Advent of the Archmage – ตอนที่ 163:ถ้าอย่างนั้นฉันคงต้องพึ่งตัวเองแล้ว

“อ้อ แล้วก็” เอร์เรร่า พูด  “นี่คือรางวัลของเธอจากผู้อาวุโส”
หลังจากกลับมาที่หอคอยเวทมนตร์ เอร์เรร่า ก็หยิบกำไลต่างมิติของเธอและมอบของรางวัลให้กับ ลิงค์, ลิงค์ ตกใจทันทีเมื่อเห็นของรางวัล
“ทำไมผู้อาวุโสใจดีกับผมจัง?” ลิงค์ ถาม “เขาเพิ่งให้แร่ทองกับผมมาและตอนนี้ผมก็ได้เงิน 20,000 เหรียญทองด้วยหรอ?”
จากการประมาณคร่าวๆ ลิงค์ พบว่าทองที่อยู่ในแหวนและส่วนประกอบอื่นๆและเศษอาวุธของดาร์กเอลฟ์นั้นสามารถแก้ปัญหาเรื่องเงินทุนของเขาได้ในทันที
“อาจารย์ใหญ่ตั้งความหวังกับเธอไว้สูงมาก” เอร์เรร่า พูดด้วยรอยยิ้ม “เธอจะต้องไม่ทำให้เขาผิดหวังนะ”
“แน่นอนครับ” ลิงค์ พูด
ลิงค์ ได้จัดการและฆ่าดาร์กเอลฟ์ที่แข็งแกร่งไป 3 คน บวกกับเขายังนำเอาข้อมูลที่สำคัญเกี่ยวกับแผนกบฏจันทราทมิฬกลับมาด้วย ดังนั้น ลิงค์ จึงรู้สึกว่าเขานั้นได้อุทิศตัวให้กับสถาบันอย่างมาก  ด้วยเหตุนี้เขาจึงยอมรับรางวัลและเก็บมันไว้ในจี้ต่างมิติด้วยความรู้สึกที่ดีเพราะเขารู้ว่าเขาสมควรได้รับมัน
“อาจารย์ใหญ่ได้พูดอะไรเกี่ยวกับแผนการกบฏจันทราทมิฬและปีศาจ ทราวิส ไหมครับ?”ลิงค์ ถาม

