญ่ขึ้นท่ามกลางรัศมีลำแสงสีม่วงทอง จนมีขนาดสองสามร้อยจั้ง ในเวลาเดียวกันแขนจริงๆ ทั้งสี่ก็ชูขึ้นกลางอากาศ
ชั่วขณะนั้นร่างของวานรยักษ์พลันมีลวดลายสีเงินปรากฏขึ้นและหมุนวนโคจรไปมาอย่างรวดเร็ว ในเวลาเดียวกันก็รวมตัวกันในแขนทั้งหก และกลายเป็นลวดลายอาคมสีเงินขนาดน้อยใหญ่ไม่เท่ากัน
ลำแสงสีเงินเปล่งแสงเจิดจ้า!
ครู่ต่อมาเสียง “ครืดๆ” ก็ดังสนั่นขึ้น!
แสงสีเงินบนแขนทั้งหกของวานรยักษ์หม่นแสงลง คาดไม่ถึงว่าจะมีปลอกแขนสีเงินระยิบระยับปรากฏขึ้น และปกคลุมแขนทั้งสี่ตั้งแต่นิ้วไปจนถึงหัวไหล่อย่างแน่นหนา
แต่หากเพ่งพินิจดีๆ ก็จะพบว่าปลอกแขนทั้งสี่สร้างขึ้นจากเกล็ดสีเงินที่วิจิตรงดงามจำนวนนับไม่ถ้วนรวมตัวกัน แต่ทุกเกล็ดล้วนมีลวดลายเขตอาคมเล็กๆ รวมตัวกันอยู่ลางๆ และแผ่กลิ่นอายลึกลับออกมา
คาดไม่ถึงว่าหานลี่จะใช้ร่างนิพพานและคาถาตื่นจากจำศีลแปลงกายสิบสองครั้งพร้อมกัน แล้วยังสำแดงคาถาร้อยชีพจรหลอมสมบัติที่เพิ่งฝึกฝนสำเร็จอีกด้วย
ภายใต้สถานการณ์ที่สำแดงอิทธิฤทธิ์ออกมาทั้งสามชนิดพร้อมกัน แม้ว่าหานลี่เองก็ยังเป็นครั้งแรก
แต่หลังจากที่สัมผัสได้ว่าในร่างเหมือนกับมีพลังน่ากลัวฉีกขาด หานลี่กลับรู้สึกมั่นใจที่จะรับการโจมตีครั้งสุดท้ายมากขึ้นหลายส่วน
เห็นเพียงแขนที่ถูกปลอกแขนสีเงินสี่ขาวห่อหุ้มอยู่หดลงเล็กน้อย แล้วตบไปกลางอากาศช้าๆ เสียงร้องแหลมสูงสี่เสียงก็ระเบิดออกกลางอากาศ
หลังจากที่เห็นแขนทั้งสี่แค่ลางเรือน ก็กลายเป็นเงาลวงตาฝ่ามือยักษ์สีเงินสี่ข้าง เปล่งแสงสว่างวาบแล้วโจมตีไปที่ลูกบอลอัสนีสีดำขาวพร้อมกัน
เสียงสะเทือนเลื่อนลั่นดังขึ้น เสียงฟ้าผ่าดังขึ้นอีกครั้งกลางอากาศ!
