ทอเรียมเพลิงดารา
คุณภาพ: อีพิค
รายละเอียด: ทอเรียมเพลิงดาราเป็นโลหะผสมคุณภาพยอดเยี่ยมที่เกิดจากทอเรียมและธาตุไฟซึ่งทำหน้าที่เป็นสื่อนำมานาที่ยิ่งยวด มันมีโครงสร้างที่เสถียรมากๆซึ่งทำให้มันเหมาะสมอย่างยิ่งสำหรับการใช้เป็นส่วนประกอบสำหรับผนึกเวทย์มนตร์นิรันดร์ มันจะส่งผลเป็นพิเศษสำหรับเวทย์ธาตุไฟ!
(หมายเหตุ: มันถูกพบแค่ในภูเขาไฟทีโบ้ที่เทือกเขายับบ้าเท่านั้น)
ไม่ใช่แค่หาจากที่อื่นไม่ได้เท่านั้น, แต่มันยังเป็นโลหะชนิดที่ไม่สามารถขึ้นเองได้ด้วย และด้วยเหตุผลนี้โลหะชนิดนี้จึงมีราคาแพงอย่างเหลือเชื่อ ในโลกมนุษย์, ผู้ใช้โลหะนี้ส่วนใหญ่มีแค่นักเวทย์ระดับสูงเท่านั้น, และมันก็หายากในตลาดรวม
โลหะนี้ราคา 2,840 เหรียญทองต่อหนึ่งออนซ์ที่ตลาดนักเวทย์ในเมืองฮอทสปริง, และมันก็เป็นหนึ่งในโลหะมีค่าที่มีจำนวนน้อยมากๆที่มีราคามากกว่าหนึ่งพันเหรียญทองต่อออนซ์ แทบจะไม่มีใครนอกจากนักเวทย์ระดับสูงที่จะซื้อหรือใช้ไอเทมที่มีราคาขนาดนี้ได้
เอลิน มีเหตุผลอะไรถึงเอาก้อนทอเรียมดาราเพลิงที่มีขนาดเท่ากำปั้นเด็กออกมา? ทอเรียมเป็นโลหะที่มีความหนาแน่นสูงมาก, แค่หนึ่งลูกบาศก์ฟุตของโลหะชนิดนี้ก็หนักเกือบหนึ่งตันแล้ว, ดังนั้นก้อนทอเรียมดาราเพลิงที่ เอลิน เอาออกมานี้ต้องหนักกว่าสองปอนด์แน่ๆ!
ในช่วงเวลานี้แม้แต่ ลิงค์ ที่เยือกเย็นอยู่เสมอก็ยังตกตะลึง ทอเรียมดาราเพลิงก้อนนี้ต้องมีราคาอย่างน้อยหนึ่งแสนเหรียญทองแน่ๆ! แม้แต่รายได้ประจำปีของราชวงศ์ อาเบล ก็มีแค่ 130,000 เหรียญทองเท่านั้น! มันเป็นของขวัญที่มีค่าเกินไปและแพงเกินไปสำหรับ ลิงค์ ที่จะรับด้วยความรู้สึกยินดี
“ไม่, ผมรับของสิ่งนี้ไม่ได้” ลิงค์ พูด
นี่ไม่ใช่แค่เพราะของขวัญมีค่ามากเกินไปเท่านั้น ไม่มีของฟรีในโลกนี้, ดังนั้นเขารู้ว่าเขาจะตกอยู่ภายใต้ข้อผูกพันธ์บางอย่างถ้าเขายอมรับของขวัญชิ้นนี้ แม้ว่า ลิงค์ จะอยากได้ทอเรียมดาราเพลิงมากกว่าสิ่งอื่นใด, แต่เขาก็กลัวว่าเขาอาจจะต้องใช้ทั้งชีวิตของเขาสำหรับหนี้ความขอบคุณนี้
ไม่มีอะไรที่เขาจะสามารถเตรียมตัวได้สำหรับวิธีที่ เอลิน จะตอบสนองต่อการปฏิเสธของเขา
เอลิน ยิ้มและหัวเราะเมื่อไม่นานมานี้, แต่วินาทีที่เธอได้ยิน ลิงค์, ท่าทีของเธอก็เปลี่ยนไป เธอเก็บทอเรียมดาราเพลิงกลับเข้าไปในกระเป๋าของเธออย่างเงียบๆ, จากนั้นก็ดึงแขนเสื้อของ ลิงค์ และมองเขาด้วยดวงตาที่ปริ่มไปด้วยน้ำตา
“ทำไมเธอถึงไม่อยากได้ของขวัญของฉันหล่ะ?” เธอพูดพร้อมกับทำหน้ามุ่ย “เธอรังเกียจฉัน, ใช่ไหม?”
