Chapter 15 : เจ้าของร้าน เอาข้าวผัดหยางโจวมาซักจาน !
แม็กซ์ส่ายหน้าพร้อมกับยิ้มออกมา “ไม่ผิดหรอก แต่มันเป็นเพราะว่าเราเพิ่งจะเปิดร้าน เราเลยไม่มีรายการอาหารซักเท่าไหร่ แต่มันจะมีมาเพิ่มทีหลัง”
โมไบส่ายหน้า “ฉันไม่ได้หมายถึงจำนวนอาหารแต่เป็นราคาต่างหาก ข้าวผัดหยางโจวนี่ราคา 600 เหรียญทองแดงต่อจานเลยเหรอ ? นายใช้เนื้อมังกรมาทำรึไง ?” เขาพูดพร้อมกับชี้ไปที่เมนู
เขาคิดว่าการตกแต่งที่นี่มันดีมากและเจ้าของร้านก็ไม่ได้แย่ แต่เขาไม่คิดว่าราคามันจะปล้นกันขนาดนี้ ตัวหนังสือเล็กๆแบบนี้ถ้าเขาไม่มองให้มันดีๆและสั่งไป เขาคงเสียเงินไป 600 เหรียญทองแดงแบบเปล่าประโยชน์
ในโรงเตี๊ยมไฟเออร์ 600 เหรียญทองแดงจะได้เนื้อย่างจานโตและไวน์ 2 เหยือก รวมถึงเติมถุงเหล้าของเขาให้ด้วย ความรู้สึกดีที่มีต่อแม็กซ์เมื่อสักครู่ได้หายไปในทันที มนุษย์นี่เก่งเรื่องการเสแสร้งจริงๆ แถมยังโลภมากอีกด้วย
“ขอโทษด้วย เราไม่ได้ใช้เนื้อมังกร แต่ราคาน่ะไม่ผิดหรอก ฉันคิดว่ามันก็สมกับราคาแล้ว นายตัดสินใจเองได้เลย” แม็กซ์ตอบกลับ เขาไม่ได้มีท่าทีถ่อมตัวหรือหยิ่งทะนง แต่เขาก็อธิบายมากไม่ได้
แม็กซ์คิดเอาไว้อยู่แล้วว่าลูกค้าจะต้องถามเรื่องราคาอย่างแน่นอน แต่เขามั่นใจในข้าวผัดของเขา มันไม่สมกับราคา 600 เหรียญทองแดงเหรอ ? ถ้าไม่ใช่เพราะภารกิจ 1,000 จาน เขาคงตั้งราคาเอาไว้ที่ 6,000 เหรียญทองแดงแล้ว ข้าวผัดหยางโจวที่ทำมาจากข้าวแสนล้ำค่าที่ถูกรดด้วยน้ำพุแห่งชีวิตรวมถึงวัตถุดิบหายากอื่นๆ รวมถึงทักษะการทำอาหารที่คนในโลกนี้ไม่สามารถทำได้
โมไบมองไปที่แม็กซ์และกดความโกรธของตัวเองลง มนุษย์นี่ปลิ้นปล้อนจริงๆ พวกเขายังคงใจเย็นอยู่ได้ทั้งๆที่โกหกแบบนี้ การตกแต่งของร้านน่ะดีจริงๆ แต่เขาจะให้ความสำคัญเกี่ยวกับรสชาติเมื่อเป็นเรื่องของของกิน หน้าตาของร้านอาหารไม่ได้สำคัญอะไร
เขาไม่รู้ว่าข้าวผัดหยางโจวคืออะไรจากตัวหนังสือพวกนี้ อะไรคือหยางโจว ? ข้าวจะเอามาผัดได้ด้วยเหรอ ? เขาเคยไปชิมอาหารในเมืองเคออสมาทุกร้านแล้วตลอดหลายสิบปีที่ผ่านมา แต่เขาก็ไม่เคยได้ยินเมนูนี้มาก่อน
โมไบมองไปที่แม็กซ์สักพัก แต่แม็กซ์ก็ยังคงใจเย็นอยู่ตลอดเวลาและไม่ได้แสดงท่าทีรู้สึกผิดหรือหมดความอดทนออกมาราวกับว่ากำลังรอให้เขาตัดสินใจอยู่
เขาเปิดโรงตีเหล็กมาหลายสิบปีและเห็นคนมามากมาย แต่มีไม่กี่คนที่มีสภาวะจิตใจที่เหมือนกันกับแม็กซ์ และคนพวกนั้นก็ไม่ใช่คนธรรมดา เขาอดไม่ได้ที่จะสงสัย บางที ข้าวผัดหยางโจวนี่อาจจะมีรสชาติที่พิเศษและเหมาะสมกับเงิน 600 เหรียญทองแดงงั้นเหรอ ? เขาลังเลอยู่ซักพักก่อนจะถามขึ้น “คุณบอกว่าราคามันไม่ผิด แต่คุณจะรับรองได้มั้ยว่ารสชาติมันจะดี ?”
