Abe the Wizard (AtW) – AtW ตอนที่ 59 หินอุกกาบาตเหล็ก

อาเบลรู้สึกตื่นเต้นมากขึ้นเมื่อเดินไปรอบๆ ที่แห่งนี้ ดูดเหมือนว่าคอลเล็กชั่นที่ลอร์ดแมธริวสะสมนั้นจะเป็นคอลเล็กชั่นที่คล้ายกับที่อัศวินมาแชลมี แน่นอนว่าลอร์ดแมธริวคนนี้จะต้องใช้เวลาสะสมมากว่ากลายทศวรรษอย่างแน่นอน

 

ใกล้กับคอลเล็กชั่นของตระกูลแมธริวที่เป็นเหมือนกับพิพิธภัณฑ์ไปแล้ว อาเบลก็ไม่พบคัมภีร์หรือสัญลักษณ์เทคนิคลับอะไรสำหรับอัศวินที่มีค่าเลย เพื่อป้องกันไม่ให้ตระกู,ของตัวเองนั้นถูกท้าทายโดยตระกูลขุนนางคนอื่นๆ เหล่าขุนนางทั้งหลายจะเก็บเทคนิคลับสำหรับการเอาชนะศัตรูเอาไว้เสมอ

 

อาเบลไม่สามารถประเมินมูลค่าของสัมบัติทั้งหมดที่อยู่ในห้องนี้ได้เลย แต่ถ้าจะอ้างอิงจากสมบัติของอัศวินมาแชลแล้วแน่นอนว่าทุกสิ่งทุกอย่างในห้องนี้จะต้องมีมูลค่าเกิน 100,000 เหรียญอย่างแน่นอน

 

เมื่อเข้ามาถึงส่วนที่ลึกที่สุดของห้องอาเบลก็ได้เห็นหินก้อนหนึ่งที่มีเส้นผ่านศูนย์กลางประมาณ 10 เมตรถูกวางทิ้งเอาไว้ที่มุมห้อง

 

“นี่มันคืออะไรกัน?” อาเบลรีบพุ่งตรงไปที่หินก้อนนั้น อาเบลคุ้นเคยกับหินก้อนสีดำก้อนนีเป็นอย่างดี หินก้อนนี้เป็นเหมือนกับคอลเล็กชั่นชิ้นสำคัญของอาจารย์เบธแฮมนั่นเอง อาจารย์เบธแฮมเคยบอกไว้ว่าได้หินก้อนนี้มาในตอนที่เรียนฝึกตีดาบอยู่กับคนแคระ หินก้อนนี้คือหินอุกกาบาตที่มีขนาดเล็กนั่นเอง แต่ขนาดของหินชิ้นนี้ไม่ได้สำคัญเลย อาจารย์เบธแฮมยังคงมองเห็นก้อนนี้เป็นเหมือนกับสมบัติล้ำค่าอยู่ดี เมื่อไรก็ตามที่เบธแฮมได้พูดถึงเรื่องนี้เขาจะบอกว่าหินอุกกาบาตอันนี้สำคัญและหายากขนาดไหน และการที่จะเป็นเจ้าของได้จะมีแต่คนแคระเพียงเท่านั้น

 

“อาเบลเกิดอะไรขึ้น? มันไม่ใช่หินธรรมดาๆ หรอกหรอ?” อัศวินมาแชลถามอาเบลอย่างตรงไปตรงมาในตอนที่เห็นอาเบลกำลังสนใจหินก้อนนี้

 

อาเบลยิ้มก่อนที่จะตอบกลับอัศวินมาแชลไปว่า “หินธรรมดาๆ ? ทำไมพ่อถึงพูดแบบนี้ล่ะ? ถ้าหากอาจารย์เบธแฮมได้ยินเขาจะต้องด่าพ่อแน่นอน”

 

“โอ้ ถ้าเขากล้าพออะนะ” อัศวินมาแชลพูดพร้อมกับหัวเราะไปด้วย “แล้วมันคืออะไรกันล่ะ?”

