ที่ใจกลางของจัตุรัสอันแสนคึกคักของถนนหยก
เจ้าชาย ฟิลลิป ได้กวาดสายตามองสิ่งที่น่าสนใจรอบๆตัว ที่นั่นมีวัตถุดิบเวทมนตร์มากมายขายอยู่ตามร้านข้างถนนและเสียงตะโกนของพ่อค้าดังไปทั่ว ขณะที่นักเวทย์ชาวมนุษย์นั้นแต่งกายด้วยเสื้อคลุมที่สีสันสดใสเดินไปทั่วถนน
ภาพแบบนี้ไม่ได้มีให้เห็นมากนักในเกาะแห่งรุ่งอรุณ แม้ว่าขนาดของเกาะจะมีประมาณ500 ไมล์ แต่ประชากรที่อาศัยอยู่กลับมีแค่ไฮเอลฟ์ไม่ถึง 3 ล้านคนเท่านั้น ทั้งหมดต่างกระจัดกระจายกันอยู่ทั่วเกาะ และตัวเกาะนั้นยังเต็มไปด้วยทรัพยากรธรรมชาติ ดังนั้นประชาชนจึงไม่จำเป็นต้องทำงานหนักเพื่อหาน้ำและอาหารหรือสิ่งจำเป็นอื่นๆ สภาพนี้จึงทำให้ตัวเกาะนั้นเงียบสงบมากๆ
ทั้งหมดนี้เป็นสิ่งที่ดีมากถ้าคุณเริ่มอายุเยอะแล้ว สำหรับชายวัยกลางคนที่ต้องการสถานที่ที่เงียบสงบในการลงหลักปักฐาน แต่สำหรับเด็กหนุ่มที่เต็มไปด้วยกำลังอย่างเจ้าชาย ฟิลลิป นั้น ที่เกาะแห่งรุ่งอรุณก็ไม่ต่างอะไรจากคุกเลย
มันจึงไม่น่าแปลกใจเลยที่เขาจะรู้สึกยินดีอย่างมากที่ได้หนีออกจากเกาะมาซักพัก ในตอนที่เขาถูกส่งมาที่อาณาจักรนอร์ตันในฐานะของราชวงศ์ของเกาะแห่งรุ่งอรุณ เขาต้องมาหารือในเรื่องการให้ความช่วยเหลือกับอาณาจักรนอร์ตันในฐานะพันธมิตรเพื่อที่จะรบกับดาร์กเอลฟ์แห่งอาณาจักรพาแลค
เขามีเวลาว่างในวันนี้ ดังนั้นเจ้าชาย ฟิลลิป จึงตัดสินใจที่จะใช้โอกาสนี้ในการมาเยี่ยมชมงานเทศกาลนักเวทย์ที่เขาได้ยินมาว่ากำลังจัดขึ้นที่เมืองฮอทสปริง เขาได้เห็นหลายสิ่งหลายอย่างที่เขาไม่เคยเห็นมาก่อนในเกาะแห่งรุ่งอรุณนี้ แม้ว่าหัวหน้าองครักษ์ อัยรี่ ผู้ที่มากับเขาจะบอกว่ามารยาทของมนุษย์บนถนนนั้นเต็มไปด้วยการดูถูกและการเหยียดหยาม แต่เจ้าชาย ฟิลลิป ก็ยังจะเข้าไปเพราะความอยากรู้อยากเห็นวิถีชีวิตที่ผู้คนแสดงออกมา
มนุษย์พวกนี้ทำธุรกิจของพวกเขาโดยที่มีไฟอยู่ในดวงตา พวกเขารู้อย่างชัดเจนว่าพวกเขาต้องการอะไรและไล่ตามมันอย่างตั้งใจ นี่เป็นสิ่งที่เขาชื่นชมและไม่เคยเห็นพวกไฮเอลฟ์ทำแบบนี้มาก่อนที่บ้านเกิดของเขา พวกเขาทั้งหมดไม่เคยทำเพราะพวกเขาแค่ทำตามสิ่งที่บรรพบุรุษของพวกเขาเคยทำมาก่อนในทุกๆวันซึ่งมันเต็มไปด้วยความสบายและความเกียจคร้านในชีวิตของพวกเขาทำให้พวกเขานั้นร่างกายไม่แข็งแรงและบาดเจ็บได้เพียงแค่ลื่นล้มเล็กๆน้อยๆ
“ฉันชอบที่นี่” เจ้าชาย ฟิลลิป พูด ตาของเขาเป็นประกายในขณะที่ดื่มด่ำกับบรรยากาศอันครึกครื้นที่อยู่เบื้องหน้าของเขา
“นายท่าน” อัยรี่ หัวหน้าองครักษ์พูด “ผมคิดว่าถึงเวลาที่พวกเราจะต้องกลับแล้วนะครับ ที่ถนนมันเริ่มที่จะวุ่นวายมากๆแล้วในตอนนี้”
“อยู่ต่อกันอีกซักพักเถอะ” เจ้าชายผู้ที่อยากจะดื่มด่ำบรรยากาศของเมืองฮอทสปริงพูด “พวกเราเพิ่งมาที่นี่แค่ครึ่งชั่วโมงเองนะ” เขารู้สึกหวั่นเมื่อต้องกลับไปที่พระราชวังอันน่าเบื่ออีก
ขณะที่เจ้าชาย ฟิลลิป กำลังเดินอยู่ในถนนโดยที่ไม่ได้สนใจอะไรเลย ในอีกด้านนึง ลิงค์ ก็รู้สึกได้ถึงจิตสังหารอันรุนแรงในอากาศ!
