ท่ามกลางรัศมีลำแสงที่เปล่งแสงสว่างวาบ เสียงอึกทึกดังสนั่นขึ้น ยอดเขายักษ์ค้ำฟ้าสูงเกือบหมื่นจั้งพลันปรากฏตัวขึ้นกลางอากาศ
สิ่งมหึมาเช่นนี้ แค่ส่วนล่างก็กว้างเกือบร้อยลี้แล้ว เงาสีดำยักษ์ที่โถมลงมาจากด้านบนแทบจะปกคลุมทั้งใจกลางของเมืองเทวะสวรรค์เอาไว้
การเคลื่อนไหวครั้งยิ่งใหญ่นี้ ทุกคนที่อยู่รอบๆ จัตุรัสล้วนไม่อาจไม่รู้ได้ คนจำนวนไม่น้อยต่างมองไปบนท้องฟ้าด้วยความตกตะลึง แต่ผลคือทำได้เพียงมองก้นยอดเขายักษ์สีดำ ชั่วขณะนั้นใบหน้าพลันเผยสีหน้าตกตะลึงจนตาค้างออกมา
ยอดเขายักษ์เช่นนี้กลับไม่ใช่ว่าผู้บำเพ็ญเพียรที่มาเข้าร่วมงานพิธีด้านล่างไม่เคยเห็น แต่หากลอยอยู่กลางอากาศ ย่อมเป็นอีกเรื่องหนึ่ง
และยิ่งไปกว่านั้นก่อนหน้านี้กลางอากาศยังว่างเปล่า
จุดที่ไกลออกไปผู้บำเพ็ญเพียรที่กำลังรีบมาเข้าร่วมงานพิธีที่จัตุรัสก็ตกตะลึงเช่นกัน และกลับมองเห็นยอดเขายักษ์สามสีทั้งลูกได้อย่างชัดเจน
แต่สิ่งที่ผู้บำเพ็ญเพียรเหล่านั้นตกตะลึงยิ่งกว่ากลับเป็นตำหนักหอคอยต่างๆ ที่อยู่เหนือยอดเขายักษ์ บนยอดเขาถูกรัศมีสีขาวบางๆ ปกคลุมเอาไว้ มองเห็นสิ่งที่อยู่ด้านในได้รางๆ
ผู้บำเพ็ญเพียรที่กำลังประหลาดใจเหล่านั้นก็ไม่สนใจผู้พิทักษ์บนจัตุรัสด้านล่าง พลางพุ่งไปยังยอดเขายักษ์กลางอากาศ
ยามนี้ยอดเขายักษ์สามสีพลันหยุดขยายใหญ่ขึ้นหลังจากที่รัศมีลำแสงสีเงินหม่นแสงลง
หานลี่เห็นผู้บำเพ็ญเพียรที่บินมาทางยอดเขายักษ์เหล่านั้นก็ฉีกยิ้มบางๆ มือหนึ่งร่ายอาคมอย่างง่ายๆ
ผิวของยอดเขายักษ์สามสีมีอักขระยันต์จำนวนนับไม่ถ้วนเปล่งแสงสว่างวาบ เขตอาคมโปร่งใสชั้นหนึ่งปรากฏขึ้น คาดไม่ถึงว่าจะกักยอดเขายักษ์ที่อยู่ห่างออกไปสองสามลี้เอาไว้กลางอากาศ
เมื่อผู้บำเพ็ญเพียรที่บินมาเหล่านั้นมาถึงเขตนี้ชั่วขณะนั้นพลันมีเสียง “ปังๆ” ดังขึ้น ทยอยกันถูกม่านลำแสงไร้รูปร่างดีดออกไป และขวางไว้นอกเขต
เมื่อผู้บำเพ็ญเพียรเหล่านี้หยุดลำแสงหลีกหนีให้มั่นคง ก็อดที่จะมองสบตากันไม่ได้ แต่กลับไม่มีผู้ใดกล้าสำแดงฝีมืออันใดบุกเข้ามาอีก
ผู้ใดต่างก็รู้ว่ายอดเขายักษ์ลูกนี้จะต้องเกี่ยวข้องกับหานลี่ที่เพิ่งบรรลุระดับมหายานคนใหม่ หากล่วงเกินบรรพชนระดับมหายานคนใหม่ผู้นี้ จะไม่เป็นการรนหาที่ตายหรือ
และในยามนี้ยอดเขายักษ์กลับมีเสียงราบเรียบของบุรุษดังขึ้น
“มีสหายตั้งมากมายมาเข้าร่วมงานฉลองของผู้แซ่หาน ช่างเป็นเกียรติกับข้าน้อยนัก ทั่วไปแล้วผู้ที่มีคุณสมบัติเข้าร่วมงานพิธีล้วนสามารถใช้เขตอาคมส่งตัวเข้ามาที่นี่ได้ ผู้แซ่หานจะรอเหล่าสหายอยู่ที่แท่นเซียนระดับมหายานบนยอดเขา!”
