เบล ฝันร้าย
เขาฝันว่าเขาถูกส่งไปยังที่ๆมืดมากๆ มากเสียจนเขาไม่อาจเห็นแม้แต่นิ้วมือของตัวเองได้ และเขายังรู้สึกหนาวด้วย ซึ่งความหนาวอันแสนเจ็บปวดนั้นได้ทะลุผ่านผ้าคลุมนักเวทย์ที่หนาของเขา เขาตัวสั่นอย่างไม่สามารถควบคุมได้ มีพายุหิมะรุนแรงอยู่รอบๆตัวเขา พายุหิมะนี้มันเหมือนกับว่ามันมีชีวิต มันเข้าสู่ร่างกายของเขา ผ่านจมูก,หูและปาก มันขโมยความร้อนไปจากร่างกายของเขา
เบล พยายามที่จะสร้างแหล่งความร้อนตามสัญชาติญาณ แต่ยังไงก็ตาม เขาไม่สามารถหาคทาหรืออุปกรณ์เวทมนตร์ของเขาพบ และเมื่อเขาพยายามที่จะร่ายเวทย์ด้วยมือเปล่า เขาก็พบว่ามานาในตัวเขานั้นได้หายไปจนหมด ดูเหมือนว่าเวทมนตร์ของเขาจะทอดทิ้งเขาซะแล้ว
“เกิดอะไรขึ้นกันแน่? นี่ข้าอยู่ที่ไหน?” เบล ตื่นตระหนก
ในพื้นที่อันว่างเปล่า เบล พยายามที่จะต้านความหนาวเหน็บและความรุนแรงของพายุหิมะ จนไม่รู้เวลา มันดูเหมือนไม่มีที่สิ้นสุดจนกระทั่ง เบล รู้สึกตัวว่าเขาไม่รู้สึกหนาวอีกต่อไปแล้ว แต่ออร่าอันชั่วร้ายก็ยังเข้าสู่ร่างกายของเขาต่อไป ความรู้สึกไม่ค่อยสบายจากความหนาวภายในตัวเขาหายไปแล้ว และเขาก็รู้สึกมีพลังมากขึ้นกว่าแต่ก่อนเสียอีก
“เกิดอะไรขึ้น? นี่ข้ากำลังจะตายงั้นหรือ?” เบล ไม่สามารถทำความเข้าใจสถานการณ์ในปัจจุบันได้
เมื่อเวลาผ่านไป เบล ก็ค่อยๆตระหนักได้ว่าสถานะความแข็งแกร่งของเขาไม่หายไป และกลับกันเขากลับรู้สึกมีพลังมากขึ้นเรื่อยๆ ความหนาวเหน็บในร่างกายของเขาในตอนนี้มันรู้สึกเหมือนเป็นลมเย็นๆ มันเป็นเวลานานแล้วที่เขาไม่ได้รู้สึกว่ามีพลังมากขนาดนี้
มันเป็นไปได้ยังไง? ข้าอายุเกือบจะ 70 ปีแล้วนะ และกำลังจะตายด้วย ทำไมข้าถึงรู้สึกเหมือนข้ากลับไปอายุ 20 เลยหล่ะ? เบล สับสน ทันใดนั้น เบล ก็พบกับภาพเหตุการณ์ย้อนหลัง
เวทย์ปลุกคนตาย..ความเป็นอมตะ….เฉด…ข้านึกออกแล้ว ข้าอยู่ในหอคอยเวทมนตร์ของ เฉด และกำลังอยู่ในขั้นตอนแปลงร่างในบ่อน้ำ นี่มันหมายความว่าข้าทำสำเร็จแล้วงั้นหรือ? เบล คิดด้วยความปิติยินดี
เขาค่อยๆปรับตัวให้ชินกับร่างกายใหม่ของเขา ร่างกายของเขาไร้ความรู้สึกและไม่อ่อนแอเหมือนแต่ก่อน โดยเฉพาะประสาทการสัมผัส อย่างเดียวที่ชัดเจนคือลมหนาวรอบๆตัวของเขา ภายใต้ผลของมัน ทำให้เขารู้สึกมีพลังมากขึ้น
นี่คือพลังแห่งความมืดสินะ มันไม่ค่อยน่ากลัวอย่างที่คิดเลย เบล คิด
เบล รู้สึกสบายมากที่อยู่ในสถานะนี้และผ่อนคลายร่างกายของเขารอการแปลงร่างให้เสร็จสมบูรณ์ ยังไงก็ตาม ทุกอย่างไม่ได้เป็นไปได้ด้วยดีอย่างที่เขาคิด เบล ถูกปลุกอย่างรุนแรงด้วยเสียงระเบิดดังลั่น
เกิดอะไรขึ้น? ไม่ใช่ว่าเฉดปกป้องบ่อน้ำอยู่หรือ? ความวุ่นวายนี้มันอะไรกัน?
