ในตอนที่ ลิงค์ กับ เอเลนอร์ มาถึงหมู่บ้านเกาลัดมันก็เป็นเวลาบ่าย 3 โมงแล้ว เมฆหนาสีดำได้บดบังแสงอาทิตย์จึงทำให้มันค่อนข้างมืด ; มันดูเหมือนกับว่าพายุกำลังเริ่มก่อตัวขึ้นและพัดต้นไม้ที่อยู่รอบๆหมู่บ้านเล็กๆแห่งนี้ไปจนกว่าพวกมันจะปลิวลอยไปบนอากาศ
“อีกไม่นานฝนก็จะตกแล้วสินะ” เอเลนอร์ พูดอย่างมืดมนในขณะที่เธอมองขึ้นไปบนท้องฟ้า “ถ้าพวกมันหนีผ่านป่าไปหล่ะก็ฝนก็จะลบร่องรอยของพวกมันออกไป ทำให้พวกเราไม่สามารถแกะรอยตามพวกมันไปได้”
ลิงค์ เองก็ขมวดคิ้วแน่น เขาคิดไม่ถึงว่าจะเจอสภาพอากาศแย่ๆแบบนี้ในวันนี้
เพื่อไม่ให้คนในหมู่บ้านตกใจ ลิงค์ จึงหยุดเฟนเรียลมไว้ที่ชายป่า จากนั้นพวกเขาก็เดินเท้าต่อไปยังหมู่บ้าน
ชาวบ้านแทบไม่เคยต้อนรับนักเดินทางเลยเพราะว่าเป็นหมู่บ้านเล็กๆที่อยู่ห่างไกลบนภูเขา ดังนั้นพอ ลิงค์ กับ เอเลนอร์ มาพวกเขาจึงแห่กันมาดูคนแปลกหน้าที่ดูไม่เหมือนกับพวกเขาเลย พวกเด็กๆเขามาป้วนเปี้ยนรอบๆพวกเขา เด็กส่วนใหญ่นั้นไม่ได้ใส่เสื้อผ้าเลยซักชิ้นเดียวและพวกเขาก็วิ่งมาหา ลิงค์ และ เอเลนอร์ โดยที่ก้นเล็กๆของพวกเขาไม่มีอะไรปิดอยู่เลย
เด็กๆนั้นชอบที่จะไปรวมตัวกันรอบๆ เอเลนอร์ และจ้องไปที่เธอด้วยความสงสัย ซึ่งนี่มันสามารถเข้าใจได้เพราะ ลิงค์ มีหน้าตาธรรมดา ดังนั้นพวกเขาจึงไม่เห็นอะไรที่น่าสนใจในตัวเขา ในขณะที่ เอเลนอร์ นั้นแต่งตัวด้วยชุดเดรสของจอมเวทย์แห่งความมืดที่ทำมาจากวัสดุอันหรูหรา และเธอก็ดูน่าอัศจรรย์ด้วยกำไลข้อมือที่อยู่บนแขนบางๆแต่ละข้างของเธอ และหน้าตาของเธอก็ดูน่าดึงดูด สำหรับชาวบ้านแล้วเธอนั้นดูไม่ต่างกับนางฟ้าที่หลุดออกมาจากภาพวาดเลย!
เอเลนอร์ ได้ใช้ชีวิตอย่างโดดเดี่ยวในช่วง 100 กว่าปีมานี้ ดังนั้นเธอจึงค่อนข้างเกร็งในตอนที่เธอถูกคนจำนวนมากล้อมรอบและชื่นชมอย่างใกล้ชิดและเปิดเผย แม้ว่าเธอจะเป็นจุดสนใจของทุกคน แต่ เอเลนอร์ เองก็จ้องไปที่ชาวบ้านด้วยความสงสัยเช่นกัน
“ผมได้ยินมาว่ามีผู้หญิงในหมู่บ้านแห่งนี้ได้รับการประทานพรจากเทพแห่งแสงและได้ฟื้นคืนชีพกลับมา” ลิงค์ พูดกับชาวสวนที่เพิ่งโผล่มา “พวกเราได้เดินทางมาแสวงบุญที่นี่เพื่อเป็นสักขีพยานแก่ปาฏิหาริย์ของพระองค์ คุณช่วยบอกผมได้ไหมว่าพวกเราจะเจอเธอได้ที่ไหน?”
