ณ สถาบันเวทย์มนตร์อีสโควฟ
ด้วยการปรากฏตัวอย่างกะทันหันของทราวิส นักเวทย์ของสถาบันจึงพากันยืนนิ่งด้วยความหวาดกลัว แม้กระทั่งนักโทษที่แหกคุกออกมาจากหอคอยอสุราก็ยังรู้สึกไม่ค่อยดีกับภาพของปีศาจที่ถูกปลดปล่อยออกมาเช่นกัน
“ท่านเทพแห่งแสง นี่ข้าพาตัวเองมาเจอเรื่องอะไรกันเนี่ย?” นักโทษแหกคุกที่เป็นนักเวทย์เลเวล 6 พูดขึ้นมา “ข้าจะไม่อยู่ที่นี่อีกต่อไปแล้ว!” จากนั้นนักเวทย์ก็ร่ายเวทย์บินแล้วก็บินหนีไปบนท้องฟ้าเพื่อที่จะหนีจากเหตุการณ์นี้ให้เร็วที่สุดเท่าที่เขาจะสามารถทำได้
“ข้าไม่มีทางสู้ปีศาจตนนี้ได้แน่ๆ” นักโทษอีกคนที่เป็นเนโครแมนเซอร์เลเวล 7 พูด “สุภาพบุรุษทั้งหลาย หวังว่าพวกเราคงจะไม่ได้เจอกันอีกเป็นครั้งที่สองนะ!” ทันใดนั้น ปีกทั้งสองก็งอกออกมาจากหลังของเขา และเขาก็กระพือปีกและบินออกไปบนท้องฟ้าเหมือนกับนักโทษคนก่อนหน้านี้ เขาออกไปจากสถาบันภายในเวลาไม่กี่วินาที
นักเวทย์หลบหนีคนอื่นๆเองต่างก็มีปฏิกิริยาแบบเดียวกัน ในที่สุดพวกเขาก็ได้อิสรภาพหลังจากที่ถูกขังอยู่ในหอคอยบ้าๆนี่มานับศตวรรษ; ดังนั้นไม่มีทางที่พวกเขาจะโง่อยู่ที่สถาบันแห่งนี้ต่อแล้วต้องเผชิญหน้ากับความตายหรอก
ภายในเวลาไม่กี่วินาทีหลังจากที่ทราวิสถูกปลดปล่อย มีนักเวทย์หลบหนีเพียง 3 คนเท่านั้นที่ยังเหลืออยู่ ซึ่ง 1 ใน 3 คนนั้นก็คือเบลที่ถูกแมนรอตควบคุมอยู่ อีกคนนึงก็คือลิซเลเวล 7 และคนที่ 3 ก็คือนักเวทย์เลเวล 6
โอ้ และแน่นอนว่ายังมีเสือเวทย์มนตร์ที่กำลังพุ่งตรงมายังสถาบันอีสโควฟในทันทีที่มันได้รับอิสระเพื่อที่จะแก้แค้นอีกด้วย มันไม่ได้ถอยแม้แต่ก้าวเดียวหลังจากที่ทราวิสปรากฏตัวออกมา กลับกัน, มันกลับรู้สึกตื่นเต้นที่ได้เห็นพวกพ้องที่มีพละกำลังอันน่าเกรงขาม
“แจ๋วไปเลย” มันพูดอย่างตื่นเต้น “ข้ากำลังต้องการพรรคพวกที่แข็งแกร่งอยู่พอดี! แกคือปีศาจทราวิสสินะ ดีมาก! ข้าจะสู้เคียงข้างเจ้าในคืนนี้ และพวกเราจะกินไอพวกนักเวทย์จิ๋วนี่ให้หมดกัน!”
