แม้ว่าเขาจะยังอยู่ในสภาพสับสน, แต่ คาร์ลิโด้ ก็นังลงที่โต๊ะที่มีจานสีเงินเงาวับวางอยู่เบื่อหน้าเขา บนจานสีเงินคือชิ้นสเต็กที่ชวนน้ำลายสอและกลิ่นที่ลอยออกมาจากมันก็ยั่วยวนมากจนเขาไม่สามารถหยุดตัวเองจากการฉีกมันอย่างตะกละตะกลามได้อีกต่อไป
“เป็นไง? อร่อยใช่ไหมหล่ะ?” ลิงค์ ถามด้วยรอยยิ้ม “ลูซี่ เตรียมมันด้วยตัวเอง, มันเป็นสเต็คที่อร่อยที่สุดที่นายสามารถหาได้ในเมืองริเวอร์โควฟ”
“มันยอดเยี่ยมมาก!” คาร์ลิโด้ อุทานออกมา “มันคือเนื้อที่อร่อยที่สุดที่ฉันเคยกินเลย!” ไขมันเนื้อหยดลงมาที่คางของเขาขณะที่เขาเคี้ยวอาหาร ครู่ต่อมา, เขาก็ตระหนักได้ว่าเขาทำตัวหยาบคายขนาดไหน, เพราะฉะนั้นเขาจึงลดความเร็วในการกินลงอย่างช้าๆ
หลังจากได้ยินการชื่นชมอาหารของเธออย่างจริงใจนี้, ลูซี่ ก็เริ่มมีเจตคติที่ดีขึ้นต่อ คาร์ลิโด้ และสีหน้าที่รุนแรงของเธอก็เริ่มอ่อนลง แจ็คเกอร์ สูดลมหายใจเข้าและรู้สึกผ่อนคลายขึ้นเช่นกัน ความขุ่นเคืองที่ทำให้ใบหน้าของเขาบึ้งตึงค่อยๆหายไป, ทำให้บรรยากาศในห้องอาหารสงบลง
พอเห็นเหตุการณ์นี้, สาวน้อย ไรไล ก็สามารถหายใจได้อย่างสะดวกอีกครั้งและเธอก็ใจเย็นพอที่จะจัดการกับอาหารอีกครึ่งที่เหลืออยู่เบื้องหน้าเธอได้ในที่สุด ยังไงซะมันก็เป็นสเต็กจากโปรดของเธอที่ ลูซี่ เตรียมให้ด้วยตัวเอง, เพราะฉะนั้นเธอจะกินมันให้เกลี้ยง!
อืมม, นายคงไม่สามารถหาสเต็กที่รสชาติดีกว่านี้ที่อื่นได้แล้วจริงๆนั่นแหล่ะ! จากนั้น ลูซี่ ก็กัดเนื้ออีกชิ้นเข้าไปในปากของเธอและลิ้มรสชาตติของมันอย่างช้าๆเท่าที่จะทำได้ หลังจากนั้นพักนึง, เธอก็มองไปรอบๆอีกครั้งและเห็นว่าทุกๆคนในตอนนี้อยู่ในอารมณ์ดีแล้ว, ดังนั้นเธอจึงดื่มด่ำกับอาหารโดยไม่กังวลอะไรอีก
ในขณะเดียวกัน, ลิงค์ ก็คุยกับ คารลิโด้เป็นครั้งคราว เขาจะนำข่าวและเรื่องซุบซิบทั่วไปที่คนธรรมดาพูด, โดยไม่พูดถึงเรื่องที่เกี่ยวกับเวทย์มนตร์เลย ตัวคาร์ลิโด้เองก็ไม่ต้องการเอาเรื่องนั้นขึ้นมาพูดเพราะมันจะเป็นการเสียมารยาทต่อผู้ที่ให้การต้อนรับเขาเป็นอย่างดีในฐานะแขก—ทั้งหมดที่เขาทำก็คือตอบสนองความคิดเห็นของ ลิงค์ ด้วยการพูดคุยอย่างสุภาพและบรรยากาศก็ค่อยๆสนุกสนานมากขึ้นขณะที่เวลาดำเนินต่อไป
เมื่อการรับประทานอาหารจบลง, ลิงค์ กับ คาร์ลิโด้ ก็ได้สนิทสนมกันแล้ว แต่ถึงอย่างนั้น, คาร์ลิโด้ ก็ไม่ได้ลืมความตั้งใจแรกเริ่มของเขาในการมาที่นี่ ไม่มีประโยชน์ที่จะยื้อเรื่องนี้อีกแล้ว, ดังนั้นเขาจึงตัดสินใจที่จะท้าทายขึ้นมาในตอนนี้