พอชาวนาและชาวบ้านคนอื่นๆได้ยินคำพูดของ ลิงค์ พวกเขาต่างก็ยิ้มด้วยความภาคภูมิใจ แม้ว่าพวกเขาจะชอบแห่มารุมแขกจากภายนอกเพราะว่าพวกเขาไม่ค่อยมีแขกให้ต้อนรับ แต่ประสบการณ์ก็ได้สอนพวกเขาว่าให้ระวังคนภายนอกที่อาจจะนำภัยมาสู่หมู่บ้านของพวกเขาได้ แต่เมื่อทั้งสองคนนี้เป็นผู้แสวงบุญ ดังนั้นพวกเขาก็น่าจะเป็นคนดีที่เป็นผู้ติดตามของเทพแห่งแสง และด้วยเหตุนั้นพวกเขาก็น่าจะมาโดยที่ไม่ได้มีประสงค์ร้ายที่จะทำร้ายพวกเขา
จากนั้นก็มีชายหนุ่มเดินเข้ามาใกล้ ลิงค์ และแนะนำตัวเองอย่างภาคภูมิใจ
“ด้วยเกียรติของเทพแห่งแสง มันเป็นความจริงครับ คุณคนแปลกหน้า” เขาพูด “คนที่ถูกชุบชีวิตเป็นผู้หญิงจากหมู่บ้านนี้จริงๆ เธอเป็นภรรยาของผม ลิซ่า พวกคุณทั้งสองคนตามผมมาเถอะ เธอน่าจะดีใจมากที่ได้บอกพวกคุณว่าเธอได้เห็นอะไรบนสวรรค์บ้าง”
ลิงค์ และ เอเลนอร์ มองหน้ากันก่อนที่จะเดินตามชายหนุ่มไป
บ้านในหมู่บ้านแห่งนี้ดูธรรมดามากๆ ซึ่งมีประตูที่ทำด้วยไม้, ผนังที่ทำจากฟางและหลังคาที่ทำจากฟาง แต่ละครอบครัวจะมีลานกว้างเล็กๆ ลิงค์ เดินตามชายหนุ่มไปประมาณ 300 ฟุตบนถนนที่เต็มไปด้วยกองขี้วัวและขี้แกะ ในที่สุดพวกเขาก็มาหยุดอยู่ที่หน้าลานกว้างเล็กๆ
“ถึงแล้วครับ ที่นี่คือบ้านของผม” ชายหนุ่มพูดด้วยความดีใจ จากนั้นเขาก็ตะโกนเรียก “ลิซ่า! ลิซ่า! พวกเรามีแขก!”
พวกเขารออยู่ซักพักนึงแต่ก็ไม่มีการตอบสนองนอกจากว่ามีหมาแก่ตัวสีน้ำตาลวิ่งมาจากสวนหลังบ้านเพราะได้ยินเสียงเจ้านายของมัน
“แปลกจัง” ชายหนุ่มพูดด้วยความสับสน “เธอไปไหนกันนะ?” เขาเปิดประตูเพื่อเข้าไปดูภายในบ้าน ลิซ่า ควรจะทอผ้าอยู่ข้างในในตอนนี้ แต่เขาเข้าบ้านไปก็พบว่ามีล้อปั่นด้ายว่างๆที่ไม่มีผ้าอยู่และไม่มีร่องรอยของภรรยาของเขาอยู่เลย
“ลิซ่า? ลิซ่า?” ชายหนุ่มเริ่มกระวนกระวาย เขาเดินออกมาจากบ้านและตรงไปที่ลานกว้างเพื่อบอกกับแขกเรื่องการหายตัวไปของภรรยาของเขา แต่เมื่อเขาออกมาเขาก็พบว่าคนแปลกหน้าทั้งสองก็ได้หายไปเช่นกัน
“หืม? พวกเขาไปไหนกันนะ?” ชายหนุ่มพูดพร้อมกับยิ่งสับสนมากขึ้น “ลิซ่า เธออยู่ไหน?ลิซ่า?” จากนั้นชายหนุ่มก็เรียกชื่อของเธอต่อบริเวณรอบๆบ้าน แต่มันก็มีเพียงแค่ความเงียบเท่านั้น
