แต่เดิม, ลิงค์ ได้ยอมแพ้กับหินสีขาวที่เขาได้รับมาจากเจ้าชายไฮเอล์ฟไปแล้ว เพราะเขาไม่สามารถพบอะไรที่พิเศษเกี่ยวกับมันได้ ดังนั้นแสงสลัวที่แผ่ออกมาจากหินนั้นจึงทำให้เขารู้สึกประหลาดใจอย่างเป็นสุข
เขาตรวจสอบหินอย่างระมัดระวังเป็นเวลาพักใหญ่ๆแต่ก็ไม่มีประโยชน์อะไร นอกจากแสงอ่อนๆที่แผ่ออกมา, มันก็ไม่ได้แตกต่างจากสภาพปกติของมัน
แต่ ลิงค์ ไม่คิดจะยอมแพ้ง่ายๆ เขาเอาแว่นขยายที่เขามักจะใช้ในระหว่างที่กำลังเสริมพลังเพื่อสังเกตุรูนเวทย์มนตร์ที่มีขนาดเล็กมากๆออกมา
แว่นขยายนี้เป็นอุปกรณ์สำคัญสำหรับนักเสริมพลังทุกคน แล้ว ลิงค์ ก็ได้ดัดแปลงมันไปด้วยนิดหน่อย, ซึ่งเขาได้เพิ่มกำลังขยายให้มากขึ้นถึง 50 เท่า ทำให้เขาสามารถเห็นรูนที่มีขนาดเล็กกว่า 100 นาโนเมตรได้อย่างชัดเจนด้วยความช่วยเหลือของแว่นขยายนี้
ก่อนหน้านี้ ลิงค์ เคยพยายามมองหินผ่านแว่นขยาย อย่างไรก็ตาม, พื้นผิวของมันเกลี้ยงเกลาและไม่น่าสนใจในตอนนั้น ดังนั้น ลิงค์ จึงไม่สามารถเก็บข้อมูลที่เขาต้องการได้.
แต่ตอนนี้มันแตกต่างกันออกไป
ด้วยการขยายผนวกกับแสงจางๆของหิน, ในที่สุด ลิงค์ ก็สะดุดเข้ากับธรรมชาติที่แท้จริงของหินก้อนนี้!
ผ่านเลนส์แว่นขยาย, พื้นผิวของหินยังคงดูเกลี้ยงเกลา, ไม่มีรอยขีดข่วนอะไรเลย อย่างไรก็ตาม, ดูเหมือนว่าบนพื้นผิวของมันจะมีจุดแสงจำนวนมหาศาลอยู่
แต่ว่าจุดแสงนั้นเล็กเกินไป, มันเป็นไปไม่ได้ที่จะมองรูปร่างที่แน่ชัดของพวกมันแม้ว่าจะอยู่ภายใต้การขยาย 50 เท่า มันสามารถบอกได้แค่ว่าจุดแสงนั้นถูกจัดระเบียบตามแพทเทิร์นบางอย่าง
หรือว่ามันจะเป็นรูน? ว่าแต่รูนมันเล็กขนาดนี้ได้ยังไงกัน? ลิงค์ แทบไม่เชื่อสายตาของตัวเอง เขาสรุปว่ารูนนี้เล็กมากจนพวกมันต่ำกว่าช่วงวัดในระดับนาโนเมตร ซึ่งนี่เป็นแค่เหตุผลเดียวเท่านั้นที่อธิบายได้ว่าทำไมแว่นขยายของเขาถึงไม่สามารถดูรูปร่างที่แน่ชัดของรูนได้
ฉันควรจะทำยังไงดี?