 

“มันเป็นหินอุกกาบาตที่เป็นเหล็ก” อาเบลได้ตอบอย่างมั่นใจ ในตอนที่ตอบนั้นอาเบลเน้นเสียงของเขาไปที่ “หินอุกกาบาต”

 

“แล้วหินอุกกาบาตเหล็กทำอะไรได้กันล่ะ?” อัศวินมาแชลยังคงถามต่อไป ในฐานะที่เขาไม่ใช่ช่างตีเหล็กนั้นเขาจึงไม่อาจรู้ได้เลยว่าหินก้อนนี้สามารถทำอะไรได้กันแน่

 

อาเบลอธิบายต่อไปว่า “หินอุกกาบาตเหล็กเป็นสิ่งที่เหล่าพระเจ้าใช้สร้างอาวุธในตำนานของพวกเขาขึ้นมา เหล่าปรมาจารย์คนแคระทั้งหลายต่างก็เป็นผู้ใช้หินก้อนนั้นทำอุปกรณ์สวมใส่และอาวุธระดับตำนานขึ้นมา”

 

หลังจากที่อัศวินมาแชลได้ฟังอาเบลอธิบายดวงตาของเขาก็เบิกกว้างทันทีก่อนจะถามต่อไปว่า “มันมีค่าเท่าไรกัน?” อัศวินมาแชลชี้ไปที่หินก้อนนั้น

 

“ผมก็ไม่เคยได้ยินเหมือนกันนะว่ามีคนยอมขายอาวุธในตำนานน่ะ” อาเบลได้ตอบกลับพร้อมกับถามไปด้วย

 

ในฐานะที่อาเบลเป็นปรมาจารย์ช่างตีเหล็ก แน่นอนว่าอาเบลก็อยากจะฝึกฝนฝีมือจนสามารถสร้างอาวุธในตำนานของตัวเองขึ้นมาได้

 

ในโลกใบนี้มีสิ่งประดิษฐ์มากมายที่ถูกใช้โดยเหล่าเทพพระเจ้า แน่นอนว่าทั้งอาวุธและของสวมใส่เหล่านั้นล้วนแต่เป็นอาวุธในตำนานอย่างไม่ต้องสงสัย เช่นเดียวกับดาบแห่งร้อยทักษะที่อาเบลได้สร้างขึ้น แน่นอนว่าความคมรวมไปถึงความแข็งแกร่งของดาบนั้นไม่สามารถที่จะอยู่คงทนถาวรได้ตลอดไป หลังจากผ่านไปอีกหลายปีความคมของดาบก็จะสูญเสียไปตามกาลเวลา ไม่มีทางที่ดาบจะมีประสิทธิภาพที่ดีเหมือนกับตอนที่ถูกสร้างได้ตลอดเวลา

 

แต่อาวุธที่ถูกสร้างมาจากหินอุกกาบาตเหล็กนั้นจะไม่มีวันเสื่อมสภาพหลังจากที่ถูกใช้งานมาหลายศตวรรษ แน่นอนว่าอาวุธในตำนานนั้นไม่สามารถที่จะอยู่ได้ชั่วนิรันดร์ แต่อาวุธในตำนานนั้นจะสามารถอยู่ได้อีกหลายพันปีอย่างแน่นอน และถ้าหากอาเบลตัดสินใจที่จะสร้างอาวุธในตำนานให้เป็นดาบเวทย์ อาวุธที่อาเบลสร้างก็จะกลายเป็นอาวุธในตำนานที่ถูกใช้ได้ตราบนานเท่านาน

 

“งั้นเราต้องนำหินก้อนนี้กลับไปที่ปราสาทแฮรี่สินะ” อัศวินมาแชลพูดอย่างกระตือรือร้น ตัวอัศวินมาแชลเองก็ไม่เคยเห็นอาวุธในตำนานมาก่อน และแน่นอนว่าที่ปราสาทแมธริวแห่งนี้ไม่มีโรงตีเหล็ก ดังนั้นแล้วการที่จะเก็บหินไว้ที่ปราสาทแฮรี่ก่อนจึงเป็นทางเลือกที่ดีที่สุดในตอนนี้แล้ว

 

อัศวินมาแชลไม่อยากที่จะต้องรอนานกว่านี้ เขาใช้พลังลมปราณของตัวเองในการยกหินอุกกาบาตเหล็กก้อนนี้ขึ้นมาจากพื้นด้วยแขนทั้งสองข้าง

 

“โอ้พระเจ้า! หินก้อนนี้หนักเกือบพันปอนด์!” อัศวินมาแชลอุทานออกมาทันทีที่ยกหินก้อนนี้ขึ้นมา “ลูกเอาหินก้อนนี้กลับไปด้วยละกันนะ”

