“กายเนื้อแข็งแกร่งมาก ไม่รู้ว่าเทียบกับแมลงพิษแล้วผู้ใดจะร้ายกาจกว่ากัน” เสียงเหี้ยมเปลี่ยนเป็นแปลกประหลาดใจ
ยามนี้หานลี่ถึงได้เพ่งสมาธิไปด้านล่าง เห็นเพียงบนผิวน้ำมีแมลงประหลาดที่มีผลึกสดใสทั่วเรือนกายราวกับสร้างขึ้นจากของเหลวปรากฏขึ้นตั้งแต่เมื่อไหร่ก็สุดจะรู้ได้ ความยาวสิบจั้งเศษ เรือนกายล้วนเป็นดวงตาขนาดน้อยใหญ่ไม่เท่ากัน ทำให้ผู้คนมองแล้วอดที่จะรู้สึกหนาวสะท้านไม่ได้
เสียงเหี้ยมเมื่อครู่ดังมาจากแมลงประหลาด หนวดยาวสองเส้นสัมผัสกัน ตรงกลางมีเสียงร้องดังขึ้นไม่หยุด ประจุไฟฟ้าสีเทาขาวปรากฏขึ้นเป็นสายๆ บิดเบี้ยวเปล่งแสงสว่างวาบแล้วส่งเสียงร้องไม่หยุด
นั่นคืออัสนีทมิฬที่เกือบจะโจมตีหานลี่จนได้รับบาดเจ็บเมื่อครู่!
หานลี่มองแมลงประหลาดและประจุไฟฟ้าสีเทาขาวเหนือศีรษะสองสามแวบด้วยสีหน้าเคร่งขรึม ความคิดเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็ว แล้วเงยหน้าขึ้นมองเป่าฮวาที่อยู่อีกด้าน
เห็นเพียงเป่าฮวาในยามนี้สองมือร่ายอาคมไม่หยุด ตะปูจักรพรรดิธรณีกลายเป็นเสายักษ์ค้ำฟ้ากระตุ้น ภายใต้การกระตุ้นของเขาคาดไม่ถึงว่าจะสู้กับกรงเล็บที่อยู่กลางอากาศ
แม้ว่ากรงเล็บยักษ์จะดุร้ายบ้าคลั่ง แต่เจ้าของกลับซ่อนตัวอยู่ในเมฆสีเทา ไม่เผยเรือนร่างออกมาเลยสักนิด
กรงเล็บข้างเดียวกลับต้านทานกับเสายักษ์ที่สร้างขึ้นจากสมบัติสวรรค์ทมิฬได้โดยเป็นฝ่ายเหนือกว่า
หานลี่เห็นกรงเล็บยักษ์ ในหัวก็มีใบมีดชำรุดที่เคยเห็นที่ตำหนักปรากฏออกมาอย่างไม่รู้ตัว
นอกจากความแตกต่างของขนาดแล้วอื่นๆ ก็เหมือนกัน
ดูแล้วของเหล่านี้คงเป็นผลงานชิ้นเอกของกรงเล็บยักษ์ข้างนี้
เสายักษ์สีเหลืองกวนเข้าหากัน ท้องฟ้าเดือดพล่าน พายุคลื่นปรากฏขึ้น
กรงเล็บยักษ์วาดออกไป รอยสีขาวแวววาวปรากฏขึ้นเป็นสายๆ ยามนั้นทั้งสองต่างสู้กันอย่างไม่อาจแยกแยะได้
ทว่าจากหน้าตาที่ซีดขาวของเป่าฮวา เห็นได้ชัดว่าการกระตุ้นตะปูจักรพรรดิธรณีนั้นเกินน้ำหนักที่นางจะรับได้ ยามนี้ดูเหมือนจะไม่ค่อยเป็นรองนัก แต่เห็นได้ชัดว่าไม่อาจประคับประคองได้นานนัก
“พี่เซี่ย เจ้าที่อยู่ทางนี้มอบให้เจ้าจัดการก็แล้วกัน ข้าจะไปช่วยเป่าฮวาจัดการทางนั้นแล้วค่อยว่ากัน” หานลี่หน้าเปลี่ยนสีไปสองสามรอบ ฉับพลันนั้นก็ออกคำสั่งไปทางด้านหลัง
“ในเมื่อเจ้าพูดเช่นนั้น ก็มอบให้ข้าเถิด แม้ว่าเคล็ดวิชาลับจิตสัมผัสของแมลงตัวนี้และเคล็ดวิชาอัสนีทมิฬจะร้ายกาจ แต่สำหรับข้ากลับไม่มีผลมากนัก”
กลางอากาศมีเสียงฟ้าร้องดังขึ้น คาดไม่ถึงว่านักพรตเซี่ยที่มีประจุไฟฟ้าสีเงินหมุนวนพลันปรากฏขึ้นด้านหลังหานลี่ และเอ่ยอย่างราบเรียบ
ไม่รู้ว่าเซียนเทียมตัวนั้นได้รับคำสั่งอันใดจากหานลี่ คาดไม่ถึงว่าตอนแรกที่หานลี่และพวกกำลังต่อสู้ก็หายตัวไป ยามนี้ถึงได้ส่งเสียงแล้วปรากฏตัวขึ้นกลางอากาศ
ชั่วพริบตานักพรตเซี่ยพลันปรากฏตัวขึ้น แล้วหมุนวนไปบนพื้น
เสียง “ปัง” ดังสนั่นขึ้น!