เสียงนี้คือเสียงของหานลี่!
ไม่รู้ว่าเขาใช้อิทธิฤทธิ์ใด แม้ว่าเสียงจะไม่เร่งรีบ แต่ทุกคนที่มาเข้าร่วมงานพิธีกลับได้ยินอย่างชัดเจน ราวกับดังขึ้นที่ข้างหูก็ไม่ปาน
“ท่านอาวุโสหาน!”
“ใต้เท้าบรรพชนหานถ่ายทอดเสียงมาด้วยตัวเอง!”
เมื่อได้ยินการถ่ายทอดเสียงนี้ผู้บำเพ็ญเพียรที่อยู่ใกล้เคียงพลันส่งเสียงอึกทึกดังขึ้น ต่างร้องเรียกกันไปมา ทยอยกันร่อนลงไปที่จัตุรัสด้านล่าง
ในเวลาเดียวกันผู้ที่มาเข้าร่วมพิธีฉลองต่างก็เรียงแถวเป็นสิบกว่ากลุ่มเข้าไปในเขตอาคมส่งตัวสิบกว่าแห่งในจัตุรัสโดยมีทหารคอยรักษาความเป็นระเบียบเรียบร้อยอยู่ที่จัตุรัส และทยอยกันเปล่งแสงสว่างวาบสลายหายไป
ในสิ่งปลูกสร้างจำนวนมากบนยอดเขายักษ์สามสีมีตำหนักเขตอาคมส่งตัวสิบกว่าแห่งเรียงรายอยู่
ผู้บำเพ็ญเพียรที่ถูกส่งมาชุดแรกเปล่งแสงสว่างวาบปรากฏขึ้นในตำหนักเหล่านั้น และทยอยกันเดินออกมาจากเขตอาคมส่งตัว ใช้สายตาแปลกประหลาดใจมองพิจารณารอบด้าน
และในตำหนักองครักษ์บุรุษและสตรีสวมชุดคลุมสีขาวที่รออยู่ตรงนั้นตั้งนานแล้วพลันคารวะผู้บำเพ็ญเพียรเหล่านั้น แล้วมีคนหนึ่งเดินออกมาเอ่ยอย่างไม่ถ่อมตนและไม่หยิ่งผยอง
“ท่านอาวุโสโปรดตามข้ามา ชนรุ่นหลังจะนำทางทุกท่านเข้าไปในสถานที่จัดพิธีบนยอดเขา”
คนอื่นๆ เห็นองครักษ์สวมชุดคลุมสีขาวเหล่านั้นมีตั้งแต่พลังยุทธ์ระดับจิตวิญญาณสีทองและระดับก่อกำเนิด ทันใดนั้นก็ไม่ได้สนใจมาก หลังจากพยักหน้าก็เดินตามอีกฝ่ายออกมาจากตำหนัก และเดินไปตามทางเดินคดเคี้ยวนอกตำหนักตรงไปยังยอดเขา
องครักษ์ชุดคลุมสีขาวเหล่านี้ส่วนหนึ่งคือศิษย์ใต้อาณัติของชี่หลิงจื่อ และส่วนหนึ่งกลับเป็นคนของอาวุโสกู่ที่หานลี่ยืมมาใช้ชั่วคราว
แม้ว่าพวกเขาจะมีพลังยุทธ์ไม่สูงนัก แต่ก็รับหน้าที่เป็นองครักษ์ชั่วคราวและชั่วพริบตาที่ปรากฏตัวขึ้นบนยอดเขายักษ์สามสีอย่างสบายๆ ก็ถูกหานลี่สำแดงอิทธิฤทธิ์ส่งตัวมาในตำหนักเขตอาคมส่งตัว
ในเขตอาคมส่งตัวมีรัศมีลำแสงเปล่งแสงสว่างวาบไม่หยุด เงาร่างคนจำนวนมากกว่าเดิมทะลักออกมาจากในตำหนัก
รอจนจำนวนคนที่ส่งตัวมาจากตำหนักเขตอาคมส่งตัวอยู่ในจำนวนที่กำหนด ก็จะมีองครักษ์คนหนึ่งมานำทุกคนขึ้นไปบนเขา
ผู้บำเพ็ญเพียรเหล่านี้เดินขึ้นไปตามทางเดินขึ้นเขา ระหว่างทางนอกจากสิ่งปลูกสร้างที่สร้างขึ้นจากหยกแกะสลักต่างๆ ที่งดงามแล้ว ยังเห็นต้นหญ้าประหลาดต่างๆ ที่เรียงรายอยู่ข้างทาง และสถานที่สวยงามที่อยู่ไกลออกไป พลันเห็นวิหคและอสูรวิญญาณเดินเล่นไปมา หนึ่งในนั้นคาดไม่ถึงว่าจะมีอสูรประหลาดในตำนานอยู่ด้วย
