แอนโทนี่ อายุ 63 ปีแล้ว, แต่เขาไม่ได้เดินโงนเงนเหมือน เบล, ร่างกายของเขายังสุขภาพดีและแข็งแร็งมากๆมือกับขาของเขาก็คล่องแคล่วเหมือนคนหนุ่ม แล้วเขาก็ยังมีพลังงานอยู่ล้นเหลือและน่าจะสามารถใช้ชีวิตได้ถึงหนึ่งร้อยปี
ในเวลาเจ็ดโมงเช้า, เขายังอยู่ในสถาบันเวทย์มนตร์อีสโควฟ แต่เวลา 8 โมงเขาก็ไปอยู่ในเมืองสปริงแล้ว และเขาก็กำลังสนทนากับกลุ่มเจ้าหน้าที่ชั้นผู้ใหญ่เกี่ยวกับหน้าที่ของกองทัพนักเวทย์ และพอเวลาบ่าย 3 โมง, เขาก็ตัดสินผู้เข้าร่วมที่เหมาะสมที่สุดตามปกติ
การเดินทางกับกองทัพเป็นงานที่ท้าทาย แม้ว่านักเวทย์จะได้รับการปฏิบัติเป็นพิเศษ, แต่การเดินทางก็ยังต้องการนักเวทย์ที่มีกำลังกายภาพอยู่บ้าง, ดังนั้น, นักเวทย์ที่จะได้เข้าร่วมกับกองทัพจึงต้องมีอายุไม่ถึง 40 ปี ซึ่งในมุมมองของ แอนโทนี่, คนที่เหมาะสมที่สุดก็คือ ดาริส, อัจฉริยะคนแรกของคนรุ่นใหม่ในสถาบัน
ตั้งแต่อายุ 30 ปี, ดาริส ก็ก้าวหน้าไปจนได้เป็นนักเวทย์เลเวล 4 แล้วและอนาคตของเขาก็ดูสดใสมากๆ แอนโทนี่ เห็นเงาของตัวเองในอดีตในตัวของ ดาริส, ดังนั้นเขาจึงต้องการมอบโอกาสให้กับเขาในการเก็บเกี่ยวประสบการณ์และชื่อเสียง
ตอนแรก, เขาก็ดูๆลูกศิษย์ของเขา เอร์เรร่า อยู่เช่นกัน แต่โชคไม่ดีที่, เธอเป็นผู้หญิง, เพราะฉะนั้นเธอจึงไม่เหมาะสมกับตำแหน่งนี้ ในโลกแห่งเวทย์มนตร์, ไม่มีการแบ่งแยกระหว่างผู้ชายกับผู้หญิง—ในความเป็นจริง, มีนักเวทย์หญิงที่แข็งแกร่งอยู่มากมาย แต่ในกรณีนี้, การให้ผู้หญิงที่งดงามอย่าง เอร์เรร่า ทำงานอยู่ท่ามกลางกองทัพก็อาจจะไม่ใช่ความคิดที่ดี
ในเวลา 6 โมงเย็น, แอนโทนี่ เข้าร่วมการรับประทานอาหารมื้อใหญ่ที่กษัตริย์ ลีออน จัดเตรียมไว้ให้สำหรับเขา หลังจากการทักทายกันพอเป็นพิธีและพิธีการทางสังคม, เวลาก็ล่วงเลยไปถึง 2 ทุ่มแล้ว จากนั้นเขาก็รีบไปที่หอคอยวาร์ปของพระราชวัง, เตรียมพร้อมที่จะกลับไปที่สถาบัน
จนถึงตอนนี้, ทุกๆอย่างเป็นไปตามแผนการของเขา, และไม่มีอะไรทำให้ตารางเวลาของเขาคลาดเคลื่อน โดยรวมแล้ว, เขาพึงพอใจกับการเดินทางมาเมืองหลวงในครั้งนี้