แม็กซ์ส่ายหน้า “รสชาติจะดีมั้ยนั้นมันก็ขึ้นอยู่กับตัวคน ดังนั้นขอโทษด้วยที่ฉันรับรองให้ไม่ได้” แม้แต่อาหารที่ดีที่สุดที่คนส่วนมากชอบก็ยังมีคนที่ไม่ชอบอยู่ แม็กซ์แอบถอนหายใจและมองไปที่โมไบที่หงุดหงิด ดูเหมือนว่าลูกค้าคนแรกจะไม่อยู่ต่อ…น่าจะเป็นแบบนั้นนะ
“อะไรนะ !?” โมไบหงุดหงิดยิ่งกว่าเดิม ร้านอื่นน่ะมีแต่โม้เรื่องอาหารของตัวเอง แต่ดูเขาสิ เขาบอกว่ารับรองรสชาติให้ไม่ได้ด้วยซ้ำ ! ดูเหมือนว่าเขาจะเป็นแค่คนโกหก ถ้าฉันบอกทีหลังว่ารสชาติมันแย่ บางทีเขาอาจจะเถียงฉันว่ามันเป็นเพราะตัวฉันเองที่เป็นปัญหา มนุษย์นี่เจ้าเล่ห์จริงๆ ฉันคิดว่าฉันคงต้องขอผ่าน
ในตอนนั้น เอมี่ที่มองดูทั้งสองเถียงกันได้เงยหน้าขึ้นมามองแม็กซ์แล้วพูดขึ้น “พ่อ เอมี่หิวแล้ว” จากนั้นเธอก็มองไปที่ โมไบด้วยสีหน้าไม่พอใจ ปู่คนแคระนี่ใช้เวลานานจริงๆ ข้าวผัดสายรุ้งอร่อยจะตายแต่เขาก็ตัดสินใจไม่ได้ซักที ถ้าใช้เวลานี้ไปทำอาหารพ่อก็คงจะทำเสร็จไปสักจานแล้วแน่ๆ
โมไบกำลังจะลุกขึ้นยืนแล้วออกไปตอนที่เอมี่มองมาที่เขา เขาอายกับสีหน้าไม่พอใจที่เธอแสดงออกมา สีหน้าของสาวน้อยกำลังบอกว่าเขากำลังทำให้เธอได้กินข้าวช้า
“ได้ พ่อจะไปทำข้าวผัดหยางโจวให้ลูก” แม็กซ์ยิ้มและลูบหัวสาวน้อย จากนั้นเขาก็มองไปที่โมไบ “ตามสบายเลยนะ บอกฉันแล้วกันถ้านายตัดสินใจได้” หลังจากที่พูดจบ แม็กซ์ก็เดินกลับเข้าไปในครัวเพื่อเริ่มทำอาหาร
เอมี่เดินกลับไปนั่งที่เคาเตอร์อีกรอบ เธอเอามือเท้าคางพร้อมกับกระพริบตาและพูดขึ้นด้วยความใสซื่อ “ข้าวผัดสายรุ้งน่ะดีจริงๆนะ เอมี่ชอบมันที่สุดเลย ปู่ไม่อยากกินซักหน่อยเหรอ ?”
เธอ…น่ารักสุดๆ ! โมไบรู้สึกราวกับว่าหัวใจที่แข็งแกร่งกว่าเหล็กกล้าเป็นพันเท่าของเขาได้ละลายไปในทันที เขาแทบจะตะโกนออกมาว่า “แน่นอน ! เอามาให้ฉันซักจาน !”