เงาลวงตาฝ่ามือยักษ์เปลี่ยนเป็นหนาขึ้นราวกับของจริง นิ้วทั้งสิบจมหายเข้าไปในลูกบอลอัสนีราวกับตะขอสีเงิน ใจกลางฝ่ามือมีพลังมหาศาลทะลักออกมา กดไปที่ใจกลางของลูกบอลอัสนีอย่างแรง
ลูกบอลอัสนีสีดำขาวหดเล็กลงอย่างรวดเร็วภายใต้พลังมหาศาลที่กดลงมา แต่จากประจุไฟฟ้าสีดำขาวที่สับออกมาอย่างไม่เกรงใจนั้น ก็สับไปที่เงาลวงตาแขนทั้งสี่ไม่หยุด
ส่วนเงาลวงตาฝ่ามือยักษ์สีเงินนั้นทุกการโจมตีด้วยสายฟ้า วานรยักษ์ที่กลายร่างเป็นร่างนิพพานด้านล่างลำแสงเทวะในแววตาเปล่งประกายก็หม่นแสงลงหนึ่งส่วน ในเวลาเดียวกันกลิ่นอายบนเรือนร่างก็อ่อนแอลง
ยามนั้นเงาลวงตาแขนยักษ์ทั้งสี่ก็ต้านทานการโจมตีอัสนีนับร้อยนับพันเอาไว้ กลิ่นอายของหานลี่ที่กลายเป็นวานรยักษ์แทบจะสลายหายไปเกือบครึ่ง
ทว่าในยามนั้นวานรยักษ์ที่อยู่ด้านล่างพลันร้องคำรามออกมา ฝ่ามือสีเงินทั้งสี่ขยายใหญ่ขึ้นอีกครั้ง มีขนาดใหญ่กว่าเดิมสองสามเท่า
แขนยักษ์ทั้งสี่กางนิ้วทั้งสิบออก คาดไม่ถึงว่าจะปกคลุมลูกบอลอัสนีทั้งลูกเอาไว้ข้างใน ในเวลาเดียวกันก็ไม่สนใจสายฟ้ากลางฝ่ามือแล้วทำการโจมตีย้อนกลับ ฝ่ามือระเบิดลำแสงสีเงินเจิดจ้าออกมา
อักขระยันต์ห้าสีจำนวนนับไม่ถ้วนทะลักออกมาจากลำแสงสีเงิน พลังมหาศาลที่ทะลักออกมาเพิ่มขึ้นสองสามเท่าในชั่วพริบตา นิ้วออกแรงลูกบอลอัสนีขนาดใหญ่ก็ระเบิดออก
หลังจากที่ลูกบอลอัสนีสีดำขาวปริแตกก็กลายเป็นประจุไฟฟ้าสีดำขาวจำนวนนับไม่ถ้วนโจมตีไปในบริเวณรอบๆ แขนยักษ์สีเงินสี่ข้างมีประจุไฟฟ้าตัดสลับกันไปมาและถูกโจมตีจนแตกเป็นเสี่ยงๆ
วานรยักษ์อ้าปากออกพ่นโลหิตบริสุทธิ์ออกมา ปลอกแขนสีเงินบนแขนทั้งสี่ส่งเสียงคำรามออกมา เปล่งแสงสว่างวาบแล้วปริแตกออกเป็นเสี่ยงๆ กลายเป็นลำแสงสีเงินสลายหายไป
ส่วนประจุไฟฟ้าสีดำขาวนับร้อยสายตาที่หลงเหลืออยู่กลางอากาศ ก็ไม่ถูกต้านทาน แค่กะพริบวาบแล้วสับลงมาที่วานรยักษ์ด้านล่างราวกับฝนกระหน่ำ
เสียงฟ้าผ่าดังขึ้นไม่หยุด สายฟ้าสีดำขาวปริแตกแล้วกลืนกินวานรยักษ์ในพริบตา
เสียง “พรึ่บๆ” ดังขึ้น!
