Abe the Wizard (AtW) – AtW ตอนที่ 75 ฟังก์ชันใหม่ของฮอร์ราดริกคิวบ์

 

AtW ตอนที่ 75 ฟังก์ชันใหม่ของฮอร์ราดริกคิวบ์

 

เมื่ออาเบลกลับไปที่ห้องของเขา เขาก็คิดขึ้นมาได้ว่าจะทําอะไรเพื่อป้องกันการรุกรานของพวกออร์คในครั้งนี้ดี ถ้าหากอาเบลตัดสินใจที่จะคืนชุดเกราะที่เป็นเหมือนกับสมบัติล้ําค่าไปแต่ก็ไม่มีอะไรมายืนยันอยู่ดีว่าพวกมันจะหยุดการแก้แค้นเอาไว้แต่เพียงเท่านี้

 

เหตุผลเดียวที่อาเบลส่งอัศวินเอลเลียตไปซื้ออัญมณีเป็นเพราะว่าอาเบลวางแผนที่จะสร้างดาบระเบิดเพื่อเก็บเอาไว้ในฮอร์ราดริกคิวบ์ของอเขานั่นเอง ถ้าหากเขาเจอกับสถานการณ์ที่เลวร้ายที่สุดอาเบลจะได้ใช้ดาบระเบิดในคิวบ์ของเขาในการปกป้องเองเพื่อที่จะทําดาบระเบิดได้อย่างสมบูรณ์แบบจําเป็นจะต้องใช้อัญมณีที่สมบูรณ์แบบ

 

แน่นอนว่าการที่อาเบลจะต้องเจอกับสถานการณ์ที่เลวร้ายที่สุดนั้นขึ้นอยู่กับเวลาเพียงเท่านั้น เมื่อไม่นานมานี้อาเบลได้คิดเกี่ยวกับเรื่องดาบระเบิดของเขา อาเบลต้องการที่จะทดสอบว่าระยะเวลาของดาบระเบิดของเขาจะมีระยะเวลาของการระเบิดที่เสถียรไหม แต่ในตอนนี้ดูเหมือนว่าจะมีอีกหลายสิ่งหลายอย่างที่อาเบลจะต้องไปจัดการก่อน สุดท้ายแล้วอาเบลจึงทําได้เพียงแค่ใจลอยเท่านั้น

 

ทันใดนั้นเองมีเสียงเคาะประตูดังขึ้นมาจากประตูของห้องอาเบล ” ก๊อก ก๊อก ก๊อก” อาเบลรู้ได้ทันทีว่าที่ด้านนอกของประตูกําลังมีสาวใช้คนหนึ่งเคาะประตูอยู่ ดูเหมือนว่าสาวใช้คนนี้จะถูกอบรมฝึกฝนมาดี การที่จะเคาะประตูของผู้เป็นนายเองก็มีกฏเกณฑ์การเคาะที่เจาะจงอยู่ ในการเคาะประตู 2 ครั้งมีความหมายว่าเป็นเรื่องธรรมดาทั่วไป การเคาะสามครั้งมีความหมายว่ามีเรื่องเร่งด่วนได้เกิดขึ้นแล้ว

 

“เข้ามาได้” อาเบลพูดในขณะที่มองไปที่ประตูของห้องตัวเอง

 

“ลอร์ดมาแซลกําลังรอนายท่านอยู่ที่ห้องของเขาค่ะ”สาวใช้คนที่เคาะประตูได้พูดกับอาเบลในขณะที่คลานเข่าเข้ามาในห้องของอาเบล

 

เมื่ออาเบลได้ยินสาวใช้คนนั้น เขาจึงรีบเดินตรงออกจากห้องไปก่อนที่จะลงบันไดไปอย่างรวดเร็ว

 

