Chapter 96 : โรงเรียนเคออส
โรงเรียนเคออสเป็นสถาบันการศึกษาที่อยู่ภายใต้การดูแลของวิหารสีเทา ประกอบด้วยสองส่วน – ประถมและมัธยม เด็กๆทั้งสองส่วนบางตามอายุและความสามารถ
นักเรียนที่มีอายุระหว่าง 5 ถึง 12 ปีจะได้รับการศึกษาในระดับประถมศึกษา พวกเขาจะศึกษาความรู้เบื้องต้น ภาษากลาง คณิตศาสตร์ ฯลฯ
ในขณะเดียวกันความสามารถพิเศษและพรสวรรค์ของพวกเขาก็จะได้รับการพัฒนาที่นี่ เช่น ทักษะเกี่ยวกับเวทมนต์ ทักษะการสำรวจ ทักษะการคำนวณ… ก่อนที่จะเข้าสู่ระดับมัธยมพวกเขาจะถูกทดสอบก่อนและคนที่ผ่านการทดสอบก็จะได้รับสิทธิ์ในการเรียนต่อที่ระดับมัธยม
ถ้าพวกเขาสอบไม่ผ่านก่อนอายุ 12 พวกเขาจะถูกบังคับให้ออกจากโรงเรียนเคออส ในความเป็นจริง นักเรียนห้าคนจากหกคนจะถูกไล่ออกจากโรงเรียน
หลังจากที่พวกเขาจบการศึกษาจากระดับมัธยมพวกเขาส่วนใหญ่จะเข้าร่วมกับวิหารสีเทา ความสามารถและความภักดีของพวกเขาจะกลายเป็นคนรุ่นใหม่ที่ช่วยรักษาการปกครองของวิหารสีเทาเอาไว้
แม็กซ์ไม่ได้เกลียดระบบการศึกษานี้เพราะว่าทุกคนที่จบมามีสิทธิ์ที่จะเลือกว่าพวกเขาจะเข้าร่วมกับวิหารสีเทาหรือไม่
แน่นอนว่าก่อนที่จะได้เข้าร่วมพวกเขาก็จะต้องผ่านการทดสอบเพิ่มเติมซะก่อน มันทำให้เขานึกถึงระบบราชการในชีวิตก่อนของเขา
สิ่งที่ดีที่สุดของโรงเรียนเคออสนั่นก็คือมันเป็นที่แรกที่นำความรู้มาสู่เมือง
การปฏิสัมพันธ์ระหว่างเผ่าพันธุ์ทำให้เกิดการผสมผสานกันของภาษามนุษย์และภาษาเอลฟ์ มันได้กลายเป็นภาษากลางและใช้กันอย่างแพร่หลาย
แต่มันก็ไม่ใช่เรื่องง่ายสำหรับเผ่าพันธุ์อื่นที่จะเชี่ยวชาญภาษานี้ ดังนั้นแม้แต่ฮากะที่เป็นลูกชายของหัวหน้าเผ่าก็แทบจะไม่สามารถใช้ภาษากลางในการสื่อสารได้
ระดับประถมของโรงเรียนเคออสรับนักเรียนเข้ามามากกว่า 1,000 คนในแต่ละปีและค่าเล่าเรียนประจำปีมีแค่ 5 เหรียญทองเท่านั้นซึ่งน้อยกว่าค่าเล่าเรียนของโรงเรียนอื่นๆที่เก็บอย่างน้อยปีละ 50 เหรียญทองมาก
นอกจากนี้นักเรียนจากเผ่าพันธุ์ต่างๆก็ได้เรียนร่วมกันในโรงเรียนเคออส มันเป็นเรื่องปกติมากที่เด็กมนุษย์จะนั่งถัดจากปีศาจ เอลฟ์ คนแคระหรือไม่ก็โทรลซึ่งเป็นเหตุการณ์ที่ไม่เหมือนใครและสามารถพบได้เฉพาะที่เมืองเคออสแห่งนี้เท่านั้น
