ที่ดาดฟ้าของหอคอยเวทมนตร์
ลิงค์ยืนพิงอยู่กับรั้วและแทบจะล้มลงไปกับพื้น ภาพกระบวนการฆ่าปีศาจเลเวล 8 นั้นอาจจะดูง่ายในสายตาของผู้รับชม แต่ว่าในความจริงแล้ว การโจมตีของลิงค์นั้นได้ใช้พลังงานของเขาไปอย่างมหาศาลจนไม่สามารถจินตนาการได้และนั่นก็ทำให้พลังงานของเขาหมดเกลี้ยง
ทราวิสนั้นได้ปล่อยพลังออกมาอย่างต่อเนื่อง ดังนั้นลิงค์จึงต้องส่งมานาเข้าไปในหัตถ์ไททันโดยตรงอย่างต่อเนื่องเพื่อที่จะรักษาสภาพของมันเอาไว้เช่นกัน ในกรณีนี้อัตราการใช้มานาต่อวินาทีของเขานั้นสูงถึง 200 แต้มต่อวินาทีเลยทีเดียว!
ในการต่อสู้ที่ใช้เวลาไม่ถึง 2 นาที เพื่อที่จะฆ่าทาร์วิส ลิงค์ได้ใช้ค่าโอมนิไป 220 แต้มเพื่อเติมมานาสูงสุดของเขาเข้าไปเรื่อยๆ และเขาก็ดื่มน้ำยาฟื้นฟูมานาระดับกลางไป 2 ขวดด้วย และต่อให้ทำถึงขนาดนั้นในตอนที่ปีศาจได้ตายลงก็เป็นจังหวะก่อนที่ลิงค์จะใช้มานาของเขาหมดพอดี
ภารกิจ: สืบสวนแผนกบฏจันทราทมิฬ (ไม่สำเร็จ)
ผู้เล่นฆ่าปีศาจทราวิสได้สำเร็จ: จะได้รับรางวัลเป็นค่าโอมนิ 200 แต้ม
แจ้งเตือนสองอันนี้ได้โผล่ขึ้นมาบนหน้าอินเตอเฟสของเขา ตอนนี้ลิงค์มีค่าโอมนิอยู่ 200 แต้ม แต่แทนที่จะดีใจลิงค์กลับไม่อยากที่จะขยับตัวเลยแม้แต่นิดเดียว เขาใช้มานาของเขามากเกินไป และเขาก็มั่นใจว่าน้ำยาฟื้นฟูมานาที่เขาดื่มเข้าไปนั้นกำลังเป็นพิษกับร่างกายของเขา ซึ่งทั้งหมดนี้ก็ทำให้เขาไม่เหลือแรงแม้แต่จะกระดิกนิ้วเลยในตอนนี้ การประคองเวทย์มนตร์อันทรงพลังเลเวล 9 เองก็ใช้พลังวิญญาณของเขาสูงเช่นกัน และเขาก็รู้สึกว่าแค่การคงสติให้ตื่นอยู่ก็ถือว่าเต็มที่แล้ว
หลังจากนั้นพักนึง ลิงค์ ก็ได้ยินเสียงฝีเท้ากำลังใกล้เข้ามา และมันก็ตามมาด้วยเสียงที่เขาคุ้นเคยที่เต็มไปด้วยความเป็นห่วงและความวิตกกังวล
“ลิงค์” เอร์เรร่าพูด “เธอไม่เป็นอะไรนะ?”
ลิงค์ไม่มีแรงมากพอที่จะหันไปหาเธอได้ในตอนนี้ ทั้งหมดที่เขาทำได้มีแค่การพยายามขยับปากเพื่อที่จะยิ้มออกมาเท่านั้น แต่ก่อนที่เขาจะทำได้ เขาก็ถูกครอบงำด้วยอาการมึนงงและก็สลบไปในทันที แต่ก่อนที่เขาจะหมดสติไปอย่างสมบูรณ์นั้น เขาก็ได้ยินเสียงหวาดวิตกของเอร์เรร่าอีกครั้ง
“โอ้ ไม่นะ!” เอร์เรร่าพูด “เขาดื่มน้ำยาฟื้นฟูมานาไป 2 ขวด! พิษได้แพร่เข้าไปในกระแสเลือดของเขาแล้ว!”