“…” ลิงค์ ไม่สามารถปรับตัวตามอารมณ์ของคนแคระจิ๋วคนนี้ได้ เมื่อนาทีก่อนเธอยังมีความสุขและหัวเราะสนุกสนานอยู่เลย, แต่นาทีต่อมาเธอก็ร้องไห้และฉุนเฉียว เขาจะจัดการกับผู้หญิงคนนี้ยังไงดี?
“ไม่ใช่นะ…ผมไม่ได้หมายความแบบนั้น…” ลิงค์ พยายามอธิบาย
“ใช่สิเธอหมายความแบบนั้นแหล่ะ!” จากนั้น เอลิน ก็คร่ำครวญออกมาดังลั่น “ฮืออออ…ฉันรู้ว่าเธอรังเกียจฉัน! เธอต้องคิดว่าฉันตัวเตี้ยเกินไปแน่ๆเธอถึงไม่ชอบฉัน!” ตอนนี้เสียงของ เอลิน ดังมาก, และเธอก็ดึงดูดความสนใจผิดๆจากทุกคนที่อยู่รอบๆและทำให้พวกเขาเข้าใจสถานการณ์ผิด
นักเวทย์หลายคนที่เพิ่งจะบังเอิญผ่านมาได้ยินคำพูดของ เอลิน ส่งสายตาแปลกประหลาดที่แสดงให้เห็นถึงความสงสัยของพวกเขาในเรื่องดราม่าที่เกิดขึ้นระหว่างพวกเขาทั้งคู่มายัง ลิงค์ และ เอลิน
มนุษย์กับคนแคระมีความสัมพันธ์แบบนั้นได้ด้วยหรอ? บางคนคิด แต่ขนาดมันผิดกันไปหน่อยนะ…
นั่นมัน ลิงค์ ที่กำลังโด่งดังอยู่ในช่วงนี้ไม่ใช่หรอ? เขาไปอ่อยคนแคระหญิงได้ยังไง?
ศีลธรรมได้ตายไปแล้วสินะ! นั่นคือความคิดที่มาจากในหัวของนักเวทย์สุภาพบุรุษหัวโบราณที่เดินผ่าน
แม้ว่าจะไม่มีนักเวทย์คนไหนพูดเสียงในความคิดของพวกเขาออกมา, แต่สายตาของพวกเขาก็เพียงพอแล้วที่จะส่งสิ่งที่พวกเขากำลังคิดอยู่ในหัวของพวกเขา ลิงค์ ไม่เคยคิดเลยว่าเขาจะตกเป็นจุดสนใจในสถานการณ์ที่น่าอับอายเช่นนี้, แถมอีกฝ่ายยังเป็นจอมเวทย์เลเวล 6 ผู้แข็งแกร่งอีก—ทั้งหมดเป็นเพราะเขาปฏิเสธของขวัญของเธอ!