หลังจากที่ผ่านมาหลายร้อยปีเมืองเคออสก็ทำให้เกิดสันติภาพและความสามัคคีได้สำเร็จ ทั้งหมดนี้จะเป็นไปไม่ได้เลยถ้าไม่มีวิหารสีเทาและโรงเรียนเคออส เมื่อคนสองคนจากต่างเผ่าพันธุ์พบกันบนถนนพวกเขาอาจจะจำกันได้ว่าเป็นเพื่อนร่วมชั้นหรือเพื่อนร่วมโรงเรียน ดังนั้นความเกลียดชังจึงค่อยๆจางหายไป
และที่นี่ก็มีผู้ได้รับการศึกษาระดับสูงเป็นจำนวนมาก พวกเขาให้ความช่วยเหลือมากมายเพื่อสร้างสันติภาพนี้
แม็กซ์และเอมี่ยืนอยู่ที่หน้าประตูขนาดใหญ่ของโรงเรียนเคออส ตอนนี้โรงเรียนยังไม่เลิก ชายชราและออร์คตัวใหญ่ที่ยืนอยู่ที่ประตูปฏิเสธคำขอของพวกเขาที่จะเข้าไป พวกเขาต้องรอจนถึงเวลาเลิกเรียนและหลังจากนั้นพวกเขาถึงจะสามารถเข้าไปหาลูน่าได้
แม็กซ์มองดูนาฬิกาขนาดใหญ่ที่ด้านนอกประตู “ดูเหมือนว่าเราจะมาเร็วเกินไป” เขาพูด มันเป็นเวลา 10:30 น. คาบที่สามยังไม่หมด เราต้องรอจนถึงประมาณ 11:30 น.
เอมี่มองไปที่ออร์คที่ดูน่ากลัวและดึงเสื้อผ้าของแม็กซ์ “พ่อ เราแอบเข้าไปได้” เธอพูดเบาๆ
แม็กซ์รู้สึกแปลกใจ “แอบเข้าไป ?”
เอมี่พยักหน้า “ใช่ มีทางลับ หนูใช้มันบ่อยๆ”
10 นาทีต่อมา แม็กซ์หันไปมองหลุมที่ปกคลุมไปด้วยกิ่งไม้หนาและลูบหัวเอมี่ยิ้มด้วยรอยยิ้ม เธอเป็นเด็กฉลาด
“หนูรู้ว่าคุณครูลูน่าอยู่ในห้องเรียน ทางนี้ค่ะพ่อ” เธอจับนิ้วของแม็กซ์แล้วเดินไปทางซ้ายอย่างรวดเร็ว
แม็กซ์พบว่าเอมี่ต้องการเจอมิสฟิลด์จริงๆดังนั้นเขาจึงเดินตามเธอไปโดยที่ไม่ได้ถามอะไร เธอเคยยืนดูจากด้านนอกห้องเรียนมาก่อนดังนั้นฉันจึงคิดว่ามันคงไม่ได้สำคัญอะไร
อาคารเรียนสองชั้นถูกสร้างขึ้นมาด้วยหินและไม้และผนังทำมาจากหินบล็อกสีดำ หลังคาและชั้นสองทำมาจากไม้ มีหน้าต่างที่ผนังทั้งสองด้านเพื่อที่ห้องเรียนจะได้รับแสงแดดได้มากที่สุด
เสียงอ่านของนักเรียนดังออกมาจากทุกอาคาร อาคารเรียนทั้งหมดถูกทาสีฟ้าและหญ้าสีเขียวก็ดูมีชีวิตชีวาและสดใหม่ ผนังบางห้องมีภาพวาดของเด็กๆอยู่ – มันเป็นภาพของวัฒนธรรมต่างๆที่แตกต่างกัน เป็นภาพวาดที่ดูเข้ากันดีมาก !
