กลางอากาศของที่เหมือนกระจกสีเทาขมุกขมัวยังคงลอยนิ่งอยู่ที่เดิม แต่ผิวกระจกมีรัศมีห้าสีเปล่งแสงวาววับ ภาพวาดขมุกขมัวเหล่านั้นบินวนไปมาอย่างรวดเร็ว
หากเพ่งพินิจอย่างละเอียดภาพวาดเหล่านั้นกลับเหมือนกับบุปผาในวารีในบ่อน้ำ มองไม่ชัดเจนสักนิด
เหนือไอมารแมลงกลืนทองเหล่านั้นยังคงกลืนกินกันและกันโดยไม่สนใจคนรอบข้าง
ระยะเวลานานเช่นนี้ฝูงแมลงทั้งฝูงเหลือเพียงสองสามร้อยตัวเท่านั้น และยิ่งไปกว่านั้นตัวที่กลายเป็นราชาแมลงเหล่านั้นยังไล่สังหารแมลงกลืนทองตัวอื่นๆ
แม้ว่าแมลงกลืนทองธรรมดาๆ จะทำการโจมตีกลับอย่างโหดเหี้ยมเช่นกัน แต่เห็นได้ชัดว่าไม่อาจต้านทานราชาแมลงที่ถูกเลือกได้ และทยอยกันถูกกลืนกินไป
หลังจากนั้นไม่นานราชาแมลงเหล่านั้นก็ได้รับบาดเจ็บและเหนื่อยล้าไปทีละตัวๆ
เช่นนั้นเวลาจึงค่อยๆ ผ่านไป
ไม่รู้ว่าผ่านไปนานเท่าไหร่ในที่สุดแมลงกลืนทองธรรมดาๆ ตัวอื่นๆ ก็ถูกกลืนกินไปจนเกลี้ยง เหลือเพียงราชาแมลงที่ถูกเลือกที่ตัวมีรอยบาดแผลเต็มไปหมด
ชั่วพริบตาที่แมลงกลืนทองธรรมดาตัวสุดท้ายถูกกลืนกินไปจนเกลี้ยง ราชาแมลงที่ถูกเลือกเหล่านั้นก็แตกฮือออก พักผ่อนเล็กน้อยแล้วใช้สายตาโหดเหี้ยมจ้องเขม็งไปที่พวกเดียวกันตัวอื่นๆ
หลังจากที่เสียงร้องไม่เป็นมิตรดังขึ้นอีกครั้ง ราชาแมลงที่ถูกเลือกเหล่านั้นก็กระพือปีกทั้งสองข้าง กระโจนออกมาอีกครั้งอย่างไม่ลังเลเลยสักนิด แล้วฉีกทึ้งทีละตัวๆ
การต่อสู้ครั้งนี้เห็นได้ชัดว่าดุเดือดกว่าก่อนหน้า!
ท่ามกลางเสียงร้องแหลมสูง บางครั้งตัวที่แขนขาไม่สมบูรณ์ก็ร่วงลงมาจากท้องฟ้า
ราชาแมลงที่ถูกเลือกเหล่านั้นยิ่งพ่นเส้นไหมสีทองออกมาจากปากที่กำลังฉีกทึ้ง บ้างก็เปลี่ยนร่างเป็นใหญ่บ้างเล็กบ้างล้วนพยายามสำแดงอิทธิฤทธิ์ในการกลืนกินคู่ต่อสู้ลงท้องไม่ให้เหลือ
ทว่ากำลังของราชาแมลงที่ถูกเลือกนั้นไม่มากนัก หากอยากตัดสินความเป็นตายจริงๆ เห็นได้ชัดว่าไม่อาจทำได้ในระยะเวลาอันสั้น ต้องผ่านการสังหารเป็นเวลานานถึงจะมีหวัง
ในเวลาเดียวกันกลางอากาศอีกแห่งหนึ่ง หานลี่กำลังติดตามเด็กชายและเด็กหญิงในหมู่บ้านกลุ่มหนึ่ง เผยรอยยิ้มซื่อๆ ออกมาพลางถูกผลักเข้าไปในห้องที่ถูกตกแต่งด้วยผ้าสีแดง