ผู้บำเพ็ญเพียรส่วนนี้เห็นสถานการณ์เช่นนั้นพลันรู้สึกสนอกสนใจ บางคนทนไม่ไหวอยากจะเข้าไปดูให้ละเอียด แต่เมื่อสาวเท้าออกจากทางเดิน ชั่วขณะนั้นทัศนียภาพรอบด้านพลันเลือนราง ร่างทั้งร่างอยู่ในม่านหมอกสีขาว จุดที่หยุดพักแต่เดิมพลันว่างเปล่า ราวกับว่ากำลังลอยอยู่กลางอากาศอย่างไรอย่างนั้น
คนเหล่านั้นพลันตกตะลึงจนหน้าถอดสี บ้างก็นิ่งงันไม่กล้าขยับอยู่ที่เดิม บ้างกลับร่ายอาคมอย่างต่อเนื่องคิดจะทะลวงเขตอาคมออกไปอย่างทนไม่ไหว
แต่ไม่ว่าจะเคลื่อนไหวอันใดไอสีขาวรอบด้านก็ยังคงเหมือนเก่า อาคมทั้งหมดจมหายไปกลางอากาศราวกับโคลนที่จมลงสู่มหาสมุทร ไม่มีผลเลยสักนิด
ทุกอย่างตกอยู่ในสายตาของคนอื่นๆ ที่อยู่บนทางเดินบนภูเขา กลับเห็นเพียงผู้บำเพ็ญเพียรที่ออกจากทางเดินภูเขาร่างกายจะแข็งทื่อไม่ขยับ ราวกับรูปปั้นแกะสลักอย่างไรอย่างนั้น
“เคล็ดวิชาลวงตา”
ผู้ที่มีความรู้ด้านเขตอาคมเห็นสถานการณ์เช่นนี้ ชั่วขณะนั้นพลันหน้าเปลี่ยนสีแล้วร้องออกมา
องครักษ์ชุดขาวที่อยู่ด้านหน้าสุดเห็นเช่นนี้พลันมีสีหน้าตกตะลึง แต่ทันใดนั้นกลับยกมือข้างหนึ่งขึ้นโดยไม่ปริปาก ฝ่ามือมีแผ่นป้ายสีเงินเปล่งแสงสว่างวาบ สะบัดออกไปพ่นรัศมีลำแสงห้าสีออกมากลุ่มหนึ่ง
ทุกแห่งที่รัศมีลำแสงกวาดผ่านไป ผู้บำเพ็ญเพียรที่เดิมถูกเคล็ดวิชาลวงตากักเอาไว้ข้างใน พลันทยอยกันกลับมาที่ทางเดินภูเขา
พริบตานั้นคนเหล่านี้พลันรู้สึกว่าหมอกสีขาวรอบด้านสลายหายไป บรรยากาศรอบด้านฟื้นฟูกลับมาเป็นปกติ
ไม่รอให้สีหน้าตกตะลึงของผู้บำเพ็ญเพียรที่ไม่คิดหน้าคิดหลังหายไป องครักษ์ชุดขาวที่ลงมือกลับน้อมตัวลง แล้วเอ่ยเตือนพวกเขา
“ท่านอาวุโสทุกท่าน ภูเขาแห่งนี้คือสิ่งที่ท่านบรรพชนสำแดงพลังปราณใช้สมบัติวิเศษสร้างขึ้น นอกจากจุดที่พวกเราเดินอยู่ในตอนนี้ ที่อื่นล้วนเป็นเขตอาคม หวังว่าอาวุโสทุกท่านจะตามหลังชนรุ่นหลังมา อย่าเดินออกจากเส้นทางง่ายๆ มิเช่นนั้นหากชนรุ่นหลังลงมือช่วยเหลือช้าไป เกรงว่าคงจะไม่ใช่เรื่องดีนัก”
คนอื่นๆ ได้ยินองครักษ์ชุดขาวคำนี้พลันมองสบตากันแวบหนึ่ง ล้วนพยักหน้าแล้วเผยรอยยิ้มขมขื่นออกมา