แม้ว่า แอนนี่ มักจะไม่ชอบเข้าร่วมการประชุมที่น่าเบื่อหน่ายและการรับประทานอาหารพวกนี้, แต่เขาก็เข้าใจว่ามันเป็นหน้าที่ของเขาในฐานะผู้อาวุโสของสถาบันเวทย์มนตร์อีสโควฟ เรื่องทั้งหมดนี้ทำให้เขาเสียเวลาไปทั้งวัน, แต่ตอนนี้ทุกๆอย่างลงตัวแล้ว, เขาอยากจะกลับให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้และไม่อยากจะเสียเวลาในเมืองอื่นสักวินาทีเดียว
พอถูกปกคลุมด้วยแสงวูบวาบของออร่าเวทย์มนตร์, แอนโทนี่ ก็กลับมาที่สถาบันในที่สุด, สถานที่ที่เขาใช้เวลาชีวิตของเขาเกือบ 40 ปี แต่ขณะที่เขากำลังเดินลงมาจากหอคอยวาร์ป, แอนโทนี่ ก็ขมวดคิ้วขณะที่เขาสัมผัสได้ว่ามีอะไรบางอย่างไม่ถูกต้องที่สถาบันในวันนี้
ภายใต้รูนวาร์ป, แมกซิม, นักเวทย์ที่มีหน้าที่ดูแลหอคอยวาร์ป, กำลังยืนอยู่ที่นั่นอย่างเงียบๆพร้อมกับคิ้วของเขาที่ขมวดขึ้นมาเล็กน้อยและใบหน้าที่เศร้าหมองของเขา แอนโทนี่ สัมผัสได้ในทันทีว่ามีบางอย่างสร้างปัญหาให้กับเขา
“แมกซิม, เกิดอะไรขึ้น?” แอนโทนี่ ถามพร้อมกับขมวดคิ้ว หนวดสีขาวของเขาดูเหมือนกับตั้งชันขึ้นมา, รูจมูกของเขาบาน, และริมฝีปากหนากับดวงตากลมโตของเขาก็เย็นวาบ เขาไม่ได้ดูโกรธ, แต่ท่าทางของเขาก็ดูจริงจังมากๆ
แมกซิม ทำความเคารพผู้อาวุโสในทันที, จากนั้นเขาก็พูดด้วยน้ำเสียงที่กังวลมากๆ “ท่านครับ, เรามีปัญหาแล้ว”
“ปัญหาอะไร?” ผู้อาวุโสถาม
ใบหน้าของ แอนโทนี่ ตึงเครียดและบรรยากาศรอบๆตัวของเขาก็เริ่มอึมครึม ธาตุที่อยู่รอบๆตัวของเขาเริ่มปั่นป่วนขณะที่ทอร์นาโดลูกเล็กๆเริ่มก่อร่างขึ้นในอากาศรอบๆตัวเขา—สิ่งเหล่านี้คือผลกระทบที่นักเวทย์เลเวล 7 ที่แข็งแกร่งสามารถแสดงออกมารอบๆตัวของเขาได้
เหงื่อเริ่มไหลออกมาบนหน้าผากของ แมกซิม; เขารู้ว่าอารมณ์ของผู้อาวุโสนั้นสามารถรุนแรงได้ขนาดไหน แม้ว่าเขาจะมีความสุขุมเยือกเย็นอยู่เล็กน้อยด้วยอายุของเขา, แต่บรรยากาศกดดันที่เขาปล่อยออกมาในตอนนี้ที่เขาอารมณ์ไม่ดีก็รุนแรงพอที่จะข่มขู่ใครก็ได้ ในความเป็นจริง, ใครก็ตามที่ไม่เคยชินกับมันก็อาจจะกลัวจนตัวแข็งทื่อเลยด้วยซ้ำ
“ท่านครับ, ผมยังไม่รู้รายละเอียด” แมกซิม พูด “แต่จอมเวทย์ทุกคนไปรอท่านที่ห้องโถงแห่งความจริงแล้วครับ, เพราะฉะนั้นท่านจะได้รับข้อมูลที่ดีกว่าในตอนที่ท่านไปถึงที่นั่น”
ห้องโถงแห่งความจริงเป็นสถานที่ที่เอาไว้ใช้จัดประชุมเรื่องที่สำคัญมากๆ มีแค่นักเวทย์เลเวล 3 ขึ้นไปเท่านั้นถึงจะมีสิทธิเข้าร่วมการประชุมที่จัดขึ้นที่นี่ ซึ่งโดยปกติแล้ว, นักเวทย์เหล่านี้จะเป็นนักเวทย์ระดับสูงของสถาบัน