จากนั้น ลิงค์ ก็ย้ายความสนใจของเขาไปยังแว่นขยาย เขาจำเป็นต้องสร้างแว่นขยายที่มีกำลังขยายมากกว่านี้, บางสิ่งที่เหมือนกับกล้องจุลทรรศน์
ลิงค์ มีความรู้ดีๆในทฤษฎีการมองเห็นบนโลก เขาเพียงแค่ต้องซ้อนเลนส์นูนคุณภาพสูงสองตัวที่มีกำลังขยายสูงเข้าด้วยกัน ผนวกกับความรู้ด้านเวทย์มนตร์ของ ลิงค์, นี่คงจะเป็นงานง่ายๆ เขาสามารถท้าทายขีดจำกัดของทฤษฎีการมองเห็นได้ด้วยการใช้เวทย์มนตร์เพื่อเพิ่มกำลังขยายของกล้องจุลทรรศน์ใหม่ของเขา
ลิงค์ เริ่มทำงานในทันที เขาเอาคริสตัลออกมาบางส่วนและขั้นแรกก็ฟอกพวกมันด้วยเวทย์เปลี่ยนรูปจนพวกมันใสหมดจด จากนั้นเขาก็ใช้สนามพลังฮิกส์*เพื่อเปลี่ยนรูปร่างคริสตัล และในเวลาไม่นาน, เลนส์นูนคุณภาพสูงสองตัวก็ถูกสร้าง
ลิงค์ ไม่ได้มีปัญหากับโครงสร้างที่จะยึดเลนส์ให้เข้าที่ เขาเพียงแค่ใช้มือแห่งนักเวทย์เพื่อรักษาเลนส์นูนสองตัวนี้ไว้ให้เสถียรในอากาศขณะที่เขาปรับตำแหน่งของพวกมัน หลังจากตรวจสอบได้ว่ากำลังขยายอยู่ที่ประมาณ 1,000 เท่าแล้ว, เขาก็รู้สึกพอใจ
จากนั้น ลิงค์ ก็ปรับแสงในห้องและวางหินสีขาวไว้ใต้กล้องจุลทรรศน์ทำเองแบบง่ายๆของเขา
ภายใต้การขยาย, มันเห็นได้ชัดว่าจุดแสงนั้นคือรูน อย่างไรก็ตาม, พวกมันไม่ได้ประกอบกันแค่รูนเดี่ยว, แต่เป็นกลุ่มวงกลมของรูนที่แต่ละวงได้เก็บรูนเอาไว้อย่างน้อยหนึ่งร้อยอัน แม้ว่าจะอยู่ภายใต้กำลังขยาย 1,000 เท่า, แต่ ลิงค์ ก็ไม่สามารถระบุรูปร่างที่แท้จริงของรูนพวกนี้ได้อย่างแน่ชัด
“หินก้อนนี้มีจุดแสงกว่า 1,000 จุด, นี่ก็หมายความว่ามีวงกลมของรูนอย่างน้อย 1,000 วงสินะ นี่เป็นแค่พื้นผิวของมัน, ฉันยังไม่ได้เจาะลึกเข้าไปในโครงสร้างภายในของมันเลยด้วยซ้ำ คนแบบไหนกันที่สามารถสร้างสิ่งที่มหัศจรรย์แบบนี้ได้! หรือว่าจะเป็นเทพ?”
ลิงค์ อดบ่นใส่ภาพของความซับซ้อนนี้ไม่ได้ นี่มันเกินกว่าจินตนาการของเขาโดยสิ้นเชิง
ลิงค์ กำลังพลุ่งพล่านด้วยความสงสัย, เขาเพิ่มกำลังขยายจนถึง 2,000 เท่า ซึ่งนี่ถึงขีดจำกัดแล้ว ถ้าเขาเพิ่มกำลังขยายมากกว่า, มันจะบิดเบือนความชัดเจนของภาพซึ่งจะขัดขวางการสังเกตุของเขาอย่างร้ายแรง
