สายลมอันอ่อนโยนได้แบกรับอากาศที่แผดจ้าจากระเบิดเพลิงเอาไว้ ลิงค์ ยืนขึ้นท่ามกลางเศษซากทั้งหมดขณะที่เขาจ้องไปทางที่ อลิน่า หนี เขาต้องการไล่ตามเธอ, แต่ความคิดของเขาก็เปลี่ยนไปในเวลาไม่นาน
อลิน่า มีออร่าต่อสู้อย่างน้อยเลเวล 5; เธอรวดเร็วดั่งสายฟ้าฟาดและเมืองสปริงก็เป็นเหมือนเขาวงกตของซอกซอยอันคับแคบที่เธอสามารถเล็ดร็อดผ่านไปได้อย่างง่ายดายและทำให้เธอหนีไปได้ ต่อให้ ลิงค์ พยายามไล่ตามเธอไป, เขาก็อาจจะจบด้วยการถูกซุ่มโจมตีแทน
เขาไม่มั่นใจว่าเขาจะสามารถเผชิญหน้ากับการซุ่มโจมตีของนักดาบหญิงในตอนนี้ได้รึเปล่า
ยังไงซะการจับตัวเธอก็ไม่ใช่เรื่องที่สำคัญที่สุด ตอนนี้เขาต้องให้ความสัมคัญกับความปลอดภัยของเจ้าชาย ฟิลิป มันอาจจะดูเหมือนว่าเขาชนะในตอนนี้, แต่ก็ไม่มีอะไรรับประกันว่าจะไม่มีดาร์กเอลฟ์แฝงตัวเข้ามาและพยายามโจมตีเจ้าชายไฮเอลฟ์อีก
ด้วยความคิดนี้ในหัว, ลิงค์ กลับหลังหันแล้วตรงไปหาเจ้าชาย
เอเลนอร์ ตามเขาไปโดยไม่รู้ตัว ไม่มีเหตุผลอื่นนอกจากความจริงที่ว่าระเบิดเพลิงทั้งสองที่ ลิงค์ เพิ่งจะระเบิดออกมานั้นแข็งแกร่งสุดๆและพวกมันก็โค่นล้มความประทับใจแรกของเธอที่มีต่อนักเวทย์หนุ่มผมดำอย่างสมบูรณ์
ในตอนที่เธอพบเขาเมื่อวานนี้, ลิงค์, ในสายตาของเธอ, คือนักเวทย์หนุ่มมากพรสวรรค์, ที่มีการร่ายอันรวดเร็วและเชี่ยวชาญทักษะการเสริมพลัง เขาเป็นคนอบอุ่นและเป็นมิตร; ขณะที่ในเวลาเดียวกันนั้นก็เป็นคนที่ฉลาดและมีไหวพริบ มีความน่าอึดอัดแฝงอยู่ในตัวเขา, แต่โดยรวมเราเขาก็เป็นเด็กหนุ่มที่เป็นกันเอง
แต่ในตอนนี้, เมื่อพวกเขาถูกโจมตีอย่างกระทันหัน, ลิงค์ ตอบสนองอย่างใจเย็นและรวดเร็วซึ่งได้ช่วยชีวิตของเธอเอาไว้ เขาถึงกับฆ่านักรบมืออาชีพเลเวล 3 ไปหกคนด้วยความเร็วอันน่าเหลือเชื่อ, จากนั้น, เมื่อพวกเขาถูกล้อมด้วยฝ่ายตรงข้ามที่อันตรายกว่าเดิมสามคน, ลิงค์ ก็ยังสามารถรักษาความเยือกเย็นเอาไว้ได้และฆ่าสองในสามของพวกเขาไปและยังบังคับให้อีกคนหนีไปได้โดยไม่ขยับแม้แต่ก้าวเดียว
รูปแบบของพลังในการต่อสู้แบบนี้มันช่างน่ากลัวจริงๆ!