มีความผันผวนของธาตุที่ละเอียดอ่อนมากในอากาศ ถ้าไม่ใช่เพราะ ลิงค์ ได้เพิ่มความระมัดระวังขึ้นละก็ แม้แต่เขาเองก็คงไม่รู้สึกถึงการเปลี่ยนแปลงอันเล็กน้อยนี้ หากตัดสินจากการเคลื่อนที่ของธาตุแล้ว เขามั่นใจว่าระเบิดเพลิงนั้นพร้อมที่จะปล่อยออกมาในอีกไม่ช้านี้!
แต่ว่าบรรยากาศในถนนนั้นวุ่นวายมากเกินไปที่จะเจาะจงว่าจุดที่จะปล่อยระเบิดเพลิงอยู่ตรงไหน เขาพยายามที่จะทุ่มสมาธิทั้งหมดลงไปกับการผันผวนของธาตุที่เขารู้สึกได้ แต่ก็ยังคงหาสถานที่ที่แน่นอนไม่ได้อยู่ดี
ถ้าเป็นอย่างนี้ ทั้งหมดที่ฉันทำได้ก็คือปกป้องตัวเอง!
ภายในไม่กี่วินาที เขาได้ตั้งสมาธิในการร่ายเวทย์ ซึ่งมันทำให้การไหลของเวลาเกือบหยุดลงและเสียงโหวกเหวกที่ถนนก็เงียบลง แม้แต่เสียงของ เอเลนอร์ ที่กำลังเข้ามาใกล้เขาก็ยังดูเหมือนอยู่ห่างไกลออกไปเป็นไมล์ ตอนนี้ในใจของเขา คิดอยู่เรื่องเดียวคือการตั้งสมาธิหาออร่าอันคลุมเคลือที่มีร่องรอยของมานา ของธาตุและพลังเร้นลับบางอย่าง เมื่อเขาตั้งสมาธิได้ซักพักเขาก็เริ่มที่จะได้ยินเสียงกระซิบของวิญญาณด้วย
จากการมุ่งเน้นไปที่ออร่าอันแปลกประหลาดนี้ ในที่สุด ลิงค์ ก็หาที่มาของระเบิดเพลิงได้ มันไม่ได้มาจากร้านค้าที่อยู่รอบๆหรือว่าท่ามกลางฝูงชน กลับกัน ระเบิดเพลิงนั้นมาจากใต้ดิน-หรือพูดให้ชัดเจนคือ ที่มาอย่างเจาะจงของมันคือในท่อน้ำที่อยู่ด้านใต้ของน้ำพุที่อยู่ ณ ใจกลางของจตุรัส!
เขามั่นใจว่ามันไม่ได้มีระเบิดเพลิงแค่ลูกเดียว แต่มีถึงสามลูก และมันก็ได้ถูกตั้งให้ทำงานอย่างแนบเนียนโดยไม่สร้างความผันผวนของมานาที่รุนแรงเพราะว่าผู้ร่ายของมันนั้นใช้คัมภีร์เวทมนตร์และโดมิงโก้คริสตัล!