ลิงค์ สูดหายใจเข้าลึกๆและเริ่มมองผ่านกล้องจุลทรรศน์อีกครั้ง
ครั้งนี้, เขาได้ภาพของรูนที่ชัดเจนมากๆ วงรูนนั้นถูกจัดเรียงในรูปแบบนึงที่เขาไม่สามารถเข้าใจได้ แต่ว่าเขาสามารถจำแนกบางส่วนของรูนเป็นตัวๆที่อยู่ในวงกลมได้ อย่างไรก็ตาม, พวกมันส่วนใหญ่ก็เป็นรูนที่เขาไม่เคยเห็นมาก่อนในชีวิตของเขา! แล้วก็มีเงาลางๆบางอย่างอยู่ใต้พื้นผิวของมันด้วย, ซึ่งชี้ให้เห็นว่าหินก้อนนี้มีหลายชั้น
“เหลือเชื่อ! นี่มันเหลือเชื่อจริงๆ!” ลิงค์ พูดคำนี้ออกมานับไม่ถ้วน หลังจากที่เขาได้กลายเป็นนักเวทย์เลเวล 6, เขาคิดว่าเขามีความเข้าใจโดยทั่วไปเกี่ยวกับเวทย์มนตร์ในโลกแห่งฟิรุแมนแล้ว ต่อให้เจอสิ่งแปลกใหม่, มันก็ไม่น่าจะห่างไกลเกินกว่ากรอบที่เขารู้นี้ อย่างไรก็ตาม, หินสีขาวก้อนนี้ก็ได้แสดงใหเขาเห็นถึงขอบเขตใหม่, ทำให้ความสำเร็จของเขาก่อนหน้านี้ดูเหมือนจิ๊บจ๊อยไปเลย
“ความรู้ของฉันเป็นแค่น้ำหยดนึงในมหาสมุทรเท่านั้นสินะ!” ลิงค์ อดอุทานออกมาไม่ได้ มหาสมุทรแห่งความรู้สุดหยั่งถึงได้มาอยู่เบื้องหน้าเขาในรูปแบบของหินสีขาวก้อนนึง
ในตอนนั้น, ลิงค์ รู้สึกได้ว่ามีแสงบางอย่างฉายขึ้นมาในทัศน์วิสัยของเขา มันคือข้อมูลจากระบบเกมส์
มันคือข้อมูลของหินสีขาว!
หินนักปราชญ์สีขาว (ยังชาร์จไม่เต็ม)
คุณภาพ: ตำนาน
สภาพ: 0.1/100
ผล: เมื่อวัตถุนี้ถูกชาร์จจนเต็ม มันจะสามารถเสริมพลังให้กับเวทย์มนตร์ได้อย่างมหาศาล ความแข็งแกร่งของเวทย์นั้นจะเพิ่มไปสามเลเวล
ขีดจำกัดข้อที่ 1: วัตถุชิ้นนี้สามารถใช้ได้แค่สามครั้งเท่านั้น
ขีดจำกัดข้อที่ 2 : ใช้ได้แค่กับเวทย์เลเวล 6 หรือสูงกว่าเท่านั้น
(หมายเหตุ: ความลึกลับของเวทย์มนตร์ไม่มีที่สิ้นสุด)
ลิงค์ คิดไม่ถึงว่านี่จะเป็นไอเทมระดับตำนาน นอกจากนี้, ผลของไอเทมนี้ก็สุดยอดจริงๆ ถ้าเขาสามารถเสริมความแข็งแกร่งของเวทย์มนตร์ของเขาได้สามเลเวล, เวทย์เลเวล 6 หัตถ์ไททันของเขาก็จะสามารถเพิ่มความแข็งแกร่งไปจนถึงเวทย์เลเวล 9 ได้โดยตรง จากนั้นเขาก็จะสามารถโค่นทาร์วิสได้ในดอกเดียว!