 

อาเบลเดินก้าวไปที่หินอุกกาตบาตเหล็กใหญยักษ์ก้อนนี้ก่อนที่จะใช้มือของตัวเองยกหินก้อนนี้ขึ้นมาด้วยมือเดียว หลังจากที่อาเบลได้ยกหินก้อนนี้ขึ้นมาอาเบลก็พูดอย่างมั่นใจต่อไปอีกว่า “ดูเหมือนว่าหินก้อนนี้จะหนักอยู่เหมือนกันนะครับ ตามที่พ่อพูดเอาไว้เลยหินก้อนนี้น่าจะหนักเกินกว่าหนึ่งพันปอนด์”

 

อัศวินมาแชลได้แต่มองดูอาเบลที่กำลังยกหินก้อนนี้อยู่อย่างเงียบๆ ตอนนี้อัศวินมาแชลรู้สึกขายหน้า เรี่ยวแรงที่อัศวินมาแชลมีทั้งหมดคือ 600 ปอนด์นั่นเอง และเมื่ออัศวินมาแชลใช้พลังลมปราณในการเพิ่มพลังแล้วแรงสูงสุดของเขาก็จะกลายเป็น 1,200 ปอนด็ไปในที่สุด และแน่นอนว่าหินก้อนนี้เป็นหินที่ใหญ่และมีทรงกลม การที่จะยกขึ้นไปกับตัวได้จึงไม่สามารถอาศัยแค่เรี่ยวแรงในการยกเท่านั้น

 

ดูเหมือนว่าจะมีเพียงอาเบลเท่านั้นที่จะมีเรี่ยวแรงมากเพียงพอที่จะยกหินอุกกาบาตเหล็กก้อนนี้ได้ อาเบลสามารถใช้มือเพียงข้างเดียวของเขาในการยกหินก้อนนี้เดินไปไหนมาไหนได้อย่างง่ายดาย

 

อัศวินมาแชลที่ได้สูญเสียความมั่นใจไปหลายครั้งตอนนี้กำลังรีบเร่งอาเบลให้ออกจากที่นี่ไป “…งั้นพวกเรากลับกันเถอะ”

 

เสียงฝีเท้าของอาเบลในตอนนี้ดูหนักแน่นขึ้นเป็นอย่างมาก ตอนนี้อาเบลได้เดินออกไปจากห้องลับห้องนี้แล้ว อัศวินมาแชลรู้สึกได้ถึงแรงสั่นสะเทือนในทุกๆ ครั้งที่อาเบลได้ก้าวเท้าเดิน โชคดีที่ปราสาทแห่งนี้ถูกสร้างขึ้นมาจากหินขนาดใหญ่ ด้วยหินขนาดใหญ่พวกนี้เองจึงทำให้ปราสาทแห่งนี้มั่นคงและแข็งแรงเป็นอย่างมาก

 

พ่อบ้านเคนได้เห็นอาเบลและอัศวินมาแชลเดินออกมาจากห้องอ่านหนังสือ แม้ว่าพ่อบ้านเคนจะตกใจนิดหน่อยที่เห็นอาเบลได้ถือหินขนาดยักษ์ก้อนหนึ่งออกมาด้วย แต่พ่อบ้านเคนก็สุภาพเกินกว่าที่จะถามอาเบลออกไปตรงๆ

 

พ่อบ้านเคนได้พูดกับอาเบลว่า “นายท่านต้องการที่จะพบกับพวกทหารยามกับบริวารรับใช้เลยไหม?”

 

“ไม่เป็นไร คุณจัดการเรื่องทั้งหมดต่อได้เลยนะ” อาเบลตอบกลับ ตอนนี้ในใจของอาเบลได้แต่คิดถึงเรื่องเกี่ยวกับหินอุกกาบาตที่อยู่ในมือของเขาเท่านั้น อาเบลไม่มีเวลามากพอที่จะมาบริหารจัดการปราสาทใหม่หลังนี้

 

อัศวินมาแชลพูดออกไปต่อพร้อมกับรอยยิ้ม “พ่อบ้านเคน ดูเหมือนว่าพวกเราจะมีอีกหลายอย่างที่ต้องทำในวันนี้นะ ฉันจะต้องทิ้งทุกอย่างให้นายจัดการแล้วละ แน่นอนว่าฉันจะจัดการกับสมบัติทั้งหมดในภายหลังเอง”