ผู้บำเพ็ญเพียรระดับมหายานคนหนึ่งวางเขตอาคมลวงตาที่ร้ายกาจเช่นนี้ บางทีพวกเขาอาจจะไม่อาจประมาณการได้ แต่ไม่ใช่สิ่งที่พวกเขาจะทลายได้แน่นอน จุดนี้ล้วนเป็นสิ่งที่แน่นอน
ไม่ใช่แค่คนเหล่านี้ ผู้ที่มาเข้าร่วมพิธีที่ขึ้นภูเขาตามมาก็ได้รับการเตือนจากองครักษ์ที่นำทางเช่นเดียวกัน
นอกจากคนที่ประมาทแล้ว กลับมีไม่กี่คนที่จงใจสัมผัสกับเขตอาคม
และรอจนคนกลุ่มแรกมาปรากฏตัวที่ยอดเขา ม่านหมอกบางๆ บนยอดเขาก็สลายหายไป
เบื้องหน้าของทุกคนเผยจัตุรัสยักษ์ที่สร้างขึ้นจากหยกขาวออกมา ในพื้นดินมีฟูกหลากสีวางเรียงรายอยู่เต็มไปหมด จนแทบจะกินพื้นที่ทั้งจัตุรัส
ตรงใจกลางจัตุรัสมีหอคอยยักษ์แวววาวสูงยี่สิบสามสิบจั้งอยู่หลังหนึ่ง แบ่งออกเป็นเจ็ดชั้น ทุกชั้นล้วนสลักลวดลายสีเขียวมรกตไหลวนโคจรไปมาไม่หยุด
และบนยอดหอคอยดอกบัวยักษ์สีเขียวขนาดสองสามหมู่ลอยอยู่ด้านบน
ดอกบัวสีเขียวผลิกลีบออกมาครึ่งหนึ่ง กลีบดอกเป็นสีเขียวมรกต ลอยนิ่งอยู่ ตรงใจกลางกลับมีชายหนุ่มชุดสีเขียวนั่งสมาธิอยู่ พลางหลับตาทั้งสองข้าง มุมปากเผยรอยยิ้มออกมา
บุรุษย่อมเป็นหานลี่ที่รออยู่ที่นี่มานานแล้ว
ตรงข้างเท้าของเขากลับมีอสูรน้อยตัวสีเหลืองทองหมอบอยู่ ดวงตาสีเงินสองข้างกลอกไปมาพลางพิจารณาทุกคนที่อยู่ไกลออกไป กลับเป็นอสูรมิคาทนตัวนั้น
แม้ว่าหานลี่จะทำเหมือนมองไม่เห็นผู้บำเพ็ญเพียรที่เข้ามาในจัตุรัส แต่เมื่อคนเหล่านั้นเห็นสถานการณ์เช่นนี้กลับทยอยกันคารวะด้วยสีหน้าเคารพนบน้อม จากนั้นถึงได้กล้าไปที่มุมหนึ่งของจัตุรัสโดยมีองครักษ์เป็นผู้นำ แล้วนั่งลงอย่างว่าง่าย
ผู้ที่ตามมาเข้าร่วมพิธีฉลองด้านหลังทยอยกันเข้ามาในจัตุรัส หลังจากที่คารวะหานลี่ ก็ทยอยกันนั่งลงตามจุดต่างๆ ของจัตุรัส
หนึ่งในนั้นมีทั้งชายชราผมสีดอกเลา และมีหญิงสาวอายุไม่ถึงสิบเจ็ดสิบแปดปี และมีเผ่าปีศาจที่มีเขาบนศีรษะ มีขนปกคลุมเรือนร่าง
แต่หลังจากที่ทุกคนนั่งลง ทันใดนั้นก็หลับตาทำสมาธิด้วยสีหน้าเคร่งขรึม ไม่กล้าพูดคุยอันใดกับคนที่อยู่ด้านข้าง
ทั้งจัตุรัสตกอยู่ในความเงียบสงัด
แม้ว่าหานลี่จะสร้างจัตุรัสใหญ่ยักษ์บนยอดเขา แต่ก็บรรจุคนได้มากสุดแค่สามสี่หมื่นคนเท่านั้น ไม่นานฟูกทั้งจัตุรัสก็ถูกยึดครองไปแปดเก้าส่วน
นี่ไม่รวมถึงรอบด้านจัตุรัสด้านล่าง ยังมีผู้ที่มีคุณสมบัติไม่ถึงเกือบล้านคนอยู่ด้านนอกเขตอาคมส่งตัว
