Abe the Wizard (AtW) – AtW ตอนที่ 58 ความลับของปราสาทแมธริว

ในการเดินทางครั้งนี้อัศวินมาแชลและอาเบลได้กลับมาที่ปราสาทแมธริวก่อน เพื่อที่จะจัดการกับดินแดนใหม่ที่อาเบลได้รับมา

 

เนื่องจากตระกูลแมธริวนั้นไม่ได้อยู่อีกต่อไปดินแดนกว่าอีก 100 ไมล์นั้นก็ได้ตกเป็นของตระกูลเบ็นเน็ตต์และตระกูลแฮรี่เป็นที่เรียบร้อยแล้ว และแน่นอนว่าอาเบลที่เป็นเหมือนกับเจ้าของดินแดนก็ยังมีความสัมพันธ์อันดีกับ 2 ตระกูลนี้อีกด้วย

 

ในตอนนี้อาเบลไม่ต้องขออนุญาตในการดูทรัพย์สมบัติของตระกูลแมธริวอีกต่อไปแล้ว และแน่นอนว่าอาเบลสามารถออกแบบปลอกแขนประจำตระกูลที่เขาต้องการได้อีกด้วย การออกแบบของอาเบลนั้นจะต้องผ่านการอนุมัติจากการประชุมในเมืองเบกองต่อไป

 

เมื่อรถม้าของปราสาทแฮรี่มาถึงประตูทางเข้าปราสาทแมธริว พ่อบ้านเคนพร้อมกับทหารยามที่คอยคุ้มกันอีกหลายคนนั้นก็ได้ออกมาต้อนรับอาเบลและอัศวินมาแชลในทันที พวกบริวารรับใช้ทั้งหมดดูกระตือรือร้นกับการต้อนรับเจ้านายคนใหม่ในเวลานี้เป็นอย่างมาก หลังจากที่อดีตเจ้านายของพวกเขาได้จากไปแล้ว เหล่าบริวารรับใช้นั้นก็เป็นกังวลตลอดเวลาว่าพวกเขานั้นจะมีชะตากรรมเป็นยังไงต่อไป แต่ตอนนี้พวกเขารู้แล้วว่าอาเบลนั้นจะเป็นเจ้าของดินแดนคนใหม่ของปราสาทแมธริวนั่นเอง

 

เมื่อวานนี้เองเจ้าหน้าที่ประจำเมืองได้ส่งผู้ส่งสารคนหนึ่งมาประกาศแล้วว่าลอร์ดอาเบลนั้นจะรับหน้าที่ดูแลทรัพย์สมบัติรวมไปถึงดินแดนต่างๆ จากลอร์ดแมธริวเอง อาเบลสามารถทำอะไรก็ได้ที่เขาอยากทำให้ดินแดนแห่งนี้แล้ว แน่นอนว่าเหล่าบริวารรับใช้รวมไปถึงทหารยามนั้นจะต้องให้ความเคารพต่ออาเบลแม้ว่าพวกเขาจะมีความอาวุโสมากกว่าอาเบลก็ตาม การที่เหล่าบริวารถูกขับไล่จากผู้เป็นนายนั้นคงไม่ใช่เรื่องที่ดีอะไรสำหรับพวกเขาเลย

 

อัศวินมาแชลได้พูดกับอาเบลไว้ก่อนที่จะลงจากรถม้าไปว่า “ตอนนี้ลูกเป็นผู้ดูแลปราสาทนี้ไปแล้วนะอาเบล ลูกควรไปพบกับบริวารรับใช้ของลูกก่อนนะ”

 

อาเบลตอบกลับพร้อมกับรอยยิ้มในทันที “ที่นี่ก็คือดินแดนของตระกูลแฮรี่แหละครับ แน่นอนว่าปลอกแขนที่จะถูกออกแบบจะต้องเป็นสัญลักษณ์ของตระกูลแฮรี่แน่นอน”

 

อาเบลได้ตอบกลับกับอัศวินมาแชลไปโดยที่ไม่คำนึงถึงอิทธิพลหรือผลประโยชน์ของตัวเองเลย ในบรรดาขุนนางทั้งหลายนั้นมักจะออกแบบปลอกแขนเสื้อของตัวเองให้เป็นชื่อตระกูลของตัวเองทั้งนั้น และเมื่อดินแดนที่ถูกครอบครองโดยขุนนางคนนั้นได้เสียเจ้าของไป แน่นอนว่าการออกแบบปลอกแขนใหม่นั้นก็จะถูกกำหนดขึ้นมาใหม่นั่นเอง แขนเสื้อที่ถูกออกแบบนั้นจะเป็นเหมือนกับสัญลักษณ์ของประวัติศาสตร์ความยิ่งใหญ่ของต้นตระกูลนั่นเอง ดังนั้นแล้วการที่อาเบลได้ยกย่องตระกูลแฮรี่นั้นจึงเป็นเหตุการณ์ที่หาได้ยากเป็นอย่างมาก