ทันใดนั้น เบล ก็รู้สึกถึงแรงบีบอันทรงพลังที่จับร่างกายของเขาดึงออกมาจากการปกคลุมของลมที่หนาวเย็น
เกิดอะไรขึ้น! เบล รู้สึกว่าร่างกายของเขาถูกยกขึ้นกลางอากาศ ในตอนที่เขาพยายามจะลืมตา เขาก็พบว่าเขาไม่สามารถมองเห็นอะไรได้ซักอย่าง จากนั้นเขาก็ได้ยินเสียงของชายหนุ่ม
“ท่านเบล คุณดูน่ารังเกียจกว่าซากศพเน่าๆที่ผมเจอมาในทางที่มาที่นี่เสียอีกนะ”
มันเป็นเสียงที่คุ้นเคย เบล เคยได้ยินเสียงนี้จากที่ไหนซักแห่งแน่ๆ เขาตามหาเจ้าของเสียงในความทรงจำของเขาอย่างเอาเป็นเอาตาย และในตอนนั้น ก็มีเสียงอื่นแทรกเข้ามา “ เบล สุดท้ายแล้วนายก็ยังเลือกเส้นทางนี้สินะ”
มันเป็นเสียงของผู้หญิงที่ชัดและรื่นหูมาก ในความทรงจำของ เบล มีผู้หญิงคนเดียวที่เขารู้จักที่มีเสียงแบบนี้-นั่นคือลูกศิษย์สุดที่รักของ แอนโทนี่, มอยร่า
ในจังหวะที่เขายืนยันได้ว่าเป็น มอยร่า เขาก็ค่อยๆประกอบชิ้นส่วนจิ๊กซอเข้าด้วยกันอย่างช้าๆ เขาพูดด้วยความตะลึง “มอยร่า กับ ลิงค์?มันเป็นไปได้ยังไง? เฉด อยู่ที่ไหน?”
มีเสียงอันอ่อนแอดังขึ้น “เบล ข้าทำพลาด”
“สถาบันเวทมนตร์อีสโควฟส่งนักเวทย์มากี่คนกัน? มันนานแค่ไหนแล้วนับตั้งแต่การแปลงร่างได้เริ่มขึ้น?” เบล สับสน
ต่อให้เป็นสมาชิกสภาทั้ง 6 ในตอนนี้ ก็ยังไม่สามารถจัดการกับ เฉด ภายในระยะเวลาสั้นๆได้ ถ้าเขาได้ใช้ประโยชน์จากพลังของหอคอยเวทมนตร์ของเขา และเขาก็เป็นเนโครแมนเซอร์เลเวล 5!
เฉด ฝืนยิ้มออกมา “พวกมันมีแค่2คน และนี่มันก็ผ่านไปแค่เพียง 40 นาทีเท่านั้น”
“แต่ว่าเจ้ามีหอคอยเวทมนตร์นะ…” เบล ไม่อาจเชื่อในสิ่งที่เขาได้ยิน
เฉด เตรียมพร้อมที่จะตอบคำถามแต่ก็ถูก เอร์เรร่า ขัดจังหวะซะก่อน “นั่นมันมากพอแล้ว เบล ในฐานะที่เป็นอาจารย์ของสถาบัน คุณกลับเลือกที่จะไปยุ่งกับเวทย์มนตร์แห่งความมืดและยังสมัครใจเปลี่ยนร่างตัวเองให้เป็นสิ่งมีชีวิตที่น่ารังเกียจอีก คุณได้ทรยศต่อประเพณีอันดีงามของสถาบันของเรา คุณจะต้องได้รับการตัดสินโทษสำหรับการกระทำของคุณ”
เพราะว่าเรื่องนี้เกี่ยวกับความลับของพลังอันไม่สามารถจินตนาการได้ของ ลิงค์ ในฐานะที่เป็นผู้ถูกเลือก เอร์เรร่า จึงไม่อยากที่จะเปิดเผยข้อมูลให้กับ เบล ไปมากกว่านี้
เบล ส่ายหัว “ไม่ อย่าลงโทษข้าเลยได้โปรด ข้าไม่ได้ต้องการที่จะทำร้ายใคร ข้าแค่ต้องการมีชีวิตอยู่ต่อเท่านั้น! มอยร่า ได้โปรดปล่อยข้าไปเถิด ข้าสัญญาว่าจะหายไปจากโลกนี้ตลอดกาลและจะไม่ปรากฏตัวต่อหน้าคนของสถาบันอีก ข้าจะหยุดการค้นคว้าเวทมนตร์แห่งความมืดด้วย”