ในขณะเดียวกัน ที่ด้านนอกของลานกว้าง ลิงค์ และ เอเลนอร์ ก็ถูกห่อหุ้มด้วยออร่าจางๆของเวทย์หายตัวระดับสูง พวกเขาเห็นว่าชายหนุ่มยังคงตามหาภรรยาของเขาไม่เจอและสีหน้าของเขาก็ค่อยๆโศกเศร้าและหมดหวังขึ้นเรื่อยๆ
“เธอจะต้องได้ข่าวว่าพวกเราจะมาแน่ๆ” เอเลนอร์ พูด เรื่องนี้ไม่ได้ทำให้ ลิงค์ ตกใจเลย ในตอนที่เขารู้ว่า ลอนเดล มีส่วนเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้เขาก็รู้แล้วว่าเขาหวังอะไรไม่ได้มากกับการเดินทางมาที่หมู่บ้านเกาลัด
ลอนเดล ยังไม่เป็นที่รู้จักในเวลานี้ แต่ว่า ลิงค์ รู้ดีว่าเขาเป็นคู่ต่อสู้ที่แข็งแกร่งกว่า เฟลิเดีย ดาร์กเอลฟ์คนนี้รู้ความแข็งแกร่งและขีดจำกัดของตัวเอง และเขาก็รู้วิธีในการใช้มัน เขาจะไม่ยอมรับความเสี่ยงหรือตัดสินใจแบบห่ามๆโดยเด็ดขาด นี่คือดาร์กเอลฟ์ที่เฉียบแหลม, แม่นยำและเด็ดขาดที่ไม่ควรจะดูถูก
เอเลนอร์ ยังคงเงียบกริบ ดวงตาของเธอเป็นสีดำเช่นเดียวกับ ลิงค์ และตอนนี้มันก็มีออร่าสีม่วงอ่อนๆในตอนที่เธอมองไปที่บ้านหลังเล็กๆซึ่ง ลิซ่า หรือว่า เอเลน่า ควรจะอยู่
เอเลนอร์ กำลังใช้เวทย์สะกดรอยเพื่อตามรอยเธอ
ไม่กี่วินาทีต่อมา เธอก็หันออกจากบ้านและเดินไปทางสวนหลังบ้าน ลิงค์ เข้าใจว่าเธอน่าจะได้ร่องรอยของผู้หญิงคนนั้นแล้ว ดังนั้นเขาจึงตาม เอเลนอร์ ไปติดๆ
ในตอนนั้น เสียงของชายหนุ่มในลานบ้านเริ่มลนลานในตอนที่เขาเรียกภรรยาของเขาครั้งแล้วครั้งเล่า เสียงของเขาเต็มไปด้วยความกังวลและความกลัว ในเวลาต่อมา ชายแก่ผมขาวและหญิงชราก็ได้มาเข้าร่วมการค้นหาด้วยเช่นกัน พวกเขาน่าจะต้องเป็นพ่อแม่ของชายหนุ่มแน่ๆ
ลิงค์ ถอนหายใจออกมาอย่างหนักหน่วงในตอนที่เห็นกลุ่มคนที่ตามหาใครบางคนที่เขารู้ว่าไม่มีทางกลับมา สำหรับ ลิงค์ เขาเพียงแค่ตามหา เอเลน่า เพื่อให้เธอบอกเรื่องแผนการกบฏจันทราทมิฬที่ทำให้เขาเป็นกังวลมากๆ และเมื่อทุกอย่างจบลงเขาก็จะละทิ้งมันไปได้อย่างง่ายดาย แต่สำหรับครอบครัวนี้ โดยเฉพาะชายหนุ่มคนนี้ นี่คงเป็นโศกนาฎกรรมครั้งใหญ่ที่พวกเขาอาจจะโศกเศร้าไปตลอดทั้งชีวิตของพวกเขาเลยก็ว่าได้
พวกเขาได้สูญเสียหญิงสาวที่ชื่อ ลิซ่า ไปแล้วครั้งนึง แต่เธอก็กลับมาก่อนที่เธอจะถูกเผา แล้วในตอนนี้เธอที่เพิ่งกลับมาได้ 1 เดือนก็หายตัวไปอีกครั้งและทำให้ทั้งครอบครัวต้องเผชิญกับความโศกเศร้าอีกครั้ง ความทรมานเช่นนี้มันมากพอที่จะทำให้คนเป็นบ้าได้เลย!