และตอนนี้, จอมเวทย์ทุกคนก็ไปรวมตัวกันที่นั้น แม้กระทั่ง แมกซิม, นักเวทย์เลเวล 5 ก็ยังรู้สึกกระอักกระอ่วนที่จะเปิดเผยรายละเอียดที่เขารู้ แอนโทนี่ สันนิษฐานว่าสาเหตุของพฤติกรรมนี้ต้องเป็นเรื่องร้ายแรงที่ไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้จริงๆ คิ้วของเขาขมวดเข้าหากันเพียงแค่คิดถึงมัน
เขาบังคับตัวเองให้สงบจิตใจของเขาเอาไว้แล้วตาม แมกซิม ไปยังฝั่งตะวันออกเฉียงเหนือของสถาบัน, ที่ห้องโถงแห่งความจริง
ตลอดทาง, พวกเขาพบกับนักเวทย์ฝึกหัดบางส่วนที่ดูเหมือนว่าจะไม่ได้ตระหนักถึงสถานการณ์อันเลวร้ายที่เกิดขึ้นในสถาบันเลย ท่าทีของพวกเขาไม่มีความกังวลหรือความกลัวอยู่, และเมื่อพวกเขาพบกับผู้อาวุโส, พวกเขาก็ทำความเคารพอย่างรวดเร็วและรีบหลีกทางให้
การค้นพบนี้ทำให้ แอนโทนี่ รู้สึกโล่งอก แม้ว่าสถานการณ์ในตอนนี้จะทำให้เขาหงุดหงิดอย่างมาก, แต่เขาก็ยังดีใจที่เจ้าหน้าที่ระดับสูงเก็บทุกๆอย่างเอาไว้เป็นความลับจากนักเวทย์ฝึกหัด ซึ่งวิธีนี้ได้ป้องกันปัญหาจากเรื่องอื้อฉาวหรือการแพร่กระจายความตื่นตระหนกไปทั่วสถาบัน
ห้านาที่ต่อมา, พวกเขาก็ไปถึงทางเข้าห้องโถงแห่งความจริง
กำแพงเวทย์มนตร์ของห้องโถงแห่งความจริงถูกเปิดใช้และมีสีม่วง, บาเรียรูปครึ่งวงกลมปกคลุมทั้งห้องโถง ซึ่งนี่ได้ป้องกันผู้คนภายนอกจากการแอบฟังหรือใช้เวทย์มนตร์เพื่อสอดแนมสิ่งใดก็ตามที่เกิดขึ้นในห้องโถง
มีประตูเวทย์มนตร์ที่หนาและแข็งแกร่งอยู่หน้าห้องโถง แมกซิม รีบเดินนำหน้าและเปิดประตูให้ผู้อาวุโส พอประตูเปิดออก, แอนโทนี่ ก็สังเกตุเห็นว่ามีผู้คนไม่มากอยู่ข้างใน มีเพียงแค่หยิบมือเท่านั้นที่อยู่ที่นี่และพวกเขาส่วนใหญ่ก็มีผมสีขาว, และเป็นนักเวทย์มีอายุ
แมกซิม ไม่ได้เข้าไปในห้องโถงแต่ก้าวไปข้างๆเพื่อให้ผู้อาวุโสเข้าไปแทน แอนโทนี่ หายใจเข้าลึกๆแล้วเดินเข้าไปในห้องโถงจากนั้นประตูเวทย์มนตร์ก็ปิดข้างหลังเขาในทันที
เขามองไปรอบๆห้องโถงที่กว้างใหญ่และพบว่ามีจอมเวทย์ห้าคนกำลังนั่งอยู่ที่โต๊ะยาวที่เอาไว้ใช้สำหรับสภาสูงของสถาบัน มีสมาชิกหกคนในสภา: เกรนซี่, เฟนดัน, วอสเมียร์, ฮานสไวส์, แอนโดราส และเบล—ซึ่งทุกคนอยู่ที่นี่, ยกเว้น เบล