“อาจารย์ใหญ่บอกว่าการป้องกันของสถาบันไม่มีทางถูกทำลายได้”เอร์เรร่า ตอบในทันที “นอกจากนี้ สถานที่ที่ปิดผนึกปีศาจทราวิสไว้ก็ถูกลืมเลือนไปนานแล้ว ดังนั้นตราบใดที่เขายังคอยระวังพวกดาร์กเอลฟ์อยู่ มันก็ไม่มีความจำเป็นที่เราจะต้องกังวลเกี่ยวกับแผนการกบฏจันทราทมิฬ”
คิ้วของ ลิงค์ ขมวดแน่นในตอนที่เขาได้ฟังคำตอบของ เอร์เรร่า
เหตุการณ์การหลบหนีของปีศาจ ทราวิส นั้นได้เกิดขึ้นจริงๆในเกม ดังนั้นมันจึงเห็นได้ชัดว่าพวกดาร์กเอลฟ์นั้นรู้ที่อยู่ของมัน แม้ว่าในโลกนี้จะมีบางอย่างที่ไม่เหมือนกัน  แต่ดาร์กเอลฟ์มีความสามารถในการปลดปล่อย ทราวิส ได้อย่างไม่ต้องสงสัย
ภายในเกมพลังการทำลายล้างของปีศาจนั้นไม่มีใครเทียบได้ แม้กระทั่งเวทย์ที่ทรงพลังที่สุดของ แอนโทนี่ ที่เขาร่ายโดยจิตวิญญาณที่เผาไหม้ของเขาก็ยังทำได้เพียงแค่ทำให้มันบาดเจ็บและบังคับให้มันต้องหนีไปเท่านั้น ตอนนี้ด้วยข้อมูลที่เขามี เขาเลือกที่จะละเลยภัยคุกคามจากแผนการของดาร์กเอลฟ์และบอกว่าการป้องกันของสถาบันนั้นสมบูรณ์แบบและไม่มีทางทำลายได้งั้นเหรอ?
นั่นมันช่างน่าขำสิ้นดี!
ดูจากท่าทีของ ลิงค์, เอร์เรร่า รู้สึกว่าเธอต้องพูดอะไรซักอย่างเพื่อปกป้องอาจารย์ของเธอ
“ช่วงนี้อาจารย์ใหญ่ยุ่งมาก” เธอพูด “เขากำลังง่วนอยู่กับสงครามทางตอนเหนือ ยังไงซะเขาก็อยู่ที่สถาบันตลอดเวลา แน่นอนว่าพวกดาร์กเอลฟ์คงไม่กล้าทำอะไรที่อาจหาญมากนักหรอกถ้าพวกมันต้องเจอกับเขา”
เอร์เรร่า นั้นเคารพผู้อาวุโสมาก เธอเชื่อในความรู้และความแข็งแกร่งของเขาอย่างเต็มที่ ดังนั้นถ้าเขาบอกเธอว่ามันไม่มีอะไรที่ต้องเป็นห่วงมากนักสำหรับแผนการลับของดาร์กเอลฟ์  นั่นก็หมายความว่ามันไม่ได้เป็นภัยคุกคามที่รุนแรงขนาดนั้น ความกลัวและความกังวลของเธอต่อเรื่องนี้ก็ลดลงเช่นกัน
ลิงค์ นั่นรู้สึกกังวลเล็กน้อยเกี่ยวกับท่าที่ของ เอร์เรร่า ที่ดูผ่อนคลายต่อแผนการที่อันตราย แต่แล้วเขาก็หยุดตัวเองจากการพยายามเถียงเรื่องนี้กับเธอ
ทั้ง เอร์เรร่า และ แอนโทนี่ ต่างก็เป็นชาวพื้นเมืองของทวีปฟิรุแมน ดังนั้นมุมมองของพวกเขาจึงแตกต่างกับ ลิงค์ มาก เอร์เรร่า และ แอนโทนี่ ไม่เคยได้รับข้อมูลจากภายนอกนอกเหนือจากว่าพวกเขาจะเห็นและได้ยินมันด้วยตนเอง และพวกเขาก็ใช้ชีวิตส่วนมากอยู่ที่สถาบัน ดังนั้นจึงไม่ใช่เรื่องแปลกเลยที่พวกเขาจะบอกว่าสถาบันนั้นเป็นสถานที่ที่ปลอดภัยที่สุดในอาณาจักร  ถ้า ลิงค์ ใช้ชีวิตแบบเดียวกันกับพวกเขา เขามั่นใจเลยว่าเขาจะต้องเห็นด้วยอย่างแน่นอน เหตุผลเดียวที่ ลิงค์ รู้เยอะกว่าก็เพราะเขานั้นได้พบเห็นเหตุการณ์ภัยพิบัติของการปลดปล่อยปีศาจด้วยตัวเองภายในเกม
ในตอนที่เขาคิดอย่างนั้น ลิงค์ ก็ยอมแพ้ที่จะเกลี้ยกล่อม เอร์เรร่า ต่อ ร่องรอยความกังวลที่หน้าของเขาก็หายไปเช่นกัน และในที่สุดเขาก็ยอมพยักหน้าต่อคำพูดของ เอร์เรร่า
“ถ้าเกิดว่าผู้อาวุโสว่าอย่างนั้น งั้นมันก็คงไม่เป็นปัญหา” ลิงค์ พูด “ขอโทษนะครับ อาจารย์ แต่ผมเพิ่งนึกได้ว่าผมมีอะไรบางอย่างที่ต้องไปทำตอนนี้”
“ไปเถอะ” เอร์เรร่า ตอบ เธอโล่งใจที่ ลิงค์ ไม่ได้พยายามที่จะพูดเรื่องของดาร์กเอลฟ์ต่อ
จากนั้น ลิงค์ ก็หันหลังและเดินจาก เอร์เรร่า ไป
ลิงค์ และ เอร์เรร่า นั้นเจอกันที่ทางเดินในชั้นสามของหอคอยเวทมนตร์ ดังนั้น ลิงค์ จึงเดินลงต่อไปตามทางเดินในขณะที่เขากำลังคิดว่าควรทำอะไรต่อไปดี

 

อาจารย์กับผู้อาวุโสต่างก็ไม่เห็นถึงอันตรายที่พวกเราเจอยู่ในตอนนี้ เขาคิด แต่ฉันต้องทำยังไงให้พวกเขารู้สึกตัวหล่ะ? ฉันจะต้องหาหลักฐาน…แต่ว่าฉันจะไปหาของแบบนั้นได้ที่ไหน?