เอเลนอร์ นึกภาพตัวเองหากอยู่ในสถานการณ์เดียวกับ ลิงค์ และคิดว่าถ้าเธอเผชิญหน้ากับสถานการณ์ที่เลวร้ายขนาดนี้, เธอก็อาจจะตายไปแล้วอย่างน้อยสองครั้ง
แม้ว่าเธอจะเชี่ยวชาญในเวทย์ลึกลับและในความเป็นจริงแล้วถือว่าเป็นจอมเวทย์ด้วยซ้ำ, แต่เวทย์มนตร์ทั้งหมดที่เธอเรียนรู้มาก็คงจะไม่พอที่จะทำให้เธอยืนหยัดได้ในการต่อสู้ที่รุนแรงแม้ว่าจะแค่ชั่วเสี้ยววินาทีก็ตาม
ในการต่อสู้กับดาร์คเอลฟ์นี้, อีกด้านของนักเวทย์หนุ่มได้เปิดเผยกับเธอ – นั่นคือด้านที่เย็นชา, เด็ดเดี่ยว, และอันตราย, และมันก็ทิ้งความลึกซึ้งมากขึ้นไปอีกและความประทับใจนี้คงจะอยู่ในใจของเธอนานกว่าความประทับใจของเธอในตอนที่พบ ลิงค์ ในครั้งแรก
เธอเดินตามเขาไปสองสามก้าวก่อนที่เธอจะบังคับให้ตัวเองถอยออกมาและส่ายหัวอย่างอ่อนโยน, ความน่าเหลือเชื่อของเด็กหนุ่มมีอิทธิพลต่อเธอ
เธอเองก็เป็นผู้เชี่ยวชาญด้านวิญญาณ, ดังนั้นแน่นอนว่าเธอเข้าใจเหตุผลที่อยู่หลังอิทธิพลที่เธอรู้สึกนี้
ตอนนี้เขาได้ปลูกความประทับใจอันลึกซึ้งไว้ในหัวใจของฉันแล้ว เอเลนอร์ คิดหลังจากที่ถอนหายใจออกมายาวๆ ฉันกลัวว่าฉันจะไม่สามารถแข็งแกร่งต่อหน้าเขาได้หลังจากนี้
เธอรู้ว่าเธอไม่มีวันไปถึงทักษะด้านเวทย์มนตร์ระดับเดียวกับ ลิงค์ ได้, รวมทั้งพลังงานที่บ้าคลั่งและรุนแรงของเขา, หรือความมุ่งมั่นที่เด็ดเดี่ยวของเขาด้วย วิธีเดียวที่เธอจะสามารถปลดปล่อยตัวเองจากอิทธิพลของ ลิงค์ ได้ก็คือเอาชนะเขาในการต่อสู้ด้วยกลยุทธ์ที่เหมือนกับที่ ลิงค์ เพิ่งจะใช้ไปเมื่อสักครู่นี้ แต่นั่นแทบจะเป็นไปไม่ได้เลย, ดังนั้น เอเลนอร์ จึงไม่มีทางเลือกนอกจากยอมจำนนต่ออิทธิพลนี้ที่เธอไม่เคยได้รับประสบการณ์มาก่อน
เธอหันไปหาศพของนักฆ่าทั้งสองบนพื้นที่อยู่ใกล้ๆ พวกเขาถูกเผาจนเหลือแต่กระดูก, แต่เพราะชุดเกราะของพวกเขาทำมาจากวัสดุที่ดีมากๆ, ร่ายกายของพวกเขาจึงยังคงอยู่ในตำแหน่งเดิมที่พวกเขาตาย คนพวกนี้เกือบจะฆ่าเธอได้แล้ว, ดังนั้นเธอจึงต้องทำความเข้าใจถึงตัวตนและแรงจูงใจของพวกเขาให้กระจ่าง
ภายในเวลาไม่กี่วินาทีแรก เอเลนอร์ สังเกตุเห็นว่าศพมี่เลือดสีม่วง
“ดาร์คเอลฟ์!” เอเลนอร์ อุทานขึ้นมาด้วยความตกใจ
ข่าวการสังหารหมู่ในแกลดสโตนแพร่กระจายไปทั่วทวีปและ เอเลนอร์ ก็รู้ถึงมันเช่นกัน เธอไม่เคยคิดเลยว่าพวกมันจะกล้าหาญจนถึงขนาดแอบเข้ามาในเมืองหลวงและสร้างความวุ่นวายขนาดนี้ ไม่ต้องสงสัยเลยว่าตอนนี้ความเป็นปฎิปักษ์กันระหว่างอาณาจักรนอร์ตันและพาริคนั้นคงมีแต่จะรุนแรงขึ้นและฝันรากลึกขึ้นนับจากจุดนี้เป็นต้นไป