ในตอนที่พวกเขาเห็น แอนโทนี่, พวกเขาทั้งห้าก็ลุกขึ้นและทักทายผู้อาวุโส
ที่ใจกลางของห้องโถง, มีเด็กหนุ่มคนนึงยืนอยู่พร้อมกับหญิงสาวหน้าตาคุ้นเคยข้างๆเขา หลังจากนั้นเขาก็รับรู้ได้ว่าผู้หญิงคนนั้นคือนักเรียนคนโปรดของเขา, มอยร่า เด็กหนุ่มที่อยู่ข้างเธอดูเด็กมากๆ—เขาน่าจะอายุไม่ถึง 20 ปี แต่ แอนโทนี่ ก็สามารถสัมผัสออร่าที่แข็งแกร่งมากๆรอบตัวเขาได้ อย่างน้อยเขาก็ต้องเป็นนักเวทย์เลเวล 4
“คนนี้ใครกัน?” แอนโทนี่ ถามด้วยความประหลาดใจมากๆ เขาไม่เคยได้ยินว่ามีนักเวทย์เลเวล 4 ที่อายุไม่ถึง 20 อยู่ในสถาบันแห่งนี้ด้วย นักเวทย์ที่มีพรสวรรค์เช่นนี้ควรจะเป็นที่รู้จักไปทั่วทวีปฟิรุแมนสิ แต่ว่านี่ใครกัน, หรือว่าจะเป็น เวเวียร์, นักเวทย์ที่มีชื่อเสียงจากทางใต้?
เวเวียร์ เป็นนักเวทย์อายุ 19 ปีที่มีมานาไปถึงเลเวล 4 แล้ว เขาเป็นที่รู้จักกันในฐานะนักเวทย์หนุ่มที่มีพรสวรรค์มากที่สุดท่ามกลางมนุษย์ชาติ
จากนั้น ลิงค์ ก็ก้าวมาข้างหน้าพร้อมกับเอามือข้างหนึ่งไว้บนอกของเขาและอีกข้างไขว้หลังของเขา, เขาโค้งให้อย่างเคารพ
“ชื่อของผมคือ ลิงค์ โมรานี่” ลิงค์ พูด “ผมเป็นนักเวทย์ฝึกหัดของ เบล ครับ”
“ลิงค์ หรอ? โอ้, เจ้านั่นเอง” แอนโทนี่ พูด “ใช่แล้ว, ข้าจำได้ว่าเคยอ่านวิทยานิพนธ์ของเจ้า…ว่าแต่, เบล อยู่ที่ไหนหล่ะ?” ความสงสัยเริ่มครอบงำ แอนโทนี่ มากขึ้นเรื่อยๆ ถ้ามันเป็นปัญหาใหญ่จริงๆ, สมาชิกสภาทั้งหกคนก็ควรจะอยู่ที่นี่ แล้วทำไม เบล ถึงไม่อยู่หล่ะ?
ความแปลกประหลาดนี้ทำให้เขาลืมความสงสัยและความอยากรู้ของเขาในตัวนักเวทย์หนุ่มคนนี้
“อาจารย์คะ” เอร์เรร่า พูด, หลังจากที่ถอนหายใจออกมายาวๆ “เบล อยู่ตรงนั้นค่ะ”
จากนั้นเธอก็ชี้ไปที่มุมมืดที่อยู่ถัดจากรูปปั้น ในตอนที่ แอนโทนี่ มองไป, เขาก็เห็นคนสามคนอยู่ตรงกำแพง, ซึ่งทั้งหมดนั้นถูกกักตัวด้วยเวทย์กักขังมานา
แอนโทนี่ ไม่สามารถมองได้อย่างชัดเจนในตอนแรก, เพราะฉะนั้นเขาจึงเข้าไปใกล้ๆและหลี่ตามองให้ดี ในตอนที่เขาสามารถระบุตัวตนของคนตรงกำแพงได้, เขาก็สูดลมหายใจเข้าไปโดยไม่รู้ตัว
ในบรรดาทั้งสามคน, หนึ่งในพวกเขาแทบจะไหม้จนเกรียม, พร้อมกับผมที่ไหม้บนหัวทุกเส้น ลมหายใจของเขาหนักหน่วงและไม่เต็มที่ เขาดูน่ากลัวจริงๆ, แต่ไม่ได้น่ากลัวเท่ากับสองคนข้างๆเขา!