 

เคนเข้าใจความหมายทุกอย่างเป็นอย่างดี มันเป็นเรื่องธรรมดาอยู่แล้วที่ขุนนางหรือชนชั้นสูงทั้งหลายจะไว้วางใจให้กับพ่อบ้านเป็นผู้จัดการกับเรื่องทุกอย่างในปราสาท

 

อาเบลคิดว่ารถม้าที่เขาได้เดินทางมานั้นคงไม่สามารถที่จะแบกรับน้ำหนักของหินอุกกาบาตได้อย่างแน่นอน โชคดีที่พ่อบ้านเคนนั้นมีประสบการณ์ทำงานที่มากพอ พ่อบ้านเคนได้วางหินที่อาเบลได้หยิบมานั้นไว้ที่พื้นก่อนที่จะใช้วัวสองตัวลากหินอุกกาบาตก้อนนี้ไปแทน

 

ถ้าหากอาวุธที่ถูกสร้างมาจากหินก้อนนี้ยังคงหนักอยู่แบบนี้ คงมีแต่สัตว์ขี่ที่บินได้อย่างเมฆาสีขาวเท่านั้นที่จะสามารถแบกรับอาวุธชิ้นนั้นไปกับอาเบลด้วยได้

 

ถึงวัวทั้งสองตัวจะสามารถลากหินก้อนนี้ไปได้แต่มันก็ลากไปด้วยความเชื่องช้า อาเบลและอัศวินมาแชลเองได้แต่เฝ้ามองหินก้อนนี้ถูกขนย้ายไปอย่างช้าๆ ได้เท่านั้น แต่ระยะทางระหว่างปราสาทแฮรี่กับปราสาทแมธริวนั้นไม่ได้อยู่ไกลกันมากนัก การเดินทางในครั้งนี้จึงใช้เวลาไปกว่าครึ่งวันเท่านั้นอาเบลและอัศวินมาแชลรวมไปถึงหินอุกกาบาตเหล็กก็ถูกส่งกลับมาที่ปราสาทแฮรี่แล้ว เมื่อพวกเขาทั้งหมดเดินทางมาถึงปราสาทแฮรี่ในตอนนี้ก็มืดมิดไปซะแล้ว

 

หลังจากที่ได้ยินเรื่องอุกกาบาต เบธแฮมก็ได้ขอดูหินก้อนนั้นจากอาเบลทันที อาเบลต้องการที่จะเก็บหินอุกกาบาตก้อนนี้เอาไว้เป็นความลับ ดังนั้นแล้วเบธแฮมจึงเก็บหินก้อนนี้เอาไว้ในโรงตีเหล็กส่วนตัวของอาเบล

 

เพื่อแสดงความยินดีกับอาเบลที่ได้กลายเป็นปรมาจารย์ช่างตีเหล็กคนใหม่ได้ อัศวินมาแชลจึงสร้างโรงตีเหล็กและห้องเก็บของขนาดใหญ่ส่วนตัวให้กับอาเบลไป ในตอนนี้ข้าวของทุกอย่างที่อยู่ในห้องทำงานส่วนตัวของอาเบลได้ถูกย้ายมาที่โรงตีเหล็กส่วนตัวของอาเบลแล้วหลังจากที่การรุกรานของพวกออร์คนั้นถูกสกัดเอาไว้ได้

 

หลังจากที่ได้โรงตีเหล็กใหม่แล้วอาเบลก็ได้วางหินอุกกาบาตก้อนนี้ไว้ที่ใจกลางของห้อง เบธแฮมได้สัมผัสหินก้อนนี้ด้วยความเบามืออย่างระมัดระวังด้วยมือของตัวเอง เบธแฮมได้ใช้ตะเกียงน้ำมันที่จุดไฟส่องไปที่ผิวสีดำของหินก้อนนี้อย่างถี่ถ้วน

 

หลังจากที่เบธแฮมได้ใช้เวลาสังเกตหินก้อนนี้อยู่นานในที่สุดเบธแฮมก็ได้พูดอะไรบางอย่างออกมา

 

“ใช่แน่นอน หินก้อนนี้ต้องเป็นหินอุกกาบาตเหล็ก ฉันไม่เคยเห็นหินอุกกาบาตที่มีขนาดใหญ่แบบนี้มาก่อนเลย แม้แต่ในตอนที่อยู่กับพวกคนแคระก็ตาม”