 

ในตอนนี้อาเบลได้สวมปลอกแขนเสื้อเป็นสัญลักษณ์ยูนิคอร์นซึ่งเป็นสัญลักษณ์ประจำตระกูลแฮรี่ไปแล้ว ถ้าหากอาเบลได้เติบโตขึ้นในอนาคตแน่นอนว่าเขาจะต้องเป็นผู้สืบทอดทุกอย่างจากอัศวินมาแชลผู้ซึ่งเป็นผู้นำตระกูลในตอนนี้ สิ่งที่สืบทอดทั้งหมดรวมไปถึงสัญลักษณ์บนปลอกแขนเสื้ออีกด้วย ปลอกแขนเสื้ออันนี้จะส่งเกียรติยศและประวัตศาสตร์อันดีงามประจำตระกูลไปยังรุ่นลูกรุ่นหลานสืบต่อไป

 

หลังจากที่ได้ฟังอาเบลพูดแล้วอัศวินมาแชลก็ได้มีรอยยิ้มปรากฎขึ้นบนใบหน้าของเขา ตอนนี้อาเบลที่เป็นลูกชายบุญธรรมนั้นได้กลายเป็นทั้งลูกที่ดีและน้องชายที่ดีให้กับอัศวินมาแชลไปแล้ว ในตอนที่อาเบลได้รับดินแดนแห่งนี้มาเขาก็ไม่ลังเลที่จะมอบดินแดนแห่งนี้ให้เห็นดินแดนของตระกูลแฮรีไปในที่สุด

 

คนขับรถม้าเองได้เปิดประตูให้อาเบลนั้นได้เดินลงมาจากรถม้าคนแรก พ่อบ้านเคนที่เห็นอาเบลก็ได้โค้งคำนับในทันที

 

“ท่านลอร์ดอาเบล ปราสาทของท่านยินดีต้อนรับการกลับมาของท่านเสมอ” พ่อบ้านเคนพูดในขณะที่ก้มหัวของตัวเองเคารพอาเบลอยู่

 

“พ่อบ้านเคนครับ ผมดีใจนะที่ได้พบคุณอีกครั้ง” อาเบลได้ตอบรับความหวังดีของพ่อบ้านคนนี้ด้วยรอยยิ้ม “รบกวนคุณเคนช่วยพาผมชมปราสาทหลังนี้ทีครับ”

 

“เป็นเกียรติอย่างยิ่งเลยครับ ได้โปรดเดินตามผมมาด้วย” พ่อบ้านเคนได้พูดกับอาเบลเสร็จแล้วจึงไปทักทายด้วยอัศวินมาแชลด้วยเช่นกัน “เป็นเกียรติที่ได้พบกับคุณที่นี่นะครับ นายท่าน”

 

อัศวินมาแชลได้โบกมือให้กับอาเบลก่อนที่จะพูดต่อไปว่า “ถ้ายังไงลูกก็ไปเดินชมปราสาทซะสิ ยังไงเขาก็ไม่ได้ชวนพ่อไปอยู่แล้ว”

 

พ่อบ้านเคนนั้นไม่ได้ฟังอะไรอัศวินมาแชลพูดเท่าไรนัก ในอดีตลอร์ดแมธริวนั้นไม่ได้สนิทอะไรกับอัศวินมาแชล แน่นอนว่าพวกเขาทั้งสองคนนั้นไม่ใช่ศัตรูคู่อาฆาตกัน แต่ลอร์ดแมธริวเองก็ไม่ได้ความเคารพกับอัศวินมาแชลในฐานะที่เป็นขุนนางเหมือนกันเท่าไรนัก เพราะอัศวินมาแชลไม่ใช่ขุนนางมาตั้งแต่ชาติกำเนิดนั่นเอง อัศวินมาแชลตอนนี้เป็นเหมือนกับบิดาผู้อุปถัมภ์ของอาเบลไป แน่นอนว่าพ่อบ้านเคนจึงไม่สามารถเมินเฉยต่ออัศวินมาแชลเหมือนในอดีตได้อีกต่อไปแล้ว

 