เป็นเวลาพักนึง, ลิงค์ รู้สึกสับสนมากจนเขาไม่สามารถยืนนิ่งหรือเดินหนีไปได้ พอ เอลิน เห็นว่าการแสดงของเธอส่งผลกับ ลิงค์ ยังไง, เธอก็ยิ้มอย่างซุกซนและหยุดร้องไห้ไปพักนึง
“ตอนนี้เธอจะยอมรับมันได้รึยัง?” เธอพูดขณะที่เอนตัวเข้ามา “ถ้ายังดึงดังจะปฏิเสธอยู่ฉันจะทำเสียงให้ดังกว่านี้และทำให้วันพรุ่งนี้เธอได้กลายเป็นที่เม้าท์กันทั่วทั้งเมืองไปเลย”
“…ก็ได้เอามาสิ” ลิงค์ พูดขณะที่เขานวดขมับของเขาด้วยนิ้ว เขารู้สึกตกใจอย่างเห็นได้ชัดกับความเล่นใหญ่ของ เอลิน
คำพูดของ ลิงค์ ยังติดอยู่ที่ปากของเขาในตอนที่เขารู้สึกว่ามีอะไรอุ่นๆมาสัมผัสที่มือของเขา เขาหันไปดูและพบว่า เอลิน ได้เอาก้อนทอเรียมดาราเพลิงแสนล้ำค่ามาใส่ไว้ในมือของเขา
ทอเรียมดาราเพลิงนั้นให้ความรู้สึกอบอุ่นอย่างเป็นธรรมชาติ, แต่ตอนนี้ ลิงค์ รู้สึกว่ามันเหมือนกับก้อนถ่านร้อนๆและเขาต้องการจะโยนมันออกไปให้ไกลที่สุดเท่าที่เขาจะทำได้ แต่แล้วเขาก็หันกลับไปและเห็นใบหน้าตาแป๋วของ เอลิน แม้ว่าเขาจะรู้ว่าเธอแกล้งร้องไห้, แต่เขาก็ยังอดรู้สึกผิดกับเธอไม่ได้ เธอดูน่าสงสารจริงๆกับน้ำตาที่ไหลออกมาจากดวงตาสีน้ำเงินบริสุทธิเหล่านั้น, ไม่ต้องพูดถึงการทำตัวแบบเด็กๆในตอนที่เธอร้องไห้ไปสูดน้ำมูกไปด้วยจมูกทะเล้นเล็กๆของเธอ เธอดูไม่เหมือนกับคนที่แค่สวมบทบาทอยู่เลย
ภาพนี้ได้ทำให้ ลิงค์ นึกถึงประวัติศาสตร์อันน่าเศร้าของเผ่ายับบ้าภายในเกมส์ จากนั้นเขาก็คิดถึงชะตากรรมของคนแคระสาวคนนี้ในฐานะเลดี้ฟอร์ทูน่าผู้ยิ่งใหญ่และปราดเรื่อง, และเขาก็เข้าใจความเศร้าที่เธอต้องซ่อนเอาไว้เบื้องหลังความฉุนเฉียวและการพูดเสียดสีของเธอในทันที
สาวน้อยคนนี้เป็นนักทำนาย, ดังนั้นเธอต้องมองเห็นภาพอนาคตแน่ๆ, ลิงค์ คิด เธอต้องเห็นความทุกข์ทรมานที่ไม่สามารถพูดออกมาได้ที่เธอต้องเผชิญ, ไม่ต้องพูดถึงภัยพิบัติที่จะเกิดขึ้นกับคนของเธอ สิ่งที่เธอกำลังทำในตอนนี้อาจจะเป็นวิธีของเธอในการตามหาพรรคพวกที่น่าเชื่อถือเพื่อเผ่ายับบ้าก็ได้นะ…แต่ว่าทำไมเธอถึงเลือกฉันหล่ะ?