 

ในขณะที่ ลิงค์ ตกอยู่ในห้วงความคิด ปัญหาก็เกิดขึ้น
ลิงค์ ได้มาที่สถาบันเวทมนตร์อีสโควฟบ่อยมากตอนที่เล่นเกมส์ในชีวิตก่อนของเขา ดังนั้นเขาจึงคุ้นเคยกับที่นี่ แต่ถึงอย่างนั้น ในเกมและความเป็นจริงนั้นก็ต่างกัน สถาบันเวทมนตร์อีสโควฟของจริงนั้นใหญ่กว่าในเกมหลายเท่า ไม่ต้องพูดถึงรายละเอียดที่มากกว่าหลายเท่าเช่นกัน  ลิงค์ เพิ่งอยู่ที่นี่มาได้แค่ไม่กี่เดือน และเขาก็ใช้เวลาส่วนใหญ่อยู่กับการเรียนเวทมนตร์ในหอคอยเวทมนตร์ ดังนั้นเขาจึงไม่ค่อยคุ้นเคยกับสถาบันเวทมนตร์อีสโควฟของจริงเท่าไหร่ในจุดนี้
ไม่เพียงแค่สถานที่แห่งนี้จะดูแปลกตาสำหรับเขาเท่านั้น แต่เขายังไม่รู้จักนักเวทย์อีกหลายๆคนที่อยู่ในสถาบันเลยด้วยซ้ำ
ถึงอย่างนั้น เขาก็เดินไประหว่างที่คิดเกี่ยวกับปัญหานี้ เขาเดินมาจากชั้น 3 ลงมายังชั้น 1  จากนั้นก็ออกไปนอกหอคอยเวทมนตร์ เดินอย่างไม่มีจุดหมายไปทั่วทั้งสถาบัน
จงเดินซะหากคุณรู้สึกว่าถึงทางตันสำหรับบางเรื่อง-นี่เป็นนิสัยของเขาที่ได้มาในตอนที่เขาเขียนสุนทรพจน์
โดยที่ไม่รู้ตัว ลิงค์ ได้เดินไปเป็นเวลา10นาทีและตอนนี้เขาก็มาถึง ลานกว้างแห่งแรงบัลดาลใจของไบรอัน แม้ว่าตอนนี้จะยังเป็นหน้าหนาวและมีหิมะกองอยู่ทั่วพื้น ดอกไม้ในลานกว้างก็ยังคงบานอยู่เพราะผลของตราเวทมนตร์
ลิงค์ เดินไปที่ต้นหลิวที่เขามักจะคุยเรื่องเวทมนตร์กับเอเลียร์ดบ่อยๆและเขาก็นั่งลงบนมานั่งหินตรงนั้น เขามองไปที่ใบไม้ที่ลอยอยู่ในสายลมอยู่ซักพักในขณะที่เขาคิดเกี่ยวกับปัญหา และแล้ว หลังจากผ่านไปครึ่งวันเขาก็ไม่ได้คืบหน้าเลยซักนิดเดียว เขาเริ่มรู้สึกหมดกำลังใจเป็นครั้งแรก

 

มันมีเรื่องที่ฉันไม่รู้มากเกินไป เขาคิด นี่สถาบันจะต้องก้าวสู้เส้นทางแห่งการล่มสลายเหมือนเดิมงั้นหรอ?มันเป็นชะตากรรมที่ฉันไม่สามารถเปลี่ยนมันได้งั้นหรอ?

 

ลิงค์ หยิกตัวเองหลังจากความคิดนี้ผุดขึ้นมาในหัวของเขาเพียงไม่กี่วินาที เขาสลัดเอาความคิดที่น่าสิ้นหวังนี้ออกจากหัวของเขาในทันที

ฉันหัวร้อนเกินไปหน่อย เขาคิด มันไม่มีประโยชน์ที่จะไปวิตกกับมันในตอนนี้ แผนการกบฏจันทราทมิฬจะเริ่มในวันที่ 15 เมษายน ดังนั้นฉันยังมีเวลาอีกเกือบ 3 เดือน แม้ว่าฉันจะไม่รู้ข้อมูลที่แน่นอนของแผนการ แต่ฉันยังคงฝึกฝนเพื่อเพิ่มพลังให้สู้กับปีศาจทราวิสได้ในเวลา 3 เดือนอยู่นิ จริงมั้ย?