วานรยักษ์ที่อาศัยกายเนื้อยืนหยัดเอาไว้พลันพลิ้วไหว สุดท้ายก็ต้านไม่ไหวล้มตึงลงท่ามกลางสายฟ้า ร่างกายอันใหญ่ทำให้พื้นดินบริเวณรอบสั่นสะเทือน
ประจุสายฟ้าสีดำขาวโจมตีไปที่ร่างของวานรยักษ์อย่างต่อเนื่อง ในที่สุดอานุภาพก็เสื่อมสลายไป
บนพื้นที่เป็นหลุมเป็นบ่อ เหลือเพียงวานรยักษ์ร่างกายใหญ่โตที่เต็มไปด้วยรอยแผล มันในยามนี้นิ่งงันอยู่บนพื้น เกล็ดสีม่วงทองบนร่างถูกโจมตีจนร่วงลงมา ขนสีทองที่เผยออกมาเปลี่ยนเป็นสีดำเกรียม ท่าทางน่าเวทนาเป็นอย่างยิ่ง
ในเวลาเดียวกันที่ลูกบอลอัสนีสีดำขาวระเบิดออกแล้วสลายหายไป รูยักษ์ที่อยู่กลางอากาศก็เปล่งแสงสว่างวาบแล้วหายวับไปท่ามกลางเมฆสีดำ
ยามนั้นนอกจากเมฆสีดำสนิทที่ทะลักออกมาจากกลางอากาศ คาดไม่ถึงว่าจะไม่มีความเปลี่ยนแปลง แม้กระทั่งให้ความรู้สึกสงบนิ่งอย่างแปลกประหลาด
“ฮ่าๆ เคราะห์อัสนีเที่ยงแท้สมคำร่ำลือจริงๆ แต่หากอยากจะเอาชีวิตของข้า กลับพลาดไปหน่อย…” บนพื้นพลันมีเสียงหัวเราะร่าดังมา จากนั้นก็มีเสียงพูดที่ระงับความตื่นเต้นเอาไว้ดังขึ้น
เห็นเพียงวานรยักษ์ที่เดิมไม่ขยับเขยื้อนพลันเปล่งแสงสีม่วงทองที่ผิวกาย ลวดลายวิญญาณบนเกล็ดและเขาค่อยๆ หายวับไป
ในเวลาเดียวกันร่างวานรยักษ์ก็หดเล็กลงท่ามกลางลำแสงวิญญาณอย่างรวดเร็ว ชั่วครู่ก็กลับคืนสู่ร่างมนุษย์
หลังจากที่มือเท้าของหานลี่ขยับเล็กน้อย ก็ค่อยๆ ยืนขึ้นบนพื้นดินอย่างช้าๆ ยกมือสองข้างขึ้น พิจารณาตนที่กลับคืนสู่ร่างมนุษย์
เห็นเพียงยามนั้นมีเสียงดังขึ้น นอกจากหน้าที่ซีดขาวไม่เห็นสีโลหิตแล้ว ทั้งเรือนร่างก็ไม่มีร่องรอยบาดแผลเลยสักนิด
นี่ย่อมเป็นเพราะยามที่เขาเลิกแปลงกาย อาศัยกายเนื้อที่แข็งแกร่งรักษาอาการบาดเจ็บของตนเอง ชั่วพริบตารอยแผลบนผิวหนังก็หายไป
แน่นอนว่าความจริงแล้วในร่างกายของเขาได้รับบาดเจ็บไม่น้อย หากอยากหายดีต้องใช้เวลาพักฟื้นสักระยะหนึ่ง
แต่ในยามนี้พลันมีเสียงอึกทึกดังมาจากกลางอากาศ
หานลี่พลันตกตะลึง อดที่จะจ้องเขม็งมองไม่ได้ คาดไม่ถึงว่าราชาแมลงกลืนทองสิบกว่าตัวจะบินหมุนวนกลางอากาศอย่างปลอดภัย ปากก็ส่งเสียงร้องประหลาดๆ ออกมา
สถานการณ์แปลกประหลาดปรากฏขึ้น
จากนั้นราชาแมลงเหล่านั้นก็ส่งเสียงร้อง พื้นดินมีเสียงอึกทึกดังขึ้นเช่นกัน แมลงเกราะสีทองที่เดิมมีขนาดจิ๋วเริ่มพวยพุ่งขึ้นไปจากพื้นดิน และแบ่งออกเป็นกลุ่มๆ อย่างไม่ลังเลพลางพุ่งไปอยู่ข้างกายราชาแมลงเหล่านั้น ในเวลาเดียวกันก็กระพือปีกทั้งสองอย่างบ้าคลั่ง บินวนล้อมรอบราชาแมลงไปมา ระหว่างนั้นก็เผยท่าทีเป็นศัตรูอย่างรุนแรงออกมา
หานลี่เห็นเช่นนั้นพลันตกตะลึง นิ้วชี้ไปกลางอากาศอย่างไม่ต้องขบคิด ในเวลาเดียวกันก็ผิวปากยาวๆ ออกมา หมายจะเรียกแมลงวิญญาณเหล่านั้นกลับมา
แต่เรื่องที่ทำให้เขาจิตใจหนักอึ้งก็ปรากฏขึ้น!