สองคนที่เหลือสูญเสียเนื้อและกล้ามเนื้อแทบทั้งหมดของพวกเขาไป พวกเขาเหลือแค่ชั้นผิวหนังที่หุ้มกระดูกของพวกเขา พวกเขาดูไม่แตกต่างไปจากโครงกระดูกเปล่าๆ หนึ่งในพวกเขามีไฟในดวงตาที่กำลังส่องประกายเหมือนกับไฟวิญญาณ และแม้ว่าพวกเขาจะถูกขังด้วยกักขังมานา, แต่ แอนโทนี่ ก็ยังสามารถสัมผัสถึงความอ่อนกำลังได้นอกจากออร่าอันเย็นยะเยือกที่แผ่ออกมาจากทั้งสอง
“แต่นั่นมัน ลิซ นะ!” แอนโทนี่ ตะโกน “ไม่สิ, เบล, นั่นเจ้าหรอ?”
เขารู้ว่ามีปัญหาบางอย่างเกิดขึ้น, แต่เขายังไม่ได้เตรียมใจสำหรับการเปิดเผยที่น่าตกใจเช่นนี้
แม้ว่ารูปร่างของ เบล จะเปลียนไปจนจำไม่ได้, แต่เขาก็ยังเป็นคนที่ แอนโทนี่ รู้จักมาเกือบ 40 ปี, เพราะฉะนั้นเขาจึงจำบุคคลที่น่ากลัวนี้ได้ในทันทีว่าเป็นเพื่อนร่วมงานและเพื่อนเก่าของเขา เบล
ชายคนนี้ขยับเล็กน้อย, จากนั้นเขาก็ถอนหายใจออกมาอย่างหนักหน่วงด้วยความเสียใจ
“ใช่, แอนโทนี่” เบล พูด “ข้าเอง”
พอเรื่องมันก้าวหน้าไปจนถึงขั้นนี้, เบล ในตอนนี้ก็ไม่ต่างอะไรไปจากชายแก่ที่จิตใจบอบช้ำ เขาไม่ได้อยู่ในสภาพบ้าคลั่งที่เขาเป็นก่อนหน้านี้อีกต่อไป
“เกิดอะไรขึ้น?” แอนโทนี่ ถามด้วยน้ำเสียงที่สิ้นหวัง จากนั้นเขาก็เดินตรงไปหาพวกเขาแล้วชี้คทาของเขาไปที่ เฉด “มันหลอกเจ้าหรอ?”