“ท่าน ลิงค์” เขาเริ่มพูด, ขณะที่เขาเช็ดริมฝีปากและคางของเขาด้วยผ้าเช็ดนี้ที่คนใช้ส่งมาให้เขา “คือ, ผมมาที่นี่เพื่อ…” เขาพบว่าเขารู้สึกอึดอัดใจที่จะพูดต่อ, เพราะ ลิงค์ ให้การต้อนรับเขาดีมากจนถึงตอนนี้
“ฉันเข้าใจ” ลิงค์ พูดด้วยรอยยิ้ม “นายมาที่นี่เพื่อดูว่าจริงๆแล้วฉันเก่งเวทย์มนตร์แค่ไหน เอาหล่ะ, ถ้างั้นฉันจะแสดงให้นายได้เห็น”
จากนั้นเขาก็เอามือทั้งสองข้างของเขาออกมาและวางไว้บนโต๊ะด้วยการหงายมือขึ้น
“ท่านไม่ใช้คทาหรอครับ?” คาร์ลิโด้ ถาม
ลิงค์ ยิ้มแล้วส่ายหัว
“นายเคยเห็นใครเอาคทาขึ้นมาวางไว้บนโต๊ะกินข้าวไหมหล่ะ?” ลิงค์ ตอบกลับไป
ตอนนี้ คาร์ลิโด้ ตระหนักได้แล้วว่าเขาเสียมารยาทแค่ไหนที่โผล่มาที่นี่อย่างกระทันหันแบบนี้ทั้งๆที่เห็นได้ชัดว่านี่ไม่ใช่ช่วงเวลาที่สะดวกสำหรับนักเวทย์หนุ่มเลยสักนิด เขาตำหนิตัวเองที่ไม่เลือกเวลาที่เหมาะสมกว่านี้ในการท้าดวลนักเวทย์หนุ่ม
“ดูให้ดีๆหล่ะ, คุณ คาร์ลิโด้!” ลิงค์ พูด
พอเขาพูดจบ, รอยยิ้มบนใบหน้าของ ลิงค์ ก็หายไปในทันทีและดวงตาของเขาก็ดูเย็นชาและคมกริบ ในเวลาไม่ถึงหนึ่งวินาที, เวทย์เลเวล 1 นกหวีดก็ปรากฏขึ้นบนมือซ้ายของ ลิงค์, และลูกแก้วก็ปรากฏขึ้นบนมือขวาของเขา
ทั้งสองเวทย์นี้ปรากฏขึ้นแทบจะพร้อมกันต่อหน้าต่อตา คาร์ลิโด้, และสิ่งที่น่ากลัวยิ่งกว่าก็คือพวกมันถูกร่ายในเวลาไม่ถึงหนึ่งวินาทีด้วยซ้ำ!
ในการเคลื่อนไหวง่ายๆนี้, ลิงค์ ได้แสดงให้ถึงทักษะสองสิ่งที่นักเวทย์ต้องการมากที่สุด—การร่ายเวทย์ที่แตกต่างกันในเวลาเดียวกันและการร่ายเวทย์ความเร็วสูง!
ทำไมนักเวทย์ถึงต้องการทักษะเหล่านี้มากที่สุดหล่ะ? นั่นก็เพราะพวกมันหมายถึงพลังที่เป็นธรรมชาติและบริสุทธิ์
ตอนนี้ คาร์ลิโด้ อ้าปากค้างจนแทบจะถึงพื้น ดวงตาของเขาจดจ่ออยู่กับเวทย์มนตร์ที่ปรากฏอยู่ที่สองมือของ ลิงค์ และเหงื่อก็เริ่มไหลออกมาจากหน้าผากของเขา เข็มโลหะที่กำลังหมุนและบอลเพลิงที่เปล่งแสงออกมามัวๆเป็นสิ่งที่เขาไม่เคยเห็นมาก่อน—ซึ่งนี่หมายความว่าพวกมันไม่ใช่เวทย์มนตร์ธรรมดา เวทย์พวกนี้ถูก ลิงค์ ปรับแต่งจนกลายเป็นเวทย์ขั้นสูงสุดและแค่เวทย์พวกนี้ก็ถือว่าชัดเจนแล้ว—ลิงค์ เป็นนักเวทย์ที่แข็งแกร่งจนไม่สามารถจินตนาการได้!