ลิงค์ ถอนหายใจ จากนั้นเขาก็หยิบเงิน 10 เหรียญทองออกมาจากจี้ต่างมิติของเขาและโยนมันผ่านกระจกเข้าไปในบ้านด้วยมือแห่งนักเวทย์ เงินจำนวนนี้น่าจะมากพอที่จะให้ชายหนุ่มหาภรรยาใหม่และเริ่มต้นชีวิตใหม่ได้อีกครั้ง ลิงค์ ไม่รู้ว่ามันจะช่วยพวกเขาได้ไหมแต่เขาก็หวังว่าอย่างน้อยมันน่าจะช่วยบรรเทาความเจ็บปวดที่ชายหนุ่มและครอบครัวต้องพบเจอในอนาคตได้
เอเลนอร์ หันมามอง ลิงค์ เมื่อเธอเห็นว่าเขาทำอะไร
“นี่เป็นโชคชะตาของเขาที่ต้องสูญเสียภรรยาไป” เธอพูด “เรื่องแบบนี้เกิดขึ้นตามปกติในทวีปฟิรุแมนอยู่แล้วและมันก็เกิดกับชายหญิงนับไม่ถ้วน มันไม่มีอะไรที่นายสามารถช่วยได้หรอกนะ มันเป็นสัจธรรมของชีวิต”
“ทำไมเธอต้องมาจู้จี้จุกจิกกับการแสดงความสงสารเล็กๆน้อยๆนี้ด้วยหล่ะ?” ลิงค์ ตอบ “ผมแค่รู้สึกผิดกับพวกเขาและต้องการช่วยพวกเขาถ้าผมช่วยได้ก็เท่านั้นเอง”
เอเลนอร์ ตกใจกับคำพูดของ ลิงค์ และจ้องไปที่เขาโดยไม่พูดอะไรอยู่พักนึง
ในช่วงเวลา 100 กว่าปีที่ผ่านมา เอเลนอร์ ได้พบกับคนที่เอาตัวเองเป็นใหญ่และพูดถึงแต่อุดมการณ์อันสูงส่ง แต่เธอมั่นใจว่าถ้าคนพวกนี้อยู่ในสถานการณ์เดียวกับ ลิงค์ ในตอนนี้ 5 ใน 10 ของพวกเขาจะต้องไม่สนใจครอบครัวนี้และเดินทางต่อแน่ๆ ส่วนอีก 4 คนอาจจะพูดปลอบใจพวกเขา ในขณะที่คนสุดท้ายอาจจะให้เงินกับพวกเขา แต่พวกเขาก็จะบอกให้ทุกคนรู้ว่าพวกเขานั้นเป็นคนให้โชคพวกนี้เอง เอเลนอร์ ไม่เคยเจอคนแบบ ลิงค์ มาก่อนเลยตั้งแต่ที่เธอมีชีวิตอยู่มา เขาเป็นคนที่ทิ้งเงินไว้ให้กับครอบครัวครอบครัวนึงโดยที่ไม่ให้คนอื่นรู้ และทั้งหมดก็เพราะว่ารู้สึกผิดกับพวกเขา
บางทีนี่อาจจะเป็นเหตุผลที่ว่าทำไมจอมเวทย์อย่าง เอเลนอร์ ถึงเชื่อใจ ลิงค์ เสมอและรู้ว่าเขาจะไม่มีทางหักหลังเธอ
จากนั้นเธอก็หยิบเงิน 5 เหรียญทองออกมาอย่างเงียบๆจากแหวนต่างมิติของเธอและโยนมันเข้าไปในบ้านผ่านหน้าต่างบานเดียวกัน
“นี่น่าจะมากพอที่จะทำให้เขาได้ภรรยาคนใหม่ที่สวยๆนะ” เธอพูด 15 เหรียญทองนั้นเป็นโชคดีจริงๆสำหรับครอบครัวชาวไร่ชาวสวน มันอาจจะเป็นจำนวนที่มากจนทำให้พวกเขามีปัญหาได้เลยหล่ะ แต่ ลิงค์ ก็ไม่พูดอะไรเกี่ยวกับเรื่องนี้และยิ้มให้กับ เอเลนอร์
จากนั้นทั้งสองคนก็สะกดรอยต่อไป พวกเขาไม่ได้ใช้เวทมนตร์อะไรเลยเพื่อเพิ่มความเร็วของพวกเขาเพราะว่าการผกผันของมานาอาจทำให้ร่องรอยที่จางอยู่แล้วหายไปได้ หลังจากนั้นไม่นานพวกเขาก็ได้มาถึงป่าที่อยู่หลังของหมู่บ้าน เมื่อพวกเขาตามรอยเข้าไปได้ประมาณ 1/4 ไมล์ เอเลนอร์ ก็หยุดการสะกดรอยตามของเธอ