แอนโทนี่ ยังไม่สามารถทำใจเชื่อ เบล ได้ว่า, นักเวทย์ที่เขารู้จักตลอดหลายปีมานี้จะเริ่มเดินบนเส้นทางแห่งความมืด
“มันเป็นความตั้งใจของข้าเอง” เบล พูด “เพื่อนของข้า, ข้ากลัวว่าจะทำให้เจ้าผิดหวัง”
ตอนนี้, เบล ใจเย็นลงแล้ว พอเรื่องมันมาถึงจุดนี้, เขาก็ตระหนักได้ว่าไม่ว่าสิงใดก็ตามที่เขาทำไปมันไม่สามารถเอากลับคืนมาได้แล้ว, และเขาก็แม้แต่จะขอให้ไว้ชีวิต สิ่งที่เขาต้องการมากที่สุดในตอนนี้คือความตายอย่างสงบ
แอนโทนี่ เงียบไปพักใหญ่ๆ หลังจากนั้น, เขาก็หันไปหา มอยร่า แล้วพูด “มอยร่า, บอกข้ามาว่าเกิดอะไรขึ้น”
เอร์เรร่า พยักหน้า จากนั้นเธอก็เริ่มอธิบายเรื่องที่เธอบังเอิญสัมผัสได้ถึงออร่าของเวทย์มนตร์แห่งความมืดบนตัว ดาริส และเกิดสงสัยขึ้นมา, เพราะฉะนั้นเธอจึงขอให้ ลิงค์ ช่วยเธอสืบสวนพวกเขา และในท้ายที่สุดในตอนที่ความจริงถูกเปิดเผย ดาริส ก็ดักซุ่มโจมตี ลิงค์ แต่ก็พ่ายแพ้ให้กับเขา จากนั้นเธอก็อธิบายเรื่องที่ เบล หนีไปที่หอคอยแห่งความมืดในสระหมอกและเรื่องที่เขาพ่ายแพ้และถูกจับตัวที่นั่น เธอเราทุกๆอย่างที่เกิดขึ้น, เว้นแต่รายละเอียดที่แท้จริงเกี่ยวกับการต่อสู้ของพวกเขา, ซึ่งไม่มีอะไรหลุดออกมาเลย
ในตอนที่เธอพูดจบ, แอนโทนี่ ก็มองตรงไปที่ ลิงค์ เอร์เรร่า พูดออกมาอย่างเรียบง่าย, แต่อันตรายร้ายแรงที่พวกเขาต้องเผชิญนั้นก็เห็นได้ชัดกับ แอนโทนี่ มีประเด็นแปลกๆในคำอธิบายของ เอร์เรร่า ที่เขาพบว่าน่าสงสัยเช่นกัน, แต่ถึงกระนั้นนี่ก็ไม่ใช่เวลามาถามคำถามพวกนี้
“เพื่อนเก่าของข้า” แอนโทนี่พูด ขณะที่เขาหันไปหา เบล “เจ้ามีอะไรจะพูดอีกไหม?”
“ข้าทำให้เจ้าผิดหวังในฐานะนักเวทย์” เบล พูดขณะที่ส่ายหัว เขาดูผิดหวังและหดหู่ “ข้าไม่มีอะไรจะพูดแก้ตัวแล้ว”
“ดาริส, แล้วเจ้าหล่ะ?” แอนโทนี่ ถามขณะที่หันไปหาหัวหน้านักเรียนของ เบล
ดาริส ได้รับบาดเจ็บรุนแรง, และตอนนี้เขาก็ต้องเผชิญหน้ากับการกดดันของ แอนโทนี่, สถานการณ์ในตอนนี้ค่อนข้างจะมากเกินไปสำหรับเขาทำให้เขาหายใจลำบาก
“ผะ ผะ…ผมไม่อยากตาย!” เขาพูดออกมาในที่สุด
แอนโทนี่ ถอนหายใจออกมายาวๆแล้วเงียบไปพักใหญ่ๆ จากนั้นเขาก็หันไปหาสมาชิกของสภาที่เหลืออยู่ห้าคน