ทันทีที่อาเบลเดินลงบันไดไปเขาก็ได้ยินเสียงคนกลุ่มหนึ่งพูดขึ้นมาอย่างพร้อมเพียงกัน “สวัสดี นายท่านอาเบล” ตอนนี้มีอัศวินบริวารมากถึง 20 คนของปราสาทแฮรี่กําลังยืนอยู่ข้างหลังของลอร์ดมาแชล ทั้งอัศวินและบริวารทุกคนในตอนนี้ล้วนแต่ใส่ชุดเกราะอย่างเต็มยศ

 

อาเบลตรวจสอบอัศวินบริวารรับใช้ทั้งหมดที่ยืนอยู่ตรงนั้นตอนนี้พวกเขาทั้งหมดมีอายุน้อยกว่า 40 ปีอย่างแน่นอน อาเบลไม่เคยรู้มาก่อนเลยว่าที่ปราสาทแฮรี่แห่งนี้จะมีอัศวินและเหล่าบริวารมากมายขนาดนี้มาก่อน ใบหน้าของอัศวินที่อาเบลจําได้มีเพียง 3-4 คนเท่านั้น นอกจากนั้นแล้วอาเบลไม่เคยที่จะเห็นพวกเขามาก่อนเลยนั้นเอง

 

อัศวินทั้งหมดที่อยู่ตรงนี้ถูกรู้จักกันในนามของอัศวินสํารองโดยทั่วไปแล้วพวกเขาจะมีอายุไม่เกินไปกว่า 20 ปี แน่นอนว่าพวกอัศวินเหล่านี้เองจะเรียนรู้วิถีการเป็นอัศวินไปพร้อมกับรับใช้อัศวินผู้เป็นนายไปด้วยงานในปราสาทส่วนใหญ่ที่พวกเขารับผิดชอบคือการบํารุงดูแลรักษาอาวุธรวมไปถึงม้าศึกของปราสาท

 

แต่ถึงอัศวินสํารองจะทํางานทั่วไปแต่พวกเขาเหล่านั้นก็มีเกียรติมากกว่าบริวารรับใช้คนธรรมดาทั่วไปอยู่ดี ยังมีทหารอีกจํานวนมากที่ตัดสินใจที่จะเป็นอัศวินรับใช้แทนการเป็นอัศวินรับจ้าง การเป็นอัศวินรับใช้ก็เหมือนกับการเป็นทหารบอดีการ์ดผู้สูงศักดิ์ไปนั่นเอง

 

“อาเบล อัศวินรับใช้ทั้งหมดนี้ล้วนเป็นเหมือนกับพี่น้องของพ่อที่ผ่านสงครามกับพวกออร์คมาด้วยกัน พวกเราพี่น้องจะอยู่และตายไปด้วยกัน ตั้งแต่จากนี้ไปพ่อจะมอบทุกสิ่งทุกอย่างรวมไปถึงความเชื่อใจให้กับพวกเขา ดังนั้นแล้วพวกนายจะต้องเชื่อใจฉันด้วยเช่นกัน ในวันนี้ปราสาทของเรา กําลังเจอกับอันตรายดังนั้นฉันต้องขอยืมมือทุกคนหน่อยนะตอนนี้พ่อหวังว่าลูกจะสามารถวางแผนอะไรขึ้นมาได้นะ”ลอร์ดมาแชลได้พูดด้วยน้ําเสียงที่จริงจัง

 

ลอร์ดมาแชลกลัวว่าอาเบลนั้นจะไม่มีทักษะความเป็นผู้นํามากพอที่จะบริหารปราสาทแฮรี่ ดังนั้นแล้วเขาจึงพูดเตือนอาเบลเป็นการล่วงหน้าเอาไว้

 

อาเบลหันกลับไปหาอัศวินทั้ง 20 คนก่อนที่จะถามเบาๆว่า “ฉันเชื่อใจพวกนายได้ใช่ไหม?”