เขาจะต้องจบสิ้นอย่างแน่นอนถ้าถูกพาตัวไปที่สถาบัน ต่อให้เขาถูกละเว้นโทษประหาร เขาก็ต้องสูญเสียอิสระหรือแม้กระทั่งถูกปิดผนึกพลังเวทย์ ซึ่งถ้าเป็นเช่นนั้นให้เขาตายไปซะยังจะดีกว่า
“ฉันขอโทษ แต่ฉันไม่สามารถตัดสินมันได้หรอกนะ” เอร์เรร่า ปฏิเสธ
เบล ไม่ยอมแพ้ง่ายๆ “มอยร่า ได้โปรด ข้ายังไม่อยากตาย มันยังมีเรื่องที่ข้าอยากรู้เกี่ยวกับเวทมนตร์อีกมากและถ้าข้าตายตอนนี้ข้าจะต้องนอนตายตาไม่หลับแน่ๆ ครั้งนี้ได้โปรดปล่อยขาไปเถอะนะ ให้โอกาสข้าได้แก้ตัวเถอะ”
เอร์เรร่า ถอยและตกอยู่ในความเงียบ ก่อนที่เธอจะลืมตาตื่นขึ้นมาในฐานะนางฟ้าแห่งแสง เธอเป็นเพียงแค่คนธรรมดา ในฐานะที่เป็นรุ่นพี่ด้านเวทมนตร์ เบล ได้ช่วยเหลือเธอในตอนที่เธอยังคงเรียนเวทมนตร์อยู่ ความจริงก็คือ เธอยังคงสวมกำไลข้อมือเวทมนตร์ที่ เบล ให้กับเธอในวันที่เธอบรรลุนิติภาวะไว้อีกด้วย
เอร์เรร่า กังวลถึงเรื่องที่จะเกิดขึ้นถ้าเธอส่งเขากลับไปที่สถาบัน ความคิดหนึ่งของเธอก็เป็นห่วง นักเวทย์อาวุโสผู้ฉลาดหลักแหลมที่ต้องเจ็บปวดกับการโดนลงโทษ ยังไงก็ตาม มันยังไม่มากพอที่จะเปลี่ยนการตัดสินใจของเธอได้ มันกลับทำให้เธอปฏิเสธคำขอของ เบล ยากขึ้นไปอีก
ดูเหมือนว่า เบล จะเห็นความหวังเล็กๆท่ามกลางความเงียบ “มอยร่า พวกเรารู้จักกันมาตั้ง 30 ปีแล้ว ข้าเฝ้าดูเจ้าเติบโตขึ้นมาด้วยซ้ำ! เจ้ารู้ว่าข้าเป็นคนยังไง ข้าไม่เคยทำอะไรโดยไม่มีการสำนึก แม้กระทั่งครั้งนี้ ข้าก็ไม่ได้ทำร้ายใครระหว่างกระบวนการวิจัยเวทมนตร์แห่งความมืดของข้าเลย ได้โปรดปล่อยข้าไปเถิด”
เอร์เรร่า พูดไม่ออก
“ท่านเบล ผมคิดว่าท่านกำลังเข้าใจผิดอยู่นะ” ลิงค์ เข้ามาแทรก
“ยังไงหล่ะ?” เบล ตอบกลับไปด้วยความเคารพ เขารู้ว่าอิสระของเขานั้นขึ้นอยู่กับ เอร์เรร่า และ ลิงค์ เขาจะต้องคอยเอาใจพวกเขา
ลิงค์ ยิ้มและพูดต่อ “คุณผิดที่คุณโกหกความจริงที่ว่าคุณไม่รู้ตัวว่าพลังแห่งความมืดมันมีผลกับคุณเรียบร้อยแล้ว นักเวทย์ส่วนใหญ่ที่ตกเข้าสู่ด้านมืดก็มีความเชื่อเหมือนกับคุณในตอนแรก บางคนก็เพราะสงสัย ขณะที่คนอื่นๆเช่น คุณ เพียงแค่เสาะหาความเป็นอมตะเพื่อที่จะได้ทำการวิจัยเวทมนตร์ต่อ พวกนั้นส่วนมากไม่ได้ตั้งใจที่จะก่ออันตรายให้กับโลก เฉด นายเองก็เริ่มต้นวิจัยเวทย์แห่งความมืดเพียงเพราะความสงสัยใช่ไหมหล่ะ?”
