ลิงค์ ได้รับภารกิจใหม่หลังจากที่เอาชนะ ดาริส ได้ ตอนแรกเขาตั้งใจจะพา ดาริส กลับไปที่สถาบันเวทย์มนตร์อีสโควฟ อย่างไรก็ตาม, เขาก็ตัดสินใจที่จะล้มเลิกหลังจากที่คิดอยู่พักนึง
ภารกิจบอกว่าฉันไม่ได้รับอนุญาติให้ทำลายชื่อเสียงของสถาบัน มันจะบุ่มบ่ามเกินไปถ้าฉันพา ดาริส กลับไปที่สถาบันแล้วกล่าวหาเขาต่อหน้าทุกๆคนโดยตรง ลิงค์ คิด
แน่นอนว่า ดาริส ต้องถูกพากลับไปไต่สวน อย่างไรก็ตาม, เขาไม่สามารถกล่าวหาอย่างเปิดเผยได้ ความเกี่ยวข้องของนักเวทย์เลเวล 6 กับหัวหน้านักเรียนของเขาในการวิจัยเวทย์มนตร์แห่งความมืดร่วมกันนั้นมันเป็นเรื่องที่เสื่อมเสียเกินไป ขณะที่การลงโทษที่ต้องเจอนั้น, แน่นอนว่าผู้อาวุโส แอนโทนี่ ไม่ต้องการให้เรื่องออกสู่ภายนอกและสะท้อนผลในแง่ลบกลับมาที่สถาบัน
แอนโทนี่ คงอยากจะแก้ไขปัญหานี้อย่างเงียบๆด้วยความเสียหายที่น้อยที่สุดต่อชื่อเสียงของสถาบัน
ลิงค์ เองก็สามารถเป็นวัยรุ่นเลือดร้อนและประนาม เบล กับ ดาริส อย่างเปิดเผยเพื่อการปลดปล่อยอารมณ์ของเขาได้ อย่างไรก็ตามถ้าเขาทำอย่างนั้น, เขาไม่เพียงแค่จะถูกวิจารณ์สำหรับการขาดวุฒิภาวะของเขาเท่านั้น, แต่เขายังไม่ได้รับผลประโยชน์ที่เป็นรูปธรรมอะไรเลยด้วย
มันไม่ใช่ปัญหาเรื่องเวทย์มนตร์เพียงอย่างเดียวอีกต่อไป, แต่เป็นเรื่องของการจัดการในช่วงสำคัญ ถ้าเขาสามารถแก้ไขปัญหานี้ได้ด้วยลักษะท่าทางที่เป็นผู้ใหญ่, เขาก็จะสามารถได้รับการยอมรับเป็นอย่างมาก
หลังจากที่คิดอยู่พักนึง, ลิงค์ ก็ทำใจให้เย็นลงแล้วร่ายธาตุแห่งการรักษาใส่ ดาริส เพื่อรักษาชีวิตของเขาเอาไว้ จากนั้น, เขาก็ร่ายเวทย์สะกดจิตใส่เขาเพื่อทำให้เขาสงบตลอดการเดินทาง
ลิงค์ ไม่ได้วางแผนที่จะทิ้งร่องรอยใดๆของการต่อสู้ของพวกเขาเอาไว้เช่นกัน หลังจากที่ดูแล ดาริส เรียบร้อยแล้ว, เขาก็ทำให้มั่นใจว่าป่าเกอร์เวนท์จะฟื้นฟูกลับสู่สภาพเดิม
สิ่งที่สำคัญที่สุดเป็นอย่างแรกก็คือ, แอ่งขนาดยักบนพื้นที่เกิดขึ้นจากการระเบิดต้องถูกฝัง เห็นได้ชัดว่าแอ่งนี้เกิดขึ้นจากการปล่อยเวทย์มนตร์ที่ทรงพลังและเวทย์มนตร์ที่เกิดขึ้นในป่าเกอร์เวนท์ก็จะเชื่อมโยงไปถึงสถาบันเวทย์มนตร์ระดับสูงอีสโควฟโดยอัตโนมัติ ซึ่งนี่สามารถจุดชนวนให้เกิดความแตกแยกในหมู่ผู้คนหรือแม้กระทั่งเกิดความเกรงกลัวต่อสถาบันได้