 

ในตอนนั้นอาเบลที่ได้พูดออกไปไม่ได้พูดเสียงดังเท่าไรนักแต่อัศวินที่อยู่ภายในห้องมากถึง 20 คนกลับได้ยินทุกถ้อยคําของอาเบลที่ได้พูดออกมา ตอนนี้พวกเขาก้มลงคุกเข่าลงและตะโกนออกมาอย่างพร้อมเพรียงกัน ” ท่า นลอร์ดอาเบลพวกเราจะทําเพื่อตระกูลแฮรี่แม้ว่าพวกเราจะต้องตายก็ตาม!”

 

จากการเรียกอาเบลในครั้งนี้ทําให้ลอร์ดมาแชลเองรู้ว่าอัศวินรับใช้ทั้ง 20 คนนี้ได้สาบานว่าจะจงรักภักดีต่อทายาทของตระกูลแฮรีเป็นที่เรียบร้อยแล้ว

 

คําสาบานแห่งความจงรักภักดีนั้นเป็นเหมือนกับคําพูดที่เป็นเหมือนกับการตัดสินใจครั้งยิ่งใหญ่ครั้งหนึ่งของชีวิตมีเพียงไม่กี่คนเท่านั้นที่จะฝ่าฝืนคําสาบานแห่งความจงรักภักดีนี้

 

หลังจากที่ได้ยินคําสาบาน อาเบลได้รีบชี้ไปที่ที่อัศวินเอเลียตยืนอยู่ ซึ่งตอนนี้อาเบลรู้จักเขาเป็นอย่างดีแล้ว “เอลเลียตถอดอุปกรณ์ออกทั้งหมดและมายืนข้างหน้าซะ”

 

เอลเลียตเป็นอัศวินรับใช่นั่นเอง ตอนนี้เขาได้ก้าวมาข้างหน้าก่อนที่จะพูดตอบรับอาเบลในทันที “ได้ครับนายท่าน”

 

เนื่องจากคําสั่งของอาเบลทําให้เอลเลียตถอดชุดเกราะออกทั้งหมดไว้ที่พื้นต่อหน้าของอาเบล

 

อาเบลหยิบหมวกของเอเลียตขึ้นมา ตอนนี้เขามองไปรอบๆพร้อมกับวิเคราะห์พื้นผิวของหมวกอันนี้ ดูเหมือนว่าหมวกอันนี้จะเป็นเหมือนกับหมวกกะลา ถ้าดูอย่างผิวเผินแล้วมันถูกสร้างมาจากชิ้นส่วนเหล็กต่างๆ 3 ชิ้นด้วยกัน หมวกพวกนี้ถูกสร้างโดยช่างฝีมือนั่นเอง โดยคุณภาพของมันเป็นอะไรที่ธรรมดาและสามารถพบเห็นได้โดยทั่วไป

 

หลังจากวิเคราะห์หมวกเสร็อาเบลก็วิเคราะห์ชุดเกราะหนั่งต่อไป ดูเหมือนว่าชุดเกราะหนังจะดูหนักกว่าที่เขาได้คิดไว้ผิวหน้าของชุดเกราะเองถูกห่อห้อมไปด้วยเหล็กชิ้นเล็กๆ นี่เป็นชุดเกราะที่สามารถหาได้ทั่วๆ ไป ถึงแม้ว่ามันจะมีการป้องกันที่แสนธรรมดาก็ตาม

 

อาวุธที่อัศวินเอลเลียตใช้เองเป็นดาบยาวมือเดียวโดยดาบเล่มนี้ถูกสร้างจนมีทักษะมากถึง 80 ทักษะ และเมื่ออาเบลลองใช้ดาบเล่มนี้โบกไปโบกมาเขาก็รู้ได้ทันทีว่าดาบเล่มนี้เป็นผลงานของจีดอนหนึ่งในลูกศิษย์คนโปรดของอาจารย์เบธแฮมนั่นเอง มันถูกสร้างขึ้นมาอย่างระมัดระวังและคุณภาพของมันเองก็ยังคงดีเยี่ยมอีกด้วย

 