“มีอะไรผิดปกติเหรอ?” ลิงค์ ถาม เขาคิดว่าเวทย์สะกดรอยของ เอเลนอร์ น่าจะสามารถสะกดรอยได้โดยไม่มีปัญหาเพราะว่าเธอเป็นจอมเวทย์ที่เชี่ยวชาญในเวทย์ลึกลับ
“มันแปลกมาก” เอเลนอร์ พูดพร้อมกับขมวดคิ้ว “ร่องรอยแยกออกเป็นสองทาง และฉันไม่แน่ใจว่าควรจะตามอันไหนไปดี” เธอไม่ได้เป็นกังวลเพราะสะกดรอยตามไม่ได้ มันไม่ใช่เหตุผลของจอมเวทย์เลเวล 6 ที่แข็งแกร่ง แต่ตอนนี้เวทมนตร์ได้นำเธอไปสู่เส้นทางที่แตกต่างกัน 2 เส้น ซึ่งนั่นทำให้เธอสับสน
“ถ้างั้นก็ลองเลือกดูสักทางนึงแล้วกัน” ลิงค์ ตอบหลังจากที่คิดอยู่พักนึง
ยังไงซะก็ไม่มีทางเลือกอื่นแล้ว จากนั้น เอเลนอร์ จึงเลือกทางที่อยู่ด้านซ้าย และพวกเขาก็ตามมันไปและต้องหยุดทันทีอีกครั้ง คิ้วของเธอในตอนนี้แทบจะขมวดกันเป็นเส้นเดียวแล้ว
“ร่องรอยแยกออกเป็นสองทางอีกแล้ว” เธอพูดด้วยความหงุดหงิด “เกิดอะไรขึ้นเนี่ย? นี่เธอสามารถแยกร่างได้งั้นหรอ?”
“งั้นมาเลือกทางใหม่กันเถอะ” ลิงค์ พูด ตอนนี้เขาเริ่มสับสนแล้วเช่นกัน มันแย่มากที่นี่เป็นวิธีเดียวที่พวกเขาสามารถใช้สะกดรอยตามได้ และ ลิงค์ เองก็ไม่ได้เชี่ยวชาญเวทย์ติดตาม ดังนั้นเขาจึงทำได้แค่พึ่ง เอเลนอร์ เท่านั้นในตอนนี้
พวกเขาไม่มีทางอื่นแล้ว ดังนั้น เอเลนอร์ จึงเลือกเส้นทางที่อยู่ด้านขวาและเดินตามมันไปอีกครึ่งไมล์ ในครั้งนี้ไม่เพียงแค่ เอเลนอร์ จะหยุดอย่างกะทันหันเท่านั้น แต่เธอยังอ้าปากค้างด้วยความตกใจด้วย
เหตุที่เป็นเช่นนั้นก็เพราะที่ด้านหน้าของพวกเขานั้นมีฉากที่คุ้นเคย – มันคือที่แรกที่พวกเขาเริ่มรู้สึกตัวว่าเส้นทางได้แบ่งออกเป็นสองทาง!
“พวกเราเดินเป็นวงกลม!” เอเลนอร์ พูด “มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่เนี่ย?”
ลิงค์ ยืนอยู่เงียบๆ คิดพิจารณาเกี่ยวกับเรื่องนี้ จากนั้นไม่กี่วินาทีต่อมาเขาก็เริ่มอธิบาย
“ต่อให้ เอเลน่า จะเก่งเรื่องล่อลวงผู้ชาย” เขาพูด “แต่ผมไม่คิดว่าเธอจะใช้วิธีนี้หรอกนะ นี่น่าจะเป็นฝีมือของดาร์กเอลฟ์ ผมต้องยอมรับเลยว่ามันเป็นแผนการที่ฉลาดมาก-สิ่งที่เขาทำคือการจงใจเดินไปรอบๆป่า มันมีโอกาส 50% ในแต่ละครั้งที่เส้นทางจะแยกออกเป็นสองทางแล้วเราก็เลือกทางผิด ซึ่งนั่นก็ทำให้เรากลับมาที่เดิมยังไงหล่ะ และนั่นจะทำให้เขามีเวลาในการหนีมากขึ้นด้วย!”