เขาเป็นจอมเวทย์! จอมเวทย์ที่น่ากลัว! หัวใจของ คาร์ลิโด้ แทบจะกระโดดออกมาจากลำคอของเขา เขารู้ว่าถ้าเขาเผชิญหน้ากับ ลิงค์ ในการดวล, เขาจะถูกส่งไปชาติหน้าในชั่วพริบตา, ก่อนที่เขาจะได้กระดิกนิ้วโจมตีนักเวทย์หนุ่มคนนี้ด้วยซ้ำ!
ครู่ต่อมา, เวทย์ทั้งสองก็หายไปแล้ว ลิงค์ ก็หันไปหา คาร์ลิโด้ ด้วยใบหน้าที่เปื้อนยิ้ม
“เอาหล่ะ, คิดยังไงกับทักษะเวทย์มนตร์ของฉันหล่ะ, คุณ คาร์ลิโด้” เขาถาม
“วิเศษมากครับ! ท่านไม่ใช่นักเวทย์ธรรมดา! ผมต้องยอมรับเลยว่าทักษะของท่านเหนือกว่า!” คาร์ลิโด้ พูดด้วยความรู้สึกอับอายและเสียใจ เขารู้ด้วยว่ามันคือสิ่งที่ปลอดภัยที่สุดที่ควรทำ เขาไม่ต้องการจะต่อสู้กับนักเวทย์หนุ่มคนนี้แล้วในตอนนี้เพราะเขาได้เห็นพลังของเขาแล้ว!
จากนั้น คาร์ลิโด้ ก็ลุกขึ้นแล้วกำลังจะขอตัวกลับ, แต่ ลิงค์ ก็ได้หยุดเขาเอาไว้ก่อนที่เขาจะเปิดปากพูดออกมา
“คุณ คาร์ลิโด้, ฉันสัมผัสได้ว่านายเป็นนักเวทย์ที่มีพรสวรรค์นะ กองกำลังของพวกเราต้องการคนแบบนาย นายสนใจมาเข้าร่วมกับพวกเราไหม?”
ลิงค์ รู้ว่า คาร์ลิโด้ ไม่ใช่คนเลวโดยธรรมชาติและเขาก็ไม่ใช่คนไร้พรสวรรค์ เขาแค่โชคไม่ดีที่เกิดมาจนเฉยๆ, ดังนั้นเขาจึงไม่ได้รับการฝึกเวทย์มนตร์ที่ถูกต้อง หากคนแบบนี้ได้รับการฝึกฝนและการชี้นำที่เพียงพอ—ซักวันนึงเขาก็จะสามารถเป็นคนที่มีประโยชน์และโดดเด่นในกองกำลังทหารรับจ้าง
คาร์ลิโด้ ลังเลอยู่พักนึง, จากนั้นก็ส่ายหน้า
“ไม่ดีกว่าครับ, ผมเคยชินกับชีวิตที่เป็นอิสระ” เขาตอบกลับไป “ผมไม่ชอบผูกมัดกับใคร”
เขาไม่ได้คิดว่าการเข้าร่วมกับกองกำลังทหารรับจ้างเป็นความคิดที่ไม่ดี, เพียงแค่ว่ากองกำลังกลุ่มนี้ดูไม่ค่อยมีทีท่าว่าจะดีเท่าไหร่ ยังไงซะเขาก็ยังมีความภาคภูมิใจของเขาในฐานะนักเวทย์, และเมื่อเขาพิจารณ์มันอย่างระมัดระวังยิ่งขึ้น, เขาก็ตระหนักได้ว่ากองกำลังนี้มันใหม่เกินไปและเล็กเกินไป เขายังเห็นว่าสำนักงานใหญ่ของพวกเขาไม่น่าประทับใจด้วยและนอกจากสมาชิกหลักจำนวนแค่หยิบมือ, คนที่เหลือก็สวมแค่อุปกรณ์และอาวุธธรรมดาๆเท่านั้น
ถ้าเขาตัดสินใจเข้าร่วมกับกองกำลังแบบนี้, เขากลัวว่าจะไม่มีอนาคตเก็บไว้สำหรับเขา
ลิงค์ เข้าใจความคิดของ คาร์ลิโด้ และไม่ได้คิดว่าเขาจะตกลงเข้าร่วมกับพวกเขาตั้งแต่แรกอยู่แล้ว เขารู้ว่าไม่ควรตื้อหลังจากถูกปฏิเสธ, แต่เขาก็ไม่ได้คิดที่จะยอมแพ้ง่ายๆ
“โอ้, ฉันเข้าใจแล้ว แต่ถ้านายมีปัญหาที่ฉันอาจจะช่วยได้ในอนาคต, ก็มาหาฉันที่นี่ได้เสมอนะ แล้วก็, ฉันคิดว่านี่น่าจะช่วยนายได้”