คนในหมู่บ้านกำลังพูดคุยหัวเราะคิกคักว่า ‘มีบุตรไวๆ’ ‘แก่เฒ่าไปด้วยกัน’ รอยยิ้มลึกลับบนใบหน้าหายไป และรีบปิดประตูบานใหญ่ที่ยังมีกลิ่นอายธาตุไม้แผ่ออกมา
ชั่วพริบตาในห้องใหม่ขนาดไม่ถึงสองสามจั้ง ก็เหลือเพียงหานลี่ที่สวมชุดสีแดงและเงาร่างอรชรอ้อนแอ้นใบหน้าถูกบดบังไปด้วยผ้าคลุมหน้าสีแดงนั่งอยู่บนเตียงไม้สีแดงเคลือบเงา
หานลี่ใช้มือลูบท้ายทอย รู้สึกทำตัวไม่ถูก หลังจากรอให้ผ่านไปชั่วครู่ ถึงได้เดินเข้าไปที่เตียงไม้ด้วยใบหน้าแดงระเรื่อ
หานลี่ไม่เคยพบหน้าเจ้าสาวป้ายแดงที่มีต้นกำเนิดมาจากหมู่บ้านแห่งนี้มาก่อน แค่ได้ยินอาหลิวที่เป็นแม่สื่อของหมู่บ้านเอ่ยถึงเป็นบางครั้ง
ดูเหมือนว่าอีกฝ่ายจะเป็นหญิงสาวฝีมือดีคนหนึ่ง และยิ่งไปกว่านั้นยังถูกเลี้ยงดูมาเป็นอย่างดี มิเช่นนั้นบิดามารดาของตนคงไม่ถูกใจ และใช้หมูตัวใหญ่หนึ่งตัว แพะสามตัวมาเป็นสินสอดทองหมั้นพาอีกฝ่ายกลับมาอย่างไม่เสียดาย และยังจัดงานแต่งงานที่หาได้ยากให้ตนภายในระยะเวลาอันสั้นเพียงครึ่งเดือน เพื่อแต่งอีกฝ่ายเป็นภรรยาอย่างรวดเร็วเช่นนี้
ทว่าภรรยาของตนผู้นี้มีนามว่าอันใดหรือ ชิงเหมย ชุนหวั่น หรือว่าเสี่ยวหลิง…
ฉับพลันนั้นหานลี่พลันรู้สึกงุนงง ทั้งๆ ที่ก่อนหน้านี้จำชื่อของเจ้าสาวป้ายแดงได้อย่างชัดเจนแแต่ชั่วครู่ก็รางเลือน รู้สึกเพียงว่าชื่อนี้ล้วนคุ้นเคยแต่ก็เหมือนจะไม่ใช่
แต่นั่นไม่สำคัญเท่าหญิงสาวร่างกายแน่งน้อยตรงหน้าเป็นภรรยาของตนแล้ว และอีกไม่นานก็จะเลี้ยงอีกสองสามคนเหมือนกับพี่สะใภ้ แม้กระทั่งอาจจะมีลูกหลานมากกว่า จากนั้นก็เหมือนกับท่านพ่อท่านแม่ คอยดูลูกหลานเติบโตขึ้นอย่างช้าๆ พร้อมกับตน และเริ่มสร้างครอบครัวทีละคนๆ…
หานลี่ยืนอยู่ตรงขอบเตียง สีหน้าถึงบางอ้อ แต่ในใจกลับรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย ตนมีความคิดซี้ซั้วอย่างไรผุดขึ้นมาได้อย่างไร ไม่เหมือนกับคนในหมู่บ้านคนอื่นๆ ที่หัวเราะเยาะ น่าจะนำความคิดของตนทั้งหมดจดจ่ออยู่เรื่องที่ใฝ่ฝันมาเนิ่นนาน
หานลี่พ่นลมหายใจออกมาตามจิตสำนึก ในที่สุดก็เกิดความกล้า ขยับกาย คว้าฝาคลุมหน้าสีแดงไว้ในมือ