ลิงค์ รีบคลุมแอ่งอย่างรวดเร็วด้วยเวทย์มนตร์ปรับเปลี่ยน
อย่างที่สอง, ลิงค์ ต้องทำลายหลักฐานของไม้ที่แตกกระจายและสลักเกียวโลหะจากรถม้าที่ถูกทำลายด้วยพายุใบมีด เขาเปิดแอ่งอีกแห่งขึ้นบนพื้นและฝังเศษซากทั้งหมดนี้ก่อนที่จะฝังมัน
หลังจากที่ ลิงค์ สร้างรากฐานเหล่านี้และลบหลักฐานของการต่อสู้ของพวกเขาที่อยู่ใกล้ๆทั้งหมด นอกเหนือจากหญ้าที่ถูกเผาไหม้แล้ว, ป่าก็ดูดีเหมือนใหม่
ลิงค์ ทำให้มั่นใจว่างานฟื้นฟูของเขาเหมาะสมพอที่จะดูเป็นธรรมชาติสำหรับมนุษย์ธรรมดา, แต่เขาก็ไม่ได้ทำให้สมบูรณ์แบบเพื่อที่นักเวทย์ที่เดินผ่านทางมาจะยังสามารถบอกได้ว่าเกิดอะไรขึ้น ซึ่งนี่คือการรักษาหลักฐานที่เพียงพอแล้วเพื่อป้องกันไม่ให้ ดาริส ปฏิเสธสิ่งที่เกิดขึ้นในตอนที่พวกเขาไปถึงสถาบัน
จากนั้น ลิงค์ ก็ตรวจดูอาการของ ดาริส ดูเหมือนว่าเขาจะหายใจเหมือนปกติและไม่ได้อยู่ในภาวะอันตรายแล้ว
“เอาหล่ะ, ตอนนี้พวกเราจะกลับไปที่สถาบัน!” ลิงค์ หัวเราะเบาๆ
รถม้าถูกทำลายไปแล้วแต่เขามีเวทย์มนตร์อยู่กับตัว
เขามีค่าโอมนิอยู่ 90 หน่วย, หลังจากที่เรียกดูเวทย์มนตร์ที่เขาสามารถเรียนรู้ได้, เขาก็ใช้ค่าโอมนิ 30 แต้มเพื่อซื้อเวทย์อัญเชิญ เฟนเรียสายลม
เฟนเรียสายลม
เวทย์มนตร์อัญเชิญเลเวล 3
มานาที่ต้องใช้: 150 หน่วย
ผล: อัญเชิญหมาป่าธาตุลมเพื่อช่วยคุณในการต่อสู้ มีผลเป็นเวลาหนึ่งชั่วโมง
(หมายเหตุ: มันเป็นคู่หู่ที่แข็งแกร่ง, และยังสามารถใช้ขี่ได้ด้วยในตอนที่ต้องการ)
ทัศน์วิสัยของ ลิงค์ พร่ามัวเล็กน้อยและหลังจากที่ผ่านไปสองวินาที, เขาก็ได้รับเวทย์นี้ในคลังแสงของเขา
ระบบการเรียนรู้เวทย์มนตร์แบบในเกมส์นั้นช่างสะดวกจริงๆ! ลิงค์ คิด
ตั้งแต่ที่เขาฟื้นสภาพจากภาวะอ่อนแอของเขา, เขาก็มีมานาทั้งหมด 900 หน่วย, ซึ่ง 150 มานานั้นไม่ได้มีปัญหาอะไรกับเขาเลย
ลิงค์ เอาคทาของเขาออกมาและเติมมานาใส่เข้าไป เสียงของสายลมที่รุนแรงจนสามารถได้ยินได้ดังขึ้นในทันที; ธาตุลมมารวมตัวกันเบื้องหน้าเขาและสร้างพายุทรายขึ้นมา ในเวลาที่เสียงคำรามของสายลมหายไป, ฟินเรียสีเขียวที่สูงเก้าฟุตก็ปรากฏตัวขึ้น มันดูน่ากลัวมากๆกับสายฟ้าและลมกรรโชกที่อยู่รอบตัวมัน
“ดี, นั่งลงซะ” ลิงค์ สั่ง
เฟนเรียสายลมทำตามคำสั่งในทันที ลิงค์ เอาตัว ดาริส กับตัวเขาขึ้นหลังของมันแล้วตะโกนสั่ง “เดินหน้า!”