ทว่าเมื่อผู้บำเพ็ญเพียรธรรมดาๆ เหล่านี้เข้ามาได้พอสมควร ตัวแทนของขุมอำนาจน้อยใหญ่ที่มีสีหน้าหลากหลายก็มาปรากฎตัวในจัตุรัส
คนเหล่านี้ถูกองครักษ์ชุดสีขาวพาเข้าไปนั่งในตำแหน่งที่อยู่ค่อนข้างใกล้หานลี่
และในบรรดาทูตเหล่านี้ ผู้ที่มีรูปร่างแตกต่างกันเผ่ามนุษย์และเผ่าปีศาจ และยิ่งไปกว่านั้นกลิ่นอายที่แผ่ออกมาจากเรือนร่างยังแปลกประหลาด กลับมีทูตของชนนอกเผ่าปะปนอยู่
หลังจากผ่านไปครึ่งชั่วยาม ในที่สุดก็นั่งกันทั้งจัตุรัส และยิ่งไปกว่านั้นเงาร่างของชายชราผมสีเงินและพวกอาวุโสของเมืองเทวะสวรรค์ก็ปรากฏตัวที่ทางเข้าของจัตุรัสเช่นกัน
ยามนี้ดวงอาทิตย์เจ็ดดวงพลันแขวนอยู่กลางอากาศพร้อมกัน เป็นยามกลางวันพอดี
“ถึงเวลาอันสมควรแล้ว งานฉลองเริ่มได้!” กลางอากาศมีระลอกคลื่นปรากฏขึ้น เงาร่างของชี่หลิง
จื่อปรากฏขึ้นใต้หอคอยสูง และคารวะทุกคนที่อยู่รอบด้าน พลางเอ่ยด้วยสีหน้าเคร่งขรึม
สิ้นเสียง เสียงระฆังด้านล่างยอดเขาพลันดังขึ้นอีกครั้ง ในเวลาเดียวกันกลางอากาศพลันมีรัศมีลำแสงห้าสีเปล่งแสงสว่างวาบ เสียงสวดมนต์ภาษาสันสกฤตดังแว่วมา เงาร่างอรชรอ้อนแอ้นเริงระบำอยู่กลางรัศมีลำแสงลางๆ
กลีบดอกห้าสีจำนวนนับไม่ถ้วนโปรยปรายลงมาจากเงาร่างอรชรอ้อนแอ้น กลิ่นหอมประหลาดอบอวลไปทั่วทั้งจัตุรัส
ผู้บำเพ็ญเพียรเหล่านั้นแค่สูดกลิ่นหอมเหล่านั้นเข้าไป ชั่วขณะนั้นพลันรู้สึกผ่อนคลาย มีชีวิตชีวาขึ้น
“แก่นพฤกษา คาดไม่ถึงว่าจะเก็บรวบรวมสมุนไพรวิญญาณที่หายากแปดสิบเอ็ดชนิดมาหลอมแก่นพฤกษา!” มีคนร้องอุทานด้วยเสียงแหบแห้งออกมา แต่ทันใดนั้นก็สัมผัสได้ว่าไม่เหมาะสมจึงหุบปากทันที แต่ก็มีคนจำนวนไม่น้อยที่ใบหน้าเต็มไปด้วยความดีใจ แค่พยายามกระตุ้นเคล็ดวิชาดูดซับกลิ่นหอมกลางอากาศสุดฤทธิ์
“คารวะ!”
ยามนี้ชี่หลิงจื่อกลับเอ่ยด้วยเสียงอันดัง
ผู้บำเพ็ญเพียรเผ่ามนุษย์ที่เดิมนั่งอยู่รอบๆ ได้ยินเสียงนี้ ชั่วขณะนั้นพลันมีสีหน้าเคร่งขรึม พลางทยอยกันลุกขึ้น แล้วคารวะหานลี่
“ยินดีกับท่านอาวุโสหานที่บรรลุระดับมหายาน น้อมคารวะท่านอาวุโส!”
“ยินดีกับท่านอาวุโสหานที่บรรลุระดับมหายาน น้อมคารวะท่านอาวุโส!”
…
แม้ว่าคนจากเผ่าปีศาจและทูตจากชนนอกเผ่าจะไม่ได้เอ่ยเช่นเดียวกันออกมา แต่ก็หยัดกายลุกขึ้นคารวะอย่างนอบน้อมเช่นกัน
คำพูดแสดงความยินดีดังขึ้นอย่างต่อเนื่อง ดังก้องทั่วฟ้า และด้วยเขตอาคมที่สร้างขึ้น ก็ดังก้องสะท้อนไปมาทั่วเมืองเทวะสวรรค์