 

ตาของ ลิงค์ มีประกายขึ้นมาในตอนที่เขาคิดเรื่องนี้ มันให้ความรู้สึกเหมือนกับก้อนเมฆที่หลบทางให้พระอาทิตย์ฉายแสง
ใช่แล้ว ฉันจะต้องจัดการความมืดด้วยแสงสว่าง! ลิงค์ รู้สึกตัว ถ้าดาร์กเอลฟ์วางแผนที่จะปลดปล่อย ทราวิส เพื่อทำลายสถาบัน งั้นฉันก็แค่ต้องฆ่ามันในตอนที่มันถูกปลดปล่อย! ถ้า ทราวิส เป็นปีศาจเลเวล 8 หละก็ งั้นฉันก็แค่เรียนเวทมนตร์ที่มีเลเวลอย่างน้อย 8 ก็พอ

 

จากนั้น ลิงค์ จึงคิดที่จะเช็คค่าสถานะของตัวเอง และภายในพริบตาระบบเกมก็แสดงมันขึ้นในอินเตอเฟส

ลิงค์ โมรานี่ (ผู้สืบเชื้อสายบารอน)

นักเวทย์ระดับสูงเลเวล 5

อัตราการฟื้นฟูมานา: 110 ต่อชั่วโมง

มานาสูงสุด: 1,910

อาวุธปัจจุบัน: คทาคว้าดาว

แต้มโอมนิปัจจุบัน: 210แต้ม
จากนั้น ลิงค์ ก็คิดที่จะตรวจดูรายชื่อของเวทย์มนตร์เลเวล 8 ทันใดนั้นอินเตอเฟสก็แสดงถึงแถวของการ์ดที่ส่องแสงจ้าของเวทมนตร์เลเวล 8 ขึ้นมา ซึ่ง ลิงค์ ได้ตรวจสอบมันทุกอัน
การทำลายล้างอันรุ่งโรจน์ใช้มานา 4,600 แต้ม นภาเพลิง 4,800 แต้มมานา มังกรน้ำแข็งใช้มานา 4,900 แต้มในการอัญเชิญ กรงขังกาลเวลาใช้มานา 4,800 แต้ม พรมังกรศักดิ์สิทธ์ 1,300 แต้มมานา… แต่ว่าเวทมนตร์สนับสนุนพวกนี้ไม่มีประโยชน์เมื่อเจอกับปีศาจ และมันยังใช้มานามากเกินไป!
ยิ่งเวทย์เลเวลสูง ก็จะยิ่งใช้มานามากขึ้นในเวทย์แต่ละบท ซึ่งมันเป็นกฎพื้นฐาน และเวทย์สนับสนุนนั้นก็จะใช้มานาน้อยกว่าเวทย์โจมตี
เวทมนตร์ระดับตำนานก็เช่นกัน เวทมนตร์ระดับตำนานของ ลิงค์ ข้ามมิติใช้มานาเพียงแค่ 1,800 แต้ม แต่ว่าเวทย์โจมตีใดๆก็ตามที่มีเลเวลเท่านี้จะใช้มานาอย่างน้อย 9,000 แต้ม!
ปีศาจนั้นเป็นเผ่าพันธุ์ของนักสู้ พวกมันมีความต้านทานเวทมนตร์ที่สูงมากนอกเหนือจากความแข็งแกร่งและพลังชีวิตของมัน  ไม่ต้องพูดถึงเกราะที่ไม่สามารถทำลายได้ของมันเลย พอ ทราวิส ถูกปลดปล่อยออกมา เขาจะทำลายทั่วทั้งสถาบันในทันทีเหมือนกับรถศึกสงครามอันแข็งแกร่ง
สำหรับศัตรูที่แข็งแกร่งอย่างทราวิส การโจมตีที่อ่อนแออย่างเวทย์สนับสนุนนั้นไม่เป็นอุปสรรคต่อเขาเลย ทางเดียวที่สามารถล้มเขาได้ก็คือการโจมตีเขาทันทีด้วยเวทย์โจมตีที่รุนแรงที่สุดที่มีโดยไม่ให้เขาทันหายใจ
แต่ว่าการต้านทานเวทมนตร์ของปีศาจนั้นสูงมาก ลิงค์ คิด แม้ว่าฉันจะดัดแปลงเวทย์เลเวล 8 ด้วยเวทย์ระดับสูงสุด แต่ฉันก็ยังไม่สามารถจัดการเขาได้ในครั้งเดียวอยู่ดี และเวทย์เลเวล 8 ก็ใช้มานาในปริมาณมากและฉันคงไม่สามารถเพิ่มมานาสูงสุดของฉันให้เพียงพอกับเวทย์เลเวล 8, 2 บทได้ภายใน 3 เดือน….และอันที่จริง ฉันก็ไม่คิดว่า ทราวิส จะให้ฉันมีโอกาสร่ายเวทย์เลเวล 8 ได้ 2 ครั้งอยู่ดี