สำหรับพ่อบ้านเคนแล้วอาเบลเป็นที่ชื่นชอบของเขาเป็นอย่างมาก ดูเหมือนว่าพ่อบ้านเคนคนนี้จะให้ความเคารพกับอาเบลมากกว่าผู้เป็นพ่ออย่างอัศวินมาแชลซะอีก

 

ในตอนที่อาเบลได้ช่วยเหลือปราสาทแมธริวเอาไว้ในเวลานั้นก็เป็นเวลาที่มืดแล้วนั่นเอง ในไม่กี่วันก่อนในขณะที่อาเบลกำลังเดินเยี่ยมชมปราสาทนั้นเขาก็ได้เห็นรอยไหม้รวมไปถึงซากปรักหักพังที่ถูกโจมตีจากพวกออร์คนั่นเอง

 

แต่ในตอนนี้อาเบลไม่ได้เห็นอะไรแบบนั้นอีกต่อไปแล้ว อาเบลค่อนข้างที่จะตกใจว่าทำไมรอยไฟไหม้รวมไปถึงซากปรักหักพังที่ได้รับผลกระทบมาจากการโจมตีในตอนนี้ได้ถูกซ่อมแซมจนหมดแล้ว เหล่าบริวารรับใช้ที่นี่ทำงานกันอย่างหนักเลยอย่างงั้นหรอ? นอกเหนือจากร่องรอยไฟไหม้ที่หลงเหลืออยู่บนกำแพงเพียงเล็กน้อยก็ไม่ได้มีร่องรอยอื่นอีกเลย

 

เมื่อสังเกตเห็นถึงความพึงพอใจที่ปรากฎบนใบหน้าของอาเบลได้พ่อบ้านเคนก็ได้แต่คิดว่าไม่เสียทีที่พยายามทำงานอย่างหนักเพื่อที่จะได้เอาใจเจ้านายคนใหม่นั่นเอง ความพยายามในไม่กี่วันมานี้ได้รับการยอมรับจากเจ้านายคนใหม่แล้ว

 

เมื่ออาเบลได้ตรวจสอบสภาพโดยรอบในปราสาทแล้ว พ่อบ้านเคนก็พูดกับอาเบลด้วยความอ่อนน้อมว่า “ที่นี่ครับท่านอาเบล ทุกสิ่งทุกอย่างของที่นี่ยังคงไม่ถูกแตะต้องในไม่กี่วันที่ผ่านมานี้ ด้วยคำสั่งของทางตัวเมืองได้ทำให้ทรัพย์สินทุกอย่างของที่นี่นั้นถูกปิดผนึกเอาไว้ ตอนนี้ท่านอาเบลได้สิทธิในการตรวจสอบทรัพย์สินทั้งหมดเป็นคนแรกแล้ว”

 

คำสั่งที่ถูกสั่งขึ้นเป็นคำสั่งของไวเคานต์ดิ้กเคนนั่นเอง ในตอนนี้อาเบลยังคงไม่รู้อะไรเกี่ยวกับทรัพย์สินรวมไปถึงปราสาทหลังนี้เท่าไรนัก ไวเคานต์ดิ้กเคนไม่ต้องการที่จะยุ่งเกี่ยวกับทรัพย์สินเดิมของปราสาทแมธริวเพื่อทำให้เจ้าของปราสาทแมธริวคนใหม่อย่างอาเบลนั้นประทับใจมากขึ้นนั่นเอง

 

ในห้องเก็บของของปราสาทเองอาเบลได้เห็นกล่องใหม่ขนาดใหญ่หลายกล่อง บางกล่องเองก็ถูกทำมาจากเหล็ก กล่องพวกนี้ถูกปิดผนึกเอาไว้ตามคำสั่งการ อาเบลไม่สามารถรู้ได้เลยว่ามีอะไรอยู่ข้างในกล่องกันแน่

 

อาเบลหันไปหาพ่อบ้านเคนก่อนที่จะพูดอะไรบางอย่างขึ้น “พ่อบ้านเคน ผมสามารถเชื่อใจคุณได้ไหม?”