ขณะที่เขาพูด, ลิงค์ ก็ใช้มือแห่งนักเวทย์เพื่อผลักหนังสือเรียนที่ชื่อว่าเส้นทางแห่งนักเวทย์ไปทาง คาร์ลิโด้ เขารู้ว่านักเวทย์พเนจรคนนี้เรียนรู้เวทย์มนตร์มาแค่ไม่กี่อย่างเท่านั้น แม้จะดูเหมือนว่าเขาค่อนข้างจะเชี่ยวชาญในเวทย์มนตร์เหล่านั้น, แต่ คาร์ลิโด้ ก็ยังขาดรากฐานของทฤษฎีเวทย์มนตร์ที่แข็งแกร่ง อย่างไรก็ตาม, ถ้า คาร์ลิโด้ ต้องการจะพัฒนาตัวเองและกลายเป็นนักเวทย์ที่เก่งกว่านี้, เขาก็จำเป็นต้องศึกษาทฤษฎีและโครงสร้างเวทย์มนตร์อย่างลึกซึ้ง
คาร์ลิโด้ รีบหยิบหนังสือขึ้นมา, แต่มือของเขาก็สั่นในตอนที่เขาสั่งเกตุเห็นชื่อของหนังสือและคนเขียน มันคือตำราเวทย์มนตร์ชั้นยอดที่ถูกเขียนโดยจอมเวทย์เลเวล 7 ของสถาบันเวทย์มนตร์อีสโควฟกว่าหนึ่งร้อยปีก่อน! ความแตกต่างระหว่างหนังสือเล่มนี้กับหนังสือเล่มอื่นที่เขาใช้เงิน 5 เหรียญทองซื้อมานั้นก็เหมือนกับความแตกต่างระหว่างนรกกับสวรรค์!
เขาเปิดหนังสือและตรวจสอบมันคร่าวๆอย่างลังเล ตอนนี้ร่างทั้งร่างของเขาสั่นขณะที่เขาตระหนักได้ว่าประโยคแต่ละประโยคนั้นเต็มไปด้วยความรู้ขนาดไหน, มันไม่มีคำพูดไหนที่สูญเปล่าบนหน้ากระดาษเลย!
เขามั่นใจว่าหลังจากที่อ่านหนังสือเรียนเล่มนี้, ความเข้าใจในด้านเวทย์มนตร์ของเขาจะพัฒนาอย่างก้าวกระโดด!
“ผะ…ผม…รับมันไม่ได้…มะ มันล้ำค่าเกินไป…” คาร์ลิโด้ พูดพึมพำอย่างไม่ประติดประต่อกัน
คาร์ลิโด้ ตระหนักได้ว่าความรู้ด้านเวทย์มนตร์ที่ลึกซึ้งที่สุดและแน่นแฟ้นที่สุดถูกขังเอาไว้ในกำแพงของสถาบันที่เก่าแก่และมีชื่อเสียงในทวีปฟิรุแมน, นี่ไม่ใช่ผลของการไตร่ตรองแผนการใดๆระหว่างกลุ่มนักเวทย์ที่เหนียวแน่น, แต่คือความจริงที่เกิดขึ้นจากการรวบรวมตำราเอาไว้ในห้องสมุดของสถาบันพวกนี้อย่างยาวนาน
สถาบันเวทย์มนตร์แต่ละแห่งลงทุนกับโชคลาภอันยิ่งใหญ่ในการสร้างสภาพแวดล้อมที่เหมาะสมเพื่อสนับสนุนงานวิจัยที่สำเร็จโดยนักเวทย์ของพวกเขา เมื่อผลงานวิจัยเหล่านี้เห็นผล, นักเวทย์ก็จะบันทึกผลงานทั้งหมดของพวกเขาเอาไว้ในสมุดของพวกเขาซึ่งจะเก็บเอาไว้ในห้องสมุดของสถาบันในฐานะหนังสือเรียน พอเวลาผ่านไป, สถาบันก็จะเก็บสะสมความรู้อันทรงคุณค่ามากมายเอาไว้ในกำแพงของห้องสมุด
ดังนั้น, ตำราเวทย์มนตร์พวกนี้จึงเป็นหนึ่งในสิ่งที่สำคัญที่สุดในสถาบันเวทย์มนตร์เหล่านี้, พวกเขาจะไม่ให้คนอื่นยืมมันไปง่ายๆ หนังสือเรียนที่ ลิงค์ เพิ่งจะเสนอให้ คาร์ลิโด้ ถือเป็นตัวอย่าง, มันไม่สามารถซื้อได้ด้วยเหรียญทอง, แต่สามารถยืมได้จากนักเวทย์ฝึกหัดและนักเวทย์ของสถาบันเวทย์มนตร์ระดับสูงอีสโควฟเท่านั้น