ในตอนที่คำถามนี้เกิดขึ้นมาในความคิดของ ลิงค์ ก็ทำให้เขานึกถึงท่าทีแปลกๆของ เอลิน ในตอนที่เธอหยิบไพ่ทาโร่ออกมาก่อนหน้านี้
ตอนนี้ฉันเข้าใจแล้วหล่ะ, การทำนายก่อนหน้านี้ต้องพิสูจน์ว่าฉันเป็นผู้ถูกเลือกของเทพแห่งแสงแน่ๆ เอลิน ต้องปกปิดเนื้อหาคำทำนายเอาไว้เพราะเธอกลัวว่าการรู้ถึงเรื่องนี้จะทำลายเส้นทางแห่งโชคชะตาที่จะส่งผลไปถึงเหตุการณ์ในอนาคต
พอเขาคิดแบบนี้, การกระทำทั้งหมดของ เอลิน จนถึงตอนนี้ก็ดูสมเหตุสมผล
เธอทำทีเป็นว่าเธอจะช่วยฉันก่อตั้งทีมในทันทีและสร้างโอกาสให้พวกเราอยู่ด้วยกันสองคนเพื่อมอบทอเรียมดาราเพลิงอันล้ำค้านี้ให้ฉันสินะ แม้ว่าเธอจะปฏิเสธตัวตนของฉันในฐานะผู้ถูกเลือกทางคำพูด, แต่การก็ทำของเธอก็เป็นหลักฐานที่มากพอแล้วที่บอกว่าเธอจะสนับสนุนฉัน
ลิงค์ ถอนหายใจออกมาขณะที่เขาตระหนักได้ถึงแรงจูงใจที่แท้จริงของ เอลิน เขานึกถึงไฟในวิญาณของเขาที่เขารู้สึกได้ในตอนที่รับพรของเลดี้ฟอร์ทูน่าจากวิญญาณของเธอภายในเกมส์ในตอนที่เขาทำภารกิจสุดท้ายที่เธอมอบให้กับผู้เล่นสำเร็จ
ฉันต้องเอาชนะเจ้าแห่งความลึก, โนโซม่า ให้ได้!
นั่นคือสิ่งที่เขาคิดในตอนนั้น ด้วยความมุ่งมั่นอันแรงกล้า, เขาเดินหน้าไปในเกมส์และในที่สุดก็พาพรรคพวกของเขาเอาชนะ โนโซม่า ได้สำเร็จก่อนที่เขาจะมาจู่โจมดินแดนแห่งแสง
ตอนนี้ที่เขามาอยู่ในโลกนี้จริงๆ, ลิงค์ สงสัยว่าเขาจะหลีกเลี่ยงจากภารกิจอันน่ากลัวนี้ได้รึเปล่า? ไม่สิ, เขาจะไม่หนี มันสายเกินไปแล้วสำหรับตอนนี้
ถ้าเป็นเช่นนี้, เขาจะมีเหตุผลอะไรให้ปฏิเสธข้อเสนอพันธมิตรของชาวยับบ้าหล่ะ? ยังไงซะเรื่องหลักๆที่เขาทำอยู่เสมอก็คือการรวบรวมกองกำลังที่เป็นประโยชน์ที่มีอยู่มากมายให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ไม่ใช่หรอ?