 

พ่อบ้านเคนได้คุกเข่าก่อนที่จะพูดออกมาอย่างจริงจังว่า “ได้ครับท่านลอร์ดอาเบล! ผมให้คำสัตย์สัญญาว่าผมจะซื่อสัตย์ต่อท่านเอง”

 

“ขอบคุณมากครับ” อาเบลได้ตอบรับก่อนที่จะพยุงพ่อบ้านเคนขึ้นมา “ตอนนี้คุณคือพ่อบ้านของปราสาทผมแล้วนะครับ แน่นอนว่าคุณเป็นเหมือนกับสมาชิกในครอบครัวของผมอย่างไม่ต้องสงสัย”

 

“ขอบคุณมากครับท่านลอร์ดอาเบล”

 

ดวงตาของพ่อบ้านเคนเต็มไปด้วยน้ำตาแห่งความปลื้มปิติ หลังจากที่ไม่กี่วันก่อนนี้พ่อบ้านคนนี้ได้คิดเอาไว้แล้วว่าตัวเขานั้นได้สูญเสียทุกอย่างไปแล้ว ตอนนี้เขากำลังได้ทุกอย่างกลับมาแล้วนั่นเอง

 

“เหล่าบริวารรับใช้รวมไปถึงทหารยามนั้นยอมทำตามคำสั่งของนายท่านอยู่แล้ว ตอนนี้ทุกคนยอมทำตามความปรารถนาของท่านทุกอย่างแล้วครับ”

 

อาเบลไม่ต้องการที่จะกังวลอะไรเกี่ยวกับเรื่องเล็กๆ น้อยๆ ในปราสาทหลังนี้ สำหรับอาเบลแล้วเขาต้องการใครสักคนที่สามารถดูแลปราสาทหลังนี้ได้อย่างมืออาชีพ

 

“ขอบคุณมากครับนายท่าน ผมจะจัดการเรื่องทั้งหมดรวมไปถึงรายงานเองครับ”

 

พ่อบ้านเคนรู้สึกขอบคุณที่ตัวอาเบลนั้นเชื่อมั่นในตัวพ่อบ้านคนนี้ ในโลกใบนี้ความสัมพันธ์ระหว่างพ่อบ้านและเจ้านายนั้นจะต้องเป็นความสัมพันธ์ที่สนิทกันอย่างเป็นพิเศา พ่อบ้านก็เป็นเหมือนกับบอดี้การ์ดคุ้มกันเจ้านายนั่นเอง แต่เปลี่ยนหน้าที่ที่คอยรักษาความปลอดภัยให้เจ้านายเป็นหน้าที่ดูแลชีวิตประจำวันของเจ้านายแทน

 

การเป็นพ่อบ้านนั้นก็เป็นเหมือนกับผู้ที่มีสิทธิ์ออกคำสั่งลำดับที่สองในปราสาทนั่นเอง และในตอนนี้พ่อบ้านเคนก็ได้รับตำแหน่งที่มีหน้าที่สำคัญไป นี้ถือเป็นโชคดีสำหรับพ่อบ้านเคนเป็นอย่างมาก การที่ได้การันตีแล้วว่าตัวเองนั้นจะได้มีงานต่อไปเป็นเหมือนกับรางวัลตอบแทนอันเลอค่าสำหรับเจ้านายใหม่อย่างอาเบล

 

อัศวินมาแชลที่ยืนอยู่หน้าทางเข้าปราสาทนั้นกำลังมองดูอาเบลแจกแจงงานอย่างไม่พูดอะไร ที่นี่คือปราสาทของอาเบล ดังนั้นแล้วการที่อาเบลจะจัดการเรื่องทุกอย่างเองจึงเป็นอะไรที่เหมาะสมแล้วนั่นเอง ในเวลานี้อัศวินมาแชลได้ชื่นชมความสามารถของอาเบลที่สามารถรับมือและจัดการสิ่งต่างๆ ในปราสาทได้อย่างเหมาะสมเป็นอย่างมาก

 

ในตอนที่อาเบลได้จัดแจงงานเสร็จแล้วพ่อบ้านเคนก็ได้ยกกล่องไม้จากชั้นหนังสือลงมาก่อนจะพูดว่า “ที่นี่มีห้องลับด้วยนะครับ การที่จะเปิดห้องลับได้จะต้องขยับกล่องแบบนี้เป็นอย่างแรก”

 

หลังจากที่พ่อบ้านเคนได้ขยับกล่องไม้บนชั้นหนังสือในห้องอ่านหนังสือ อัศวินมาแชลที่กำลังยืนดูอยู่ก็กำลังเดินออกจากห้องไปแต่อาเบลก็ได้หยุดอัศวินมาแชลเอาไว้ก่อน

 

อาเบลยิ้มก่อนจะพูดกับอัศวินมาแชลว่า “ไม่ไปดูคอลเลคชั่นของลอร์ดแมธริวด้วยกันหรอครับพ่อ”

 