ใช่ เขามั่นใจว่ามันคือโดมิงโก้คริสตัลแน่ๆเพราะว่าเขานั้นคุ้นเคยกับรูปแบบของคลื่นธาตุไฟที่ถูกกักเก็บไว้ในโดมิงโก้คริสตัลมากๆ
ระเบิดเพลิงสามลูกที่ได้รับการสนับสนุนโดยโดมิงโก้คริสตัลจะระเบิดในท่อน้ำที่อยู่ด้านใต้ของจตุรัส-มันคงจะอันตรายพอๆกับระเบิดที่ถูกฝังอยู่ใต้ดิน แรงกระแทกของมันจะทำลายทุกอย่างที่อยู่ในระยะ 100 ฟุตให้ราบเป็นหน้ากลอง!
ลิงค์ ไม่มีเวลาที่จะทำอย่างอื่นแล้วนอกจากการร่ายเวทย์ที่เขาเก็บไว้ในแหวนของเขาเพื่อปกป้องตัวเอง เขาได้ฝังเวทย์เอเดลไวซ์เลเวล 4 เอาไว้ในแหวนและมันก็น่าจะเพียงพอที่จะปกป้องเขาจากแรงกระแทกที่มาจากระเบิดเพลิง
เอเลนอร์ ยังคงไม่รู้ถึงอันตรายที่กำลังใกล้เข้ามา เธอโบกมือขาวๆของเธอที่หน้าของ ลิงค์เพื่อที่จะพยายามปลุก ลิงค์ ให้ตื่นจากอาการมึนงง
“สวัสดี มีใครอยู่มั้ย?” เธอแหย่ “เกิดอะไรขึ้นกับนายเหรอ?”
ลิงค์ ไม่มีเวลาที่จะอธิบายแล้ว แรงระเบิดจะมาถึงพวกเขาในอีกไม่กี่วินาที ในตอนที่เขาเปิดใช้งานเวทย์เอเดลไวซ์ เขาได้ยื่นมือของเขาและดึง เอเลนอร์ เข้ามากอดแน่นที่หน้าอกของเขา ถึงแม้พวกเขาไม่ได้จะสนิทกันมาก แต่ ลิงค์ ก็ไม่สามารถมองเธอถูกกลืนกินจากไฟของระเบิดเพลิงที่กำลังจะมาในอีกไม่ช้าต่อหน้าของเขาได้
“เห้ย ไอโรคจิต!” เธอตะโกน “นายจะทำอะไรหน่ะ?” เอเลนอร์ รู้สึกตกใจกับการเคลื่อนไหวอย่างกะทันหันของ ลิงค์ เธอมีชีวิตอยู่มามากกว่า 100 ปีและไม่เคยถูกทำอะไรแบบนี้มาก่อน อย่างน้อยก็จากเด็กที่อายุ 17 ปี! และเธอก็พบว่า…มันช่างน่าสนใจ
เธอไม่ได้มีเวลากับความรู้สึกนั้นนานนัก ก่อนที่เสียงระเบิดดังสนั่นจะดังขึ้นมาในตอนนั้น
ตู้มมมมมมมม!!!
แรงระเบิดที่ทำให้โลกต้องสะเทือนปะทุขึ้นที่ใจกลางของจัตุรัส เปลวเพลิงนั้นรุนแรงเหมือนกับปีศาจที่ผุดขึ้นจากนรก กลืนกินและทำลายทุกสิ่งทุกอย่างในทางที่มันผ่าน ที่ใจกลางของจัตุรัส หัวหน้าองครักษ์ อัยรี่ ได้เปิดใช้งานเวทย์ป้องกันในช่วงวินาทีสุดท้าย แต่แทนที่เขาจะเอาตัวเองให้รอด เขากลับใช้มันเพื่อปกป้องเจ้าชาย ฟิลลิป
ส่วนที่อื่นๆของจตุรัสนั้น-นักรบ องครักษ์ พ่อค้า แม้กระทั่งนักเวทยี่ผ่านทางมา-ทุกคนต่างก็ถูกกลืนกินด้วยเปลวเพลิงที่มาจากการระเบิด
นักเวทย์ที่แข็งแกร่งบางคนโต้ตอบทันในช่วงวินาทีสุดท้ายและร่ายเวทย์ป้องกันรอบๆตัวเอง แต่ก็มีคนที่ทำมันไม่ทันก่อนที่ไฟจะมาถึงตัวพวกเขาเช่นกัน คนที่โชคร้ายพวกนี้ต่างร้องและตะโกนด้วยความเจ็บปวด
เวทมนตร์ธาตุนั้นมีพลังทำลายรุนแรงที่สุดในบรรดาเวทมนตร์ทั้งหมด และเวทย์ที่ใช้ธาตุไฟนั้นจะมีพลังระเบิดที่รุนแรงที่สุดในหมู่เวทมนตร์ธาตุทั้งหมด ยิ่งไปกว่านั้น ความจริงแล้ว ระเบิดเพลิงคือเวทย์ที่น่าสะพรึงกลัวที่สุดในหมู่เวทย์ธาตุไฟทั้งหมด ในตอนนี้ ระเบิดเพลิงได้ระเบิด 3 ลูกติดต่อกัน-พลังทำลายของมันรวมกันนั้นเทียบได้กับการโจมตีจากเวทย์เลเวล 5 เลย!