ในเมื่อพวกแกทั้งคู่เป็นดาร์คเอลฟ์, ฉันก็จะใช้เวทย์มนตร์กับพวกแกโดยไม่ลังเล เอเลนอร์ คงจะหยุดถ้าพวกเขาเป็นนักเวทย์ชาวมนุษย์เพราะผลกระทบของเวทย์ของเธอคงจะทำให้วิญญาณตาย, แต่ตอนนี้เมื่อเธอพบว่าพวกเขาเป็นศัตรูคู่อาฆาตของเผ่าพันธุ์มนุษย์, เธอก็จะดำเนินการต่ออย่างรวดเร็วโดยไม่กระวนกระวายอะไรเลย
เธอเลือกที่จะร่ายเวทย์ใส่ศพของนักเวทย์ เอเลนอร์ โบกคทาของเธออย่างอ่อนโยนและแสงสีม่วงที่ดูเหมือนกับมือวิญญาณสองข้างก็โผล่ออกมาจากปลายคทา มือเหล่านั้นทำการค้นศพและเข้าไปข้างใน, ซึ่งพวกมันได้ดึงลูกแก้วแสงสีขาวสดใสออกมา
ผู้ค้นวิญญาณ
เวทย์ลึกลับเลเวล 4
ผล: ดึงข้อมูลจำนวนมากเกี่ยวกับชีวประวัติของคนที่ตายไปได้ไม่ถึงสามชั่วโมง
(หมายเหตุ: นี่คือเวทย์ต้องห้ามเพราะมันสร้างความเสียหายอย่างมากต่อวิญญาณของเป้าหมาย)
โดยไม่พิจารณาถึงความเสียหายที่เวทย์นี้อาจจะสร้างความเสียหายให้กับวิญญาณของ เฟลิเดีย ผู้โชคร้าย, เอเลนอร์ คว้าลูกแก้วแสงมาไว้ในมือซ้ายของเธอและบังคับมันจนกลายเป็นแหวนเวทย์มนตร์สีทองบนนิ้วของเธอ
หลังจากนั้น, เอเลนอร์ ก็รู้สึกได้ว่ามีดวงตาเฝ้ามองเธอจากด้านหลัง, ดังนั้นเธอจึงหันกลับไปและเห็นสายตาตื่นตกใจของ ลิงค์ ที่เห็นภาพการใช้เวทย์มนตร์ดำของเธอ, แม้ว่าเขาจะไม่ได้พยายามเข้ามาห้ามเธอก็ตาม
เอเลนอร์ ยิ้มให้ ลิงค์ อย่างงุ่มง่าม เธอรู้ด้วยเหตุผลบางอย่างว่าเขาจะไม่เขามาแทรกแซง พอเห็นว่า ลิงค์ ไม่มีการเคลื่อนไหวในไม่กี่วินาทีต่อมา, รอยยิ้มของเธอก็กว้างขึ้น, และเธอก็ถอยกลับไปอย่างช้าๆและมุ่งหน้าไปที่กองซากปรักหักพังและตึกที่ถูกทำลายไปจนเกือบหมด, ไม่นานนัก, เธอก็หายตัวเข้าไปในซอกซอยโดยไม่ทิ้งร่องรอยเอาไว้เลย
การ์ดประจำเมืองมาถึงในเวลาไม่นานนัก, และพวกเขาคงจะไม่ชอบนักเวทย์ลึกลับที่ใช้เวทย์มนตร์ดำ เธอไม่มีทางเลือกนอกจากชิ่งหนีไปก่อนที่พวกเขาจะจับตัวเธอ เธอรู้สึกโกรธดาร์คเอลฟ์พวกนี้ที่เกือบจะฆ่าเธอ, แม้ว่าเธอจะดีใจที่สองในพวกเขาถูกฆ่าไปแล้ว, แต่ยังมีนักดาบหญิงที่วิ่งหนีไปได้เหมือนกับคนขี้ขลาด เธอสาบานด้วยเกียรติของจอมเวทย์ว่าเธอจะใช้เวทย์มนตร์ของเธอตามล่าผู้หญิงคนนั้น
ขณะเดียวกัน, ลิงค์ ก็หันกลับมาและตรงไปหาเจ้าชาย ฟิลิป จากนั้น, สายตาของเจ้าชายหนุ่มก็พร่ามัวด้วยน้ำตาและเขาก็รู้สึกมึนงงและสับสนกับทุกๆอย่างที่เพิ่งจะเกิดขึ้น เมื่อเขาได้ยินเสียงเท้าใกล้เข้ามา, เขาก็เงยหน้าขึ้นและเห็น ลิงค์ เขามองเข้าไปในดวงตาของนักเวทย์ด้วยความเคารพและความสำนึกในบุญคุณ