“ไปสิ” อัศวินมาแชลตอบกลับพร้อมกับพยักหน้าตกลง “ตอนนี้เป็นโอกาสที่หาได้ยากสำหรับพ่อแล้ว คงจะไม่ง่ายเท่าไรหรอกนะที่จะเห็นว่าขุนนางคนอื่นนั้นมีตอลเล็คชั่นสะสมเป็นยังไงบ้าง”

 

อาเบลได้เปิดกล่องไม้ที่พ่อบ้านเคนได้นำเอามา ภายในกล่องไม้นั้นมีกลไกลสำหรับเปิดห้องลับครบทุกอย่างแล้ว บนผนังของห้องอ่านหนังสือเองมีกลไกลของประตูห้องลับอยู่สองที่ด้วยการ จะต้องเปิดกลไกทั้งสองที่ก่อนถึงจะสามารถเปิดห้องลับได้นั่นเอง

 

หลังจากที่เปิดห้องลับได้อาเบลก็พบกับบันไดที่กำลังทอดยาวไปในเส้นทางอันมืดมิด แต่ความมืดมิดนี้ไม่ได้ทำให้อัศวินทั้งสองกลัวแต่อย่างใด

 

ในขณะที่เดินไปตามบันได อาเบลและอัศวินมาแชลก็ได้เจอกับห้องขนาดใหญ่ห้องหนึ่ง จากการประเมินคร่าวๆ อาเบลคิดว่าห้องห้องนี้จะต้องกว้างกว่า 20 เมตรด้วยกันและมีความยาวทั้งหมด 50 เมตร ภายในห้องมีไขมุกเรืองแสงในตำนาน 5 ชิ้นกำลังส่องแสงอยู่ใต้เพดาน แสงสะท้อนจากไขมุกทำให้ห้องห้องนี้สว่างไสว

 

ตรงกลางของห้องห้องนี้มีตู้ไม้อยู่สองตู้ที่เต็มไปด้วยของที่หลากลาย พื้นผิวของของทุกอย่างในตู้ถูกทำความสะอาดเป็นอย่างดี สิ่งนี้บ่งบอกได้เป็นอย่างดีว่าผู้เป็นเจ้าของนั้นเป็นผู้ดูแลรักษาของพวกนี้ดีแค่ไหน เมื่ออาเบลก้าวเข้าไปใกล้ๆ ตู้อาเบลก็ได้พบว่าของทุกอย่างนั้นมีคำอธิบายถูกเขียนเอาไว้ด้านหน้าของเป็นอย่างดี

 

เมื่ออาเบลได้มองไปที่แถวที่สิบของตู้ตู้หนึ่งอาเบลก็ได้พบกับคอลเล็คชั่นสุดแสนน่าประหลาดของลอร์ดแมธริว ไวเคานต์ดิ้กเคนคงจะยุ่งอยู่กับการทำงานจนไม่เคยมาที่ปราสาทหลังนี้อย่างแน่นอน แน่นอนว่าคงไม่มีใครรู้ว่าลอร์ดแมธริวนั้นจะเก็บสมบัติไว้มากมายขนาดไหน และถ้าหากไวเคานต์ดิ้กเคนไม่รู้ ก็คงจะไม่มีใครรู้ได้เลย บางทีถ้าหากไวเคานต์ดิ้กเคนรู้ความจริงแล้วเขาอาจจะไม่ใจดีกับอาเบลแบบนี้ก็เป็นได้

 

ถ้าหากลอร์ดแมธริวได้วางไข่มุกเรืองแสงในตำนานทั้งห้าเอาไว้ภายในปราสาทแล้วละก็ พนันได้เลยว่าปราสาทของลอร์ดแมธริวนั้นจะต้องถูกโจรปล้นก่อนที่อาเบลจะมาอย่างแน่นอน

 

Abe the Wizard

Abe the Wizard

ATW, 巫师亚伯
Score 6
Status: Ongoing Type: Author: , Released: 2017 Native Language: Chinese
อ่านนิยายเรื่อง Abe the Wizardฉันได้กลับชาติมาเกิดในโลกใบใหม่นี้ ดูเหมือนว่ามีเพียงสิ่งเดียวที่ติดตัวฉันมาที่โลกใบนี้ด้วย สิ่งนั้นคือ ฮอร์ราดริกคิวบ์ จากเกม Diablo II นั่นเอง หนทางการเป็นอัศวินสุดเท่ห์กำลังจะเริ่มขึ้นแล้ว แต่ทำไมการเป็นจอมเวทย์ก็อยู่ในทางเลือกด้วยล่ะ? แล้วฉันควรจะเลือกทางไหนกันแน่นะ?

Comment

Options

not work with dark mode
Reset