ที่จตุรัสนั้นมีนักเวทย์เลเวล 5 อยู่ที่นั่นด้วย แต่เขาก็ไม่สามารถที่จะปกป้องตัวเองจากการโจมตีที่กะทันหันเช่นนี้ได้ ด้วยเวลาที่น้อยเกินไปของระเบิดเพลิงแต่ละลูก และที่แย่ที่สุดก็คือจุดที่เขาอยู่คือตรงใจกลางของการระเบิดเลย ดังนั้นแม้ว่าเขาจะร่ายเวทย์ป้องกันเลเวล 4ได้ทันเวลา แต่มันก็ต้านได้แค่ไม่นานก่อนที่มันจะหายไปราวกับฟองสบู่และเปิดให้นักเวทย์โดนแรงระเบิดทั้งหมด
พูดอีกนัยนึงก็คือ แม้แต่นักเวทย์ที่แข็งแกร่งก็ยังสามารถเอาตัวรอดได้นานกว่าคนอื่นแค่เพียงไม่กี่วินาทีเท่านั้น
เพราะว่ามีร้านค้าอยู่สองแถวที่ตั้งอยู่ทั้งสองฝั่งของถนน เปลวเพลิงจากการระเบิดที่พุ่งไปหาพวกเขาจึงเหมือนกับระลอกคลื่นอันรุนแรงที่ซัดเข้าฝั่งและพุ่งเข้าไปภายในร้าน 100 ฟุตก่อนที่มันจะหยุด แรงกระแทกของระเบิดภายในร้านค้านั้นเบากว่าและนักเวทย์ที่อยู่ข้างในก็มีเวลาที่จะโต้ตอบกับมัน แม้ว่าพวกเขาหลายคนจะรอดมาได้ แต่ว่าส่วนมากก็ได้รับบาดเจ็บสาหัสและถูกเผาไหม้อย่างรุนแรง
เปลวเพลิงอันน่ากลัวจากแรงระเบิดนั้นอยู่ประมาณ 6 วินาที เมื่อเปลวเพลิงหายไป ถนนที่ก่อนหน้านี้ดูคึกคักก็กลายเป็นถนนที่เงียบเชียบ
ฝุ่นและก้อนกรวดปกคลุมไปทั่วพื้นที่และมีชิ้นส่วนของร่างกายที่ถูกเผาไหม้กระจัดกระจายไปทั่วทุกที่ ส่วนที่หลงเหลืออยู่น้อยนิดของสิ่งก่อสร้างถูกกระแทกโดยคลื่นกระแทกอันรุนแรง เสียงร้องด้วยความเจ็บปวดที่ได้ยินมาจากจุดที่อยู่ห่างจากใจกลางของการระเบิด
การระเบิดของระเบิดเพลิงทั้งหมด 3 ลูกภายในเวลา 6 วินาที ได้ทำให้ถนนหยกที่มีชีวิตชีวาและคึกคักในตอนแรกกลายเป็นภาพของนรกบนดินอย่างสมบูรณ์
ที่น่าตกใจคือ ที่ใจกลางของการระเบิดทั้งหมดนั้น มีคน 3 คนที่รอดมาได้
คนแรกก็คือเจ้าชาย ฟิลลิป ที่ถูกปกคลุมด้วยโล่สีมรกต เขาถูกกดลงกับพื้นด้วยแรงกระแทกของการระเบิดและมองไปรอบๆตัวอย่างไร้จุดหมายไปที่ภาพของเศษซากที่หลงเหลืออยู่ของจตุรัสที่เคยครึกครื้น
หัวหน้าองครักษ์ อัยรี่ ได้ร่ายเวทย์ป้องกันอันทรงพลัง-มันเทียบเท่ากับเวทย์เลเวล 6-แม้ว่ามันจะไม่ใช่พลังจากตัวของเขาเอง แต่จริงๆแล้วมันมาจากอุปกรณ์เวทมนตร์ที่ราชินีให้กับเขาไว้ใช้ในเวลาฉุกเฉิน