แม้กระทั่ง ลิงค์ ก็สงสัยเกี่ยวกับความลึกลับของเวทย์แห่งความมืด เขายังเก็บรูนไสยเวทย์ของ ทราวิส เอาไว้และวางแผนที่จะแอบเรียนมันอย่างลับๆ ยังไงก็ตาม หลังจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับ เบล, ลิงค์ เห็นได้อย่างชัดเจนเกี่ยวกับการกัดกร่อนของเวทมนตร์แห่งความมืดในมนุษย์และตัดสินใจแล้วว่า เมื่อเขากลับไปที่สถาบัน เขาจะหาเวลาที่เหมาะสมที่จะส่งมอบรูนไสยเวทย์ให้
เขาอาจจะได้รับความรู้ที่มีค่าจากรูนไสยเวทย์ แต่เมื่อเขาถูกเปิดโปง เขาก็จะสูญเสียความเชื่อใจจาก เอร์เรร่า ที่เชื่อว่าเขาเป็นผู้ถูกเลือก ระหว่างนางฟ้าแห่งแสงที่ตั้งใจจะเสียสละวิญญาณของเธอให้เขากับรูนไสยเวทย์ที่อาจจะให้ความรู้มากมายกับเขาแต่ในขณะเดียวกันก็ดึงดูดให้เขาเข้าด้านมืด-มันเห็นได้ชัดว่าตัวเลือกไหนดีกว่ากัน ตัวเลือกอย่างหลังมันช่างไม่มีประโยชน์เอาเสียเลย
เฉด ต้องการที่จะโต้แย้งแต่กลับตกลงสู่ความเงียบ มันเป็นเรื่องจริงที่เขาเริ่มงานวิจัยของเขาเพียงเพราะความสงสัย แต่กว่าเขาจะรู้สึกตัวได้ว่าเขาทำผิด เขาก็ไม่สามาถหันหลังกลับไปได้อีกแล้ว
เบล ยังคงไม่ยอมรับ “แล้วยังไงหล่ะ? นักเวทย์พวกนั้นแค่ไม่มีความตั้งใจมากเพียงพอ แต่ข้าแตกต่าง! ข้าเป็นอาจารย์สอนเวทมนตร์ ข้าสามารถทนมันได้!”
ลิงค์ หัวเราะ จอมเวทย์ในตำนาน ไบรอัน เคยพูดเอาไว้ว่า “การควบคุมตัวเองของมนุษย์นั้นเป็นภาพลวงตาที่ยอดเยี่ยมที่สุดในโลก!”
มนุษย์นั้นมักจะมีความเชื่ออย่างมากกับความตั้งใจของตัวเอง เชื่อว่าพวกเขาไม่ใช่แค่ควบคุมการกระทำได้เท่านั้น แต่ยังสามารถจัดการกับผลลัพท์ต่างๆได้อีกด้วย แต่ทั้งหมดนั่นก็เป็นเพียงแค่พรหมแดงที่พวกเขาปูขึ้นเองเท่านั้น แม้แต่ ลิงค์ ก็ถูกดึงดูดด้วยความลึกลับของเวทมนตร์ ถ้าไม่ใช่เพราะ เอร์เรร่า เขาก็คงจะจบด้วยการเลือกทางผิดเช่นกัน
สายตาของ เบล ที่เต็มไปด้วยความมั่นใจนั้นทำให้ ลิงค์ รู้สึกเบื่อหน่าย ลิงค์ จึงเปิดเผยอะไรบางอย่าง “ให้ผมบอกอะไรคุณอย่างนึงนะ ยาที่คุณใช้ในการแปลงร่างนั่นหน่ะมันถูกทำขึ้นมาจากวิญญาณของมนุษย์อย่างน้อย 100 คนเลยนะ! คุณสามารถยืนยันกับ เฉด ได้เลย”
“เฉด มันเป็นความจริงเหรอ?” เบล ตกใจ
เฉด เงียบไปพักนึงก่อนที่จะยอมรับ “เพื่อที่จะทำให้การกัดกินของความมืดสมดุล ข้าได้ผสมเลือดสดๆลงไปในยาด้วย ส่วมผสมของเลือดสดๆนั้นต้องการเลือดจากคนอย่างน้อย 1 ตัน ยังไงก็ตาม ข้าใช้แค่เลือดของพวกทาสเท่านั้น”
มีเลือดเพียงแค่ประมาณ 5 ลิตรเท่านั้นในร่างกายของมนุษย์ เพื่อที่จะสกัดเลือด 1 ตันนั้นหมายถึงต้องใช้ถึง 200 ชีวิต ตัวเลขนี้มันมากกว่าที่ ลิงค์ คาดไว้ซะอีก
“แค่พวกทาสงั้นเหรอ? ช่างมีคุณธรรมและใจดีเสียจริง” ลิงค์ หัวเราะด้วยความขยะแขยง “เพื่อที่จะให้คุณได้เป็นอมตะ มี 200 ชีวิตที่ต้องเสียสละเลยนะ และนี่มันเป็นแค่ก้าวแรกเท่านั้น แล้วนี่คือสิ่งที่คุณบอกหรอว่าคุณไม่อยากที่จะทำร้ายใคร?”