 

จากนั้น ลิงค์ ก็ค้นพบรายละเอียดสำคัญมากมายหลังจากการพิจารณา ยกตัวอย่างเช่น ถ้าเขาต้องการที่จะร่ายเวทย์เลเวล 8, 2 ครั้ง เขาจะต้องร่ายอันแรกในการลอบโจมตี จากนั้นอันที่สองจึงจะใช้ใส่ ทราวิส โดยตรง ปีศาจเลเวล 8 อย่างเขาคงจะมีการตอบสนองที่รวดเร็วดั่งสายฟ้า ดังนั้นถ้าเขาไม่สามารถร่ายเวทย์ครั้งที่สองได้เร็วพอเขาก็คงจะต้องตาย แม้กระทั่งเวทย์ระดับตำนานข้ามมิติก็ไม่อาจจะช่วยเขาได้ แผนเดียวที่สามารถวางใจได้ก็คือ เขาจะต้องเชี่ยวชาญเวทมนตร์ป้องกันที่สามารถปกป้องเขาจากเวทมนตร์ที่มีเลเวลถึง 8 ได้ ซึ่งนั่นหมายความว่าตอนนี้ ลิงค์ ต้องเพิ่มมานาสูงสุดของเขาให้เพียงพอกับเวทมนตร์เลเวล 8, 3 บทเพื่อที่จะทำให้สามารถต่อสู้กับปีศาจทราวิสได้
แต่ว่าแทนที่จะเสียมานาไปกับเวทมนตร์เลเวล 8, 3 บท ทำไมเขาถึงไม่เรียนเวทย์เลเวล 9 ไปเลยหล่ะ?

จากนั้นเขาก็เช็ครายชื่อของเวทย์เลเวล 9 บนหน้าจอ แต่เขาก็ต้องตกใจเมื่อเขาเห็นว่าเวทมนตร์โจมตีเลเวล 9 นั้นต้องการมานาอย่างน้อย 7,000 แต้ม! ไม่ต้องพูดถึงความยากในการพยายามที่จะเชี่ยวชาญเวทมนตร์เลเวล 9 ภายใน 3 เดือนเลย! ด้วยเหตุนี้ ลิงค์ จึงเริ่มที่จะสิ้นหวังกับแผนการนี้

ยิ่งเวทย์เลเวลสูง มันก็จะยิ่งซับซ้อน บวกกับอุปสรรคอื่นๆก็จะเพิ่มมากขึ้นเช่นกัน และอุปสรรคแรกก็อยู่ที่เลเวล 6 โดยปกตินักเวทย์ที่ก้าวข้ามกำแพงของเลเวล 6 มาได้นั้นจะถูกเรียกว่าจอมเวทย์
ทำไมงั้นเหรอ?
เนื่องจากเวทมนตร์เลเวล 6 นั้นมีความยากมากขึ้น ลิงค์ เคยเห็นโครงสร้างของเวทมนตร์เลเวล 6 มาแล้ว และเขารู้ว่าแม้ว่าเขาจะเชี่ยวชาญหัตถ์เปลวเพลิงเลเวล 5 ได้ภายในเวลา 2 วัน แต่เขาก็ไม่สามารถเชี่ยวชาญมันได้ภายในเวลาอย่างน้อยครึ่งเดือน แม้ว่าเขาจะละเลยอาหารกับการนอนและอุทิศตัวเองให้กับเวทมนตร์อย่างเดียวก็ตาม!
ในตอนนี้มีนักเวทย์เลเวล 6 อยู่ 6 คนในสถาบันเวทย์มนต์อีสโควฟ และ แอนโทนี่ ก็เป็นนักเวทย์เลเวล 7 เพียงคนเดียว มันเป็นแบบนี้มากว่า 10 ปีแล้ว ความจริงคือมีนักเวทย์แค่ 2 คนที่เป็นเลเวล 7 ในทั่วทั้งอาณาจักร ซึ่งอีกคนนั้นในตอนนี้ได้ประจำการอยู่ที่พระราชวังหลวง
ถึงจะไม่มีนักเวทย์เลเวล 8 ที่สามารถพบเห็นได้ในโลกมนุษย์ ก็ยังมีนักรบเลเวล 8 อยู่หนึ่งคน แต่ว่าพลังของนักรบนั้นน้อยกว่านักเวทย์มาก ดังนั้นพวกเขาจึงไม่สามารถนำมาเทียบกันได้
และตอนนี้ ลิงค์ ก็หวังว่าเขาจะเชี่ยวชาญเวทย์เลเวล 9 ได้ภายในสามเดือน-ถ้าเขาปล่อยให้ใครรู้ความตั้งใจนี้ของเขา พวกเขาจะต้องคิดว่าเขาเป็นบ้าอย่างแน่นอน

