Advent of the Archmage – ตอนที่ 171: การตื่นขึ้นของหินนักปราชญ์สีขาว(ส่วนที่2)

ณ หอคอยเวทมนตร์หนามสวรรค์
บ่อธาตุที่นี่นั้นใหญ่กว่าของที่หอคอยเวทมนตร์ของ เอร์เรร่า ค่อนข้างมาก แม้ว่าแผนผังและฟังก์ชั่นของมันจะยังคงเหมือนกันก็ตาม ตำแหน่งของการวางรูนที่หลากหลายบนผนึกควบคุมเวทมนตร์ก็ยังคงเหมือนเดิมเช่นกัน ดังนั้นหลังจากที่ใช้ไปเกือบ 1 เดือน ตอนนี้ ลิงค์ จึงคุ้นเคยกับทุกส่วนของบ่อธาตุเหมือนกับว่ามันเป็นหลังมือของตัวเองเลย
ด้วยความที่มันเป็นเวทย์ประเภทเดียวกับหัตถ์เปลวเพลิง  หมัดแห่งฟิโรมอซจึงมีรูปแบบการใช้มานาที่คล้ายคลึงกัน มันใช้มานา 100 แต้มในการสร้างโครงสร้างเวทมนตร์และใช้15แต้มต่อวินาทีในการคงสภาพมันไว้ ซึ่งนั่นหมายความว่ามันจะใช้มานา 900 แต้มต่อนาที แต่เมื่อใช้มันในการต่อสู้มันจะใช้มานามากถึง 30 แต้มต่อวินาทีจนกระทั่งถึง 50 แต้มต่อวินาทีถ้าเกิดว่าการต่อสู้นั้นรุนแรง
มานาสูงสุดของ ลิงค์ ตอนนี้คือ 1,950 แต้ม ดังนั้นถ้าเขาใช้เวทย์นี้ในการต่อสู้มานาของเขาก็จะหมดภายใน 1 นาที ซึ่งนั่นมันยังไม่ดีพอสำหรับ ลิงค์ ดังนั้นหลังจากที่พิจารณาอยู่พักนึง ลิงค์ จึงตัดสินใจที่จะใช้แต้มโอมนิบางส่วนเพิ่มขีดจำกัดของมัน
ลิงค์ มีแต้มโอมนิ 210 แต้มในตอนนี้ และยังมีภารกิจที่เปิดใช้งานเหลืออยู่อันนึง ซึ่งก็คือการสืบหาความจริงที่อยู่เบื้องหลังของแผนการกบฏจันทราทมิฬ แม้ว่าเขาจะจัดการกับไส้ศึกในสถาบันอย่าง เอเลน่า ไปแล้ว แต่เขาก็ยังคงไม่ได้แจ้งเตือนที่ยืนยันว่าภารกิจนี้สำเร็จ และของรางวัลเขาก็ยังไม่ได้เช่นกัน และนี่ก็คือหนึ่งในเหตุผลที่ ลิงค์ รู้สึกไม่สบายใจในช่วงนี้

 

“ระบบ เพิ่มมานาสูงสุดให้ด้วย 100 แต้มโอมนิ”

 

คุณมั่นใจนะ?

 

“แน่นอน!”