นี่มันช่างเป็นวิธีการที่แสนธรรมดาแต่เมื่อมันมารวมเข้ากับสภาพพื้นที่ป่าเขาที่นี่แล้ว แผนการนี้มันจึงได้ผลมากๆในครั้งนี้ ต่อให้ ลิงค์ กับ เอเลนอร์ จะรู้มาก่อนตั้งแต่แรกว่าเป็นแผนการนี้ แต่พวกเขาก็ยังคงต้องพึ่งโชคในการเลือกเส้นทางแบบสุ่มๆอยู่ดี เห็นได้ชัดว่าวันนี้ เอเลนอร์ ดวงไม่ดีเพราะว่าเธอเลือกเส้นทางที่ผิด ทำให้พวกเขาต้องกลับมาที่เดิมในที่ๆพวกเขาเริ่ม
เอเลนอร์ มีความคิดที่เฉียบแหลม ดังนั้นเธอจึงเข้าใจแผนการของดาร์กเอลฟ์ในทันทีที่ ลิงค์ อธิบาย แต่เธอก็ยังคงมีจุดที่เธอไม่ค่อยเข้าใจอยู่
“แต่ทำไมเขาถึงมั่นใจจังว่าเราจะเลือกเส้นทางผิดหล่ะ?” เธอถาม “ถ้าเกิดว่าเราเลือกทางที่ถูกต้อง มันจะไม่เป็นการเสียเวลาหรอกหรอ? เอาเวลาไปใช้ในการหนีไม่ดีกว่ารึไง?”
“ผมกลัวว่ามันจะไม่ง่ายอย่างนั้นหน่ะสิ” ลิงค์ ตอบพร้อมกับส่ายหน้าเล็กน้อย
ลิงค์ รู้มาจากในเกมว่า ลอนเดล เป็นผู้ชายที่จะไม่เสี่ยง ลิงค์ คิดว่าถึงแม้ เอเลนอร์ จะเลือกทางที่ถูกต้องเธอก็จะยังคงต้องหยุดเมื่อเจอกับแผนการอื่นอีกอยู่ดี อีกอย่างโอกาสที่ เอเลนอร์ จะเลือกทางที่ถูกติดกันสองครั้งนั้นน้อยกว่า 1 ใน 3 เสียอีก ดังนั้นนี่จึงเป็นโอกาสที่ดีที่พวกเขาจะซื้อเวลาที่ใช้ในการหนีได้
“งั้นพวกเราจะทำยังไงกันต่อ?” เอเลนอร์ ถาม
“พวกเราจะไล่ตามต่อไป” ลิงค์ ตอบ การที่กลิ่นของพวกเขายังคงหลงเหลืออยู่นั้นก็หมายความว่าพวกเขายังอยู่ไม่ไกลมาก ดังนั้นพวกเขายังมีโอกาสที่จะไล่ตามให้ทันอยู่
“โอเค” เอเลนอร์ ตอบ
จากนั้นพวกเขาทั้งสองก็ตามรอย เอเลน่า และดาร์กเอลฟ์ต่อ ในครั้งนี้พวกเขาได้เลือกทางที่ไม่เหมือนกับครั้งที่แล้ว
หลังจากผ่านไปครึ่งไมล์ เอเลนอร์ ก็หยุดเป็นครั้งที่ 3
“มีทางแยกอีกแล้ว” เธอพูด “ฉันหล่ะเกลียดไอดาร์กเอลฟ์บ้านี่จริงๆเลย! เราควรจะเลือกไปทางไหน ซ้ายหรือขวาหล่ะ?”