ผู้รอดชีวิตอีก 2 คนก็คือ ลิงค์ กับ เอเลนอร์ พวกเขาอยู่ที่ขอบของเปลวไฟของระเบิดเพลิงพอดีและยังถูกปกป้องด้วยเอเดลไวซ์เลเวล 4 ของ ลิงค์ อีก พวกเขาทั้งคู่กระเด็นออกไปกว่า 60 ฟุตด้วยแรงกระแทกของการระเบิดและมาตกอยู่ที่ร้านค้าหนึ่งที่อยู่ส่วนขอบของจตุรัสแล้ว นอกเหนือจากบาดแผลเล็กน้อยและอาการมึนหัว พวกเขาทั้งคู่ก็หนีออกมาได้แบบแทบจะไร้รอยขีดข่วนเลยทีเดียว
เมื่อพวกเขาตกลงที่พื้นของบ้านที่พังแล้ว ลิงค์ ก็พยายามที่จะลุกขึ้นมาและใช้มานาที่อยู่ในร่างกายของเขา จากนั้นด้วยความช่วยเหลือจากมานาเพิ่มเติมที่อยู่ในแหวนของเขา เขาได้ร่ายเอเดลไวซ์อันใหม่ขึ้นมารอบตัว เอเลนอร์ และตัวเขาเอง
การใช้อุปกรณ์เวทมนตร์แบบนี้อย่างเช่นการใช้แหวนของเขาช่วย สามารถเร่งความเร็วในการร่ายเวทย์ได้ แต่ว่ามันก็จะลดพลังของเวทย์นั้นลงเพราะมีชิ้นส่วนของวัตถุดิบที่ต่อต้านเวทมนตร์เป็นส่วนประกอบของอุปกรณ์เวทมนตร์อยู่ด้วย ยังไงก็ตาม ประโยชน์ของมันก็มากกว่าโทษอยู่ดีในสถานการณ์แบบนี้
ในอีกด้านนึง เอเลนอร์ ยังคงสั่นจากการโจมตีที่รวดเร็วละรุนแรงของระเบิดเพลิง เธอยังคงตกใจและซ่อนตัวอยู่ในอ้อมแขนของ ลิงค์ ตาของเธอเลิกลั่กไปมาและร่างกายของเธอก็สั่นอย่างไม่สามารถควบคุมได้
มันจะดูไม่แฟร์ถ้าจะว่าการกระทำของเธอว่ามันเป็นเพราะความขี้ขลาดของเธอ เพราะว่า มันเป็นการตอบสนองตามธรรมชาติของคนที่เพิ่งจะรู้สึกตัวว่าเธอเพิ่งจะหนีจากกรงเล็บแห่งความตายมาได้
ถ้าเธอไม่ได้สังเกตเห็น ลิงค์ ทำตัวแปลกๆและตัดสินใจที่จะตามไปทักทายเขา ก็ไม่ต้องสงสัยเลยว่าเธอคงจะกลายเป็นซากศพแบบที่กองอยู่เกลื่อนจตุรัสในตอนนี้แน่ๆ
มันอาจจะเป็นเรื่องจริงที่เธอเป็นนักเวทย์เลเวล 6 แต่เธอก็เชี่ยวชาญในเวทย์ลึกลับ เธอไม่สามารถที่จะเผชิญหน้ากับการลอบโจมตีแบบนี้ได้ และยังขาดความเข้าใจในผลของเวทมนตร์ที่มีผลต่อวิญญาณอีกด้วย บอกได้เลยว่า เธอนั้นไม่สามารถป้องกันระเบิดเพลิงได้เลยในตอนนี้
ลิงค์ ช่วยพยุง เอเลนอร์ ให้ลุกขึ้น เขาแอบมองผ่านช่องของกำแพงที่พังและเห็นออร่าสีมรกตปกคลุมเจ้าชายไฮเอลฟ์อยู่ใจกลางของจตุรัสที่ไม่มีอะไรแล้วในตอนนี้ จากนั้นเขาก็เห็นกลุ่มของเงากำลังแอบย่องเข้าไปหาเจ้าชาย พวกมันมีทั้งหมด 6 คน-บางคนในกลุ่มพวกมันเป็นนักเวทย์และที่เหลือเป็นนักรบพวกมันทั้งหมดดูเหมือนกับมนุษย์และแต่ละคนมีเลเวลอย่างน้อย 3 หรือมากกว่า
พวกมันทั้งหมดกำลังมุ่งหน้าไปที่ใจกลางของจัตุรัสที่ว่างเปล่า-ไปทางเจ้าชายไฮเอลฟ์!