ภายในชั่วพริบตา ลิงค์ ก็รู้สึกได้ถึงคลื่นความร้อนภายในร่างกายของเขา ครั้งนี้เขาไม่รู้สึกเจ็บ กลับกันมันรู้สึกสบายมาก เหมือนกับทะเลทรายอันแห้งแล้งที่โดนฝนตกใส่ เซลทุกส่วนในร่างกายของเขาดูเหมือนว่าจะยินดีกับการอัพเกรด
ความรู้สึกอันยอดเยี่ยมนี้อยู่ได้ประมาณ 5 วินาที จากนั้น ลิงค์ ก็เช็คค่าสถานะของตัวเองและพบว่ามานาสูงสุดของเขาตอนนี้อยู่ที่ 2,950 แต้ม
ตอนนี้มันเป็นมานาสูงสุดที่เหมาะสมกับนักเวทย์เลเวล 6 แล้ว!
จากนั้น ลิงค์ ก็เช็คอัตราการฟื้นฟูมานาของเขาและพบว่าตอนนี้มันอยู่ที่ 100 แต้มต่อชั่วโมง มันไม่ได้แย่มาก ดังนั้น ลิงค์ จึงตัดสินใจที่จะไม่เปลี่ยนแปลงอะไรเกี่ยวกับมัน
ดังนั้นตอนนี้ ลิงค์ ยังเหลือแต้มโอมนิอยู่ 110 แต้ม เขาคิดว่ามันจะดีที่สุดที่จะเก็บไว้ในตอนนี้ เผื่อในกรณีที่เขาไม่มีพลังพอในตอนที่ปีศาจทราวิสถูกปลดปล่อยออกมาและต้องการแต้มโอมนิเพิ่มเติมในการซื้อเวทย์ระดับสูง
ในตอนนี้มานาสูงสุดของเขาได้เพิ่มขึ้นแล้ว ลิงค์ จึงเริ่มที่จะทำการทดลองเวทมนตร์
เขารวบรวมสมาธิและเข้าสู่สภาวะที่จิตใจสงบอย่างสมบูรณ์เพื่อร่ายเวทย์ ทีละนิดละหน่อย มานาได้ตรงเข้าไปสู่ผนึกควบคุมเวทมนตร์ ด้วยความที่มันเป็นเวทย์เลเวล 6 โครงสร้างของมันจึงซับซ้อนและทับซ้อนกันอยู่ 2 ชั้น และตอนนี้มันก็ยิ่งซับซ้อนมากขึ้นเพราะถูก ลิงค์ ดัดแปลง จำนวนรูนที่ถูกใช้ในเวทย์นี้สูงถึง 989 อัน ด้วยความซับซ้อนของการเชื่อมต่อและการทับซ้อนกันของโครงสร้างระดับนี้ นักเวทย์ทั่วไปจึงไม่สามารถทำความเข้าใจได้

 

แม้กระทั่ง ลิงค์ ที่มีจิตวิญญาณที่แข็งแกร่งกว่าคนทั่วไปมากก็ยังไม่กล้าที่จะก่อความผิดพลาดในระหว่างการสร้างโครงสร้างเวทมนตร์เลย ในท้ายที่สุด หลังจากผ่านไป 5 นาทีเต็มเขาก็เชื่อมต่อรูนทั้ง 989 อันในโครงสร้างเวทย์ของหมัดแห่งฟิโรมอซสำเร็จ
จากนั้นจุดแสงที่ส่องประกายสดใสก็ได้ปรากฏขึ้นที่ผนึกควบคุมเวทมนตร์ ในแวปแรก มันดูคล้ายกับแผนที่ของกลุ่มดาวที่ ลิงค์ เคยเห็นในชีวิตก่อนของเขา  หลังจากนั้นโครงสร้างเวทมนตร์ก็เริ่มสั่นและธาตุไฟในบ่อก็ตอบสนองและหมัดแห้งฟิโรมอซก็เริ่มก่อร่างในทันที
ความเร็วของธาตุไฟที่พุ่งมานั้นรวดเร็วมากเหมือนกับเสียงผิวปากไม่เหมือนกับเวทย์อื่นที่ ลิงค์ ได้เชี่ยวชาญจนมาถึงตอนนี้เลย
แต่ว่า นี่เป็นเพียงแค่เวอร์ชั่นเบื้องต้นของหมัดแห่งฟิโรมอซที่จำลองในสภาพแวดล้อมจำกัดในบ่อธาตุเท่านั้น ถ้ามันถูกใช้ในการต่อสู้จริงหล่ะก็ ความเร็วของมันในการรวบรวมธาตุไฟในตอนนั้นมันจะยิ่งเร็วกว่าที่เห็นมาก
จากนั้นอยู่ๆ ลิงค์ ก็นึกถึงเวทย์เลเวล 6 ที่ เอร์เรร่า เคยใช้ในสระหมอกที่เรียกว่าคมมีดเสียดฟ้า ที่เธอใช้ผ่าไฮดร้ายักษ์อันแข็งแกร่งในทีเดียว ในตอนนั้นเขาไม่ได้ให้ความสนใจมันมากนัก แต่ตอนนี้เขาเข้าใจถึงความยุ่งยากและซับซ้อนของเวทย์เลเวล 6 แล้วโดยไม่ต้องพูดถึงพลังอันสุดยอดของมันเลย
มันเป็นประสบการณ์ที่แตกต่างกับในเกมอย่างสิ้นเชิง
แม้ว่าในเกมจะมีระบบออนไลน์ที่ได้ดื่มด่ำกับภาพโฮโลกราฟฟิกที่มันมีการควบคุมที่ละเอียดอ่อนเหมือนกับมันมีชีวิตอยู่จริงก็ตาม แต่มันก็ยังคงถือว่าน้อยเมื่อเทียบกับรายละเอียดอันละเอียดอ่อนที่มีอยู่จริงในโลกแห่งนี้
นักเวทย์เลเวล 6 จะถูกเรียกว่าจอมเวทย์ ลิงค์ คิด ไม่ใช่แค่ความยากแสนสาหัสในการเลื่อนระดับเลเวลเท่านั้น แต่พลังของเวทมนตร์ก็เช่นกัน ช่างเป็นเวทย์ที่ทรงพลังอะไรเช่นนี้!