เอร์เรร่าเคยช่วยเขาเอาไว้ในครั้งที่แล้วที่เขาดื่มยามานาเกินขนาด และตอนนี้เธอก็อยู่ที่สถาบันที่ๆเธอสามารถขอความช่วยเหลือจากคนอื่นได้อย่างง่ายดาย ดังนั้นลิงค์จึงมั่นใจว่าเธอไม่น่าจะมีปัญหาในการช่วยเขาในครั้งนี้ และในที่สุดเขาก็สลบไปโดยที่รู้ว่าเขานั้นปลอดภัยแล้ว
…
เมื่อลิงค์ตื่นขึ้นมาอีกครั้ง เขาก็พบว่าตัวเองนอนอยู่บนเตียง เขามองไปรอบๆและตระหนักได้ว่าเขาอยู่ในห้องของตัวเองในหอคอยเวทมนตร์ของเอร์เรร่า เขายังรู้สึกได้อีกว่าผ้าปูเตียงและผ้าห่มที่คลุมตัวเขาอยู่นั้นสะอาดสดชื่นเพราะพวกเขาเพิ่งเปลี่ยนมันใหม่ แถมพวกมันยังหอมมากๆอีกด้วย จากนั้นลิงค์ก็รู้สึกว่าเขาหายจากอาการอ่อนแรงและมึนหัวเรียบร้อยแล้ว
จากนั้นลิงค์ก็ลุกขึ้นมานั่งบนเตียงและพบว่าเสื้อผ้าของเขาก็ถูกเปลี่ยนเช่นกัน แต่ว่า, จี้ต่างมิติกับแหวนเวทมนตร์ป้องกันยังคงอยู่ที่ตัวเขา และคทาของเขาก็วางอยู่บนโต๊ะที่อยู่ข้างเตียง ในจังหวะที่ลิงค์กำลังจะลุกออกจากเตียงนั้น ประตูก็ถูกเปิดออกพอดี และเอร์เรร่าก็เดินเข้ามา เธอรู้สึกดีใจเป็นอย่างมากที่ได้เห็นว่าลิงค์รู้สึกตัวแล้วและรีบพุ่งเข้ามาหาเขาในทันที
“เธอรู้สึกยังไงบ้าง?” เธอถามด้วยความเป็นห่วง
“ก็ไม่ได้แย่มากครับ” ลิงค์ตอบ จากนั้นเขาก็ลุกขึ้นมาเดินวนอยู่ในห้องอย่างช้าๆ “ผมรู้สึกมึนหัวนิดหน่อย ก็แค่นั้นแหละ”
พอเขาพูดแบบนั้นออกมา สีหน้าของเอร์เรร่าก็เปลี่ยนเป็นความโกรธในทันที
“ก็แน่หล่ะสิ เธอต้องรู้สึกมึนหัวอยู่แล้ว” เธอพูดตำหนิลิงค์อย่างอ่อนโยนแต่ก็หนักแน่น “เธอดื่มยามานาเกินขนาดอีกแล้วนะ แถมครั้งนี้เธอไม่ได้ใช้เวทย์แช่แข็งท้องตัวเองเอาไว้ ดังนั้นพิษก็เลยแพร่เข้าสู่เส้นเลือดของเธอและกระจายไปทั่วร่างกาย ถ้าเกิดว่าไม่ใช่เพราะมาสเตอร์เกรนซีที่รักษาเธอด้วยสมุนไพรร้อยชนิดของเขาได้ทันเวลาหล่ะก็ เธอก็คงจะตายไปเรียบแล้ว!”