เฟนเรียสายลมพุ่งไปข้างหน้าด้วยความเร็วที่บ้าคลั่งราวๆ 150 ฟุตต่อวินาที นอกจากนี้มันยังแทบไม่มีความผิดปกติหรือความไม่สบายจากสายลมที่รุนแรงเลย โดยสรุปก็คือ, มันทั้งนั่งสบายและมั่นคง
ช่างเป็นเวทย์ที่สะดวกสบายอะไรอย่างนี้
เมืองริเวอร์โควฟกับสถาบันเวทย์มนตร์ระดับสูงอีสโควฟอยู่ห่างกันแค่ประมาณหกไมล์ ด้วยเฟนเรียสายลม, พวกเขาน่าจะสามารถไปถึงได้ในเวลา 15 นาที อย่างไรก็ตาม, ดาริส ก็ตื่นขึ้นมาในช่วงเวลาอันสั้นนี้
ยังไงซะเขาก็เป็นนักเวทย์เลเวล 4 และมีจิตวิญญาณที่แข็งแกร่งกว่ามนุษย์ทั่วไป เวทย์สะกดจิตเลเวล 0 นั้นแทบจะไม่มีผลกับเขา, มันอยู่ได้ไม่ถึงครึ่งชั่วโมงเลยด้วยซ้ำ
ดาริส ตระหนักได้ว่าเขาอยู่บนหลังของหมาป่าตัวใหญ่ในตอนที่เขาตื่นขึ้น จากการศึกษาเวทย์มนตร์มานานหลายปีของเขา, แน่นอนว่าเขารู้จักเวทย์มนตร์อัญเชิญเฟนเรียสายลมเลเวล 3 นี้ จากนั้นเขาก็หันศรีษะของเขาแล้วเห็น ลิงค์
ลิงค์ ยังคงดูเด็กเหมือนเช่นเคย, เขาดูเป็นเด็กไร้เดียงสาซะด้วยซ้ำ มานาที่สามารถสัมผัสได้จากร่างกายของเขายังคงต่ำเหมือนเดิม, มันแทบจะอยู่ในระดับนักเวทย์ฝึกหัดก็ว่าได้ ความแตกต่างเพียงอย่างเดียวก็คือดวงตาของเขา พวกมันส่องประกายออกมาด้วยความมั่นใจและประสบการณ์ ซึ่งแตกต่างจากคนที่เจียมเนื้อเจียมตัวและระมัดระวังเหมือนกับที่เขาคุ้นเคยด้วย
ลิงค์ ต้องใช้อุปกรณ์เวทย์มนตร์บางอย่างเพื่อปกปิดมานาที่เขามีแน่ๆ ดาริส คิด
นักเวทย์เลเวล 4 ที่อายุแค่ 17 ปี…ดาริส มักจะเชื่อเสมอว่าเขาเป็นอัจฉริยะ พอลองคิดกลับไปดู, เขาทำอะไรอยู่ตอนที่อายุ 17 ปีหล่ะ? บางทีอาจจะยังคงทรมานสมองของเขากับนักสือเวทย์มนตร์ที่ง่ายที่สุดและรู้สึกประสบความสำเร็จในตอนที่เขียนคำภีร์เวทย์มนตร์เลเวล 0 ได้ มันคือระเบิดขนาดใหญ่สำหรับความภาคภูมิใจในตัวเองของเขา
“ใครเป็นคนที่สั่งให้นายมาตามสืบอาจารย์ของฉัน?” ดาริส ยอมแพ้ที่จะขัดขืนแล้ว
เขารู้ว่าเขาไม่มีแม้กระทั่งโอกาสที่จะฆ่าตัวตายด้วยซ้ำ ตั้งแต่ที่เขาตื่นขึ้น, คทาของ ลิงค์ ก็ชี้ไปที่หลังศรีษะของเขา เวทย์สะกดจิตคงจะทำให้เขาสลบอีกครั้งถ้าเขาพยามที่จะหนี
เขาแค่ต้องการจะรู้ว่าใครคือผู้บงการ
ลิงค์ หัวเราะ “อย่าถามคำถามที่เปล่าประโยชน์แบบนั้นกับฉันสิ นายจะได้รู้ในตอนที่พวกเราไปถึงสถาบันอย่างแน่นอน ว่าแต่ฉันสงสัยจริงๆนะ หากตัดสินจากนิสัยของนายแล้ว, โดยปกตินายน่าจะไม่ยอมเห็นด้วยกับการช่วยเหลืออาจารย์ของนายในการวิจัยเวทย์มนตร์แห่งความมืดของเขานะ อะไรที่ทำให้นายเลือกที่จะก้าวเข้ามาในเส้นทางที่อันตรายนี้หล่ะ?”
“ฉันแค่รู้สึกขอบคุณอาจารย์ของฉัน…” ดาริส พูดอย่างนอบน้อม
“หยุดไร้สาระได้แล้ว!” ลิงค์ พูดขัด “บอกฉันมาตามความจริงซะ!”
จากการสังเกตุของ ลิงค์, ดาริส ให้ความสำคัญกับอนาคตของเขาเหนือสิ่งอื่นใด การวิจัยเวทย์มนตร์แห่งความมืดจะถูกลงโทษด้วยความตายผ่านการเผาร่างกายที่วัดของเทพแห่งแสง ไม่มีทางที่เขาจะยอมเสี่ยงชีวิตของเขาเพียงเพราะเขารู้สึกขอบคุณแน่ๆ
ดาริส รู้สึกเหมือนกับว่าเขาได้พบศัตรูคู่อาฆาตของเขา ไม่เพียงแค่เขาจะแพ้เท่านั้น, แต่แรงจูงใจของเขายังถูกมองออกได้
หลังจากที่เงียบไปซักพัก, ดาริส ก็พูดออกมา “มันเป็นการแลกเปลี่ยนหน่ะ, อาจารย์ของฉันจะอนุญาติให้ฉันเข้าถึงคำภีร์แห่งความรู้ของ ไบรอันท์”