 

หลังจาก 20 วินาทีผ่านไป หลังจากที่ธาตุได้รวมตัวกันเสร็จสิ้น ลิงค์ ก็สังเกตุเห็นว่าจำนวนธาตุไฟในบ่อธาตุนั้นได้ลดลงไป 80% และมันก็ถูกแทนที่ด้วยหัตถ์เพลิงยักษ์ที่กำนิ้วของมันกลายเป็นหมัดปรากฏขึ้นมาที่ใจกลางของบ่อธาตุ
เนื่องจากว่ามันเป็นเวอร์ชั่นที่ย่อขนาดลงเหลือเพียง 10% ของรูปร่างปกติของมัน หมัดจึงมีขนาดเพียงแค่ 10 ตารางฟุต มันส่องแสงจางๆและถูกห่อหุ้มโดยวงแหวนเพลิง นี่เป็นประเภทหนึ่งของสนามพลังที่ ลิงค์ ได้ดัดแปลงใส่ในเวทย์นี้เพื่อที่มันจะได้ช่วย ลิงค์ ในการควบคุมธาตุไฟในเวทมนตร์  เพื่อที่มันจะได้ระเบิดได้ในเวลาสำคัญที่เขาต้องการให้มันระเบิด
โจมตี! ลิงค์  สั่งเวทมนตร์ผ่านผนึกเวทมนตร์
ธาตุไฟในหมัดเพลิงได้ปะทุขึ้นในทันทีและส่องแสงสีฟ้าแสบตาออกมา แสงที่พุ่งออกมาจากหมัดนั้นสว่างเท่ากับดวงอาทิตย์ในตอนกลางวันซึ่งไม่มีใครสามารถมองมันตรงๆได้
ในตอนที่หมัดแห่งฟิโรมอซถูกใช้เพื่อโจมตีศัตรู หมัดจะพุ่งเข้าไปหาเป้าหมายด้วยความเร็วเหนือจินตนาการ อะไรก็ตามที่อยู่ตามเส้นทางระยะ 300 ฟุตนั้นจะถูกอัดลงกับพื้น

 