ลำแสงอัสนีสีทองพุ่งออกมาจากรอบกายของปูยักษ์ แแล้วปรากฏตัวขึ้นกลางอากาศ ขนาดพันหมู่ ชูก้ามปูยักษ์ทั้งสองขึ้น
เสียงฟ้าผ่าดังขึ้น!
ลูกบอลอัสนีบินออกมารวมตัวกันอย่างหนาแน่น ทุบลงไปที่แมลงประหลาดโปร่งใสตัวนั้นราวกับห่าฝน
เห็นได้ชัดว่าลูกบอลอัสนีเหล่านั้นไม่เหมือนกับประจุไฟฟ้าธรรมดาๆ ไม่เพียงทุกลูกจะมีขนาดที่น่าตกตะลึง สายฟ้าที่ผิวก็มีอักขระลำแสงสีเงินขาวจำนวนนับไม่ถ้วนเปล่งแสงเรืองๆ
แมลงประหลาดเห็นสถานการณ์เช่นนี้ ดูเหมือนจะระเบิดความโกรธออกมา หลังจากเสียงร้องประหลาดๆ ดังขึ้น หนวดยาวสองเส้นก็สะบัด ประจุไฟฟ้าสีเทาขาวจำนวนนับไม่ถ้วนพุ่งออกมา กลายเป็นสายฟ้าจำนวนนับไม่ถ้วนพุ่งทะลวงผ่านลูกบอลอัสนีเหล่านั้น และโจมตีเข้าด้วยกัน
ยามนี้ลำแสงอัสนีสองชนิดทยอยกันระเบิดออก อานุภาพไม่ด้อยกว่ากันเท่าใดนัก
สายฟ้าสีเทาและประจุไฟฟ้าสีเงินพลันตัดสลับกันไปมา ทำให้ท้องฟ้ามีไอร้อนฉ่าลางๆ
ร่างของนักพรตยักษ์สีเหลืองทองใหญ่โตจนน่าตกตะลึง แต่ขาล่างกลับเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็ว ร่างกายกลับเลือนรางเดินไปมารอบๆ และปล่อยลูกบอลอัสนีออกมาไม่หยุด ส่วนตัวกลับไม่แตะต้องคู่ต่อสู้เลยสักนิด
ร่างแมลงยักษ์โปร่งใสปรากฏขึ้นราวกับภูตผีเช่นกัน เปล่งแสงสว่างวาบ ประจุไฟฟ้าสีเทาขาวพุ่งออกมาไม่หยุด ทยอยกันโจมตีลูกบอลอัสนีจนแตกสลายไป
ส่วนเคล็ดวิชาลับที่เขาเชี่ยวชาญที่สุดกลับสำแดงออกมาตั้งนานแล้ว แต่สำหรับหุ่นเชิดแล้วกลับเป็นเหมือนการสีซอให้ควายฟัง ไม่มีผลเลยสักนิด
อีกด้านกระบี่ยาวสีเขียวมรกตในมือของหานลี่เปล่งประกาย หลังจากเสียงกรีดร้องดังขึ้น เทวรูป
สามเศียรหกกรก็ปรากฏตัวขึ้นอีกครั้ง ในเวลาเดียวกันกระบี่ลำแสงยักษ์ก็กลายเป็นเงาลวงตากระบี่ยักษ์ขนาดเท่าภูเขาสับไปที่กรงเล็บยักษ์
เป่าฮวาเห็นเช่นนั้นก็มีชีวิตชีวาขึ้น หลังจากส่งเสียงร้องอันไพเราะเช่นกันออกมา หน้าผากเปิดออก คนตัวเล็กสีชมพูถือดอกไม้ยักษ์สีชมพูพุ่งออกมา