แม้ว่าแมลงกลืนทองเหล่านั้นจะส่งเสียงหึ่งๆ แต่คาดไม่ถึงว่าจะไม่มีสักตัวที่ฟังคำสั่งแล้วบินลงมาด้านล่าง
หานลี่พลันใจหายวาบมีสีหน้าเคร่งขรึม ยามที่คิดจะสำแดงเคล็ดวิชาลับบังคับเรียกแมลงวิญญาณเหล่านั้นกลับมา แมลงกลืนทองสิบกว่าฝูงกลางอากาศก็เคลื่อนไหวพร้อมกัน เริ่มโจมตีไปที่ฝูงแมลงอื่นๆ ในละแวกโดยมีราชาแมลงที่ถูกเลือกเป็นผู้นำ
ยามนั้นกลางอากาศพลันมีเสียงสวบๆ ดังขึ้น! แมลงกลืนทองสองสามหมื่นตัวกลายเป็นเมฆแมลงสีทอง และทำการห้ำหั่นกันอย่างดุเดือด บางครั้งก็มีแมลงกลืนทองถูกแมลงกลืนทองสองสามตัวหรือแม้กระทั่งสิบกว่าตัวกลืนกินไปทีละตัวๆ
ราชาแมลงที่ถูกเลือกสิบกว่าตัวกำลังกลืนกินแมลงกลืนทองธรรมดาๆ รอบด้าน แทบจะอ้าปากแยกเขี้ยวออกมา ก็สามารถกลืนกินวิญญาณแมลงธรรมดาได้ทั้งตัวแล้ว
หานลี่มองเห็นทุกอย่างแววตาพลันฉายแววประหลาดใจ อาคมในมือผ่อนกำลังลง คาดไม่ถึงว่าจะไม่ได้โจมตีออกไปทันที
ขณะที่เขากำลังหน้าเปลี่ยนสีไปมา ดูเหมือนจะตัดสินใจไม่ถูก เมฆสีดำกลางอากาศพลันมีเสียงร้องประหลาดๆ อย่าง “กรี้ดๆ” ดังขึ้น เมฆสีดำสนิทหมุนวน ลูกบอลลำแสงสีดำจำนวนนับไม่ถ้วนปรากฏขึ้นอย่างบ้าคลั่ง
เมื่อเพ่งพินิจมองกลางลูกบอลลำแสงสีดำเหล่านี้มีเงาลวงตาศีรษะภูตขนาดน้อยใหญ่ มีทั้งดำและขาว ส่งเสียงร้องประหลาดๆ บ้างเสียงต่ำบ้างเสียงแหลม ไม่เหมือนกัน แต่เมื่อเข้ามาในโสตกลับทำให้รู้สึกมึนงง
“ศีรษะมารเหนือฟ้า”
หานลี่เห็นสถานการณ์เช่นนั้น รูม่านตาพลันหดเล็กลง พลันมีสีหน้าเคร่งขรึม ไม่สนใจเมฆแมลงที่กำลังกลืนกินอยู่กลางอากาศอีก แล้วรวบรวมสมาธิกวาดจิตสัมผัสไปกลางอากาศ
แทบจะในเวลาเดียวกันเมฆสีดำกลางอากาศพลันหมุนวนอย่างรุนแรง เสียงไพเราะเสนาะหูราวกับเสียงจากสรวงสวรรค์ดังขึ้น เส้นไหมลำแสงสีเทาขาวปรากฏขึ้นในเมฆ และรวมตัวกันที่ใจกลาง คาดไม่ถึงว่าจะกลายเป็นเงาลวงตาราวกับกระจกสีเทา ด้านในมีรัศมีลำแสงสีเทาขาวม้วนวนออกมา และม้วนไปทางที่หานลี่อยู่อย่างช้าๆ
หานลี่รู้สึกเพียงว่ารัศมีสีเทาขาวในกระจกยักษ์ดูเหมือนจะเปล่งแสงสว่างวาบ ร่างกายของตนเบาลง สติสัมปชัญญะลางเรือนมาปรากฏตัวในแดนที่ไม่คุ้นเคย