ภายในเกม นี่คือเวทย์ที่ ลิงค์ ชอบใช้กับกำแพงเมืองเพราะว่าด้วยหมัดเดียวของมัน กำแพงนั้นจะพังลงเหมือนกับกองไพ่ สร้างภาพอันสวยงามและในเวลาเดียวกันก็ส่งผลอันน่ากลัวที่จะฝังความกลัวลงไปในหัวใจของศัตรู
เปลี่ยนรูปแบบ! ลิงค์ ออกคำสั่งอื่นกับเวทย์
ภายในพริบตาแสงของหมัดเพลิงก็อ่อนลงและค่อยๆคลายนิ้วออกทีละนิ้วๆ และในที่สุดมันก็กลายเป็นมือยักษ์ที่ดูเหมือนว่าจะพร้อมข่วนอะไรซักอย่าง
มันไม่ใช่หมัดแห่งฟิโรมอซอีกต่อไปแล้วในตอนนี้ แต่ว่ากลับกันเวทย์ใหม่นี้ได้ถูกดัดแปลงโดยเวทย์สูงสุดของลิงค์-หัตถ์เพลิงเลเวล 6 ที่ถูกอัพเกรด
การดัดแปลงนี้เขาไม่สามารถคิดได้เลยในชีวิตเก่าของเขาในเกม แต่ตอนที่เขาอยู่ในโลกนี้ ลิงค์ สามารถสร้างเวทย์ใหม่ของเขาได้ด้วยการรวมความเข้าใจอันลึกซึ้งของโครงสร้างและคุณสมบัติของหัตถ์เปลวเพลิงและหมัดแห่งฟิโรมอซเข้าด้วยกันและเปลี่ยนมันเป็นเวทมนตร์อันทรงพลังที่มีเอกลักษณ์ได้
หัวใจของ ลิงค์ ถูกเติมเต็มไปด้วยความรู้สึกแห่งความสำเร็จในตอนที่เขาเห็นว่าเวทย์ใหม่ของเขานั้นก่อร่างอย่างสมบูรณ์

กลับเป็นปกติ ลิงค์ สั่งด้วยความคิด เขาจะต้องทำให้มั่นใจว่ามันจะไม่มีผลย้อนกลับของเวทย์นี้
หัตถ์เปลวเพลิงที่ถูกอัพเกรดได้กลายเป็นรูปร่างหมัด แต่ในตอนที่มันกลับเป็นรูปแบบเดิมของมัน ปัญหาก็เกิดขึ้น
เปลวเพลิงที่แต่ก่อนเสถียรนั้นอยู่ๆก็ส่ายเพราะธาตุไฟที่อยู่ภายในมันนั้นสั่นอย่างรุนแรง ลิงค์ สามารถรู้สึกได้ว่าโครงสร้างเวทย์กำลังเริ่มที่จะพังทลาย
เขาพยายามที่จะประคองมันอย่างสุดความสามารถแต่เขาก็รู้สึกตัวในเวลาเพียงไม่กี่วินาทีให้หลังว่าปัญหามันใหญ่เกินกว่าจะควบคุม เขาอาจจะแขนหักได้ถ้าเขายังพยายามยื้ออยู่ ดังนั้นเขาจึงตัดสินที่จะปล่อยให้เวทมนตร์ระเบิดและพังทลายลง