“ท่านจอมเวทย์, ขอบคุณที่ช่วยข้าเอาไว้” เจ้าชายพูด, น้ำเสียงของเขาเต็มไปด้วยความเคารพและยำเกรง, แม้ว่าเขาจะฟังดูเป็นทางการก็ตาม
เขาดีใจที่รอดมาได้, แต่เหตุการณ์นี้ทำให้เขาได้รู้ถึงความโหดร้ายในโลกมนุษย์ ความหลงใหลในโลกนี้ของเขาเมื่อก่อนหน้านี้ได้แตกเป็นเสี่ยงๆแล้วในตอนนี้ ทั้งหมดที่เขาต้องการคือกลับไปที่บ้านเกิดของเขา, กลับไปหาความปลอดภัยและความเงียบสงบที่เขารู้จักตลอดชีวิตของเขา
เกาะรุ่งอรุณคือทั้งหมดที่อยู่ในความคิดของเขาในตอนนี้
“ฝ่าบาท” ลิงค์ พูดอย่างไม่คาดคิด “ท่านกลัวความจริงอันโหดร้ายของโลกนี้หลังจากสิ่งที่เกิดขึ้นหรอ?”
“ท่านว่ากระไรนะ?” เจ้าชายตอบกลับ, เขาไม่รู้ว่าจะตอบสนองต่อคำถามที่น่างุนงงนี้ยังไงดี
จากนั้น ลิงค์ ก็คุกเข่าต่อหน้า ฟิลิป และจ้องตรงไปที่ดวงตาสีม่วงของเจ้าชาย
“ฝ่าบาท” เขาเริ่มพูดอย่างจริงจังที่สุด “มีที่ราบขนาดใหญ่ทางตอนใต้ของทวีปที่สิงโตรับบทบาทเป็นราชาแห่งทุ่งหญ้า พวกมันใช้ชีวิตอยู่ด้วยความภาคภูมิใจ, และในความภาคภูมิใจนั้น, ก็มักจะมีแค่สิงโตตัวผู้ตัวเต็มวัยเพียงหนึ่งตัวเสมอ สิงโตจ่าฝูงมีความภาคภูมิใจที่แข็งแกร่งที่สุดและตั้งกฏกติกากับสิงโตตัวอื่นๆและสัตว์ป่าตัวอื่นๆในทุ่งหญ้า”
เจ้าชาย ฟิลิป ไม่รู้เลยว่า ลิงค์ กำลังจะสื่ออะไรกับเรื่องนี้, แต่เขารู้สึกตราตรึงใจกับคำพูดของเขาและฟังเขาอย่างตั้งใจ
จากนั้น, ลิงค์ ก็ยื่นมือของเขาออกมาและตบไหล่ที่บอบบางของเจ้าชายหนุ่มก่อนที่จะพูดต่อ
“แต่ท่านรู้ไหม, ฝ่าบาท” เขาพูด “สิงโตตัวผู้ทุกตัวจะถูกพ่อของพวกมันผลักดันความกระตือรือร้นและความยึดมั่นในความภาคภูมิใจของพวกมันออกมาก่อนที่พวกมันจะโตเต็มวัย? มันจะถูกบังคับให้อยู่คนเดียวในโลก, ที่พวกมันอาจจะถูกหมารังแก, หรือพวกมันอาจจะถูกบังคับให้กินเนื้อเน่าเสียเพื่อเอาตัวรอด, หรือไม่พวกมันก็อาจจะถูกช้างหรือแรดทำให้แตกตื่น ในความเป็นจริง, บางตัวถึงกับตายก่อนที่จะกลายเป็นสิงโตตัวเต็มวัยด้วยซ้ำ มีแค่ในตอนที่พวกมันผ่านการทดสอบทั้งหมดนี้เท่านั้นพวกมันถึงจะสามารถเรียกความภาคภูมิใจของพวกมันกลับมาได้และเอาชนะจ่าฝูงและทวงคืนตำแหน่งของพวกมันกลับมา ฝ่าบาท, ตอนนี้ท่านก็เหมือนกับสิงโตที่พึ่งจะทิ้งความยึดมั่นในความภาคภูมิใจของท่าน— ท่านกำลังจะวางแผนถอยแล้วหรอ?”