ลิงค์ รู้สึกตื่นเต้นขึ้นมาในทันทีและถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอก
แม้ว่าเขาจะเชี่ยวชาญเวทย์เลเวล 6 หัตถ์ไททันได้สำเร็จแล้ว, แต่หลังจากหนึ่งเดือนของการฝึกฝนอย่างบ้าคลั่ง, การเอาจริงเอาจังอย่างต่อเนื่องก็ได้ทิ้งความเหนื่อยล้าไว้ให้เขาและทำให้เขารู้สึกเหนื่อยและเอียนกับเวทย์มนตร์เล็กน้อย หลายครั้ง, เขาอยากจะหนีออกไปจากสถาบันและกองหนังสือเวทย์มนตร์ของเขาไปใช้ชีวิตอย่างสบายๆ
ถ้าการเรียนเวทย์เลเวล 6 จะต้องใช้ความพยายามมากขนาดนี้, เขาจะต้องเป็นบ้าอย่างแน่นอนถ้าเขาพยายามเรียนเวทย์เลเวล 7 หรือเลเวล 8
เขาแค่อดทนเพราะเขารู้ถึงอันตรายที่ใกล้เข้ามา
อย่างไรก็ตาม, เขาคิดไม่ถึงว่าไอเทมที่มีประโยชน์แบบนี้จะปรากฏขึ้นต่อหน้าเขาในช่วงเวลาสำคัญเช่นนี้
ใครคือนักปราชญ์ของไฮเอลฟ์กัน? ดูเหมือนว่าเขาจะรู้นะว่าฉันต้องการอะไร หินก้อนนี้สามารถเพิ่มระดับของเวทย์มนตร์ได้สามเลเวล, ซึ่งพลังนี้น่าจะพอที่จะเอาชนะ ทาร์วิส ได้
ลิงค์ สงสัยเล็กน้อยแต่ก็หยุดคิดเกี่ยวกับมันในเวลาไม่นาน เขาเชื่อว่าคนๆนั้นไม่ใช่ศัตรูและเมื่อเวลามาถึง, เขาจะได้พบกับบุคคลในตำนานนี้อย่างแน่นอน
ซึ่งสิ่งที่จำเป็นสำหรับตอนนี้ก็คือการชาร์จหินสีขาว
ลิงค์ พยายามใส่มานาของเขาเข้าไปในหิน, หินมีปฏิกิริยาต่อการไหลของมานาในทันทีและดูดซับเข้าไปเหมือนกับฟองน้ำ มันมีความกระหายในมานาจนแทบจะไม่รู้จักพอและในเวลาเดียวกันนั้น, แสงที่อยู่รอบๆมันก็สว่างขึ้นเล็กน้อย
ลิงค์ ชาร์จหินต่อไปจนเขาเหนื่อยล้าจากการเสียมานาไป 3,000 แต้ม ตอนนี้หินสว่างขึ้นเล็กน้อย, มันเหมือนกับแสงสว่างของหิ่งห้อย
ลิงค์ ตรวจสอบสภาพของหินสีขาว
หินนักปราชญ์สีขาว (ยังชาร์จไม่เต็ม)
สภาพ: 3/100
ลิงค์ รู้สึกหวาดกลัว หินก้อนนี้คือหลุมลึกไม่มีก้นรึไง มันต้องการมานา 1,000 แต้มเพื่อฟื้นฟูหนึ่งแต้มงั้นหรอ!
พอมาคิดดูอีกที, หินก้อนนี้ก็มีประสิทธิภาพอย่างเหลือเชื่อ มันเป็นเรื่องที่แน่นอนอยู่แล้วหล่ะนะว่ามานาที่ต้องใช้จะมหาศาล จากนั้น ลิงค์ ก็ยอมรับมันโดยไม่มีปัญหาใดๆ
ตอนนี้ความเร็วในการฟื้นฟูมานาของ ลิงค์ คือ 100 แต้มต่อชั่วโมง มานาสูงสุดของเขาคือ 2,950 แต้ม ด้วยความที่เขาเพิ่งจะกลายเป็นนักเวทย์เลเวล 6 เมื่อนำมานาสูงสุดและความเร็วในการฟื้นฟูมานาของเขามาเปรียบเทียบดูแล้วดูเหมือนว่ามันจะยังล้าหลังไปอยู่
ใช้ 100 แต้มโอมนิเพิ่มความเร็วในการฟื้นฟูมานา, ลิงค์ คิด
แสงอุ่นๆห่อหุ้มร่างกายของเขาและหลังจากที่มันสลายไป, ความเร็วในการฟื้นฟูมานาของ ลิงค์ ก็เพิ่มเป็น 200 แต้มต่อชั่วโมง ตอนนี้เข้าใช้เวลาไม่ถึงหนึ่งวันในการฟื้นฟูมานาของเขาจนเต็ม
ถ้า ลิงค์ ใช้มานาทั้งหมดของเขาในการชาร์จหินนักปราชญ์สีขาว, เขาก็จะสามารถชาร์จมันได้จนเต็มในเวลาหนึ่งเดือน จากนั้น, มันก็ยังเหลือเวลาอีกหนึ่งเดือนก่อนที่จะถึงวันนองเลือด 15 เมษายน