ด้วยความคิดนี้ในหัวของเขา, ลิงค์ ก็ใจเย็นขึ้นและหมอกในหัวของเขาก็ถูกขจัดไปอย่างสมบูรณ์
จากนั้นเขาก็เก็บก้อนทอเรียมเพลิงดาราอันแสนอบอุ่นเอาไว้ในจี้เก็บของเขา อารมณ์ของเขาในตอนนี้กลับมาเป็นปกติ เขาถึงกับยิ้มให้เล็กน้อยขณะที่เขาลูกหัวของ เอลิน อย่างอ่อนโยน
“ไม่ต้องห่วงนะ” เขาพูด “ผมจะไม่มีวันลืมเลยว่าวันนี้คุณช่วยผมเอาไว้มากขนาดไหน”
ความคิดของเขาปราดเปรื่องขนาดนี้เลยหรอ? เอลิน คิดด้วยความประหลาดใจ เธอสัมผัสได้ถึงความเปลี่ยนแปลงในอารมณ์ของ ลิงค์ ขณะที่เธอเงยหน้าขึ้นมามองเขา เธอเห็นดวงตาที่สามารถมองทะลุจิตใจได้เปลี่ยนเป็นดวงตาที่ใจดีและอ่อนโยน เธอเข้าใจในทันทีว่า ลิงค์ เดาแรงจูงใจที่แท้จริงของเธอออก
“ฉันขอโทษนะ, ฉันไม่ควรบังคับเธอเลย, แต่ฉัน…” เอลิน ไม่ได้พูดอะไรอีก เธอรู้ว่า ลิงค์ เข้าใจความรู้สึกของเธอดี
ตอนแรก, ในตอนที่เธอเห็นภาพของโชคชะตาของผู้คนของเธอ, เธอระงับอารมณ์ของเธอเอาไว้เพราะเธอรู้ว่าเธอเป็นคนๆเดียวที่มีพลังในการมองเห็นอนาคตแต่เธอก็ไม่สามารถเปลี่ยนมันได้ และด้วยเหตุนั้น, ทั้งหมดที่เธอสามารถทำได้ก็คือยอมรับชะตากรรม
แต่ตอนนี้เธอได้พบผู้กอบกู้ที่สามารถช่วยโลกจากความมืดนิรันดร์แล้ว, เธอเริ่มมีความหวังอีกครั้ง อารมณ์ทั้งหมดที่เธอเคยอดกลั้นเอาไว้ระเบิดออกมาในคราเดียว พูดตามตรง, แม้แต่ตัว เอลิน เองก็ยังรู้สึกประหลาดใจกับพฤติกรรมที่แทบจะเป็นบ้าของเธอ
“เธอเห็นมัน, ใช่ไหม?” ลิงค์ กระซิบ เขาไม่โกรธ เอลิน สำหรับสิ่งที่เธอทำอีกต่อไปแล้ว ถ้าเขาเป็นเธอ, ลิงค์ คิดว่าเขาอาจจะทำเรื่องที่เลวร้ายกว่าสิ่งที่ เอลิน ทำเป็นร้อยเท่าถ้ามันหมายถึงการให้เขาช่วยคนของเขา
เอลิน ตัวสั่นในตอนที่ได้ยินคำถามของ ลิงค์, แต่เธอก็พบคำพูดที่จะตอบเขาในเวลาไม่นาน
“เธอจะช่วยพวกเราหรอ?” เธอถาม
“ก็จะช่วยอย่างสุดความสามารถหล่ะนะ” ลิงค์ ตอบกลับไป “ชาวยับบ้าเป็นชนชั้นสูง ดินแดนแห่งแสงไม่สามารถยอมเสียพวกคุณไปได้หรอก”