อาวุธที่เอลเลียตใช้มือซ้ายเองเป็นโล่ห์ทรงกลมอันหนึ่งมันทํามาจากเหล็กที่มีความแข็งแกร่งถึง 80 ทักษะด้วยกัน แน่นอนว่าโล่ห์อันนี้ก็เป็นผลงานของจีดอนเช่นเดิม ถึงแม้ว่าโล่ห์อันนี้จะไม่ได้ใหญ่อะไรมากนัก แต่มันก็เพียงพอแล้วสําหรับการป้องกันการโจมตีในระหว่างการต่อสู้ และด้วยขนาดที่ไม่ได้ใหญ่นี้เองจะทําให้การปกป้องอวัยวะที่สําคัญภายในร่างกายนั้นเป็นไปง่ายมากยิ่งขึ้น

 

” พวกนายทุกคนจะต้องใช้ดาบและโล่ห์ที่ฉันทําขึ้นเอลเลียตหาอัศวินอีกสองคนตามนายไปเอาอาวุธในห้องที่เหล็กของฉัน” อาเบลได้สั่งการขึ้น

 

เดิมที่คุณภาพของอาวุธและโล่ห์ทั้งหมดนั้นอยู่ในเกรดที่ดีพอสําหรับอัศวินรับใช้แล้วแต่สําหรับอาเบลแล้วเขาสามารถอัพเกรดระดับของอาวุธพวกนี้ให้ดียิ่งขึ้นดังนั้นแล้วอาเบลจึงตัดสินใจที่จะให้อาวุธเวทย์กับพวกอัศวินรับใช้ได้ใช้แทน

 

หลังจากพูดบอกลากับลอร์ดมาแชลแล้ว อาเบลก็ได้หยิบฟูกินเขียนรูนรวมไปถึงหมึกและเดินขึ้นบันได้ไป ตอนนี้อาเบลได้หยิบถุงที่เต็มไปด้วยอัญมณีที่ได้มาจากเอลเลียตด้วยเช่นกันจากนั้นอาเบลก็ได้นําของทั้งหมดเข้าห้องตีเหล็กส่วนตัวของตัวเองไป

 

หลังจากที่เดินเข้าไปในห้องตีเหล็กส่วนตัวพร้อมกับอาเบลและอัศวินอีกจํานวนหนึ่ง ตอนนี้เอลเลียตได้วางอาวุธและโล่ห์ทั้งหมดไว้ในห้องตีเหล็กของอาเบลแล้ว จากนั้นเอลเลียตก็ยืนพิงกําแพงของมุกห้องมุมหนึ่งเพื่อที่จะรอคําสั่งของอาเบลต่อไป

 

“อย่าให้ใครมากวนฉันในตอนที่ฉันกําลังสร้างอาวุธเวทย์นะ” อาเบลได้พูดขึ้น

 

“ได้ครับ ท่านอาเบล”

 

เมื่อเอลเลียตได้ออกจากห้องของอาเบลไป เขาก็ได้เรียนอัศวินอีก 19 คนที่เหลือให้ยืนรออยู่ที่นอกห้องตีเหล็กในทันที่ตอนนี้เอลเลียตไม่รู้ว่ากระบวนการสร้างอาวุธเวทย์ของอาเบลนั้นอันตรายมากน้อยขนาดไหน ห้องของอาเบลถูกปิดผนึกเอาไว้อย่างสมบูรณ์แบบ ในตอนนี้ไม่มีใครที่จะสามารถเข้าไปหาอาเบลได้อีกต่อไปเว้นแต่ว่าเอลเลียตและอัศวินอีก 19 คนนั้นได้ตายจากไปก่อน

 