ลิงค์ สูดหายใจเข้าลึกๆพอถึงความคิดนี้ ทาร์วิส, แผนกบฏจันทราทมิฬและไอพวกดาร์กเอลฟ์ก็ด้วย, ในที่สุดฉันก็ได้พักสักที
ลิงค์ เอาหินสีขาววางไว้บนเตียงของเขาอย่างสงบ และภายในเวลาหนึ่งนาที, เขาก็เข้าสู่โลกแห่งความฝันอย่างรวดเร็ว
การนอนหลับในครั้งนี้ให้ความรู้สึกมีความสุขเป็นพิเศษ ในความฝันของเขา, เขาได้พบกับเจ้าหญิงปีศาจ เซลีน เธอกำลังยิ้มให้เขาอย่างอ่อนโยน, ทำให้หัวใจของเขาสั่นระรัว
เช้าวันต่อมา, ลิงค์ ก็นึกถึงความฝันนั้นด้วยความรู้สึกอันท่วมท้น จากนั้นเขาก็ร่ายเวทย์ปกปิดรอบตัวเขาและเอาขนนกสีดำอันล้ำค่าของเขาออกมา ขนลอยลงมาอย่างอัตโนมัติหลังจากปรากฏขึ้นในอากาศ, ด้วยบอลแสงสดใสมากมายที่อยู่รอบๆมัน มันจึงดูสวยงามเป็นพิเศษ
ลิงค์ อดคิดถึง เซลีน ไม่ได้ ดูเหมือนว่าเขาจะเห็นใบหน้าขี้เล่นและมีสเน่ห์ของ เซลีน อยู่เบื้องหน้าเขาขณะที่เขาคิด, เซลีน, ฉันไล่ตามเธอทันแล้วนะ
ตอนนี้เขาเป็นนักเวทย์เลเวล 6 และมีพื้นฐานเวทย์มนตร์อันแข็งแกร่ง เขาไม่เป็นตัวถ่วงของ เซลีน อีกต่อไปแล้ว
ปัญหาเดียวของเขาก็คือเขาไม่รู้ว่า เซลีน อยู่ที่ไหน หลังจากที่ครุ่นคิด, ลิงค์ ก็ตัดสินใจว่าจะตามหา เซลีน ในตอนที่เขาจัดการปัญหาในสถาบันและดินแดนของเขาเรียบร้อยแล้ว
เขาต้องบอกเธอว่าเธอจะปลอดภัยในดินแดนของเขา!
จากนั้น ลิงค์ ก็เก็บขนนกและไปอาบน้ำก่อนที่จะลงไปที่ห้องโถงชั้นหนึ่ง
ห้องโถงยังคงพลุกพล่านเหมือนเช่นเคย สิ่งเดียวที่แตกต่างจากปกติก็คือท่าทีประหลาดใจของทุกคนในตอนที่พวกเขาเห็น ลิงค์ นี่ไม่ได้เกี่ยวข้องกับความสำเร็จของเขา, แต่มันเกี่ยวข้องกับเวลา ลิงค์ มักจะเป็นคนแรกที่ตื่นและเป็นคนสุดท้ายที่หลับในหอคอยนักเวทย์ในช่วงเดือนที่ผ่านมานี้ อย่างไรก็ตาม, มันเป็นเวลา 9 โมงเช้าแล้ว และเขาก็เพิ่งตื่น ซึ่งมันเป็นเรื่องที่แปลกประหลาดจริงๆ
“วันนี้ว่างหรอคะ, อาจารย์?” ไรไล เดินเข้ามาแล้วถามอย่างขี้กลัว
เธอได้รวบรวมคำถามเอาไว้มากมายในช่วงเดือนที่ผ่านมา พวกมันไม่ใช่คำถามที่ยากจนน่ากลัวและเธอก็สามารถเอาคำตอบได้จากนักเวทย์ที่มีประสบการณ์มากกว่าในหอคอยเวทย์มนตร์ อย่างไรก็ตาม, เธอรู้สึกว่าการอธิบายของพวกเขามักจะคลุมเครือและไม่ชัดเจนเท่ากับ ลิงค์ ดังนั้นเธอจึงเก็บปัญหาทั้งหมดและตัดสินใจที่จะเอาไว้ปรึกษา ลิงค์ ในสักวันนึง
“ใช่” ลิงค์ รู้สึกผิดเล็กน้อย เขามักจะยุ่งเกินไปและไม่สนใจลูกศิษย์ของเขา เขาลูบหัวของ ไรไล อย่างอ่อนโยนและชี้ไปที่โต๊ะที่อยู่ใกล้ๆ “ไปนั่งตรงนั้นกันเถอะ”
จากนั้น ลิงค์ ก็เอาบันทึกของ ไรไล มาและเริ่มไล่ดูพวกมัน จากนั้นเขาก็จ้องไปที่นักเรียนของเขาด้วยสีหน้าประหลาดใจ “เธอเริ่มเรียนวารีบำบัดแล้วหรอ?”