คนตัวเล็กอ้าปากออกพ่นวงแหวนลำแสงสีชมพูออกมา หลังจากขยายใหญ่ขึ้นกลางอากาศก็กลายเป็นวงแหวนยักษ์แวววาวกดลงมาที่ไอสีเทากลางอากาศ
เจ้าของกรงเล็บยักษ์น่าจะซ่อนตัวอยู่ในนั้น
ภายใต้การช่วยเหลือของหานลี่ ในที่สุดสตรีก็ผู้นี้ก็ทำให้ทารกวิญญาณออกจากร่าง แล้วลงมือกับเจ้าของกรงเล็บยักษ์
…
ใต้ผิวน้ำภายในหุบเหวลึกเกือบหมื่นจั้งที่มองไปจนสุดลูกหูลูกตา ชายชราหน้าตาโบราณและฮูหยินชุดดำกำลังมองสิ่งที่อยู่ด้านล่างด้วยความตกตะลึง ใบหน้าเต็มไปด้วยสีหน้าตกตะลึง
หยกสีขาวบริสุทธิ์ราวกับหยกความยาวหมื่นจั้งนอนนิ่งอยู่บนทรายในส่วนลึกของหุบเหว คาดไม่ถึงว่าจะเป็นโครงกระดูกแมลงยักษ์ที่ใหญ่มหึมา
แม้ว่าโครงกระดูกจะไม่ขยับ แต่ผิวกลับมีรัศมีลำแสงสีเทาขาวปกคลุมอยู่ พลางแผ่กลิ่นอายอันน่ากลัวที่ไม่รู้ที่สิ้นสุดออกมา
กลิ่นอายคล้ายคลึงกับกลิ่นอายของเด็กหญิงที่พวกเขาพบก่อนหน้านี้ แต่เมื่อพิจารณาให้ละเอียดกลับไม่เหมือนกัน
“นี่คือร่างเดิมของมารดาแมลง?”
ทั้งสองตรวจสอบจุดสูงของหุบเหวอย่างระมัดระวังชั่วครู่ ฮูหยินชุดดำถึงได้เอ่ยพึมพำอย่างลังเลเล็กๆ
“น่าจะไม่ผิด! นอกจากมารดาแมลงตัวนั้นแล้ว ตาเฒ่าก็คิดไม่ออกว่าจะมีโครงกระดูกอันใดที่จะแผ่กลิ่นอายที่น่ากลัวขนาดนี้ได้ เปลือกที่พวกเราเคยพบก่อนหน้า ก็ไม่อาจเทียบเทียมได้” ชายชราหน้าตาโบราณสูดลมหายใจเข้าลึกๆ เฮือกหนึ่ง แล้วเอ่ยอย่างแช่มช้า
“ร่างเดิมของมารดาแมลงละสังหารแล้ว ดูจากร่องรอยของโครงกระดูกที่เหลืออยู่ ดูเหมือนจะเกิดขึ้นมานานแล้ว! ช่างน่าขันยิ่ง เจ้าตัวที่ปรากฏเมื่อครู่คืออันใดกัน หรือว่ามันฝึกฝนจนถึงระดับเทพเซียนแล้ว ทำให้จิตวิญญาณดั้งเดิมไม่จำเป็นต้องใช้ร่างกายก็เคลื่อนไหวได้ เป็นร่างอมตะ” ฮูหยินชุดดำหัวเราะแห้งๆ ขณะเอ่ย
“เรื่องนั้นตาเฒ่าก็ไม่รู้ แต่ไม่ว่าอย่างไร ก็เป็นเรื่องดีสำหรับพวกเรา พวกเราไม่จำเป็นต้องลงมือก็ทำภารกิจสำเร็จ ส่วนเหตุใดจิตวิญญาณดั้งเดิมของมันยังเคลื่อนไหวได้ กว่าครึ่งน่าจะเกี่ยวข้องกับโครงกระดูกนั่น” ชายชราหน้าตาโบราณหัวเราะอย่างขมขื่นขณะตอบกลับ