ถึงเขาจะใช้ 90 แต้มโอมนิเพื่อซื้อเวทมนตร์เลเวล 9 แต่เขาก็ยังคงไม่สามารถมีมานา 7,000 แต้มตามที่ต้องการได้ ยิ่งไปกว่านั้น เวทมนตร์นั้นจะเป็นรูปแบบปกติโดยไม่มีการดัดแปลงเลย ถ้าเขาจะใช้เวทมนตร์ในการสู้กับปีศาจที่แข็งแกร่งมากจนแทบจะเป็นอมตะ งั้นเขาก็จะต้องลองทุ่มสุดตัวดู เพราะยังไงผลมันก็ออกมาเหมือนเดิม
แค่เชี่ยวชาญเวทย์เลเวล 8 ภายในระยะเวลา 3 เดือนนั้นก็ยากพอแล้ว ฉันไม่เชื่อเลยว่าฉันจะเชี่ยวชาญเวทย์เลเวล 9 ด้วยตัวเองได้ทันเวลา! จากนั้น ลิงค์ ก็ยิ้มอย่างแหยๆและส่ายหัวของเขาด้วยความโกรธ
ไม่เป็นไร ตอนนี้ฉันจะหยุดคิดเกี่ยวกับมันก่อน ลิงค์ คิด ฉันเพียงแค่ต้องขยันให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น อย่างน้อยฉันก็พยายามอย่างเต็มที่แล้ว  ใบหน้าของ ลิงค์ แสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นในตอนที่เขาลุกขึ้นและเขาก็จะกลับไปที่หอคอยเวทมนตร์ มีเวลาเหลือไม่มากแล้ว ดังนั้นเขาจะเริ่มทำมันตอนนี้เลย

 

แต่แล้วในทางที่เขากลับไปยังหอคอยเวทมนตร์ ลิงค์ ก็สังเกตุเห็นบางอย่างที่เขาไม่คาดคิด
เขาเห็นคนที่คุ้นเคยอยู่ท่ามกลางต้นหลิวที่อยู่ไม่ห่างจากจุดที่เขายืน  เขากระพริบตาและขยี้ตาเพื่อให้มองชัดขึ้น และเขาก็พบว่านั่นคือคนรักของ เอเลียร์ด, เอเลน่า
มันคงดูไม่แปลกที่จะเจอ เอเลน่า ในสถาบัน แต่ว่าเธอนั้นยืนอยู่ห่างจากกอของต้นหลิวซึ่งเป็นจุดที่ร่างกายของเธอจะถูกซ่อนอยู่หลังต้นไม้และพุ่มของมัน ถ้า ลิงค์ ไม่ได้มองไปทางนั้นโดยบังเอิญ เขาก็คงไม่รู้ว่าเธออยู่ตรงนั้น
และสิ่งที่น่าสงสัยที่สุดก็คือเธอนั้นไม่ได้อยู่คนเดียว ข้างๆเธอมีผู้ชายอยู่

