“เผ่าพันธุ์มนุษย์นั้นถูกครอบงำด้วยความโลภ ความโลภนั้นทำให้พวกเขามั่งคั่งแต่มันก็นำมาซึ่งหายนะเช่นกัน!”นี่เป็นธรรมชาติของเผ่าพันธุ์มนุษย์
ในอดีตเจ้าชาย ฟิลลิป เคยเห็นแต่ด้านที่เจริญรุ่งเรืองของเผ่าพันธุ์มนุษย์และใฝ่ฝันถึงความร่ำรวยและความเพลิดเพลินแบบนั้นบ้าง ยังไงก็ตาม ตอนนี้เขาได้พบเจอกับการทำลายล้างซึ่งนำมาพร้อมกับผลประโยชน์โดยตรงแล้ว
ภายในชั่วพริบตา จัตุรัสกลางของเมืองหลวงที่เต็มไปด้วยผู้คนก็ได้ถูกโจมตีด้วยการระเบิดต่อเนื่องของเวทย์ระเบิดเพลิงอันรุนแรง นี่มันช่างบ้าเสียจริงๆ
ที่ด้านนอกของบาเรียป้องกัน หัวหน้าผู้ติดตามและยังเป็นเพื่อนสนิทที่สุดของเขา ได้ระเหยหายไปเพราะความร้อนสูง หลักฐานเดียวที่ยังบ่งบอกถึงตัวตนของเขาคือคทาที่พังแล้วที่อยู่ห่างออกไป 10 ฟุต นักรบเวทมนตร์ก็ตายเช่นเดียวกัน หน้าที่เดียวที่ชุดเกราะเวทมนตร์อันเปล่งประกายของพวกเขาทำได้ก็คือช่วยให้ร่างกายของพวกเขาไม่หายไปหลังจากโดนการโจมตีของความร้อนอันรุนแรง
ภาพของนักรบเวทมนตร์ที่ผิวหนังถูกเผาไหม้จนเกรียมและดวงตาเปิดกว้างดูเหมือนกับจ้องไปที่เจ้าชาย ฟิลลิป ไม่ว่าใครก็สามารถบอกได้เลยว่าอาการช็อกที่เขาได้รับก่อนตายก็คือการถูกเผาไหม้อย่างเฉียบพลันด้วยเปลวเพลิง เขาไม่สามารถเข้าใจได้ว่าการโจมตีที่รุนแรงแบบนี้สามารถเกิดขึ้นในอาณาจักรนอร์ตันได้อย่างไร ยิ่งไปกว่านั้นยังเป็นกลางงานเทศกาลนักเวทย์อีก
ฟิลลิป ยังเห็นร่างของพ่อและลูกสาวอยู่ห่างไปอีก 10 ฟุตด้วย คนเป็นพ่อนั้นใช้ร่างกายปกป้องลูกสาวตามสัญชาติญาณในตอนที่เวทมนตร์ถูกปล่อยออกมา ซึ่งมันทำให้ร่างของลูกสาวนั้นยังคงอยู่ แต่เธอก็ยังคงไม่สามารถหลีกหนีจากความร้อนของเปลวไฟได้
เด็กสาวคนนั้นเสียชีวิต ร่างกายของเธอดำเป็นตอตะโกขณะที่เธอนอนขดอยู่บนพื้นอย่างทรมาน
ฉากอันโหดร้ายนี่ส่งผลอย่างรุนแรงต่อจิตใจของ ฟิลลิป เขาเหงื่อออกเต็มตัวและน้ำตาก็ไหลทะลักออกมาจากตาของเขา เขานอนลงกับพื้นด้วยความตกใจและความกลัว ไม่แม้แต่จะขยับนิ้วของเขา
เขาจะกลับไปที่เกาะแห่งรุ่งอรุณทันทีถ้าเกิดว่าเขารอดจากเหตุการณ์นี้ไปได้ และเขายังสาบานว่าจะไม่ก้าวเข้ามาสู่โลกอันน่ากลัวของมนุษย์อีกต่อไป ทัศนวิสัยของเขานั้นไม่ชัดเจนเพราะน้ำตาที่ไหลลงมาที่หน้าของเขา ยังไงก็ตาม เขายังคงเห็นว่ามีอะไรบางอย่างกำลังเดินมาทางเขา
พวกเขามาเพื่อช่วยฉันงั้นหรือ? ฟิลลิป คิด องครักษ์หลวงน่าจะเป็นคนกลุ่มแรกที่จะมาเมื่อเกิดเหตุการณ์อันน่าสะพรึงกลัวแบบนี้ในเมืองหลวง
ยังไงก็ตาม ทัศนวิสัยของเขาก็ค่อยๆกลับมาอย่างช้าๆ และ ฟิลลิป ก็รู้สึกกลัวเมื่อพบว่ามันเป็นสิ่งที่ตรงข้ามกับสิ่งที่เขาจินตนาการเอาไว้อย่างสิ้นเชิง
คนพวกนี้จงใจปิดบังหน้าตาของตัวเองและจ้องมาที่เขาเขม็ง และพวกเขายังคุยกันด้วยเสียงที่เบาด้วย
“เขายังไม่ตาย เขาซ่อนอยู่หลังบาเรียเวทมนตร์นั่น!”