“อ๋อ เช่นนั้นก็เป็นไปได้ ว่ากันว่าเคล็ดลับวิชาโบราณเหล่านั้นสามารถทำให้จิตวิญญาณดั้งเดิมหดเล็กลงอยู่ภายในร่าง หากมารดาแมลงจัดการได้เช่นกันก่อนที่จะละสังขาร จิตวิญญาณของมันก็มีโอกาสจะอยู่ได้อีกระยะหนึ่ง ในเมื่อเป็นเช่นนั้นก็ให้ข้าทำลายมันเถิด” ฮูหยินชุดดำเข้าใจทันที แต่ใบหน้าก็เผยสีหน้าโหดเหี้ยมออกมา แล้วเอ่ยอย่างโหดเหี้ยม
สิ้นเสียงฮูหยินก็ใช้มือหนึ่งตะปบไปกลางอากาศ ชั่วขณะนั้นลำแสงสีดำพลันเปล่งแสงสว่างวาบ ทวนสั้นสีดำสนิทราวกับน้ำหมึกปรากฏออกมา
“ช้าก่อน!”
ชายชราพลันนึกอันใดออก พลางหน้าเปลี่ยนสีแล้วรีบร้องห้าม แต่ก็สายไปเสียแล้ว
ทวนสั้นสีดำส่งเสียงอึกทึกกลายเป็นสายฟ้าสีดำสายหนึ่งสับลงมาที่โครงกระดูกยักษ์
เสียง “ปัง” ดังขึ้น สายฟ้าสีดำโจมตีไปที่หัวโครงกระดูก ชั่วพริบตาก็กลายเป็นสายฟ้าจำนวนนับไม่ถ้วนดีดตัวแล้วระเบิดออก ท่าทางน่าตกตะลึงยิ่ง!
แต่เมื่อสายฟ้าสีดำทั้งหมดเปล่งแสงสว่างวาบแล้วหายวับไป หัวโครงกระดูกกลับไร้การบาดเจ็บ แม้แต่ร่องรอยสักนิดก็ไม่มี
“เป็นไปไม่ได้! แม้ว่าทวนสวรรค์ของข้าจะไม่ใช่สมบัติสวรรค์ทมิฬ สมบัติระดับสุดยอดทั่วๆ ไปก็ไม่อาจรับการโจมตีได้ราวกับกระดาษที่ถูกฉีกขาด” ฮูหยินชุดดำเห็นเช่นนี้ก็ร้องอุทานพร้อมกับหน้าถอดสี
ในยามนั้นเองรัศมีลำแสงที่ห่อหุ้มโครงกระดูกพลันเปล่งแสงเจิดจ้าออกมา ในเวลาเดียวกันอักขระยันต์สีทองเงินจำนวนนับไม่ถ้วนก็ทะลักออกมาจากกระดูก วนล้อมรอบโครงกระดูกไปมา”
“ไม่ถูก โครงกระดูกนี้ผิดปกติ!” ชายชราหน้าตาโบราณหน้าเปลี่ยนสี ปากพลันร้องตะโกนออกมา ชั่วขณะนั้นพลันโยนแผ่นป้ายหมื่นอสูรที่เดิมกุมเอาไว้แน่นไปตรงหน้า กลายเป็นประตูหยกเปล่งแสงเจิดจ้าตั้งตระหง่านอยู่กลางอากาศ
ชายชราใช้มือหนึ่งร่ายอาคมอย่างรวดเร็ว ชั่วขณะนั้นเสียงหมื่นอสูรพลันร้องคำรามพร้อมกัน ประตูเปิดออก เงาลวงตาอสูรประหลาดจำนวนนับไม่ถ้วนทะลักออกมาเต็มไปหมด
ฮูหยินชุดดำที่อยู่อีกด้านพลันใจหายวาบ ยกมือสองข้างขึ้น แผ่นหลังมีเงาลวงตาอสรพิษประหลาดเก้าหัวปรากฏขึ้น เรือนกายสีดำสนิท หัวเป็นสีม่วงดำ หลังจากอ้าปากอีกครั้ง เปลวเพลิงมารสีม่วงก็ม้วนวนออกมาพุ่งไปทางโครงกระดูก