ในห้องตีเหล็กส่วนตัวของอาเบลเขาได้รวบรวมอัญมณีที่ไม่ สมบูรณ์แบบทั้งหมดเพื่อหลอมหลวมให้เป็นอัญมณีขึ้นมาใหม่อีกครั้ง ดูเหมือนว่าเงินที่อัศวินเอเลียตได้ใช้ซื้อของพวกนี้ไปจะแพงกว่าในตอนที่อาเบลใช้เป็นอย่างมาก การที่จะซื้อของอะไรก็แล้วแต่และคนผู้นั้นไม่ได้มีชื่อเสียงจะต้องถูกหลอกลวงแบบนี้นั่นเอง

 

อาเบลไม่รอช้าอีกต่อไปเขาได้รวบรวมเศษอัญมณีสีแดงให้เป็นอัญมณีสีแดงที่สมบูรณ์แบบในทันทีนี่คือการเตรียมวัสดุสําหรับการทําดาบระเบิดขั้นสุดยอดนั่นเอง

 

ขั้นต่อไปที่อาเบลจะต้องทํานั้นคือการสร้างอาวุธเวทย์นั่นเอง โดยตอนนี้อาเบลจะต้องเขียนรูนไว้บนอาวุธอย่างไม่สมบูรณ์แบบเพื่อเร่งให้อาวุธเวทย์ที่ตัวเขาทําขึ้นนั้นระเบิด ก่อนหน้านี้อาเบลสามารถควบคุมมาตรฐานการสร้างอาวุธเวทย์ของเขาได้เป็นที่เรียบร้อยแล้ว ตั้งแต่การสร้างดาบรวมไปถึงการเขียนรูนของอาเบลนั้นอยู่ในระดับที่เป็นมาตรฐานของตัวเขาไปเป็นที่เรียบร้อย

 

ตอนนี้อาเบลได้หยิบดาบที่เป็นผลงานของจีดอนขึ้นมาก่อนที่จะใช้พลังแห่งความมุ่งมั่นของตัวเองในการตรวจสอบว่าดาบเล่มนี้มีข้อผิดพลาดอะไรบ้าง หลังจากที่อาเบลตรวจสอบอาวุธอย่างสมบูรณ์แบบแล้วเขาก็ได้ใช้วัสดุที่เหลือก่อนหน้านี้ในการสร้างสิ่งของต่างๆ ปรับปรุงพัฒนาของทั้งหมดพวกนี้ หลังจากที่อาเบลได้ปรับปรุงอาวุธทุกชิ้นเสร็จแล้วเขาก็ได้โยนอาวุธทุกชิ้นลงไปในฮอร์ราดริกคิวบ์ทันที

 

หลังจากจัดการของที่ไม่เป็นระเบียบทุกอย่างบนโต๊ะทํางานของเขา อาเบลก็ได้ใส่พลังแห่งจิตวิญญาณลงไปในฮอร์ราดริกคิวบ์ ตอนนี้อาเบลได้ดึงดาบยาวมือเดียวขึ้นมาอีกครั้งแต่มีอะไรบางอย่างที่น่าสนใจเกิดขึ้น

 

เมื่อพลังแห่งความมุ่งมั่นของอาเบลได้ไหลเข้าไปในดาบยาวมือเดียว ตอนนั้นเองตัวหนังสือที่คุ้นตาของอาเบลก็ปรากฏขึ้นมาอีกครั้ง มันคือภาษาจีนนั่นเอง เป็นเวลาเนินนานแล้วที่อาเบลไม่ได้เห็นตัวหนังสือพวกนี้เลย…. ตอนนี้ใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยน้ําตาที่คิดถึงโลกเดินที่เขาได้จากมา

 

อยู่ดีๆ ก็มีความกลัวเกิดขึ้นภายในหัวใจของอาเบลในทันทีอาเบลกลัวว่าเขาจะลืมอดีตที่เขาได้จากมา อาเบลกลัวที่จะลืมใบหน้าของผู้ที่เป็นพ่อแม่ที่แท้จริงของเขา เพื่อน และทุกสิ่งทุกอย่างเองที่อยู่ในโลกใบเดิม ในตอนนี้อาเบลได้ลืมใบหน้าของเพื่อนเก่าบางคนไปจนสนิทแล้ว และเขากลัวว่าต่อไปนี้เขาจะไม่สามารถจําหน้าพ่อและแม่ของเขาได้อีกต่อไป