เสียงของเสือเวทย์มนตร์นั้นดังมากจนทำให้นักเวทย์ทั้ง 3 คนที่อยู่ที่หอคอยอสุราได้ยินเขาอย่างชัดเจน พวกเขาตกอยู่ในความเงียบไปพักนึงหลังจากที่ได้ยินสิ่งที่เจ้าเสือพูด
“ข้าพนันว่า” ในที่สุดลิซเลเวล 7 ก็พูด “ไอแมวน้อยนั่นอีกไม่นานต้องโดนทราวิสเหยียบตายแน่”
“5555 ไม่หรอก” นักเวทย์ลึกลับเลเวล 6 พูด “ท่านทราวิสจะใช้พลังของมันให้เป็นประโยชน์ในตอนที่มันยังมีประโยชน์อยู่ พอมันหมดประโยชน์กับเขาแล้วเขาก็จะกินมันทีหลัง” นักเวทย์ลึกลับนั้นสวมเพียงแค่กางเกงเท่านั้นในขณะที่ส่วนบนของเขานั้นโป๊อยู่ เผยให้เห็นถึงร่างกายที่ฉีกขาดและผิวหนังสีน้ำตาลเข้มของเขา มีรูนลึกลับจำนวนนับไม่ถ้วนปกคลุมอยู่ทั่วร่างกายของเขา และตาของเขาก็เป็นสีดำสนิทโดยที่ไม่มีแม้แต่สีขาวในดวงตาของเขาเลย รูปลักษณ์แบบนี้ทำให้เขาโดดเด่นเป็นพิเศษในหมู่นักโทษของหอคอยอสุรา
ในอีกด้านหนึ่งแมนรอตรู้สึกสนใจเล็กน้อยเกี่ยวกับชะตากรรมของเสือนภา เขาจ้องไปที่นักเวทย์สองคนที่ยืนหัวเราะอยู่
“ข้ารู้จักเจ้า” เขาพูด “เจ้าคือนักเวทย์โลหิต ทาลอนใช่มั้ย?”
“ใช่แล้ว นั่นข้าเองหล่ะ” นักเวทย์ลึกลับตอบกลับพร้อมกับหัวเราะออกมา “ข้าไม่คิดเลยว่าจะยังมีคนจำข้าได้แม้ว่ามันจะผ่านไปกว่า 200 ปีแล้ว”
“แน่นอนว่ายังมีคนจำเจ้าได้” แมนรอตพูด “ยังไงซะเจ้าก็คือนักเวทย์ที่บูชายันวิญญาณของผู้คนไปมากกว่า 1,000 คนเพื่อมอบให้แก่เทพเจ้าปีศาจที่อาณาจักรสิงโตทางตอนใต้ เจ้าเป็นที่โจษจันไปทั่วทั้งทวีปใหญ่ แต่, ข้าไม่เข้าใจว่าทำไมพวกเขาถึงไม่ได้ชำระล้างร่างกายและวิญญาณของเจ้าหล่ะ…”
“ชำระล้างข้างั้นหรอ?” ทาลอน ตอบพร้อมกับหัวเราะเยาะก่อนที่จะพูดต่อด้วยความเย่อหยิ่ง “พวกมันก็ต้องการที่จะทำอย่างนั้นอยู่หรอกนะ แต่พวกมันไม่มีพลังมากพอที่จะทำอย่างนั้นได้หน่ะสิ เจ้าอาจจะคิดว่าข้าเป็นเพียงแค่นักเวทย์เลเวล 6 ดังนั้นข้าไม่น่าจะแข็งแกร่งขนาดนั้น แต่ว่าอาจารย์ของข้าได้มอบวิญญาณอมตะให้กับข้า ซึ่งนั่นก็หมายความว่าถ้าพวกมันทำลายร่างกายของข้า สิ่งที่พวกมันจะได้ก็มีแต่การปลดปล่อยวิญญาณของข้าออกจากร่างกายเท่านั้นแหล่ะ แล้วข้าก็จะได้เป็นอมตะและอิสระ! 555!”
“วิญญาณอมตะหรอ?” แมนรอตพูด พร้อมกับพยักหน้า “มันก็ไม่แย่เท่าไหร่นี่ แล้วเจ้าอยู่ที่นี่เพื่อแก้แค้นงั้นรึ?”