“บาเรียอ่อนกำลังลงด้วยเวทมนตร์ก่อนหน้านี้แล้ว ทำลายมันและฆ่าเขาซะ!”
จากนั้นนักเวทย์สองคนก็ยกคทาของพวกเขาขึ้นมาและหลังจากผ่านไปสองวินาที เวทย์หอกน้ำแข็งและพายุใบมีดก็ปรากฏขึ้น และพุ่งไปทางบาเรียเวทมนตร์ที่ปกป้อง ฟิลลิป อยู่
ถึงบาเรียของ ฟิลลิป นั้นจะเป็นเวทย์เลเวล 6 แต่มันก็ถูกปล่อยออกจากอุปกรณ์เวทมนตร์ที่ถูกตั้งให้ปล่อยออกมาในทันที พลังการป้องกันของบาเรียจึงเทียบเท่ากับเวทย์ป้องกันเลเวล 5 และมันก็ได้ป้องกันระเบิดเพลิงไป 3 ลูกแล้ว เมื่อเวทย์เลเวล 3 ทั้งสองไปปะทะกับบาเรียมรกต รอยฉีกขาดจำนวนมากก็เริ่มเกิดขึ้น มันคงจะต้านได้อีกไม่นานมากนัก
“อย่ายืนนิ่งสิ มาโจมตีพร้อมกัน!” นักเวทย์ตะโกน
นักรบทั้ง 4 คนรอบๆนักเวทย์ได้หยิบอาวุธขึ้นมาและเข้าไปล้อมบาเรียมรกต ดาบของพวกเขาปกคลุมไปด้วยออร่าต่อสู้ที่รุนแรงในตอนที่พวกเขาฟาดมันไปที่บาเรียอย่างเต็มกำลัง
เจ้าชาย ฟิลลิป สิ้นหวังมาก สิ่งเดียวที่เขาทำได้ก็คือการถือดาบเวทมนตร์ของเขาไว้อย่างแน่นหนา
เขารู้ดีว่ามันเป็นการดิ้นรนที่เปล่าประโยชน์ เขานั้นเพิ่งจะอายุ 16 ปีและเป็นนักรบเวทมนตร์เลเวล 2 เขาไม่มีโอกาสที่จะสู้กับคู่ต่อสู้ 6 คนที่มีเลเวล 3 ได้เลย เขาจะพ่ายแพ้ในทันทีอย่างแน่นอน
ในตอนที่บาเรียได้แตกสลายลงต่อหน้าต่อตาของเขา ความคิดหนึ่งก็แวบเข้ามาในหัวของเขา
เป้าหมายของการโจมตีนี้ก็คือฉัน ฉันเองแหละที่เป็นคนฆ่าเพื่อนสนิทของฉันและคนบริสุทธิ์อีกมากมาย
เขาได้ถูกครอบงำโดยความโศกเศร้าเสียใจ ถ้าเขารู้เร็วกว่านี้ว่าจะเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้น เขาก็คงจะเชื่อฟังคำแนะนำของเพื่อนสนิทของเขาและอยู่ในพระราชวัง
ยังมีอีก 3 คนที่ซ่อนตัวอยู่ในซากปรักหักพังของบ้านที่อยู่ในมุมนึงของจตุรัส
พวกเขาทั้งหมดต่างก็เป็นดาร์กเอลฟฟ์ที่มีฝีมือ นักฆ่าแห่งกลุ่มดาว อลิน่า ที่เป็นที่รู้จักกันอย่างกว้างขาง, นักฆ่าอัจฉริยะ ไอโนส และนักเวทย์ เฟลิเดีย พวกเขาคือสามทหารเสือแห่งดาร์กเอลฟ์รุ่นเยาว์และต่างก็เป็นอัจฉริยะในสาขาของตน
พวกเขาทั้งสามได้มองภาพพวกนี้ผ่านรอยแตกของบ้าน พวกเขาต้องยืนยันการตายของเจ้าชาย ฟิลลิป ก่อนที่พวกเขาจะสามารถหนีออกไปได้
“พวกไฮเอลฟ์นี่มีพื้นฐานทางด้านเวทมนตร์ที่แข็งแกร่งจริงๆ อุปกรณ์เวทมนตร์ที่สามารถปลดปล่อยเวทมนต์เลเวล 6ได้ในทันที! มันช่างน่าเหลือเชื่อจริงๆ!” เฟลิเดีย กระซิบด้วยความชมเชย