ตู้มมมม!!!
หัตถ์เปลวเพลิงนั้นเพิ่งจะเปลี่ยนกลับเป็นหมัดได้เพียงแค่ครึ่งทางของกระบวนการเท่านั้นก่อนที่มันจะระเบิด  โชคดีที่ มันเกิดขึ้นในบ่อธาตุดังนั้น ลิงค์ จึงถูกปกป้องจากแรงระเบิดและปลอดภัย เปลวเพลิงที่กระจัดกระจายออกได้ไหลกลับเข้าไปที่บ่อภายใต้การนำพาของผนึกเวทมนตร์หลังจากการระเบิด
จากนั้น ลิงค์ ก็เริ่มที่จะตรวจสอบโครงสร้างของเวทมนตร์อย่างใกล้ชิด
“ระบบ เปิดบันทึกย้อนหลังของโครงสร้างเวทมนตร์ให้ดูที”  ลิงค์ สั่งระบบเกม
ลิงค์ เพิ่งจะสั่งระบบเกมให้ใช้ระบบการจำลองการร่ายเวทย์เหมือนกับที่เขาทำตอนที่เขาไปที่ประเทศปักเป้า แต่เขาเลือกที่จะใช้บ่อธาตุในการทดลองเวทมนตร์เพราะว่าการจำลองนั้นใช้พลังงานจากวิญญาณของเขามากเกินไปและยังทำให้เขาปวดหัวหลังจากนั้นอีก แต่มันจะไม่มีปัญหาอะไรถ้าเขาเพียงแค่ใช้ระบบจำลองในการย้อนดูกระบวนการของโครงสร้างเวทมนตร์
มีแสงสว่างจ้าขึ้นมาในหน้าอินเตอเฟส หลังจากนั้นกระบวนการร่ายเวทย์ก็ถูกย้อนขึ้นมาให้ดูต่อหน้า ลิงค์ ตั้งแต่การใส่มานาไปจนถึงการจัดการกับรูนเวทมนตร์ การประสานกันระหว่างวงแหวนรูนและโครงสร้างเวทมนตร์และอื่นๆ รายละเอียดทุกอย่าง ถูกแสดงโดยไม่มีการละเว้นใดๆ
หลังจากผ่านไปสามนาทีในที่สุด ลิงค์ ก็รู้ถึงที่มาของปัญหา เขาเริ่มที่จะปรับปรุงโครงสร้างเวทมนตร์และนั่นก็ใช้เวลาไปกว่า 10 นาที และหลังจากนั้นเขาก็กลับไปที่การทดลองทันที
ครั้งนี้ หมัดแห่งฟิโรมอซขยับไปได้ 6 ครั้งในครึ่งนาทีก่อนที่มันจะระเบิดอีกครั้ง
ลิงค์ ไม่ยอมแพ้และพยายามอีกครั้งนึง
เขาปรับปรุงโครงสร้างเวทมนตร์และร่ายมันอีกครั้ง ในครั้งนี้มันขยับไปได้ 13 ครั้งก่อนที่มันจะพังทลายลง
ลิงค์ พยายามอีกครั้งนึง
ในครั้งนี้มันขยับไปได้ถึง 19 ครั้ง และมันก็พังลง
พยายามอีกครั้งนึง
เวทย์ก็พังลงอีกครั้ง…


ลิงค์ ได้ลืมเวลาไปอย่างสมบูรณ์ว่ามันผ่านไปเท่าไหร่แล้วในบ่อธาตุ เขาแปลกใจมากที่ไม่มีใครมาเตือนเขาเรื่องเวลาเลยในวันนี้
และเขาก็จำไม่ได้เช่นกันว่าเขาได้ปรับปรุงเวทย์ไปทั้งหมดกี่ครั้งแล้ว
เวทมนตร์ที่อยู่ตรงหน้าเขาในตอนนี้นั้นยืดหยุ่นเหมือนกับมือของคนจริงๆและมันก็สามารถเคลื่อนที่ได้อย่างละเอียดอ่อนเหมือนกับมือจริงๆ เว้นแต่ว่ามันจะสามารถทำอย่างอื่นที่มือจริงไม่สามารถทำได้ อย่างเช่นการหักนิ้วไปทางด้านหลังจนชนเข้ากับหลังมือ มันไม่มีความแตกต่างระหว่างด้านหน้าและด้านหลังของมือยักษ์ ดังนั้นมันจึงยากที่จะแยกว่าอันไหนคือฝ่ามือหรือหลังมือสำหรับเวทย์นี้ ในความเป็นจริง แม้กระทั่งนิ้วก็สามารถแปลงร่างเป็นฝ่ามือ และฝ่ามือก็สามารถแยกเป็นหลายนิ้วได้อย่างง่ายดาย
หลังจากที่ทดลองอยู่พักนึงจนแม้แต่ ลิงค์ ก็ไม่แน่ใจว่านานแค่ไหน เขาก็สามารถขยับมือยักษ์ได้มากกว่า 100 ครั้ง

 

อา ในที่สุดฉันก็เชี่ยวชาญมัน! ลิงค์ คิดอย่างภาคภูมิใจ
จากนั้นแจ้งเตือนก็ปรากฏขึ้นบนอินเตอเฟส
ผู้เล่นสร้างเวทย์ใหม่สำเร็จ ของรางวัลเป็น 20 แต้มโอมนิ