“จะมีอะไรได้อีกหล่ะ?” ทาลอนตอบ “ข้าถูกขังอยู่ที่นี่มานานกว่า 200 ปีแล้ว และตอนนี้ข้าก็ได้อิสระคืนมาและยังได้พบกับท่านทราวิสอีก-จะมีอะไรดีไปกว่าการแก้แค้นอันหอมหวานอีกหล่ะ?” จากนั้นทาลอนก็พุ่งตรงไปยังจุดที่ทราวิสปรากฏตัวขึ้น
แล้วแมนรอตก็หันไปหาลิซเลเวล 7
“แล้วเจ้าหล่ะ?” เขาถาม “ทำไมเจ้าถึงยังอยู่ที่นี่?”
ลิซหันมามองหน้าแมนรอต เปลวไฟสีน้ำเงินในดวงตาของเขาส่ายไปมาและปล่อยไอเย็นออกมา เขาหัวเราะในตอนที่ตอบคำถามของแมนรอต
“ข้าเป็นเพียงแค่ผู้สังเกตการณ์เฉยๆหน่ะ” ลิซพูด
แมนรอตจำเสียงของลิซได้ในทันทีที่เขาได้ยินเสียง
“เจ้าคือแวนซ์นี่!” เขาพูด “คนที่บอกว่าไม่อยากหนีตอนที่อยู่ในคุก!”
“เจ้าพูดถูกแล้ว” ลิซตอบ จากนั้นจู่ๆร่างกายของเขาก็ถูกปกคลุมด้วยหมอกสีขาวขุ่น แล้วก็มีเสียงดังออกมาจากหมอกหนา “ข้ามีความรู้สึกว่าทราวิสจะตายในคืนนี้ ข้าทนรอไม่ไหวแล้วว่าเขาจะตายยังไง…”
ในตอนที่เขาพูด ร่างกายของลิซก็หายไปจากทัศนวิสัยและหายเข้าไปในหมอก หลังจากนั้นไม่นานหมอกก็ค่อยๆสลายไป และพอมันหายไปจนหมด ลิซเองก็หายไปเช่นกัน
แมนรอตรู้ว่า ลิซนั้นไม่ได้ไปไหน เขายังคงอยู่แถวนี้ แต่ว่าเขาปกปิดออร่าของเขาเอาไว้
“ช่างเป็นพวกที่แปลกจริงๆ” แมนรอตพูดพร้อมกับยักไหล่ เขาไม่สนใจในคำพูดของลิซ ถ้าเกิดว่าทราวิสเป็นคนเดียวที่ต้องเผชิญหน้ากับการโจมตีจากทั้งสถาบันในคืนนี้ มันก็อาจจะมีโอกาสเพียงเล็กน้อยที่เขาจะตาย แต่ว่าทราวิสนั้นไม่ได้อยู่คนเดียว ทางสถาบันต้องเผชิญหน้ากับแมนรอตเช่นกัน
แมนรอตควบคุมร่างกายของเบลให้ตรงไปยังใจกลางของสถาบันอีสโควฟ เตรียมพร้อมที่จะช่วยเหลือทราวิส
หมอกสีดำพุ่งออกมาจากหลุมยักษ์ที่อยู่ใจกลางของลานแห่งแรงบัลดาลใจของไบรอัน ทุกอย่างที่สัมผัสเข้ากับหมอกสีดำนั้นถูกทำลายในทันที-ต้นไม้และพืซพันธุ์อื่นๆต่างเหี่ยวเฉาแม้กระทั่งดินก็ยังกลายเป็นขี้เถ้าสีดำ และภายในชั่วพริบตา จตุรัสก็ได้กลายเป็นผืนดินรกร้างสีดำสนิทอย่างสมบูรณ์
ถึงแม้ว่ามันจะเป็นภาพที่ดูน่าหวาดกลัว แต่นี่ก็เป็นโอกาสที่ดีที่สุดที่จะโจมตีทราวิส นักเวทย์ของสถาบันเวทย์มนตร์อีสโควฟนั้นไม่ใช่คนขี้ขลาด พวกเขารู้ว่านี่เป็นช่วงเวลาที่ดีที่สุดที่จะจัดการกับเจ้าปีศาจตนนี้
“โจมตี!!!”