“เธอรู้สึกถึงความต่างระหว่างทางแยกสองทางนี้บ้างมั้ย?” ลิงค์ ถาม
“ไม่นะ” เอเลนอร์ ตอบพร้อมกับส่ายหัว “กลิ่นที่พวกเขาทิ้งไว้กระจัดกระจายมาก”
หลังจากที่ได้ยิน เอเลนอร์ ตอบ ลิงค์ ก็เริ่มตรวจสอบร่องรอยที่พื้นอย่างจริงจังด้วยตัวเอง ด้วยความที่เขาได้ใช้เวลามากมายในการเรียนเวทย์เสริมพลัง มันจึงทำให้เขาเป็นคนช่างสังเกตมากกว่านักเวทย์ทั่วๆไป ซึ่งนั่นก็เพราะเขาต้องทำให้มั่นใจว่าจะไม่มีข้อผิดพลาดในโครงสร้างเวทมนตร์ ไม่แม้แต่รูนชิ้นเล็กๆ ไม่อย่างงั้นอุปกรณ์เวทมนตร์จะสร้างไม่สำเร็จ
ลิงค์ ไม่สามารถตรวจจับกลิ่นที่ เอเลนอร์ ตามอยู่ได้เลยแม้แต่นิดเดียว แต่เขาก็ยังคงสามารถตรวจหาร่องรอยทางกายภาพที่ เอเลน่า และดาร์กเอลฟ์ทิ้งไว้รอบๆได้อย่างเช่นรอยเท้า, กิ่งไม้ที่แตก, รอยแหวกหญ้าและอื่นๆ ถ้าเกิดว่าเขาตรวจสอบมันอย่างใกล้ชิดพอ มันก็จะเป็นร่องรอยที่สามารถช่วยให้ตามหาพวกเขาได้
ด้วยความที่พื้นดินของป่านั้นเต็มไปด้วยใบไม้ที่ร่วงลงมา รอยเท้าจึงไม่อาจพึ่งพาได้เพราะว่ามันแยกออกไปทั้งสองทาง ดังนั้นรอยกิ่งไม้แตกนั้นจึงมีคุณค่ามากกว่า
ลิงค์ สามารถบอกได้ว่ากิ่งไม้นั้นถูกทำให้หักนานแค่ไหนจากความสดของมัน ซึ่งกิ่งที่เพิ่งแตกนั้นจะยังคงมีความชุ่มชื้นอยู่ ในขณะที่กิ่งที่แตกไปนานแล้วมันจะแห้ง และเขาก็จะสามารถบอกได้ว่า เอเลน่า กับดาร์กเอลฟ์ผ่านเส้นทางนั้นไปแล้วนานแค่ไหน
ในกรณีนี้ มันแตกต่างกันเพียงนิดเดียว แต่ว่ามันก็ไม่ได้เนียนพอที่จะเล็ดลอดจากสายตาของ ลิงค์ ไปได้
“ตามทางที่อยู่ด้านซ้ายกันเถอะ” ลิงค์ พูดหลังจากที่ตรวจสอบอยู่ประมาณ 3 นาที “พวกเขาผ่านเส้นทางนี้เมื่อประมาณ 40 นาทีที่แล้ว”
“โอเค” เอเลนอร์ ตอบและเดินไปตามทางที่ ลิงค์ เป็นคนเลือก
จากนั้นพวกเขาก็เดินไปอีกประมาณครึ่งไมล์ จากนั้นเส้นทางก็แยกเป็นสองทางอีกครั้ง พอถึงจุดนี้พวกเขาก็เริ่มที่จะสงสัยแล้วว่าดาร์กเอลฟ์รู้เวทมนตร์ที่สามารถแยกตัวเขาออกเป็นสองคนได้
“นี่มันไม่ดีเลย” เอเลนอร์ กางแขนออกอย่างช่วยไม่ได้ “มีทางแยกอีกแล้ว”
“อย่าหัวร้อนไปเลยหน่า” ลิงค์ พูดอย่างใจเย็น “พวกเรามีแต่ต้องไปต่อเท่านั้น”
จากนั้นพวกเขาก็ตามทางไปอีกครึ่งไมล์ และไม่มีทางใหม่ปรากฏขึ้นอีก เอเลนอร์ เริ่มขมวดคิ้วแน่นขึ้น แต่ ลิงค์ กลับยิ้มแทน
พอเห็นว่า เอเลนอร์ กำลังจะถอดใจ ลิงค์ ก็เลยรู้สึกว่าต้องพูดอะไรบางอย่าง
“เขาไม่ได้เดินวนเป็นวงกลมเพื่อทำให้พวกเราสับสนในครั้งนี้” ลิงค์ พูดพร้อมกับยิ้มออกมา “เขาเพียงแค่เดินตรงไปเหมือนกับปกติ มันมีทางแยกสองทางเพราะว่า ทางนึงคือทางที่เขาเคยผ่านมาทางนี้ในขณะที่อีกทางคือทางที่เขาเดินอยู่ในตอนนี้ ถ้าผมคิดไม่ผิด พวกเขาน่าจะอยู่อีกไม่ไกลแล้วในตอนนี้”
ลอนเดล อยู่ที่หมู่บ้านเกาลัดมาพักนึกแล้วและเขาก็คุ้นเคยกับอาณาจักรนอร์ตันเป็นอย่างดี ดังนั้นเขาจะต้องเตรียมแผนการสำหรับหนีเผื่อไว้ในกรณีที่ถูกจับได้แน่ๆ
แต่ว่า เอเลนอร์ ยังคงไม่เชื่อ
พวกเขาเดินไปอีกครึ่งไมล์ก่อนที่พวกเขาจะพบร่องรอยใหม่ที่พื้น
“ร่างกายใหม่ของ เอเลน่า ต้องทำให้พวกเขาช้าลงแน่ๆ!” เขาพูดพร้อมกับหัวเราะ “พวกเราน่าจะตามทันในอีกไม่นานนี้”
จากนั้นพวกเขาก็เดินทางไปอีกหลายนาที จากนั้น ลิงค์ ก็สังเกตเห็นผู้หญิงอยู่ข้างถนน มีมีดปักอยู่ที่หลังหัวของเธอและเลือดก็พุ่งออกมาจากแผล ดูเหมือนว่าเธอเพิ่งจะตายได้ไม่นาน ดวงตาของเธอนั้นเบิกกว้างและหน้าของเธอก็ค้างอยู่ในอาการตกใจ
เอเลนอร์ เบิกตากว้างเมื่อเธอรู้ว่าเป็นใคร
“นี่มันลิซ่า!” เธออุทานออกมาด้วยความกลัว “ใครฆ่าเธอ?”