 

ฮอร์ราดริกคิวบ์ที่มาพร้อมกับอาเบลในโลกแห่งนี้เป็นเหมือนกับของสิ่งเดียวที่จะทําให้อาเบลนั้นนึกถึงเรื่องราวของโลกเดิมในอดีต ด้วยฮอร์ราดริกคิวบ์จากโลกใบเดิมของอาเบลจะต้องสร้างรากฐานของความสงบสุขให้กับโลกใบนี้ได้อย่างแน่นอน ในตอนนี้ฮอร์ราดริกคิวท์อัน นี้ได้สนับสนุนอาเบลมาโดยตลอด

 

ตั้งแต่มีตัวอักษรจรปรากฏขึ้นอีกครั้งความสงสัยที่มีมาโดยตลอดของอาเบลนั้นก็ได้รับการยืนยันแล้ว ฮอร์ราดริกคิวบ์มาจากโลกใบเดิมของอาเบลจริงๆ

 

ตัวอักษรจีนได้เขียนเอาไว้ว่า

 

ดาบมือเดียว [ปกติ]

 

ความเสียหายมือเดียว: 2-3

 

ความทนทาน: 21×24

 

อาเบลรู้สึกตกใจที่ฮอร์ราดริกคิวบ์ของเขาสามารถแสดงคุณสมบัติของอาวุธออกมาได้ถึงขนาดนี้ แม้ว่าในโลกใบนี้จะไม่มีอุปกรณ์ในเกมเดียโบ 2 เลยก็ตาม แต่คิวบ์อันนี้ก็สามารถที่จะระบุคุณสมบัติได้นั่นเอง เรื่องทั้งหมดนี้ทําให้อาเบลมีความสุขเป็นอย่างมากเมื่อเห็นคุณสมบัติของอาวุธถูกแสดงออกมาในรูปแบบของภาษาจีน

แต่ทําไมอาวุธก่อนหน้านี้ที่อาเบลได้ใส่เอาไว้ในฮอร์ราดริกคิวบ์ถึงกลับไม่เคยแสดงคุณสมบัติที่มีออกมาก่อนไม่มีใครสามารถตอบข้อสงสัยของเขาได้ในตอนนี้หลังจากที่อาเบลได้คิดทบทวนอยู่นานเขาก็นึกเหตุผลออกทั้งหมด 2 ข้อด้วยกันเหตุผลแรกอาวุธที่อาเบลสร้างขึ้นเองอาจจะไม่แสดงในฮอร์ราดริกคิวบ์ของเขาเอง ส่วนเหตุผลอีกข้อก็คือในตอนนี้พลังแห่งความมุ่งมั่นของอาเบลได้มีเพิ่มมากขึ้นแล้วดังนั้นพลังของเขาจึงปลดล็อคคุณสมบัติอันนี้ของฮอร์ราดริกคิวบ์นั้นเอง

Abe the Wizard

Abe the Wizard

ATW, 巫师亚伯
Score 6
Status: Ongoing Type: Author: , Released: 2017 Native Language: Chinese
อ่านนิยายเรื่อง Abe the Wizardฉันได้กลับชาติมาเกิดในโลกใบใหม่นี้ ดูเหมือนว่ามีเพียงสิ่งเดียวที่ติดตัวฉันมาที่โลกใบนี้ด้วย สิ่งนั้นคือ ฮอร์ราดริกคิวบ์ จากเกม Diablo II นั่นเอง หนทางการเป็นอัศวินสุดเท่ห์กำลังจะเริ่มขึ้นแล้ว แต่ทำไมการเป็นจอมเวทย์ก็อยู่ในทางเลือกด้วยล่ะ? แล้วฉันควรจะเลือกทางไหนกันแน่นะ?

Comment

Options

not work with dark mode
Reset