ผู้เล่นสำเร็จในการกลายเป็นจอมเวทย์เลเวล6 ของรางวัลเป็น120แต้มโอมนิ

โปรดตั้งชื่อเวทมนตร์ใหม่

อ้า มันรู้สึกดีจริงๆที่ได้รางวัล ลิงค์ คิด จากนั้นอยู่ๆเขาก็รู้สึกตัวขึ้นมาว่ามีบางอย่างหายไป เขาจำไม่ได้ว่าเขาได้รางวัลของการขึ้นสู่เลเวล 5
“ระบบ ของรางวัลขึ้นเลเวล 5 ของฉันอยู่ไหนหล่ะ?” ลิงค์ ถามระบบเกม
ผู้เล่นใช้ระบบจำลองการร่ายเวทย์ของเกมในตอนที่ก้าวขึ้นสู่เลเวล 5 ซึ่งนั้นใช้พลังงานอย่างมหาศาลจากระบบ แต้มโอมนิจากของรางวัลจึงถูกใช้แทนในส่วนการซ่อมบำรุงระบบจากพลังงานที่ถูกใช้ไป
“แล้วทำไมถึงไม่แจ้งฉันหล่ะ?” ลิงค์ ถาม เขาทำหน้าเข้ม เขาควรที่จะได้อย่างน้อย 50 แต้มโอมนิจากการเพิ่มเลเวลและมันก็หายไปซะอย่างนั้น ถ้าเขารู้ว่ามันต้องแลกมาด้วยของที่ทรงคุณค่าขนาดนั้น ลิงค์ ก็คงไม่ไปใช้เส้นทางที่แพงอย่างนั้นในการเรียนเวทมนตร์หรอก
ระบบไม่สามารถตอบคำถามที่ถามได้ดังนั้นเรื่องนี้จึงยังไม่ถูกคลี่คลาย
“…” ลิงค์ ได้ถูกเทโดยระบบที่งงๆ เขาไม่อยากพูดเรื่องนี้ไปมากกว่านี้  เพราะว่าถึงแม้ระบบจำลองการร่ายเวทย์จะมีค่าใช้จ่ายที่แสนแพง แต่มันก็คุ้มค่ามากๆ มันเป็นเพราะเวทย์มนตร์เลเวล 5 บทนั้นที่ทำให้เขาสามารถชนะดาร์กเอลฟ์เลเวล 5 ได้ในที่สุด ดังนั้น ลิงค์ จึงตัดสินใจที่จะปล่อยมันผ่านไป
ส่วนเรื่องชื่อ ลิงค์ พิจารณาอยู่ซักพักและพูดออกมา “ฉันจะตั้งชื่อเวทย์ใหม่ว่าหัตถ์ไททัน”
เวทมนตร์ได้ถูกตั้งชื่อสำเร็จ
หัตถ์ไททัน

เวทย์ขั้นสูงเลเวล6

การใช้มานา: 14 แต้มต่อวินาทีในสภาพปกติ, 29 แต้มต่อวินาทีในตอนต่อสู้

ผล: เวทย์อเนกประสงค์ที่มีพลังมหาศาลและเหมาะกับการต่อสู้ระยะใกล้ทั้งการโจมตีและป้องกัน

(หมายเหตุ: นี่คือผลงานชิ้นเอกของจอมเวทย์ ลิงค์!)
ลิงค์ ดีใจกับข้อมูลที่เขาได้รับในชุดของการแจ้งเตือน โดยเฉพาะคำที่เขียนว่า “จอมเวทย์” มันไม่ใช่แค่ในเกมแล้วตอนนี้ เขาได้กลายเป็นจอมเวทย์ด้วยความพยายามอันบ้าคลั่งของตัวเองแล้ว  และเขาก็หยุดที่จะภูมิใจในตัวเองไม่ได้
จากนั้น ลิงค์ ก็ร่ายธาตุแห่งการรักษาใส่ตัวเองเพราะเขารู้สึกเหนื่อยมากในตอนนี้ จากนั้นเขาก็นั่งพักอยู่ครู่นึงเพื่อฟื้นฟูพลังงานก่อนที่จะเดินออกจากบ่อธาตุ เมื่อเขาเปิดประตูออก เขาพบว่ามันเงียบมากและไม่เห็นใครอยู่เลย ลิงค์ มองออกไปนอกหน้าต่างและตกใจที่เห็นท้องฟ้าได้เปลี่ยนเป็นกลางคืนแล้ว