การแลกเปลี่ยนของ ลิงค์ กับ เอลิน คงจะฟังดูลึกลับและน่างงงวยสำหรับคนนอก, แต่ยังไงซะนี่ก็เป็นบทสนทนาระหว่างคนนึงที่มองเห็นอนาคตและอีกคนนึงที่มีประสบการณ์ในอนาคตนั้นมาก่อน
ทั้งสองมีจิตวิญญาณที่แกร่งกล้า, ดังนั้นพวกเขาจึงไม่จำเป็นต้องพูดให้มากมายนักเนื่องจากมันเป็นเพียงส่วนน้อยของการสื่อสารของพวกเขาเท่านั้น แต่พวกเขาก็พึ่งพาสายตา, ท่าทีและโทนเสียงของกันและกันแทนซึ่งสื่อทั้งหมดนี้เป็นข้อมูลที่มีความน่าเชื่อถือและความจริงใจมากกว่าคำพูดเพียงอย่างเดียว
เพราะเหตุนั้น, ในตอนนี้พวกเขาทั้งคู่จึงเข้าใจความคิดและความรู้สึกของกันและกัน, แม้ว่าพวกเขาจะไม่พูดออกมาดังๆก็ตาม ซึ่งผลลัพธ์ก็คือชายหญิงคู่นี้รับรู้ถึงความหมายของกันและกันแล้ว, แค่พวกเขาไม่ได้พูดออกมา
ประโยคสั้นๆเหล่านี้ได้สร้างรากฐานที่มั่นคงของพันธมิตรระหว่างทั้งสอง, และตอนนี้ เอลิน ก็กลับมามีพฤติกรรมตามปกติแล้ว เธอเช็ดน้ำตาของเธอด้วยความรู้สึกอายเล็กน้อยขณะที่เธอเดินตามหลัง ลิงค์ ไปยังรางกริฟฟินและจากนั้นก็ขึ้นบนหลังของกริฟฟิน
“ลิงค์!” เอลิน หันกลับมาเรียกขณะที่กริฟฟินกำลังจะออกตัว “ดวงอาทิตย์ใกล้จะลับขอบฟ้าแล้ว, และแสงในท้องฟ้าก็ไม่มีอะไรเลยนอกจากแสงสลัว”
“แต่ดวงอาทิตย์จะขึ้นอีกครั้งนะ” ลิงค์ ตอบกลับไป
คำพูดของ ลิงค์ ได้นำพารอยยิ้มมายังใบหน้าเล็กๆของ เอลิน, และดวงตาสดใสของเธอก็เปล่งประกายอีกครั้งด้วยความก้องกังวานแห่งชีวิต ในตอนนี้, เธอดูเหมือนกับว่าเธอได้เดินออกมาจากภาพวาด
จากนั้น, กริฟฟินก็ออกตัวและวิ่งเข้าไปในท้องฟ้า, บินไปในระยะทางที่มุ่งหน้าไปทางเหนือ ลิงค์ ยืนมองอยู่ตรงนั้นจนกริฟฟินบินไปเรื่อยๆจนกระทั่งมันไม่มีอะไรเลยนอกจากจุดดำๆในท้องฟ้า จากนั้นเขาก็หันกลับมาและมุ่งหน้ากลับไปที่หอคอยเวทย์มนตร์
ตอนนี้เขามีไอเทมล้ำค่าอีกชิ้นนึงในจี้เก็บของของเขา โลหะก้อนเล็กๆนี้สามารถกำจัดอุปสรรคทางการเงินที่ป้องกันเขาจากการสร้างที่ดินของเขาได้ในคราเดียว แต่ในฐานะนักเวทย์เสริมพลัง, เขาจะใช้วัตถุดิบล้ำค่าชิ้นนี้กับอุปกรณ์เวทย์มนตร์และขายมันให้กับคนอื่นหรอ? แน่นอนว่าไม่อยู่แล้ว!