จากนั้นก็มีเสาแสงปรากฏขึ้นบนหนามแห่งสวรรค์ซึ่งมันพุ่งไปยังหลุมที่อยู่ในจัตุรัส-นี่คือสัญญาณบ่งบอกเป้าหมายการโจมตีของนักเวทย์
หลังจากนั้นไม่นาน ก็มีแสงลูกใหญ่ที่มีเส้นผ่าศูนย์กลางกว่า 10 ฟุตพุ่งออกมาจากยอดของหอคอยเวทย์มนตร์ทั้ง 6 แห่ง แสงแต่ละเส้นจากแต่ละหอคอยเวทย์มนตร์นั้นเป็นคนละสีกัน-มันมีสีเขียว น้ำเงิน เหลือง ขาว แดงและสีทอง-ซึ่งแต่ละเส้นแสดงถึงธาตุที่แตกต่างกัน
ลำแสงพุ่งทะลุก้อนเมฆและไปบรรจบกันบนท้องฟ้าที่ความสูง 500 ฟุตและผสานกลายเป็นแสงสีม่วงเข้มที่มีเส้นผ่าศูนย์กลางประมาณ 70 ฟุต พลังของธาตุที่รวมกันนั้นทรงพลังมากจนนักเวทย์ที่อยู่บนพื้นดินสามารถรับรู้ได้ถึงความร้อนที่แผ่ออกจากมัน แสงนั้นเข้มข้นมากจนทำให้ท้องฟ้านั้นสว่างจนเหมือนกับเวลาถูกเปลี่ยนจากกลางคืนเป็นกลางวัน!
แต่ว่านั่นไม่ใช่ทั้งหมด
ตำแหน่งของลำแสงนั้นอยู่เบื้องบนของหนามแห่งสวรรค์ ที่ซึ่งลำแสงอื่นๆได้พุ่งมารวมกันเป็นแสงสีม่วงเข้ม ทันใดนั้น คลื่นของมานาอันมหาศาลก็พุ่งออกมาจากลำแสง มันมากจนทำให้ฝูงนกต้องบินหนีออกจากป่าเกอเวนท์ในขณะที่สัตว์ป่าต่างก็ถูกทำให้ตื่นตระหนกเช่นกัน แม้กระทั่งผู้ที่อาศัยอยู่ในเมืองริเวอร์โควฟก็ยังสามารถสัมผัสได้ถึงการสั่นสะเทือนของอากาศในตอนนี้
นี่คือแอนโทนี่ที่กำลังเตรียมตัวที่จะโจมตีใส่ปีศาจทราวิส เขายืมพลังจากหอคอยเวทมนต์ทั้ง 6 แห่งของสถาบันและหนามแห่งสวรรค์ของเขาเองในการประสานและรวบรวมพลังให้เป็นเวทย์เลเวล 8 อันทรงพลัง!
ลำแสงสีม่วงเข้มบนท้องฟ้านั้นเริ่มที่จะสั่นสะเทือน หลังจากนั้นอีก 2 วินาที ลำแสงหลากหลายธาตุที่มีความหนากว่า 10 ฟุตก็พุ่งลงมาอย่างแม่นยำไปที่หลุมที่อยู่ใจกลางของลานแห่งแรงบัลดาลใจ
นี่เป็นการโจมตีประสานที่รวบรวมพลังจากทั้งสถาบันอีสโควฟ และมันก็โดนเข้ากับปีศาจทราวิสในตอนที่เขายังอยู่ในหลุมก่อนที่เขาจะถูกปลดปล่อยออกมาอย่างสมบูรณ์-มันไม่มีทางที่เขาจะหนีการโจมตีนี้ได้เลย!
แต่ทันใดนั้น เหตุการณ์ที่ไม่คาดคิดก็เกิดขึ้น
ในตอนที่ลำแสงก่อร่างขึ้นมาได้ครึ่งนึง ก็มีกระจกแปลกๆสีเงินปรากฏขึ้นบนท้องฟ้า กระจกนี้บางมากจนแทบจะไม่มีใครรู้สึกถึงมัน แต่มันก็ไม่ได้อ่อนแอหรือเปราะบางเลย ไม่เพียงแค่มันจะหยุดลำแสงจากการเจาะทะลุมันได้เท่านั้น แต่ลำแสงยังถูกสะท้อนออกมาจากกระจกอีกด้วย และทิศทางของลำแสงก็ถูกเบี่ยงเบนออกจากหลุมที่ปีศาจถูกจองจำอยู่
ซึ่งในตอนนี้มันได้พุ่งไปทางหนามแห่งสวรรค์แทน!