อลิน่า ยังคงเงียบ ดวงตาสีแดงเข้มของเธอไม่ได้มองไปที่เจ้าชาย ฟิลลิป แต่กลับมองไปอีกทิศทางนึง
“เขาคือใคร?” อลิน่า ชี้
วัยรุ่นผมสีดำโผล่ขึ้นมาจากกองก้อนกรวด เขาถูกห่อหุ้มด้วยแสงจางๆ เมื่อตรวจสอบดูใกล้ๆจะเห็นได้ว่าแสงนั้นเกิดขึ้นมาจากรูนอันเล็กๆมากมาย มันผสมผสานกันและทำงานร่วมกันอย่างลื่นไหล ออร่าเวทมนตร์แบบนี้มีแต่นักเวทย์เลเวล 4 เท่านั้นที่ทำได้
ไอโนส หันไปดูและส่ายหัวของเขา “ฉันจำเขาไม่ได้ เธอมั่นใจนะว่าเขาเป็นคนที่ปล่อยบาเรียเวทมนตร์เลเวล 4 ออกมา? บางทีมันอาจจะออกมาจากอุปกรณ์เวทมนตร์ที่อาจารย์ของเขาให้เขามาก็ได้นะ”
เฟลิเดีย เองก็ถูกดึงดูดด้วยคำพูดของ อลิน่า เช่นกัน ในตอนแรกเขารู้สึกผ่อนคลายและมีความมั่นใจแต่เขาก็ต้องอ้าปากค้างในตอนที่เขาเห็น ลิงค์
“เขาคือ ลิงค์! ฉันเคยสู้กับเขามาก่อนครั้งนึงที่อ่าวใบไม้แดง-เขาแข็งแกร่งมากเลยแหล่ะ!” เฟลิเดีย กระซิบ
ไอโนส เองก็รู้เรื่องที่ เฟลิเดีย พ่ายแพ้ให้กับนักเวทย์ชาวมนุษย์ที่อ่าวใบไม้แดงเช่นกัน เขามองไปที่ อลิน่า ด้วยสีหน้าหวาดกลัว “นั่นเขา! เขาคือคนที่ใช้เวทย์ระเบิดเพลิงและเอาชนะนายพล ลอร์ด!”
“นี่คือผู้ชายคนนั้นสินะ?” อลิน่า มีสายตาที่เยือกเย็น “ดูเหมือนว่าพวกเราจะโชคดีนะ มาจัดการเขากันเถอะในขณะที่พวกองครักษ์ยังไม่มา”
การโจมตีแกลดสโตนนั้นถูกวางแผนและดำเนินการมาอย่างดี มันแทบจะไม่มีข้อผิดพลาดเลยตลอดทั้งกระบวนการ กลุ่มมือแห่งความตายได้หลอกพวก MI3 ของอาณาจักรนอร์ตันและได้ ควบคุมข่าวกรองทางการทหาร ยังไงก็ตาม เผ่ามนุษย์ก็ยังสามารถพลิกสถานการณ์ได้ในที่สุดและถึงขั้นทำให้นายพล ลอร์ด ได้รับบาดเจ็บสาหัสด้วย มีข่าวลือว่านายพลนั้นโกรธมากในความล้มเหลวของเขาและฆ่าทาสของเขาไปมากกว่า 30 คนในระยะเวลา 1 เดือน
หลังจากนั้นเป็นต้นมา นักเวทย์ชาวมนุษย์คนนั้นก็ได้ตกเป็นเป้าหมายของกลุ่มมือแห่งความตาย มันไม่มีทางที่พวกเขาจะปล่อยให้เขารอดไปได้โดยที่ยังมีชีวิตอยู่
อลิน่า ดึงดาบแห่งดวงดาวที่แหลกสลายออกมาจากฝัก ตัวดาบทั้งหมดนั้นทำมาจากโคเรี่ยมและมีสีม่วง ใบดาบนั้นบางมาก มันดูเหมือนกับกระบี่และยังถูกเสริมพลังด้วยเวทย์ความคมขั้นสูงอีกต่างหาก เมื่อรวมคุณสมบัติต้านทานเวทมนตร์ของโคเรี่ยมกับออร่าต่อสู้เลเวล 5 ของ อลิน่า เข้าด้วยกัน ตัวดาบนั้นสามารถแทงทะลุผ่านบาเรียเวทมนตร์ใดๆก็ตามที่ต่ำกว่าเลเวล 5 ได้