“สุภาพบุรุษและสุภาพสตรีทุกท่าน, เบล ได้เลือกเดินทางผิด, แต่ข้าเชื่อว่าเขาไม่ได้ก่ออาชญากรรมที่ร้ายแรงจริงๆ, และความรู้และไหวพริบของเขาในด้านเวทย์มนตร์ก็ยังคงมีคุณค่าและน่าประทับใจ เพราะฉะนั้นข้าจึงเสนอให้ปิดกั้นมานาของเขาเพื่อไม่ให้ใช้เวทย์มนตร์ได้อีก, และขังเขาเอาไว้ในหอคอยแห่งอสุรา (หมายเหตุ: นี่คือคุกของสถาบันสำหรับนักเวทย์ที่กระทำผิด) ส่วน ดาริส, เขาควรจะถูกถอดพลังเวทย์ออกและส่งไปที่ศาลเมืองริเวอร์โควฟเพื่อชดใช้ความผิดของเขา และสำหรับ…เขา…”
“ชื่อของเขาคือ เฉด ค่ะ” เอร์เรร่า พูด “เขาเป็นเนโครแมนเซอร์เลเวล 5”
“ใช่, เนโครแมนเซอร์ เฉด” ผู้อาวุโสพูดต่อ “สำหรับเขา, ข้าขอตัดสินให้เขารับโทษที่ร้ายแรงที่สุด, และข้าขอเสนอให้เผาเขาเป็นการลงโทษ”
จากนั้นจอมเวทย์ทั้งห้าก็สุมหัวกันและปรึกษาเรื่องนี้
พวกเขาบางส่วนคิดว่าบทลงโทษของ เบล เบาเกินไปในแง่ของหลักฐานที่พิสูจน์ว่าเขาฆ่าคนขับรถม้าของสถาบันจริงๆ แต่, ก็ไม่มีพวกเขาคนไหนหยิบเรื่องนี้ขึ้นมาพูดเพราะพวกเขาไม่ต้องการจะขัดแย้งกับผู้อาวุโส ยังไงซะ เบล ก็เป็นเพื่อนร่วมงานของพวกเขามานาน, และถึงแม้จะมีความผิดทั้งหมดที่เขาทำไป, แต่ก็ไม่มีใครต้องการตัดสินโทษที่รุนแรงกับเขา หลังจากไตร่ตรองกันอยู่พักใหญ่ๆ, นักเวทย์ที่แข็งแกร่งเป็นอันดับสองของสถาบัน, เกรนซี่, ก็ยืนขึ้นและประกาศคำตัดสินของพวกเขา
“ท่านครับ, พวกเราทุกคนเห็นด้วยว่าข้อเสนอของท่านยอดเยี่ยมมากครับ” เกรนซี่ พูด
เรื่องนี้สำคัญมากและต้องให้เจ้าหน้าที่ระดับสูงของสถาบันเป็นคนตัดสินใจเท่านั้น, ดังนั้น เอร์เรร่า กับ ลิงค์ จึงสามารถทำได้แค่สังเกตุการณ์อยู่ข้างๆและไม่มีสิทธิ์เข้าร่วมตัดสินใจ เมื่อถึงคำตัดสิน, โชคชะตาของ เบล, เฉด และ ดาริส ก็ถูกปิดผนึกไปตลอดกาล, และไม่มีโอกาสเปลี่ยนแปลงได้
เบล ก้มหัวลงและไม่พูดอะไร ไม่มีใครรู้ว่าความคิดอะไรกำลังแล่นอยู่ในหัวของเขาในเวลานี้ ดวงตาของ ดาริส ไม่มีชีวิตชีวาและจากนั้นไม่นาน, เขาก็ไม่สามารถยืนได้อีกต่อไปและทรุดลงกับพื้น สำหรับ เฉด, เขาเงียบตลอดเหตุการณ์ทั้งหมดนี้ เขารู้ว่าเขาจบแล้ว ดวงไฟวิญญาณดวงที่สองของเขาได้รับบาดเจ็บอย่างรุนแรง, เพราะฉะนั้นเขาจึงยอมแพ้กับชะตากรรมของตัวเอง
จากนั้น แอนโทนี่ ก็หันไปหา เอร์เรร่า กับ ลิงค์ และความภูมิใจก็ปรากฏขึ้นบนใบหน้าที่รุนแรงตามปกติของเขาอยู่ครู่นึง
“พวกเจ้าทั้งสอง” ผู้อาวุโสเริ่มพูด “พวกเจ้าได้เสี่ยงชีวิตเปิดเผยความมืดที่ซ่อนอยู่ในสถาบัน และพวกเจ้าก็ทำมันด้วยการตัดสินใจอย่างระมัดระวังเพื่อรักษาชื่อเสียงที่ดีของสถาบันเอาไว้ ความกล้าและความฉลาดของพวกเจ้าสมควรได้รับรางวัล!”