ด้วยเหตุผลนี้, ความฝันที่จะได้กลายเป็นนักเวทย์จึงแทบจะเป็นไปไม่ได้สำหรับคนที่เป็นสามัญชน แม้กระทั่งอัจฉริยะที่หาตัวได้อย่างอย่าง เอเลียร์ด ก็ยังสะดุดกับอุปสรรคที่แทบจะไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้ก่อนที่เขาจะสามารถเข้าไปที่สถาบันเวทย์มนตร์ระดับสูงอีสโควฟ เพราะฉะนั้น, มันจึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่นักเวทย์ธรรมดาๆอย่าง คาร์ลิโด้ จะต้องเดินบนเส้นทางที่ไม่มั่นคงกว่าที่เขาจะมาถึงจุดนี้
“ฉันให้นายยืมได้แค่คืนเดียวเท่านั้นนะ” ลิงค์ พูดด้วยรอยยิ้ม “เพราะฉะนั้นเอามันมาคืนฉันในวันพรุ่งนี้เช้าด้วย” มีแสตมป์เวทย์มนตร์บนหนังสือเรียนที่จะส่งตำแหน่งของมัน, ดังนั้น ลิงค์ จึงไม่กังวลต่อให้นักเวทย์พเนจรคนนี้จะตัดสินใจที่จะฉกมันไปก็ตาม
“ขอบคุณ, ขอบคุณมากๆนะครับ” คาร์ลิโด้ พูดอย่างจริงจัง “แล้วผมจะเก็บคำเชิญของคุณในการเข้าร่วมกองกำลังทหารรับจ้างไปคิดอย่างจริงจัง” คาร์ลิโด้ โค้งคำนับ ลิงค์ แล้วเก็บหนังสือเรียนเอาไว้ที่อกของเขาอย่างอ่อนโยน จากนั้นเขาก็ออกไป
แม้ว่าเขาจะออกมาจากสำนักงานของกองกำลังทหารรับจ้างฟลามิงโก้มาแล้วและกำลังเดินบนถนนที่มุ่งหน้าไปที่เมืองริเวอร์โควฟ, แต่ภาพของนักเวทย์ผมดำก็ยังคงลอยอยู่ในหัวของเขา
เขาเกิดเป็นสามัญชนต่ำต้อยและชีวิตที่เขารู้จักเพียงอย่างเดียวก็คือชีวิตที่น่าสังเวชของคนบ้านนอก, เขาไม่รู้เกี่ยวกับเกียรติยศ, สมบัติผู้ดีหรือมารยาท แต่เขารู้ว่านักเวทย์หนุ่มคนนี้ปฏิบัติกับเขาด้วยความใจดีและความเคารพ, และนั่นก็ทำให้เขารู้สึกสบายใจและผ่อนคลายในตอนที่เขาอยู่ข้างๆเขา
ลิงค์ มองสถานการณ์ของ คาร์ลิโด้ ออกในแว็บเดียว, แต่เขาไม่เคยพูดถึงมันหรือล้อเลียนเขา แม้ว่าเขาจะมีสิทธิและโอกาสที่จะดูหมิ่นเขา, แต่เขาก็เลือกที่จะปฏิบัติกับเขาด้วยความใจดีแทน, มันเหมือนกับว่าเขาเป็นเพื่อนของเขา
มันเป็นเรื่องยากที่จะเชื่อว่าคนที่มีพลังที่น่าหวาดกลัวเช่นนี้จะเป็นคนที่อ่อนน้อมด้วยในเวลาเดียวกัน คาร์ลิโด้ ไม่เคยพบคนแบบนี้ในชีวิตของเขามาก่อนอย่างแน่นอน
คาร์ลิโด้ มีลางสังหรณ์ว่าในอีกไม่กี่ปีข้างหน้านี้, เด็กหนุ่มคนนี้จะเป็นดวงดาวที่สดใสที่จะยืนอยู่เหนือนักเวทย์ทั้งปวงในทวีปฟิรุแมน
นี่ฉันเพิ่งพบกับนักเวทย์ที่กำลังจะเป็นตำนานรึเปล่านะ? คาร์ลิโด้ ถอนหายใจออกมาอย่างอ่อนโยนและเริ่มพิจารณาที่จะเข้าร่วมกองกำลังทหารรับจ้างฟลามิงโก้อย่างจริงจัง