 

“แล้วอาวุธชิ้นไหนที่เหมาะสำหรับการใช้หินอุกกาบาตเหล็กก้อนนี้สร้างกันครับ?” อาเบลได้ถามออกไป อาเบลมีข้อสงสัยเกี่ยวกับหินอุกกาบาตเหล็กก้อนนี้หลายข้อมาก แต่สิ่งที่สำคัญที่สุดเท่าที่อาเบลจะคิดออกนั่นก็คือการสร้างดาบที่มีน้ำหนักมากเป็นพิเศษ แน่นอนว่าดาบเล่มนั้นจะต้องไม่สามารถถูกทำลายได้และอาเบลสามารถที่จะถือได้ด้วยมือเดียว

 

“จากความเห็นของฉันนะ ฉันว่านระดับในการตีเหล็กของนายในตอนนี้ยังไม่มากพอ นายจะต้องพัฒนาทักษะของตัวเองให้ดีกว่านี้ การที่จะหาหินอุกกาบาตเหล็กแบบนี้ได้คงจะไม่ใช่เรื่องง่ายๆ อย่างแน่นอน ดังนั้นแล้วนายควรจะต้องมีฝีมือที่ดีกว่านี้แล้วค่อยสร้างอาวุธจากหินก้อนนี้จะดีกว่านะ” อาจารย์เบธแฮมรู้ดีว่าศักยภาพในตอวของอาเบลนั้นมีมากน้อยขนาดไหน แน่นอนว่าอาเบลนั้นยังสามารถพัฒนาฝีมือของตัวเองต่อไปได้ แต่การที่จะสร้างอาวุธจากหินอุกกาบาตเหล็กในตอนนี้ยังคงเป็นอะไรที่เร็วไปสำหรับอาเบลอยู่ดี เบธแฮมไม่อยากให้หินก้อนนี้ต้องเสียของไป

 

“ฉันเห็นด้วยกับเบธแฮมนะ ยังไงซะตอนนี้ก็ปล่อยหินก้อนนี้เอาไว้ที่ห้องห้องนี้ก่อนละกัน” อัศวินมาแชลได้แสดงความเห็นขึ้น

 

อาเบลคิดถึงตอนที่ตัวเขานั้นสามารถปล่อยพลังแห่งความมุ่งมั่นออกมา ในตอนนี้เองอาเบลสามารถเขียนรูนได้ไม่กี่ตัวเท่านั้น เมื่ออาเบลสามารถฝึกฝนตัวอักษรรูนไปได้มากกว่านี้แล้วพลังแห่งความมุ่งมั่นของบอาเบลจะต้องเพิ่มขึ้นมากอย่างแน่นอน นอกจากที่อาเบลจะต้องเพิ่มพลังแห่งความมุ่งมั่นของตัวเองแล้วอาเบลยังต้องการที่จะเรียนรู้อะไรหลายๆ อย่างเกี่ยวกับอักษรรูนด้วย ถ้าหากอาเบลได้เรียนรู้อะไรหลายๆ อย่างแล้ว การที่อาเบลจะสร้างอาวุธจากหินอุกกาบาตเหล็กก้อนนี้ให้ทรงพลังมากที่สุดได้จึงเป็นทางเลือกที่ดีที่สุดในตอนนี้แล้วนั่นเอง

 

Abe the Wizard

Abe the Wizard

ATW, 巫师亚伯
Score 6
Status: Ongoing Type: Author: , Released: 2017 Native Language: Chinese
อ่านนิยายเรื่อง Abe the Wizardฉันได้กลับชาติมาเกิดในโลกใบใหม่นี้ ดูเหมือนว่ามีเพียงสิ่งเดียวที่ติดตัวฉันมาที่โลกใบนี้ด้วย สิ่งนั้นคือ ฮอร์ราดริกคิวบ์ จากเกม Diablo II นั่นเอง หนทางการเป็นอัศวินสุดเท่ห์กำลังจะเริ่มขึ้นแล้ว แต่ทำไมการเป็นจอมเวทย์ก็อยู่ในทางเลือกด้วยล่ะ? แล้วฉันควรจะเลือกทางไหนกันแน่นะ?

Comment

Options

not work with dark mode
Reset