ตู้มม!!!
แม้ว่าอาจารย์ใหญ่แอนโทนี่ จะร่ายเวทย์ป้องกันเอาไว้รอบหอคอยเวทย์มนตร์ก่อนหน้านี้แล้ว แต่มันก็เป็นเพียงเวทย์เลเวล 7 ซึ่งการป้องกันของมันนั้นเหมือนกับแผ่นกระจกบางๆเมื่อต้องเผชิญหน้ากับเวทย์ประสานเลเวล 8 จากทั้งสถาบันเวทย์มนตร์ ลำแสงได้พุ่งทะลุผ่านโล่และหอคอยเวทย์มนตร์และมันก็ได้พุ่งตรงไปยังบ่อสวรรค์ที่อยู่ภายในอย่างแม่นยำ
บ่อสวรรค์นั้นประกอบไปด้วยธาตุที่ถูกเก็บไว้จำนวนมากซึ่งมันมีปฏิกิริยาอันรุนแรงกับลำแสงเลเวล 8 ทำให้เกิดการระเบิดตามมา และนั่นก็ส่งผลให้เกิดความเสียหายอย่างรุนแรงต่อโครงสร้างของหนามแห่งสวรรค์
จากนั้น ภายใต้สายตาจำนวนมากของนักเวทย์ในสถาบัน หอคอยหนามแห่งสวรรค์ที่ตั้งตระหง่านอย่างภาคภูมิใจมากว่า 100 ปีก็แยกออกกลายเป็น2ส่วนจากตรงกลาง!
ก่อนที่จะเกิดการระเบิดขึ้น ยังมีออร่าของอาจารย์ใหญ่อยู่ แต่หลังจากนั้นไม่นาน ออร่าของเขาก็ได้หายไปอย่างสมบูรณ์
“ไม่!!!!” เอร์เรร่าตะโกน
บ่อธาตุนั้นเป็นแกนกลางของหอคอยเวทย์มนตร์ทุกแห่ง อาจารย์ใหญ่จะต้องอยู่ในบ่อสวรรค์อย่างแน่นอนเพื่อที่เขาจะได้ปลดปล่อยออร่าอันมหาศาลอย่างที่เอร์เรร่าสัมผัสได้จนถึงเมื่อกี้ และตอนนี้บ่อธาตุของหอคอยหนามแห่งสวรรค์ก็ถูกโจมตีและเกิดการระเบิดอย่างต่อเนื่องไปทั่วหอคอย ต้องมีอะไรบางอย่างที่น่ากลัวเกิดขึ้นกับอาจารย์ใหญ่แน่ๆ!
แม้แต่ลิงค์เองก็ตกใจกับเหตุการณ์นี้เช่นกัน เขารู้สึกโล่งใจในตอนที่เขารู้สึกถึงพลังอันมหาศาลของลำแสงสีม่วงเข้มและหวังว่าทราวิสจะต้องพ่ายแพ้จากการโจมตีนี้อย่างแน่นอนซึ่งการโจมตีของเวทย์เลเวล 8 นั้นอยู่ในระดับที่เท่าเทียมกับปีศาจเลเวล 8 พอดี แต่ใครจะไปคิดหล่ะว่ามันจะถูกสะท้อนและเด้งกลับไปที่ศูนย์กลางพลังของสถาบัน?-หอคอยเวทย์มนตร์ของอาจารย์ใหญ่
ไม่มีเงาแห่งความสงสัยอยู่ในจิตใจของทุกคนเลยในเวลานี้-หอคอยหนามสวรรค์นั้นถูกทำลายแล้วจริงๆ!