ชายคนนั้นแต่งกายด้วยชุดขนสัตว์หรูหราดูเหมือนว่าเขาจะเป็นผู้ชายที่ร่ำรวย เขาน่าจะเป็นพ่อค้าที่มาจากเมืองฮอทสปริง เขานั้นยืนอยู่ใกล้กับ เอเลน่า มาก มันเป็นระยะที่ใกล้ชิดมากเกินไป; ลิงค์ รู้สึกสงสัยพวกเขามากๆแล้วในตอนนี้ เขาถอยไปและไปซ่อนอยู่หลังต้นหลิวและเริ่มที่จะฟังสิ่งที่พวกเขาคุยกัน
ด้วยระยะห่าง ลิงค์ จึงได้ยินเพียงแค่น้ำเสียงของพวกเขาเท่านั้น แต่ไม่อาจได้ยินอย่างชัดเจนว่าพวกเขาพูดอะไรกัน  เขาไม่กล้าที่จะใช้อุปกรณ์เวทมนตร์สอดแนมเช่นกันเพราะเขากลัวว่าพวกเขาอาจจะตรวจจับการผันผวนของเวทมนตร์ได้
ลิงค์ รู้สึกว่าน้ำเสียงของ เอเลน่า นั้นแตกต่างจากปกติที่เขาได้ยินตอนที่เธออยู่กับ เอเลียร์ด เสียงของเธอในตอนนี้ดูเย็นชา เย่อหยิ่งและมีแม้กระทั่งความรู้สึกผิดเล็กน้อย ลิงค์ รู้สึกเหมือนกับมันเป็นเสียงของราชินีที่สง่างาม ในขณะเดียวกันเสียงของพ่อค้าก็นุ่มนวลและสุภาพ แม้เขาจะดูเหมือนพ่อค้าที่ประสบความสำเร็จและร่ำรวย แต่เสียงของเขาก็ดูถ่อมตัวและสุภาพมากเมื่อเขาพูดกับ เอเลน่า

 

ไม่ใช่ว่า เอเลน่า เป็นลูกสาวของพ่อค้าระดับปานกลางหรอกหรอ? ลิงค์ สงสัย ทำไมพ่อค้าที่ร่ำรวยคนนั้นถึงปฏิบัติกับเธอเหมือนกับเธอเป็นราชินีเลยล่ะ?

Advent of the Archmage

Advent of the Archmage

Type: Author: , ,
เรื่องย่อ ลิงค์เป็นอาร์จเมจที่เก่งที่สุดในทุกๆเซิร์ฟเวอร์ เขาเพิ่งจะโค้นล้มบอสที่แข็งแกร่งที่สุด,เจ้าแห่งความลึก โนโซม่า ด้วยปาร์ตี้ของเขา อย่างไรก็ตาม,แทนที่เขาจะกลับไปที่เมื่อง เขากลับถูกส่งตัวไปที่พื้นที่ลับด้วยพิกเซลCG มันให้ความรู้สึกเหมือนกับสูญญากาศ และภายในนั้นก็ได้มีเสียงที่ยิ่งใหญ่และมากด้วยอำนาจที่เรียกตัวเองว่าพระเจ้าแห่งแสงสว่างดังขึ้น “ลิงค์ เจ้าเต็มใจที่จะเป็นผู้ช่วยชีวิตที่จะดึงโลกแห่งฟิรูแมนออกจากความปั่นป่วนไหม?” ภารกิจที่ยิ่งใหญ่นี้มันอะไรกัน! ถ้ามันเป็นโลกจริง ลิงค์ คงจะปฏิเสธไปในทันที อย่างไรก็ตามเขาก็มีความแน่วแน่ที่จะเป็นฮีโร่ในเกมส์ “จัดไปเลย!” ลิงค์ ตอบอย่างมั่นใจ “ถ้างั้นก็ขอให้เจ้าโชคดี” และนั่นจะเป็นการเริ่มต้นการเดินทางที่เต็มไปด้วย เวทย์มนตร์,มิตรภาพ,การทรยศ,ความรัก และความสิ้นหวังของ ลิงค์ ในโลกที่เปลี่ยนแปลงไปของฟิรุแมน Link was the top Archmage in the entire server. He had just defeated the strongest boss, the Lord of The Deep, Nozama with his party. However, instead of going back to town, he was transported to a secret location with pixelated CG. It sort of felt like a vacuum, and within it came a glorious and commanding voice that calls himself the God of Light. “Link, would you be willing to be the saviour who will pull the World of Firuman out from the churning abyss?” What a huge mission! If it was in the real world, Link would have rejected it immediately. However, he was bent on being the hero in game. “Bring it on!” Link answered confidently. “Then, best of luck.” And so began Link’s journey of magic, friendship, betrayal, love and despair in the ever changing World of Firuman.

Comment

Options

not work with dark mode
Reset