ฉันคิดว่ามันคงถึงเวลาเปลี่ยนคทาคว้าดาวของฉันแล้วหล่ะ, ลิงค์ คิด บางทีฉันน่าจะพัฒนามันเล็กน้อยและแทนที่โดมิงโก้คริสตัลด้วยคริสตัลที่ดีกว่า มันคือคทาคุณภาพอีพิคที่ทำด้วยวัตถุดิบคุณภาพสูง, ดังนั้นฉันควรจะใช้เงินอย่างน้อยซัก 20,000 เหรียญทอง จากนั้นบางทีฉันอาจจะสร้างเครื่องประดับอีกสักสองสามชิ้นขายไปกับมันด้วย, และนั่นก็น่าจะครอบคุมเงินตั้งต้นสำหรับที่ดินของฉัน…อ้อ, ใช่, พ่อค้าจากบริษัทการค้าใบไม้เขียวกำลังรอฉันที่หอคอยเวทย์มนตร์นี่ ฉันลองไปคุยข้อตกลงกับเขาดูดีกว่า
ไม่นานนัก, ลิงค์ ก็กลับมาที่หอคอยเวทย์มนตร์ วาร์เตอร์ ยังคงนั่งอยู่ที่บาร์ในห้องโถงชั้นแรก, และเบื้องหน้าของเขาก็คือแก้วเครื่องดื่มที่เป็นที่นิยมฟองมีชีวิต ดูเหมือนว่า วาร์เตอร์ จะกำลังเพลิดเพลินกับฟองที่ก็โดดไปทั่วในปากของเขา
ส่วน ไรไล นั้น, เธอได้ไปนั่งที่โต๊ะตัวนึงในห้องโถงและกำลังศึกษาหนังสือเรียนเวทย์มนตร์อย่างขยันขันแข็ง
ลิงค์ ต้องเดินไปหา วาร์เตอร์ ก่อน เขาถึงจะตระหนักได้ว่า ลิงค์ กลับมาแล้ว
“ผมขอประทานโทษครับ, ท่าน” วาร์เตอร์ พูดอย่างลุกลี้ลุกลน “ตอนนี้ท่านว่างพบผมแล้วหรอครับ?”
“ใช่, ไปที่ห้องของฉันกันเถอะ” ลิงค์ ตอบกลับไป “พวกเราจะไปคุยกันที่นั่น”
“ไม่มีปัญหาครับ” จากนั้น วาร์เตอร์ ก็เดินตามหลัง ลิงค์ ไปติดๆ
พอพวกเขาไปถึงข้างในห้อง, ลิงค์ ก็รินน้ำสองแก้วและวางมันบนโต๊ะ จากนั้นเขาก็รอให้ วาร์เตอร์ นั่งที่ให้เรียบร้อย
“ผมเดาว่าอุปกรณ์เวทย์มนตร์ของผมดึงดูดความสนใจของคุณใช่ไหม?” ลิงค์ พูด “ก่อนที่พวกเราจะว่ากันต่อ, ผมมีคำถามจะถามคุณ บริษัทการค้าใบไม้เขียวมีสัดส่วนเท่าไหร่หรอ? แล้ว, คุณวางแผนจะร่วมมือกับผมยังไง? คุณมีบุคคลสำคัญที่เป็นสปอนเซอร์ของคุณที่สามารถรับประกันความปลอดภัยและดำเนินธุรกิจกับคุณอย่างต่อเนื่องไหม?”
สามประเด็นนี้เป็นปัจจัยที่สำคัญที่สุดในการตกลงธุรกิจในฟิรุแมน, และคำถามของ ลิงค์ ก็มีความรอบคอบและจำเป็น วาร์เตอร์ ตกใจเมื่อได้เห็นว่าเด็กหนุ่มคนนี้ฉลาดแค่ไหน เขารู้จากคำถามพวกนี้ว่าคงจะไม่มีใครสามารถเอาเปรียบหรือเล่นแง่กับ ลิงค์ ได้
ถือว่าเป็นโชคร้ายสำหรับ วาร์เตอร์, บริษัทการค้าใบไม้เขียวเปิดแค่ในเมืองฮอทสปริงเท่านั้น มันไม่ได้เป็นที่รู้จักสำหรับคนนอกเมืองหลวงเลย นอกจากนี้, บริษัทก็มีสปอนเซอร์แค่คนเดียวทั้งอาณาจักรและเขาก็เป็นแค่เคาท์แก่ๆคนนึงที่อาจจะไม่สามารถปกป้องบริษัทได้ถ้ามันเผชิญหน้ากับภัยคุกคามร้ายแรง