“มันนานขนาดนั้นเลยเหรอ?” ลิงค์ สงสัย “แต่ทำไมถึงไม่มีใครเตือนฉันเรื่องเวลาเลยหล่ะ?” เขาจำได้ว่าเขาได้รับอนุญาติให้ใช้บ่อธาตุแค่ 90 นาที แต่ดูเหมือนว่าเขาจะใช้เวลาอยู่ข้างในนั้นทั้งวันเลย! เขาเดินไปที่ห้องโถงใหญ่ที่อยู่ชั้น 1 ที่ยังคงมีแสงไฟอยู่และก็เห็น เซลาสซี อยู่คนเดียวที่โต๊ะของเขา
พอ เซลาสซี รู้สึกว่า ลิงค์ ใกล้เข้ามาเขาก็เงยหน้าขึ้นมามองเขาด้วยดวงตาทั้งสองข้างที่เป็นประกายด้วยความเคารพและชื่นชม ไม่เพียงแค่นั้น จากนั้นเขาก็ลุกขึ้นยืนและเคารพ ลิงค์ ด้วยท่าที่นักเวทย์ระดับต่ำกว่ามักจะทำให้กับนักเวทย์คนอื่นที่มีเลเวลสูงกว่า
“จอมเวทย์ ลิงค์!” เซลาสซี ทักทาย
จอมเวทย์? ลิงค์ สับสนและงงว่านักเวทย์คนนี้รู้ได้ไงว่าตอนนี้เขาเลเวล 6 แล้ว
“ในตอนที่ท่านอยู่ในบ่อธาตุเกือบจะถึง 90 นาที ผมก็กำลังจะไปเตือนท่านเรื่องเวลา แต่ว่าผมถูกผู้อาวุโสห้ามเอาไว้ก่อนครับ” เซลาสซี อธิบาย “บ่อธาตุในหอคอยเวทมนตร์นี้มีระบบการควบคุมที่เข้มงวดมาก และมันก็ตรวจเจอการทดลองเวทย์เลเวล 6 ของท่าน และตอนนี้ท่านก็ออกมาแล้ว ซึ่งนั่นก็หมายความว่าท่านได้เชี่ยวชาญเวทย์เลเวล 6 แล้วถูกไหมครับ?”
จากนั้น เซลาสซี มอง ลิงค์ ด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความตกใจและเคารพ นักเวทย์ที่สามารถเลื่อนขั้นไปถึงเลเวล 6 ได้นั้นมีน้อยมากๆ แต่นักเวทย์อายุ 17 ที่ไปถึงระดับนั้นได้ไม่เคยมีมาก่อน เซลาสซี รู้ตัวว่าเขานั้นได้ยืนอยู่ต่อหน้าตำนานที่มีชีวิตอยู่!
โอ้ นี่มันช่างเหมาะในการเขียนบทกลอนอันสุดยอดเกี่ยวกับมัน! เซลาสซี คิด ฉันจะต้องเริ่มแต่งแล้ว เริ่มต้นยังไงดีนะ-นภาแห่งมนตรานั้นดำมืดและว่างเปล่า, ไร้ซึ่งดวงดาราส่องสกาวอันด้วยเวลาของ ไบรอัน ได้หมดไป แต่แล้วองค์เทพแห่งแสง,  ก็ส่ง ลิงค์ มา และเขาจะฉายแสงอย่างสดใส!
เซลาสซี ไม่สนใจว่าคนอื่นจะคิดยังไง ทั้งหมดที่เขารู้ก็คือเขานั้นค่อนข้างภูมิใจในกลอนของตัวเอง
“ใช่ครับ คุณพูดถูก” ลิงค์ พูด เขายิ่งรู้สึกแปลกกับการจ้องแบบแปลกๆของ เซลาสซี ดังนั้นเขาจึงรีบพูดเสริมออกมา “มันดึกมากแล้วตอนนี้ ผมจะต้องกลับไปพักผ่อนแล้วหล่ะ”
“โอ้ เชิญเลยครับ ท่านจอมเวทย์!” เซลาสซี ตอบ “ท่านจะต้องดูแลร่างกายอันล้ำค่าของท่านให้ดีๆนะครับ!”
“…” ลิงค์ ไม่รู้ว่าจะตอบนักกวีคนนี้-เวทย์ยังไงดี ดังนั้นเขาจึงใช้โอกาสนี้ในการหนีและกลับไปที่ห้องเขาอย่างปลอดภัย
ลิงค์ โล่งใจที่ไม่มีใครมายุ่งกับเขาตลอดทางกลับไปยังหอคอยเวทมนตร์ของเอร์เรร่า ดังนั้น ลิงค์ จึงกลับมายังห้องได้อย่างปลอดภัย เขามองดูเวลาและพบว่ามันเป็นเวลา 3 ทุ่ม ปกติเขาจะยังคงศึกษาตำราเวทมนตร์อยู่ในเวลานี้ ดังนั้นเขาจึงยังไม่นอนในตอนนี้และหยิบหนังสือที่ชื่อว่าเส้นทางของจอมเวทย์ออกมาอ่าน