หญิงสาวร่างกายแน่งน้อยที่มีผ้าคลุมหน้าอยู่ร่างกายสั่นเทาเล็กน้อย บิดเอวออกโดยไม่ได้ตั้งใจ ดูเหมือนจะรู้สึกไม่ปลอดภัยเช่นกัน
หานลี่รู้สึกเพียงว่าริมฝีปากแห้งผาก แต่ความกล้าก็ผุดขึ้นมา ขยับนิ้วดึงผ้าคลุมหน้าออกอย่างลุกลี้ลุกลน
ใบหน้าที่ไม่นับว่าขาวนวล แต่ก็พอเรียกได้ว่างดงาม และเขินอายเล็กน้อยปรากฏขึ้นตรงหน้าหานลี่
หานลี่ฉีกยิ้มซื่อๆ ในใจเต็มไปด้วยความพึงพอใจ โยนผ้าคลุมหน้าทิ้งไปตามจิตสำนึก คิดจะเอ่ยพึมพำกับหญิงสาวที่อยู่ตรงหน้า ในร่างก็เย็นเยียบ คาดไม่ถึงว่าจะมีความเย็นเยียบทะลักออกมาจากจุดตันเถียน หลังจากที่หมุนวนอยู่ในหัวสองสามรอบ เสียงระเบิด “ปัง” ก็ดังขึ้น ชั่วขณะนั้นความทรงจำที่เดิมถูกผนึกเอาไว้พลันทะลักออกมา
ใบหน้าของหานลี่ยังคงรักษารอยยิ้มเอาไว้ แต่สีหน้ากลับแข็งข้างไม่เปลี่ยนแปลง
หญิงสาวที่อยู่ตรงหน้าดูเหมือนจะรู้สึกแปลกประหลาด ขยับกายยืนขึ้นจากเตียง แล้วก้มหน้าคารวะหานลี่ พลางเรียกด้วยเสียงแผ่วเบา
“สามี”
หานลี่แววตาเปล่งประกายสองสามครั้ง ดูเหมือนจะฟื้นฟูสติสัมปชัญญะกลับมาแล้ว แต่ไม่ได้ตอบอันใด รอยยิ้มบนใบหน้ากลับค่อยๆ หุบลง ใช้สายตาแปลกประหลาดพิจารณาหญิงสาวตรงหน้าสองสามรอบ หลังจากผ่านไปชั่วครู่ถึงได้เอ่ยอย่างราบเรียบ
“เปลี่ยนไปไม่เลว น่าเสียดายที่ของปลอมก็คือของปลอม คิดจะปิดบังข้า ให้ข้าอยู่ในภาพลวงตาตลอดกาล มันไม่ง่ายดายเช่นนั้น”
สิ้นเสียงหานลี่พลันสะบัดแขนเสื้อ ลำแสงสีเขียวที่เย็นเยียบพุ่งออกมาแค่วนล้อมรอบหญิงสาวตรงหน้า แล้วสับนางที่อยู่ตรงหน้าออกเป็นสองส่วน
ซากศพล้มตึงลงข้างเตียง ในเวลาเดียวกันโลหิตสดๆ ก็ทะลักออกมา กลางอากาศล้วนเต็มไปด้วยกลิ่นอายคละคลุ้ง
หานลี่กวาดสายตาไปบนศพของหญิงสาวที่อยู่บนพื้นด้วยสีหน้าไร้ความรู้สึก แล้วหัวเราะอย่างเย็นชาออกมา
“จนถึงยามนี้ก็ยังไม่ถอด คิดจะใช้วิชาลวงตาตบตา จะดูถูกผู้แซ่หานไปหน่อยกระมัง!”
สิ้นเสียงเขาก็ขยับนิ้วข้างหนึ่ง
ชั่วขณะนั้นเสียงฟ้าผ่าก็ดังขึ้น ประจุไฟฟ้าสีทองเปล่งแสงสว่างวาบแล้วดีดตัวออกมาจากปลายนิ้ว พุ่งไปหาซากศพ
เสียง “ปัง” ดังขึ้น ศพหญิงสาวบนพื้นกลายเป็นไอสีดำพวยพุ่งขึ้นไปบนท้องฟ้า
แต่หานลี่กลับร่ายอาคมเตรียมการป้องกันเอาไว้นานแล้ว!