“ข้าไม่รู้เรื่องพวกนี้นะ!” เบล ปกป้องตัวเอง
“หยุดพูดได้แล้ว!” เอร์เรร่า ทนไม่ไหวแล้ว เธอมอง เบล อย่างผิดหวัง
“ท่านเบล ในตอนที่ท่านได้ยินว่ามี 200 ชีวิตที่ต้องเสียสละ ท่านไม่ได้แสดงถึงการรู้สึกบาปหรือสำนึกผิดเลย กลับกันท่านกลับคิดที่จะไม่รับผิดชอบมันด้วยซ้ำ ท่านได้ถูกความมืดกัดกินเรียบร้อยแล้วหล่ะ ฉันจะนำท่านกลับไปพิพากษาด้วยตัวเอง!”
เบล รู้ว่าโอกาสของเขาหมดไปแล้ว ในที่สุดเขาก็ปลดปล่อยความโกรธที่อยู่ภายในตัวเขา “บ้าเอ้ย! ข้าเป็นสมาชิกของสภาทั้งหกนะ-ข้าขอสั่งให้เจ้าปล่อยตัวข้า!” เขาทำได้แค่ปลดปล่อยอารมณ์ของเขาเท่านั้น
ลิงค์ จ้องไปที่ เอร์เรร่า แล้วพูด “เขาพ่ายแพ้ให้กับมันแล้ว”
“ลิงค์ เจ้าเป็นใครกันแน่? ข้าเป็นนักเวทย์อย่างถูกต้องนะ เจ้ากล้าดียังไง!” เบล คำรามด้วยความโกรธ
ด้วยความที่เป็นนางฟ้าแห่งแสง เอร์เรร่า รู้สึกว่าเธอต้องปกป้องผู้ถูกเลือก เธอออกคำสั่งอย่างหนักแน่น “เบล ตัวจริงของ ลิงค์ นั้นเป็นอะไรที่อยู่เหนือกว่าที่ท่านจะจินตนาการได้ ระวังคำพูดของท่านด้วย!”
“พวกแกทุกคน! ไปลงนรกซะ!” เบล สูญเสียความมีเหตุผลไปแล้ว
“พาเขากลับไปกันเถอะ”
เฉด บาดเจ็บสาหัสขณะที่ เบล อยู่ภายใต้ผลของกักขังมานา มันง่ายมากที่จะส่งพวกเขากลับไปที่สถาบัน เอร์เรร่า ร่ายเวทย์บินและพาพวกเขากลับไปอย่างรวดเร็ว
หลังจากพวกเขาออกไป มีเงาดำสองอันโผล่ขึ้นมาที่หน้าหอคอยเวทมนตร์แห่งความมืด หนึ่งในพวกมันพูด “ไม่คิดเลยว่าพวกมันจะสามารถจัดการเฉดได้”
“มันเหนือความคาดหมายก็จริง แต่มันอาจจะไม่ใช่เรื่องแย่ก็ได้นะ ข้าพูดถูกมั้ย?”
“แน่นอน ดูเหมือนว่าตอนนี้พวกเราจะต้องหาทางช่วย เบล ออกมาโดยเร็วแล้ว”