ในระยะสั้น, เครือข่ายของบริษัทยังอยู่ในระยะแรก
วาร์เตอร์ รู้สึกว่าความหวังในการร่วมมือกับ ลิงค์ เริ่มเลือนลาง ถึงกระนั้น, เขาก็ยังคงใจเย็นและสุภาพกับ ลิงค์ และเริ่มบอก ลิงค์ ถึงประวัติศาสตร์และสถานะปัจจุบันของบริษัทการค้าของเขา
“เรื่องก็เป็นดังที่ว่าครับ, ท่าน ลิงค์…” จากนั้น วาร์เตอร์ ก็อธิบายทุกๆรายละเอียดที่เกี่ยวข้องกับความเสี่ยงในธุรกิจของเขาและตอบทุกคำถามของ ลิงค์ อย่างชัดเจนและอดทน พอเขาพูดจบ, เขาก็ยืนขึ้นและคิดว่า ลิงค์ จะตอบด้วยคำที่เรียบง่ายแต่ก็บ่งบอกถึงลางร้าย— “ไม่”
ลิงค์ เคาะนิ้วของเขาบนโต๊ะอย่างอ่อนโยนในตอนที่ วาร์เตอร์ พูดจบขณะที่เขาพิจารณาตัวเลือกของเขา
“แล้วข้อเสนอของคุณคืออะไรหล่ะ?” จากนั้น ลิงค์ ก็ถาม
ในตอนที่คำพูดพวกนี้ออกมา วาร์เตอร์ ก็รู้ว่าเขามีโอกาสในทันที
“ในตอนที่คุณส่งอุปกรณ์เวทย์มนตร์มาให้ผม” เขาเริ่มพูด, “ผมก็จะจ่ายให้คุณตามราคาตลาด ณ จุดนั้นเลย เมื่อมีการขาย, ถ้ามีค่าพรีเมียม, ผมก็จะจ่ายให้คุณ 10%—ไม่สิ, 15%ของราคาขาย กล่าวคือ, พวกเราไม่ใช่แค่ขายผลงานของคุณให้ฟรีๆเท่านั้น, พวกเราจะจ่ายเหรียญทองที่พวกเราได้ให้คุณเพิ่มเติมด้วยครับ!”
ลิงค์ รู้สึกดีใจขณะที่ฟังแผนการ เขาตระหนักได้ว่าคนๆนี้ไม่ใช่พนักงานขายที่โหยหาเงินธรรมดาๆทั่วไป!
ถ้าทั้งหมดที่ วาร์เตอร์ ต้องการคือกำไรจากอุปกรณ์เวทย์มนตร์ของ ลิงค์, เขาก็จะเชิญเขาไปที่ประตูเดี๋ยวนี้เลย แต่ว่าผู้ชายคนนี้มีวิสัยทัศน์ เขาต้องการใช้อุปกรณ์เวทย์มนตร์ของ ลิงค์ สร้างชื่อเสียงให้กับบริษัทของเขาและขยายธุรกิจของเขา, และเขาก็ยอมจ่ายให้ ลิงค์ ในราคาที่สูงด้วย คนที่มีจิตวิญญาณของผู้ประกอบการเช่นนี้คือหนทางข้างหน้าของเวลาของเขา! คนอย่างเขาจะจบด้วยการสูบเหรียญทองทั้งหมดในทวีปเข้ากระเป๋าของเขาถ้าเขาได้รับโอกาสที่เหมาะสม และแน่นอนว่า, ลิงค์ ยินดีให้โอกาสนั้นกับคนแบบนี้
“ผมต้องการ 20% ของกำไร” ลิงค์ พูด “นั่นไม่ใช่ทั้งหมดนะ พื้นเพบริษัทของคุณอ่อนแอเกินไป หลังจากที่ผมเข้าร่วมกับคุณ, สถาบันเวทย์มนตร์อีสโควฟจะกลายเป็นสปอนเซอร์อย่างเป็นทางการของบริษัทของคุณด้วย”
“ตกลงครับ!” วาร์เตอร์ อุทานอย่างดี๊ด๊า