“น่าจะเป็นดาร์กเอลฟ์นะ เขาน่าจะคิดว่าเธอถ่วงเขา ดังนั้นเขาก็เลยทิ้งเธอ” ลิงค์ พูดพร้อมกับนั่งลงเบื้องหน้าร่างของ ลิซ่า เพื่อตรวจสอบแผลของเธอ จากนั้นเขาก็ส่ายหน้า “บอกได้เลยว่าดาร์กเอลฟ์นั้นเลือดเย็นมาก มันสายเกินไปแล้วที่จะช่วยเธอ เธอตายแล้ว”
“ตอนนี้ดาร์กเอลฟ์น่าจะอยู่ไม่ไกลจากพวกเราแล้ว” เอเลนอร์ พูด “พวกเราควรเร่งความเร็วขึ้นไหม?” เธอเห็นแล้วว่าศัตรูของเธอนั้นเลือดเย็นขนาดไหน และเธอก็มั่นใจว่าถ้าไม่ได้ความช่วยเหลือของ ลิงค์ เธอก็จะไม่สามารถไปถึงตัวเขาได้
“ไม่มีทางหรอก” ลิงค์ พูดพร้อมกับส่ายหัว “วันนี้พวกเราไม่มีทางตามเขาทันหรอก”
“ทำไมหล่ะ?” เอเลนอร์ ถามด้วยความสับสน แต่แล้วในตอนนั้นเธอก็รู้สึกได้ถึงหยดน้ำที่ตกลงมาที่หน้าของเธอและเธอก็ทำได้แค่ถอนหายใจ “ดูเหมือนว่าฝนจะตกหนักนะ”
ฝนจะต้องลบร่องรอยของดาร์กเอลฟ์ไปอย่างแน่นอน ถ้าเกิดว่าดาร์กเอลฟ์ยังมี เอเลน่า อยู่ข้างๆ เธอก็น่าจะถ่วงให้เขาช้าลงจน ลิงค์ สามารถหาทางตามเขาจนทันได้ แต่ตอนนี้ ลอนเดล ได้จัดการตัวถ่วงไปแล้ว นั่นจึงทำให้พวกเขาหมดหวังที่จะตามเขาทันได้
เขาตรวจดูสเตตัสของภารกิจบนหน้าอินเตอเฟสและพบว่ามันยังคงไม่สำเร็จ ในตอนที่พวกเขากำลังไล่ตามร่องรอยอยู่นั้น ก็มีหน้าต่างแจ้งเตือนของภารกิจกบฏจันทราทมิฬเด้งขึ้นมาเป็นบางครั้ง แต่ว่า ลิงค์ ก็ไม่สามารถจับจุดใดๆจากการแจ้งเตือนได้เลยแม้แต่นิดเดียว
ในท้ายที่สุด ลิงค์ ก็ถูก ลอนเดล เอาชนะได้ เขาถูกนำอยู่หนึ่งก้าวเสมอ เขาได้เรียนรู้จากวันนี้ว่าการไม่ละเลยสิ่งที่แข็งแกร่งและโดดเด่นในโลกนี้นั้นสำคัญขนาดไหน ไม่อย่างนั้นพวกมันอาจจะเล็ดลอดและหนีจากเงื้อมมือของคุณได้