วารีบำบัด
เวทย์สนับสนุนเลเวล 1
ผล: สร้างฟองน้ำที่เก็บธาตุน้ำและลมจำนวนมากเอาไว้ เมื่อเป้าหมายอยู่ในฟองน้ำ, ความสามารถในการฟื้นฟูของพวกเขาจะเพิ่มขึ้นอย่างเห็นได้ชัด
“ใช่ค่ะ, แต่โครงสร้างมันซับซ้อนและฉันไม่เข้าใจบางส่วนของมัน” ไรไล รู้สึกกระสับกระส่ายอย่างผิดปกติ เธอรู้สึกว่าแรงกดดันที่เกินกว่าจะอธิบายได้จากอาจารย์ของเธอมันรุนแรงขึ้น และเธอก็กลัวที่จะพูดออกมา
ลิงค์ สัมผัสได้ถึงความกลัวของ ไรไล ในทันทีและเข้าใจมันแทบจะทันที เขาได้ใช้ 200 แต้มโอมนิติดต่อกันและความแข็งแกร่งของเขาก็เพิ่มเป็นเท่าตัว ซึ่งความกดดันที่เพิ่มขึ้นอย่างกระทันหันนี้ทำให้ ไรไล กลัว
ลิงค์ เริ่มจำกัดการมีอยู่ของเวทย์มนตร์ของเขาและปกปิดแรงกดดันที่แผ่ออกมาจากร่างกายของเขา จากนั้นเขาก็มองไปที่ ไรไล อีกครั้งและสังเกตุเห็นว่าความเครียดบนหน้าของเธอค่อยๆหายไป
ลิงค์ ไม่เคยเรียนเวทย์วารีบำบัด อย่างไรก็ตาม, เขาก็มีความรู้ที่ดีเกี่ยวกับเวทย์มนตร์และเข้าใจโครงสร้างเวทย์มนตร์นี้ในชั่วพริบตา แล้วเขาก็สามารถบอกจุดที่ ไรไล สงสัยได้อย่างแม่นยำ หลังจากคิดอยู่ครู่นึง, เขาก็เริ่มตอบคำถามทีละข้อ
ไรไล ฟังการสอนของ ลิงค์ อย่างตั้งใจ ขณะเดียวกัน, นักเวทย์ฝึกหัดที่อยู่รอบพวกเขาก็จ้องไปที่ ไรไล อย่างอิจฉา เธอเป็นนักเวทย์ฝึกหัดที่ใหม่ที่สุดและเด็กที่สุดในหอคอยเวทย์มนตร์ แต่ว่าเธอกลับได้รับเกียรติในการเรียนตัวต่อตัวกับนักเวทย์เลเวล 4!