ประจุไฟฟ้าสีทองหักเลี้ยว โจมตีไปที่ไอสีดำอย่างแม่นยำ
เสียงกรีดร้องอย่างน่าเวทนาดังขึ้น!
ชั่วพริบตาไอสีดำพลันสลายหายไปส่วนหนึ่ง และทันใดนั้นก็มีเสียงบุรุษอันโหดเหี้ยมดังขึ้น
“เจ้าเด็กน้อยหาน เจ้าอย่าลำพองใจเร็วเกินไปนัก แม้ว่าครั้งนี้ข้าจะทำไม่สำเร็จ แต่ขอแค่เจ้าอยู่ในเคราะห์จิต ข้าก็มีวิธีทำให้เจ้าลิ้มลองประสบการณ์ของคนทั่วไปในพริบตา และมีวิธีหาช่องโหว่ในจิตใจของเจ้า ถึงยามนั้นข้าก็จะแทนที่เจ้าได้อย่างง่ายดาย”
“ข้าหลอมเคล็ดวิชาหลอมจิตสำเร็จตั้งนานแล้ว แม้กระทั่งจิตสัมผัสก็ยังแข็งแกร่งกว่าผู้บำเพ็ญเพียรระดับมหายาน ระดับจิตใจก็หลอมจนถึงขั้นหลอมจิตวิญญาณแล้ว แม้ว่าเจ้าจะเป็นจิตมารของข้า จะเขย่าจิตใจของเขาได้อย่างไร” หานลี่จ้องเขม็งไปที่ไอสีดำ กลับหัวเราะร่าแล้วเอ่ยขึ้น ท่าทางไม่ใส่ใจเลยสักนิด
“งั้นหรือ? เจ้ามั่นใจเช่นนั้นจริงๆ หรือ! อย่าลืมล่ะ อีกนัยหนึ่งข้าก็คือเจ้า เจ้าก็คือข้า ความทรงจำและความรู้สึกของเจ้าข้าย่อมรู้ดี สิ่งเหล่านั้นที่อยู่ในส่วนลึกของจิตใจของเจ้า เรื่องที่ลืมเลือนได้ยากที่สุดคืออันใด สิ่งเหล่านี้ล้วนปิดบังข้าไม่ได้ แม้ว่าเจ้าในยามนี้จะใจแข็งดุจหินผา แต่ข้าไม่เชื่อว่าหลังจากกลับชาติมาเกิดพันครั้ง เจ้าจะไม่เผยช่องโหว่ออกมา ขอแค่เจ้าไม่อาจตื่นขึ้นมาได้ล่ะก็ ฮ่าๆ…” บุรุษในไอสีดำส่งเสียงหัวเราะร่าออกมา
หานลี่ได้ฟังเช่นนี้ก็หน้าเปลี่ยนสีไปเล็กน้อย แต่ไม่รอให้เขาเอ่ยอันใดอีก ไอสีดำในจุดที่ไกลออกไปก็เปล่งแสงสว่างวาบระเบิดออก พลังแปลกประหลาดกลุ่มหนึ่งม้วนวนไปทั่วฟ้าดินในพริบตา
ชั่วขณะนั้นฉากรอบด้านพลันปริแตกออกราวกับกระจก จากนั้นลำแสงสีขาวนวลก็เปล่งแสงสว่างวาบ หลังจากลางเรือนไป หานลี่ก็ปรากฏตัวอีกแดนหนึ่งอย่างเงียบเชียบ
ภายในลานบานของตระกูลผู้ยิ่งใหญ่ที่ปลูกดอกไม้ต้นหญ้าสีสันสดใสต่างๆ เต็มไปหมด บนทางเล็กๆ ที่คดเคี้ยวสายหนึ่ง จากจุดที่เขายืนอยู่ทอดไปสู่ประตูโค้งทรงกลมที่อยู่ไกลออกไป ตรงประตูโค้งมีหญิงสาวสวมชุดสีเขียวอายุประมาณสิบห้าสิบหกปีใบหน้างดงามกำลังมองเขาด้วยใบหน้าที่ประดับไปด้วยรอยยิ้มอยู่
“ศิษย์พี่ ในเมื่อเจ้าคือศิษย์พี่ของข้า ได้พบกับศิษย์น้องหญิงอย่างข้าอีกครั้งก็ควรจะมีของขวัญอันใดหน่อยใช่หรือไม่!” หญิงสาวยื่นแขนขาวนวลราวกับรากบัวออกมา แล้วเอ่ยกับหานลี่พลางสะบัดหัวไปมา
“จวนม่อ ม่อไฉ่เหลียน!” หานลี่มองทุกอย่างที่คุ้นเคย ชั่วพริบตานั้นก็แทบจะรู้จักสถานที่และชื่อของหญิงสาวที่อยู่ตรงหน้าทันที ในเวลาเดียวกันปากก็ตอบกลับไปโดยไม่รู้ตัว
“ศิษย์น้องหญิงอยากได้ของขวัญอันใด?”