พวกมันกำลังจะไปฆ่าเขา! ลิงค์ เข้าใจในทันที ไม่สิ มันมีอะไรมากกว่านั้น ระเบิดเพลิงก่อนหน้านี้ก็เล็งไปที่เจ้าชายไอเอลฟ์เป็นพิเศษ นี่ต้องเป็นฝีมือของดาร์กเอลฟ์แน่ๆ แต่ทำไมพวกมันถึงเล็งเจ้าชายกันหล่ะ?
หลังจากคิดได้ซักพัก ลิงค์ ก็เข้าใจถึงเหตุผลนั้น
พวกมันพยายามจะทำลายความสัมพันธ์ระหว่างมนุษย์กับไฮเอลฟ์!
ภายในเกม ไฮเอลฟ์จากเกาะแห่งรุ่งอรุณนั้นเป็นพรรคพวกที่มั่นคงและไว้ใจได้สำหรับเผ่าพันธุ์มนุษย์ ในตอนที่มนุษย์ประกาศสงครามกับดาร์กเอลฟ์ ไฮเอลฟ์ก็ได้ส่งเจ้าหญิง เมอร์ด้า ของพวกเขามาที่อาณาจักรนอร์ตันในฐานะทูตพิเศษและยังส่งนักเวทย์ไฮเอลฟ์กว่า 10,000 คนมาเข้าร่วมกับกองทัพอีก ถ้าปราศจากความช่วยเหลือจากเกาะแห่งรุ่งอรุณ มันเป็นไปไม่ได้เลยที่มนุษย์จะสู้กับลอร์ดแห่งความมืด โนโซม่า ได้
ฉันจะไม่มีทางปล่อยให้พวกดาร์กเอลฟ์ทำสำเร็จ! ลิงค์ สาบาน
ในตอนนั้นเอง ก็มีแจ้งเตือนเด้งขึ้นมาในอินเทอเฟส-ภารกิจใหม่!
ภารกิจ: ช่วยเหลือ
รายละเอียดภารกิจ: ขั้นแรก ช่วยชีวิตเจ้าชายไฮเอลฟ์ ฟิลลิป! หลังจากสำเร็จแล้ว ให้สอบสวนกลุ่มคนที่เกี่ยวของกับการพยายามฆ่าครั้งนี้
รางวัลภารกิจ: ผู้เล่นจะได้รับ 60 แต้มโอมนิหลังจากที่ช่วยชีวิตเจ้าชายฟิลลิปได้ และหลังจากที่สอบสวนและได้ข้อมูลมา ผู้เล่นจะได้รับอักขระวิญญาณ
หืมมม? ของรางวัลนี่มันแปลกๆนะ แม้ว่าเขาจะมีคำถามภายในหัวเกี่ยวกับของรางวัลที่แปลกๆจากระบบเกม แต่ ลิงค์ ก็ไม่มีเวลาที่จะคิดเกี่ยวกับมันแล้วเพราะว่ากลุ่มคนพวกนั้นกำลังเข้าใกล้เจ้าชาย ฟิลลิป แล้ว ที่ชัดเจนคือความจริงที่ว่าองครักษ์ที่ใกล้ตายพวกนั้นที่อยู่รอบๆเจ้าชายไม่สามารถต่อสู้กับพวกนักฆ่าได้แน่ๆ!