แต่เขาก็คิดถึงความสงสัยและความหงุดหงิดที่เขามีเมื่อสักครู่นี้ ถ้าเขาตัดสินใจกินมันเพราะคำพูดของเธอ เขาคงจะเสียหน้า ดังนั้นเขาจึงต้องยับยั้งการตัดสินใจครั้งนี้เอาไว้ด้วยความยากลำบาก เขากอดอกและตอบด้วยน้ำเสียงเฉยเมย “ฉันจะลองคิดดูแล้วตัดสินใจอีกทีทีหลัง”
“ดีเลย ปู่จะชอบรสชาติของมันแน่” เอมี่ยักไหล่ราวกับว่าเธอเข้าใจทุกอย่างได้ จากนั้นเธอก็หันกลับไปมองที่ครัวด้วยสีหน้าคาดหวัง
“ฉันไม่ชอบข้าวผัดอะไรนี่หรอก” โมไบพึมพำ เขารู้สึกว่าเขากำลังโดนดูถูก เขาโดนเด็กสาวคนเดิมดูถูกถึงสองครั้งภายในวันเดียว แต่เมื่อเขามองไปที่ใบหน้าที่น่ารักของเธอแล้วเขาก็ไม่อาจจะทำอะไรได้นอกจากต้องยกโทษให้เธอ
ฉันจะรอดูว่าข้าวผัดหยางโจวนี่จะดีจริงๆรึเปล่า หรือว่าเด็กน้อยนี่จะโดนมนุษย์นั่นปั่นหัวเหมือนกัน โมไบคิด เขาไม่ได้รีบออกจากร้านในทันทีแต่นั่งรออยู่อย่างอดทน
ด้วยการฝึกในพื้นที่ทดสอบมาเป็นหมื่นๆครั้งและสองครั้งในชีวิตจริง แม็กซ์ก็ใช้เวลาแค่ 10 นาทีในการทำข้าวผัดจนเสร็จ
เมื่อเดินออกมาพร้อมกับจาน แม็กซ์ก็มองไปที่โมไบที่นั่งอยู่ที่เดิมด้วยความแปลกใจ เขาคิดว่าลูกค้าคนนี้คงกลับไปแล้ว
เอมี่กระโดดลงจากเก้าอี้และมองไปที่จานในมือของแม็กซ์พร้อมกับปรบมืออย่างดีใจ “กลิ่นหอมจริงๆ พ่อสุดยอดไปเลย !”
ไอ้นี่เหรอที่เรียกว่าข้าวผัดหยางโจว ? มันดูไม่ได้พิเศษอะไรเลยแต่มันก็ดูดี ฉันไม่เห็นเนื้อด้านในเลย มันคงไม่ได้น่าพอใจซักเท่าไหร่ ก่อนหน้านี้โมไบคาดหวังเอาไว้แต่เขาก็ต้องรู้สึกผิดหวังเมื่อเขาเห็นข้าวผัดในมือของแม็กซ์
แม็กซ์วางข้าวผัดไว้ที่โต๊ะตรงข้ามโมไบ ก่อนจะยิ้มแล้วพูดกับเอมี่ “ล้างมือก่อนแล้วค่อยกินนะ”
“ได้เลย” เอมี่วิ่งกระโดดไปที่ครัวในทันที เธอเหยียบม้านั่งเล็กๆเพื่อจะขึ้นไปล้างมือ จากนั้นเธอก็วิ่งกลับมาที่โต๊ะอีกครั้ง เธอปีนขึ้นเก้าอี้แล้วพยายามเขยิบเข้าไปใกล้ๆจานก่อนจะสูดหายใจเข้าลึกๆ ดวงตาของเธอนั้นดูเป็นประกายยิ่งกว่าเดิม
ในตอนนี้กลิ่นหอมของข้าวผัดได้ลอยไปถึงฝั่งของโมไบ เขาอดไม่ได้ที่จะลองดมดู จากนั้นเขาก็เบิกตากว้างทันที เขามองไปที่ข้าวผัดที่อยู่ตรงหน้าเอมี่อย่างไม่เชื่อจมูกของตัวเอง กลิ่นหอมนี่ มันน่าเย้ายวนขนาดนี้ได้ยังไง ?
“เอมี่จะกินแล้วนะ” เอมี่พูดขึ้นพร้อมกับยกช้อนในมือ จากนั้นเธอก็ตักข้าวเข้าปากแล้วเคี้ยวมัน ใบหน้าของเธอเต็มไปด้วยความสุขกับการได้กินอาหารดีๆ เธอกินไม่หยุดพร้อมกับร่างกายที่สั่นไปมาตลอด
“อึก…” โมไบได้ยินเสียงกลืนน้ำลายของตัวเอง เขามองไปที่แม็กซ์ที่ยืนอยู่ใกล้ๆแล้วพูดขึ้นอย่างช้าๆ “เจ้าของร้าน เอาข้าวผัดหยางโจวมาให้ฉันซักจานสิ !”