“มีสมบัติเครื่องประดับไข่มุกอันใด น่าเล่นหรือน่าสนใจก็ได้ทั้งนั้น ข้าไม่ใช่คนเรื่องมาก! ความจริงแล้วหากไม่ได้ ก็ให้เงินสักเจ็ดแปดพันตำลึง ก็พอใช้ได้แล้ว ถือว่าท่านผ่าน!” หญิงสาวกะพริบดวงตาดำขลับปริบๆ เอ่ยถามด้วยท่าทางมีเหตุผล
หานลี่ได้ยินคำตอบที่คุ้นเคย มุมปากก็กระตุก คิดจะหัวเราะอย่างขมขื่น แต่ทันใดนั้นก็ไม่อาจต้านทานพลังลึกลับที่ม้วนวนออกมาจากร่างของเขาได้ ชั่วขณะนั้นสติสัมปชัญญะก็งุนงงลืมเลือนทุกอย่างไป ในหัวเหลือเพียงความทรงจำก่อนที่จะเข้าไปในจวนม่อ
ออกจากบ้านคารวะกราบกราน ‘สำนักสัตทมิฬ’ คารวะท่านอาจารย์ม่อ การจากลาลี่เฟยอวี่และเรื่องราวต่างๆ ล้วนชัดเจนเหมือนเพิ่งเกิดขึ้น ราวกับทุกอย่างเพิ่งเกิดขึ้นเมื่อวานก็ไม่ปาน
ภายใต้สถานการณ์เช่นนี้หานลี่แทบจะตอบกลับตามจิตสำนึกอย่างไม่ต้องขบคิด
“เจ็ดแปดพันตำลึง ข้าจะมีได้อย่างไร ไม่สู้ค่อยหาวิถีชดเชยให้น้องหญิงก็แล้วกัน!”
หญิงสาวกลอกตาไปมาสองสามครั้ง ใบหน้าเผยท่าทางน่าสงสารออกมา
หานลี่เห็นสถานการณ์เช่นนั้น ชั่วขณะนั้นพลันรู้สึกปวดหัว…
ภายนอกแดนแห่งนั้นกายเนื้อและทารกวิญญาณของหานลี่ยังคงนั่งสมาธินิ่งอยู่ แต่ไอมารรอบด้านกลับหมุนวนไปมาอย่างหนาแน่น เห็นได้ชัดว่าแข็งแกร่งกว่ามารก่อนหน้า เริ่มสะสมแล้วเข้าประชิดกายเนื้อของหานลี่ และลองโจมตีไม่หยุด
แม้ว่ามารเหล่านั้นจะมีเสียงอึกทึกดังขึ้นเช่นกัน ประจุไฟฟ้าสีทองที่ถูกดีดออกมาจากกายเนื้อก็ทยอยกันถูกโจมตีจนล่าถอยไป แต่มารจำนวนมากกว่าเดิมกลับปรากฏขึ้นกลางไอมารลางๆ ทุกครั้งที่ทดลองก็ใช้เวลาสั้นลงกว่าเดิมเรื่อยๆ ท่าทางละโมบไม่ยอมล้มเลิกความต้องการกายเนื้อของหานลี่