ในขณะที่บาเรียที่อยู่รอบๆเจ้าชาย ฟิลลิป กำลังจะแตก ลิงค์ ก็ได้เริ่มเคลื่อนไหว เป้าหมายของเขาคือนักฆ่าที่อยู่ข้างๆกับเจ้าชาย
คทาของเขาเปล่งแสงและมีเสียงนกหวีดแหลมดังขึ้นผ่านชั้นบรรยากาศในทันที ภายในเสี้ยววินาที แสงสลัวๆทั้งหกก็ได้พุ่งเข้าไปหานักฆ่าชาวมนุษย์
กลุ่มชาวมนุษย์ทั้ง 6 คนนั้นถูกจ้างมาโดยดาร์กเอลฟ์ที่สัญญาว่าจะจ่ายพวกเขาอย่างงาม พวกเขานั้นเป็นกลุ่มที่แข็งแกร่งที่มาจากการรวมกันของนักสู้ เลเวล 3 ยังไงก็ตาม ภายใต้การโจมตีของ ลิงค์ พวกเขาทั้ง 6 ก็พ่ายแพ้ไปในชั่วพริบตา ด้วยบาดแผลขนาดกำปั้นที่ท้ายทอยของพวกเขา
ทั้งหมดนั้นเป็นเวลาเพียงแค่ 1 วินาทีเท่านั้น พวกเขาไม่มีเวลาแม้แต่จะโต้กลับเลยด้วยซ้ำ
อลิน่า ยังคงสังเกตุการณ์สถานการณ์จากซากของบ้านอยู่ ภาพนั้นทำให้เธอถึงกับต้องขยี้ตาและหยุดคิดไปพักนึง เธอพูด “การเอาชนะเขานั้นไม่ง่ายเลย เฟลิ ไอโนส พวกเราต้องออกไปทั้งหมดแล้วล่ะ!”
ลิงค์ นั้นแข็งแกร่งอย่างไม่ต้องสงสัย ยังไงก็ตาม อลิน่า นั้นค่อนข้างมั่นใจในทักษะของเธอ ยิ่งไปกว่านั้นเธอยังมีความช่วยเหลือจากเพื่อนพ้อง มันจะเป็นไปได้ยังไงที่ทีมของ นักฆ่าเลเวล 5, นักฆ่าเลเวล 4 และนักเวทย์เลเวล 4 จะพ่ายแพ้ให้กับนักเวทย์เลเวล 4 เพียงแค่คนเดียว?
มันจะต้องประหลาดมากแน่ๆ
เฟลิเดีย กระซิบ “ระวังนะ เขาแข็งแกร่งขึ้นมาก ประสบการณ์จากการต่อสู้ครั้งที่แล้วของฉันคงช่วยอะไรไม่ได้แล้ว”
ไอโนส เองก็ตกใจกับการร่ายเวทย์ความเร็วสูงของ ลิงค์ เช่นกัน จากนั้นเขาก็หยิบมีดคู่ของเขาขึ้นมาและแสดงให้เห็นถึงหน้าไม้เงินที่เขาได้ซ่อนมันเอาไว้มาโดยตลอด เขาเองก็เตรียมตัวที่จะสู้อย่างสุดกำลังเหมือนกัน
“บวก!” อลิน่า เป็นคนแรกที่พุ่งออกจากบ้าน ในตอนที่เธอออกมาเธอได้ใช้สกิลของเธอ คลื่นลวงตา ในทันที
ด้วยความช่วยเหลือของออร่าต่อสู้ของเธอ ความเร็วการเคลื่อนที่ของเธอนั้นเร็วมากๆ ในตอนที่เธอเคลื่อนที่ไปข้างหน้า มันเหมือนกับมีร่างเงาของเธอโผล่ออกมา-มันเป็นไปไม่ได้ที่จะแยกว่าอันไหนคือตัวจริงหรือตัวปลอม
นี่เป็นวิธีที่ดีที่สุดที่จะจัดการกับนักเวทย์ที่กำลังอยู่ในสถานะที่ตั้งสมาธิสูงสุด!