แม้ว่า ไรไล จะรวบรวมคำถามเอาไว้มากมาย, แต่ ลิงค์ ก็ตอบพวกมันทั้งหมดได้ในเวลาหนึ่งชั่วโมง ภายใต้สายตาเคารพนับถือของ ไรไล, เขาก็เริ่มกำหนดแผนการเรียนให้เธอ ในตอนนั้น, นักเวทย์ฝึกหัดคนนึงได้เดินมาหาพวกเขาพร้อมกับพ่อค้าคนนึงที่เดินตามหลังเขามา
ลิงค์ หันไปมองและเห็นใบหน้าที่คุ้นเคย—มันคือ วาร์เตอร์
ในช่วงเดือนที่ผ่านมานี้ ลิงค์ จะเสริมพลังอุปกรณ์เมื่อไหร่ก็ตามที่เขาเหนื่อยจากการค้นคว้าเวทย์มนตร์ เขาแทบจะใช้วัตถุดิบทั้งหมดที่เขามีและสร้างอุปกรณ์เวทย์มนตร์ระดับต่ำเลเวล 2 ถึงเลเวล 3 เกือบ 20 ชิ้น กำไรทั้งหมดของเขามากกว่า 20,000 เหรียญทองและชื่อเสียงของบริษัทการค้าใบไม้เขียวก็พุ่งพรวด จากสีหน้าเริงร่าของ วาร์เตอร์, สามารถบอกได้เลยว่าเขาเองก็ได้รับส่วนแบ่งที่คุ้มค่าจากการร่วมมือนี้
วาร์เตอร์ ทักทาย ลิงค์ ก่อนที่จะพูดออกมา “ท่าน ลิงค์, ผมมาที่นี่เพื่อรับอุปกรณ์ครับ”
“อ้อ, ได้สิ” ลิงค์ เตรียมของ เขาส่งสร้อยคอหนึ่งเส้นและแหวนหนึ่งวงให้ ซึ่งทั้งสองสิ่งนี้ถูกสร้างขึ้นมาอย่างปราณีต
วาร์เตอร์ เก็บพวกมันเข้าไปในกล่องไม้อย่างระมัดระวัง จากนั้นเขาก็มอบจดหมายให้ ลิงค์ “ผมมีจดหมายมาให้ด้วยครับ คุณผู้หญิงคนนึงที่ผมพบได้ฝากฝังให้ผมเอาสิ่งนี้มาให้”
ลิงค์ รู้สึกแปลกใจและเปิดจดหมายในทันที จากนั้นเขาก็ขมวดคิ้ว จดหมายนี้มาจาก เอเลนอร์ และมันก็มีข้อความแค่ประโยคเดียว เธออยากให้เขาไปพบที่เมืองฮอทสปริงคนเดียว
มองแว๊บแรก, ลิงค์ คิดว่าเธอส่งจดหมายนี้มาเพียงเพื่อกำไลเวทย์มนตร์ของเธอ ซึ่งนั่นไม่ใช่ปัญหาเพราะเขาสร้างมันเสร็จแล้ว อย่างไรก็ตาม, มันมีบางอย่างไม่ถูกต้อง ลายมือบนจดหมายนั้นเละมากๆและมีแม้กระทั่งการหยุดเขียนอย่างเห็นได้ชัดในประโยคนั้น ซึ่งนี่ตีความได้อย่างเดียวว่าคนเขียนไม่ได้มีสภาพจิตใจที่ปกติ
เอเลนอร์ เป็นนักเวทย์ลึกลับเลเวล 6 แม้ว่าเธออาจจะไม่สามารถรักษาความเยือกเย็นได้ทุกสถานการณ์, แต่อะไรที่ทำให้เธอตกอยู่ในความตื่นตระหนักได้ขนาดนี้กัน? เธอน่าจะตกอยู่ในอันตรายร้ายแรงนะหรือไม่ก็อยู่ภายใต้แรงกดดันจากใครบางคนในตอนที่เขียนจดหมาย
ความคิดมากมายผุดขึ้นมาในหัวของ ลิงค์ และในที่สุด, เขาก็ตัดสินใจที่จะเดินทางไปยังเมืองฮอทสปริง ยังไงซะ, ก็มีเรื่องอยู่ไม่มากที่สามารถปลูกฝังความกลัวและความตื่นตระหนักขนาดนี้ในตัวนักเวทย์เลเวล 6 ได้
จากนั้นเขาก็ยืนขึ้นแล้วบอกกับ ไรไล “ฉันจะออกไปข้างนอกสักพักนึง ถ้าอาจารย์ มอยร่า ถาม, บอกเธอว่าฉันไปที่เมืองฮอทสปริงนะ”
“ได้ค่ะ” ไรไล พยักหน้า
“ท่าน ลิงค์, ผมเองก็กำลังจะกลับไปที่เมืองฮอทสริง แล้วรถม้าก็ว่างอยู่ด้วย พวกเราไปด้วยกันไหมครับ?” วาร์เตอร์ เสนอในทันที
“นั่นเยี่ยมไปเลย”