“ลาก่อน แอนโทนี่” แมนรอตพูดด้วยร้อยยิ้มแห่งความมั่นใจในขณะที่เขายืนอยู่ที่ป่าต้นหลิว คอยมองดูหอคอยหนามสวรรค์พังทลายลงและกลายเป็นซากปรักหักพัง
พอเขาพูดจบ ร่างกายที่เขาสิงอยู่ก็เริ่มที่จะเน่าเปื่อยและเหี่ยวเฉาอย่างรวดเร็ว และในเวลาไม่นาน ก็มีแต่กองเลือดและลำไส้ที่เหลืออยู่ แมนรอตได้เผาวิญญาณของเบลและใช้พลังกายภาพและพลังวิญญาณของเบลไปจนหมดจากการร่ายเวทย์เลเวล 8 – สะท้อนขั้นสูงสุด
สะท้อนขั้นสูงสุด
เวทย์เลเวล 8
ผล: สะท้อนและปรับเส้นทางของเวทย์ที่โจมตีมาให้ไปในทิศทางที่ผู้ร่ายเวทย์ต้องการ มีผลมากๆต่อเวทย์ธาตุแสง
ด้วยการเคลื่อนไหวเพียงครั้งเดียว แมนรอตก็ฆ่าแอนโทนี่ที่เป็นนักเวทย์ที่แข็งแกร่งที่สุดในสถาบันได้สำเร็จและยังทำลายหอคอยเวทย์มนตร์ที่แข็งแกร่งที่สุดของสถาบันเวทย์มนตร์อีสโควฟได้อีกด้วย!
ในตอนนี้ไม่มีผู้นำในหมู่นักเวทย์ของสถาบันอีสโควฟอีกแล้ว ไม่เพียงแค่นั้น พวกเขายังสูญเสียคนที่แข็งแกร่งที่สุดไปอีกด้วย ในตอนนี้แมนรอตเชื่อว่า ปีศาจเลเวล 8 ทราวิสจะสอนบทเรียนที่ไม่มีวันลืมให้กับพวกเขาได้อย่างแน่นอน!
ในตอนนั้นเอง ที่นักเวทย์ทุกคนในสถาบันอีสโควฟต่างก็ตกตะลึงกับเหตุการณ์น่ากลัวที่เกิดขึ้น เสียงอันน่ากลัว ที่ทำให้แผ่นดินสะเทือนก็ดังออกมาจากหลุมยักษ์ที่อยู่ใจกลางของจตุรัส
“ในที่สุด….อิสระก็มาถึง!!!!”
ทันใดนั้น ก็มีมือยักษ์ที่ยาวเกือบ 2 ฟุตโผล่ขึ้นมาเกาะที่ขอบหลุม ทำให้ฝุ่นกระจายไปทั่ว จากนั้นก็มีมือยักษ์ตามออกมาอีก
ในที่สุด ปีศาจยักษ์สูงประมาณ 22 ฟุตก็ยืนขึ้นที่ใจกลางลานแห่งแรงบัลดาลใจ ผิวหนังของปีศาจนั้นเป็นสีแดงเพลิงและมีหนวดจำนวนมากที่คางของมัน มีรูนเวทย์มนตร์สีดำ-ทองจำนวนมาก และร่างกายของมันก็ปล่อยเพลิงสีดำที่เหมือนกับออร่าแห่งความมืดออกมา ในขณะที่ดวงตาสีแดงก่ำของมันนั้นได้สะท้อนให้เห็นเสาแสงยาว 3 ฟุต
แม้ว่าทราวิสจะถูกผนึกอยู่ในหลุมมากว่า 400 ปีแล้ว แต่พละกำลังของเขาก็ยังคงอยู่ที่เลเวล 8-เขายังคงเป็นสิ่งมีชีวิตที่แข็งแกร่งและน่าสะพรึงกลัวที่สุดในทวีปฟิรุแมน!
เป็นเวลาพักนึงที่ทั่วทั้งสถาบันเวทย์มนตร์อีสโควฟตกอยู่ในความเงียบจนน่าขนลุก แม้กระทั่งเสือนภาก็ยังหยุดเคลื่อนไหวต่อและถอยหลังไปตามสัญชาติญาณของมัน ปีศาจนั้นไม่ได้ตัวใหญ่ไปมากกว่ามันซักเท่าไหร่ แต่ว่ามันได้ปล่อยออร่าอันน่าสะพรึงกลัวออกมาและนั่นก็ทำให้มันตัวแข็งเป็นหิน!