ทุกแห่งที่เปลวเพลิงมารสีม่วงกวาดผ่านไป ล้วนเป็นกลิ่นคาวคละคลุ้ง บรรยากาศรอบๆ เปลี่ยนเป็นสีดำ คาดไม่ถึงว่าจะดูเหมือนเปลวเพลิงมารสกปรกโสมมก็ไม่ปาน
สมบัติของฮูหยินชุดดำไม่อาจทำลายโครงกระดูกได้ จึงเปลี่ยนเป็นเคล็ดวิชา สำแดงอิทธิฤทธิ์พลังแรงกดอย่าง ‘เปลวเพลิงโสมมน้ำพุเหลือง’ ออกมา
เปลวเพลิงนี้สร้างขึ้นไอสกปรกโสมมที่ร้ายแรงที่สุดจากแดนต่างๆ แปดสิบเอ็ดชนิด คนทั่วไปไม่ต้องพูดถึงแค่แปดเปื้อน แค่ได้กลิ่นในระยะร้อยลี้ก็ต้องเพลี้ยงพล้ำจบชีวิตทันที
ส่วนจิตวิญญาณที่ถูกเปลวเพลิงโสมมะม้วนวนเข้าไป ว่ากันว่าไม่เพียงกายเนื้อจะถูกแปดเปื้อนจนจิตวิญญาณดั้งเดิมสลายหายไป แล้วยังไม่มีคุณสมบัติจะกลับมาเกิดใหม่อีก ไม่อาจเข้าสู่ประตูแม่น้ำเหลืองได้
ฮูหยินชุดดำเห็นว่าเปลวเพลิงนี้เป็นเปลวเพลิงที่พึ่งพาได้มากที่สุด แต่น่าเสียดายที่เปลวเพลิงโสมมน้ำพุเหลืองเป็นสิ่งที่ใช้แล้วหมดไป ใช้ครั้งหนึ่งก็ลดไปครั้งหนึ่ง นอกเสียจากจะเกี่ยวพันถึงชีวิต มิเช่นนั้นก็ไม่มีทางคิดจะใช้แน่
นั่นเป็นเพราะโครงกระดูกแปลกประหลาดเกินไป และยิ่งไปกว่านั้นก่อนหน้านี้หญิงสาวผู้นี้ก็ได้เห็นความร้ายกาจของมารดาแมลงจากเด็กหญิงแล้ว
มองเห็นเปลวเพลิงสีม่วงและเงาอสูรจำนวนนับไม่ถ้วน หลังจากที่กลืนกินโครงกระดูกด้านล่างไป โครงกระดูกที่เดิมนิ่งงันก็เปล่งแสงสีขาวออกมา เสียงหัวเราะดังขึ้น ในเวลาเดียวกันแขนทั้งสองก็ขยับชั่วขณะนั้นพายุไร้รูปร่างก็ทะลักออกมา
ไม่ว่าเปลวเพลิงมารหรือว่าเงาอสูร เมื่อเข้าใกล้โครงกระดูกในระยะสองสามจั้ง ก็ไม่อาจก้าวไปข้างหน้าได้อีกแม้แต่น้อย ราวกับพบกับกำแพงโปร่งใสที่แข็งแกร่งกำแพงหนึ่ง
เมื่อเงาอสูรทยอยกันระเบิดออก เปลวเพลิงโสมมก็ขยายใหญ่ขึ้นแล้วม้วนวน แต่กลับไม่อาจเข้าใกล้โครงกระดูกได้
กลับเป็นโครงกระดูกที่มีเสียงหัวเราะทุ้มต่ำดังมาไม่หยุด โครงกระดูกทั้งโครงกางแขนทั้งสองข้างออก คาดไม่ถึงว่าจะยืนขึ้น