หลังจากนั้นซักพัก ลิงค์ ก็หยิบหินสีขาวที่เจ้าชายไฮเอลฟ์ได้ให้เขามาและเล่นกับมันด้วยมือของเขาจนเป็นนิสัย แต่หลังจากนั้นเขาก็พบว่ามันมีอะไรผิดปกติเกี่ยวกับหินก้อนนี้

หินที่ปกติเรียบและมีสีขาวนั้นได้ส่องแสงออร่าสีขาวอ่อนๆออกมา!

“หืม เกิดอะไรขึ้นเนี่ย?”

Advent of the Archmage

Advent of the Archmage

Type: Author: , ,
เรื่องย่อ ลิงค์เป็นอาร์จเมจที่เก่งที่สุดในทุกๆเซิร์ฟเวอร์ เขาเพิ่งจะโค้นล้มบอสที่แข็งแกร่งที่สุด,เจ้าแห่งความลึก โนโซม่า ด้วยปาร์ตี้ของเขา อย่างไรก็ตาม,แทนที่เขาจะกลับไปที่เมื่อง เขากลับถูกส่งตัวไปที่พื้นที่ลับด้วยพิกเซลCG มันให้ความรู้สึกเหมือนกับสูญญากาศ และภายในนั้นก็ได้มีเสียงที่ยิ่งใหญ่และมากด้วยอำนาจที่เรียกตัวเองว่าพระเจ้าแห่งแสงสว่างดังขึ้น “ลิงค์ เจ้าเต็มใจที่จะเป็นผู้ช่วยชีวิตที่จะดึงโลกแห่งฟิรูแมนออกจากความปั่นป่วนไหม?” ภารกิจที่ยิ่งใหญ่นี้มันอะไรกัน! ถ้ามันเป็นโลกจริง ลิงค์ คงจะปฏิเสธไปในทันที อย่างไรก็ตามเขาก็มีความแน่วแน่ที่จะเป็นฮีโร่ในเกมส์ “จัดไปเลย!” ลิงค์ ตอบอย่างมั่นใจ “ถ้างั้นก็ขอให้เจ้าโชคดี” และนั่นจะเป็นการเริ่มต้นการเดินทางที่เต็มไปด้วย เวทย์มนตร์,มิตรภาพ,การทรยศ,ความรัก และความสิ้นหวังของ ลิงค์ ในโลกที่เปลี่ยนแปลงไปของฟิรุแมน Link was the top Archmage in the entire server. He had just defeated the strongest boss, the Lord of The Deep, Nozama with his party. However, instead of going back to town, he was transported to a secret location with pixelated CG. It sort of felt like a vacuum, and within it came a glorious and commanding voice that calls himself the God of Light. “Link, would you be willing to be the saviour who will pull the World of Firuman out from the churning abyss?” What a huge mission! If it was in the real world, Link would have rejected it immediately. However, he was bent on being the hero in game. “Bring it on!” Link answered confidently. “Then, best of luck.” And so began Link’s journey of magic, friendship, betrayal, love and despair in the ever changing World of Firuman.

Comment

Options

not work with dark mode
Reset