เสียงของปีศาจนั้นดังก้องไปทั่วทั้งสถาบัน ทราวิสนั้นยังคงจำคู่แค้นคนสำคัญของเขา, ไบรอันได้ และนั่นก็เป็นความคิดแรกของเขาหลังจากที่เขาถูกปลดปล่อยออกมา, แก้แค้น!
“ไบรอันอยู่ที่ไหน?” ปีศาจตะโกน “มันซ่อนอยู่ที่ไหน?”
ไม่มีใครตอบคำถามของเขา และนักเวทย์โลหิต ทาลอน ก็นั่งคุกเข่าบูชาอยู่เบื้องหน้าทราวิสแล้ว
แม้แต่เอร์เรร่าเองก็ตกใจที่เห็นปีศาจตัวมหึมาขนาดนี้ ดวงตาของเธอเบิกกว้างในขณะที่เธอจ้องไปที่ปีศาจ และลิงค์ที่อยู่ข้างๆเธอก็พยายามที่จะเรียกสติของเธอกลับคืนมา
“อาจารย์!” ลิงค์ตะโกนอย่างรีบร้อน “หอคอยเวทย์มนตร์ไม่ปลอดภัยอีกต่อไปแล้ว พวกเราจะต้องบอกให้ทุกคนหนีออกจากที่นี่โดยด่วน!”
ในตอนนี้หอคอยหนามแห่งสวรรค์ได้พังลงแล้วไม่มีหอคอยเวทย์มนตร์ไหนอีกแล้วในสถาบันที่มีพลังมากพอที่จะหยุดทราวิสได้ ถ้าเกิดพวกเขายังอยู่ในหอคอยเวทย์มนตร์ต่อไปหล่ะก็ พวกเขาจะต้องถูกพวกมันจัดการเป็นแน่แท้-ซึ่งสิ่งที่จะรอพวกเขาอยู่ก็คือความตาย!
และแน่นอน พอ ลิงค์ พูดจบ ทราวิสที่โกรธยิ่งขึ้นเพราะไม่มีใครตอบคำถามของเขาได้ก็พุ่งเข้ามา พลังปีศาจแห่งความมืดรอบร่างกายของเขานั้นเข้มข้นมากจนกลายเป็นเงาสีดำยักษ์ที่สูงกว่า 100 ฟุต เงาอันน่าสะพรึงกลัวนี้ได้ปะทะเข้ากับหอคอยเวทย์มนตร์ที่อยู่ใกล้ๆ
ตู้ม!!!!
หอคอยเวทย์มนตร์พังลงเหมือนกับของเด็กเล่นเมื่อปะทะเข้ากับปีศาจ
ใครจะสามารถหยุดพลังอันมหาศาลนี้ได้กัน?
เอร์เรร่าได้สติกลับมาและรีบวิ่งลงจากดาดฟ้าและเริ่มที่จะสั่งให้นักเวทย์ฝึกหัดทุกคนในหอคอยของเธอหนีในทันที ภายใต้ความวุ่นวายนี้ เธอไม่ได้สังเกตเห็นเลยว่า ลิงค์ ไม่ได้ทำตามคำสั่งของเธอและลงมาจากดาดฟ้า เขายังคงอยู่ที่นั่นมองดูความเสียหายทั้งหมดที่เกิดขึ้นจากปีศาจทราวิสทั่วทั้งสถาบันเวทย์มนตร์อีสโควฟ เขาฟังเสียงร้องโหยหวนที่ดังมาจากหอคอยเวทย์มนตร์ที่พังทลาย จากนั้นดวงตาของเขาก็เริ่มที่จะเพ่งเล็ง และความสนใจทั้งหมดของเขาก็มุ่งไปที่จุดเดียว
ในตอนนี้เขาได้เข้าสู่สภาพมีสมาธิอย่างสมบูรณ์เตรียมพร้อมที่จะร่ายเวทย์