เจ้าชาย ฟิลิป รู้สึกหวั่นไหวกับคำพูดพวกนี้ เขาจะหนีเร็วขนาดนี้เลยหรอ? ใช่, นั่นคือสิ่งที่เขาเพิ่งคิดเมื่อสักครู่นี้ – เขากำลังจะกลับไปหาชีวิตอันสงบสุขและว่างเปล่า เขาจะมุ่งหน้าไปที่เกาะแห่งรุ่งอรุณและเขาก็วางแผนจะใช้ชีวิตที่เหลือของเขาด้วยความปลอดภัยและความสบาย
แต่เกาะแห่งรุ่งอรุณเป็นแค่ส่วนเล็กๆของโลกเท่านั้น, และไฮเอลฟ์ก็เป็นแค่หนึ่งในเผ่าพันธ์มากมายที่อาศัยอยู่ในทวีปนี้ ถึงไฮเอลฟ์ทั่วไปจะเลือกใช้ชีวิตในโลกอันสงบสุขของเกาะรุ่งอรุณ, แต่เขาเป็นสมาชิกของราชวงศ์อเมทิส, และเจ้าชายของไฮเอลฟ์
เจ้าชายไม่คิดว่าจะได้ความชื่นชมและความเคารพของผู้คนถ้าเขาไม่เคารพความรับผิดชอบของเขาในการปกป้องพวกเขาและนำเกียรติยศมาสู่ราชวงศ์ – นี่คือหน้าที่ของเขาในฐานะเจ้าชายของอาณาจักร
และแล้ว, เจ้าชายก็ปาดน้ำตาของเขาขณะที่เขาจ้องไปที่นักเวทย์ที่ดูเหมือนจะมีอายุเท่ากันกับเขา
“ข้าขอขอบคุณที่ช่วยชีวิตของข้าเอาไว้” เจ้าชาย ฟิลิป พูดอย่างจริงจัง “ไฮเอลฟ์จะจดจำความกล้าหาญนี้ไว้ตลอดกาลและสรรเสริญการกระทำของท่าน! ขอข้าทราบชื่อของท่านได้ไหม?”
คำพูดพวกนี้ได้พิสูจน์ว่าเจ้าชาย ฟิลิป ไม่ใช่เด็กชายขี้กลัวที่เขาเป็นเมื่อสักครู่นี้อีกต่อไปแล้วและตอนนี้เขาพร้อมที่จะก้าวขึ้นมาทวงคืนอำนาจและเกียรติยศของเขาในฐานะเจ้าชายแห่งไฮเอลฟ์
“ข้าชื่อ ลิงค์ มอรานี่, ขอรับฝ่าบาท” ลิงค์ ตอบด้วยรอยยิ้ม “ข้าเป็นนักเวทย์จากสถาบันเวทย์มนตร์ระดับสูงอีสโควฟ”
“ข้าชื่อ ฟิลิป ร็อดดิก” เจ้าชายพูด “ลูกชายลำดับสามของราชินีแห่งเกาะรุ่งอรุณ”
ลิงค์ ยื่นมือของเขาให้เจ้าชาย ฟิลิป, ซึ่งเจ้าชาย ฟิลิป ก็จับมันขณะที่ ลิงค์ ช่วยดึงให้เขายืนขึ้นอีกครั้ง
นี่เป็นช่วงเวลาสำคัญที่ถูกบันทึกเอาไว้ในหนังสือของทวีปฟิรุแมน มันเป็นช่วงเวลาแห่งการรวมรากฐานสำหรับความเป็นพันธมิตรอันทรงเกียรติระหว่างมนุษย์และไฮเอลฟ์ซึ่งเป็นพันธ์มิตรที่สำคัญที่สุดที่จะช่วยอาณาจักรแห่งแสงปัดเป่าฝ่ายมืดในอนาคต