คนที่ก่อตั้งวิหารสีเทานั้นต้องเป็นคนช่างฝัน แม็กซ์เหมือนจะมองเห็นอนาคตที่ดีจากภาพวาดพวกนี้
เริ่มต้นจากเมืองเคออสและเผยแพร่แนวคิดการอยู่ร่วมกัน เมื่อทั้งทวีปถูกรวมเข้าด้วยกันอย่างแท้จริง สงครามระหว่างเผ่าพันธุ์ก็จะไม่เกิดขึ้นอีก
แนวคิดนี้สอดคล้องกันกับฉัน ถ้าทั้งทวีปถูกรวมเข้าด้วยกันจำนวนของลูกผสมก็จะเพิ่มขึ้นอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ และเมื่อพวกเขากลายเป็นส่วนใหญ่ของทั้งทวีปการเลือกปฏิบัติต่อพวกเขาก็จะหายไปเองตามธรรมชาติ ความคิดนี้ทำให้แม็กซ์ยิ้มออกมา บางทีฉันอาจจะได้เห็นความรุ่งเรืองของยุคใหม่และมันคงจะดีถ้าฉันสามารถช่วยสนับสนุนมันได้สักเล็กน้อย
“พ่อ ทำไมพ่อถึงหัวเราะเหรอ ?” เอมี่ถามด้วยความสับสนเล็กน้อย เธอคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วพูดว่า “หนูรู้แล้ว พ่อมีความสุขที่ได้จะได้เจอกับคุณครูลูน่าเหมือนกันใช่มั้ย”
“ก็น่าจะใช่นะ” เสียงอ่านหนังสือของเด็กๆทำให้แม็กซ์อารมณ์ดี
บรรยากาศของที่นี่ดีจริงๆ ปีหน้าฉันจะพาเอมี่มาเรียนที่นี่ เธอจะได้ใช้เวลาที่มีที่นี่ดีกว่าที่จะอยู่บ้านกับฉัน เธอเชี่ยวชาญเวทย์ลูกไฟของเธอแล้วดังนั้นฉันจึงไม่คิดว่าจะมีใครกล้าแกล้งเธอ
เอมี่พยักหน้า “หนูด้วย หนูตื่นเต้นมากๆ” จากนั้นเธอก็เอานิ้วมาแตะที่ริมฝีปากของเธอและชี้ไปที่อาคารใกล้ๆ “คุณครูลูน่าสอนอยู่ในห้องนี้ เข้าไปใกล้ๆกันเถอะ”
แม็กซ์พยักหน้าแล้วไม่ได้พูดอะไร เขาก้าวเบาๆและเดินตามเอมี่อย่างช้าๆไปที่หน้าต่าง
ด้านล่างขอบหน้าต่างมีหินสีดำอยู่สองก้อน เอมี่ลังเลอยู่ครู่หนึ่งแล้วเหยียบพวกมันขึ้นไป ตอนนี้เธอสูงเท่ากับขอบหน้าต่างแล้ว
แม็กซ์มองไปที่หินทั้งสองก้อนด้วยความแปลกใจ ดูเหมือนว่าจะมีคนเอาพวกมันมาวางไว้ที่นี่เพื่อเอมี่ พวกมันพอดีสำหรับเธอและหน้าต่างชั้นล่างบานอื่นๆก็ไม่ได้มีแบบนี้
เสียงของลูน่าดังออกมาจากห้องเรียน มันเป็นเสียงที่ไพเราะและเบาสบายและสามารถดึงดูดความสนใจของเด็กๆได้อย่างง่ายดาย
เธอกำลังสอนการคูณเลขหนึ่งหลัก พวกเขาไม่มีตารางสูตรคูณหรือระบบทศนิยมดังนั้นมันจึงไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะทำการคูณ แม้แต่แม็กซ์ก็ไม่เข้าใจวิธีการคิดเจ็ดคูณเก้าของเธอ เด็กผู้น่าสงสาร…
เอมี่ฟังอย่างตั้งใจ ดวงตาของเธอเปล่งประกายด้วยความตื่นเต้น
แม็กซ์ยืนฟังอยู่ข้างหลังเธอเงียบๆ มันไม่ดีที่จะรบกวนเธอ ฉันควรระวังและไม่ทำเสียงอะไร
“เหมียว…” ลูกแมวร้องออกมา