มาสเตอร์เกรนซีนั้นเป็น 1 ใน 6 ของสมาชิกสภาสูงของสถาบัน ซึ่งเขานั้นเป็นที่หนึ่งในด้านการเล่นแร่แปรธาตุของสถาบันเวทมนตร์อีสโควฟ สมุนไพรร้อยชนิดนั้นเป็นสมุนไพรที่มีค่าที่สุดที่เขามีซึ่งมันเป็นยาแก้พิษระดับอีพิค มันเป็นไอเท็มที่มีค่าอย่างมากจนถึงขนาดที่ว่ามีเงินแค่ไหนก็ไม่อาจจะใช้ซื้อมันได้ และมาสเตอร์เกรนซีก็เก็บมันไว้อย่างดีเสียยิ่งกว่าผลงานชิ้นอื่นๆของเขา
“ผมต้องไปขอบคุณเขาเป็นการส่วนตัวแล้วหล่ะ” ลิงค์พูดด้วยความรู้สึกขอบคุณอย่างมาก
“ไม่จำเป็นต้องรีบหรอก” เอร์เรร่าพูด “เธอค่อยไปขอบคุณหลังจากที่เธอฟื้นตัวเต็มที่แล้วก็ได้ และฉันก็หวังว่าครั้งนี้คงจะสอนให้เธอไม่ทำเรื่องเสี่ยงๆในครั้งหน้านะ…แต่ฉันกลัวว่าเรื่องนั้นคงไม่มีทางเกิดขึ้นเนี่ยสิ”
ดวงตาของเอร์เรร่าแดงยิ่งขึ้นเพราะความโกรธที่มากขึ้น เธอรู้ดีกว่าทุกคนว่าลิงค์ได้พาตัวเองไปยังจุดที่อันตรายขนาดไหนในค่ำคืนแห่งโชคชะตานั่น เธอยังคงตัวสั่นด้วยความกลัวในตอนที่เธอคิดถึงมันอยู่เลย มีเพียงแค่เทพแห่งแสงเท่านั้นที่รู้ว่าชายหนุ่มที่ไม่รู้จักร้อนรนและไม่คำนึงถึงความปลอดภัยของตัวเองคนนี้ทำให้เธอเป็นห่วงขนาดไหน
ลิงค์รู้สึกได้ถึงความเป็นห่วงจริงๆจากสีหน้าของเอร์เรร่าและรู้สึกขอบคุณเธอ แต่เขาก็ยังรู้สึกสมเพศตัวเองด้วยที่ทำให้เธอเป็นแบบนี้ จากนั้นเขาเดินไปที่หน้าต่างอย่างช้าๆและเปิดผ้าม่านเพื่อมองออกไปข้างนอก
อากาศวันนี้ดีมากๆ ท้องฟ้านั้นสว่างเหมือนกับอัญมณีสีฟ้า แสงตะวันส่องลงมาราวกับน้ำตกสีทอง ทำให้ทั้งสถาบันส่องประกายไปด้วยความอบอุ่นของมัน
จากตรงนี้ ลิงค์สามารถมองเห็นร่องรอยของการทำลายที่เกิดขึ้นจากฝีมือของทาร์วิสที่ยังหลงเหลืออยู่ในสถาบันได้ หอคอยเวทมนตร์หลายแห่งได้พังทลายกลายเป็นเศษซาก และคนงานจำนวนมากก็กำลังยุ่งอยู่กับการจัดการมัน นักเวทย์จำนวนมากก็ยืนอยู่ข้างๆพวกเขาคอยแนะนำและช่วยเหลือพวกเขาด้วยเวทมนตร์ เขาได้ยินเสียงพวกเขาพูดคุยสับเพเหระกันในบางครั้งในขณะที่พวกคนงานทุ่มเททำงานกันอย่างเต็มที่และเต็มไปด้วยเหงื่อ; แม้กระทั่งนักเวทย์บางคนก็เต็มไปด้วยฝุ่นและเศษดิน
ยิ่งไปกว่านั้น ลิงค์ยังเห็นว่าหลุมที่อยู่ที่ใจกลางลานแห่งแรงบันดาลใจของไบรอันก็ถูกอุดไปแล้วและนักเวทย์บางคนก็กำลังยุ่งอยู่กับการลบล้างร่องรอยของออร่าปีศาจที่ทราวิสทิ้งเอาไว้
ในตอนนี้ สถาบันเวทมนต์อีสโควฟดูเหมือนกับเสือแก่ที่ได้รับบาดเจ็บที่กำลังเลียแผลของตัวเองและรอเวลาให้มันฟื้นตัวอยู่
“อาจารย์” ลิงค์พูดหลังจากผ่านไปซักพัก “ผู้อาวุโส…”
ตอนนั้นมันเต็มไปด้วยความสับสนวุ่นวาย ดังนั้นเมื่อคืนลิงค์จึงไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับผู้อาวุโสนอกจากความจริงที่เขารู้สึกได้ถึงการหายไปอย่างฉับพลันของออร่าของแอนโทนี่ แต่ว่า, ลิงค์ก็ยังไม่อยากจะเชื่อว่าจอมเวทย์เลเวล 7 ที่แข็งแกร่งจะถูกฆ่าอย่างง่ายดายและรวดเร็วแบบนั้น
เอร์เรร่าเดินมาหาเขาที่หน้าต่างและยิ้มอย่างอ่อนโยน
“ผู้อาวุโสยังมีชีวิตอยู่” เธอพูด “เขาหนีไปได้ทันหวุดหวิด แต่ว่าเขาก็สูญเสียขาทั้งสองข้างไป”
“โอ้ ขอบคุณพระเจ้า!” ลิงค์อุทาน เขาดูผ่อนคลายขึ้นอย่างเห็นได้ชัด สำหรับทหาร การสูญเสียอวัยวะไปนั้นเท่ากับโศกอนาถกรรมอย่างใหญ่หลวงที่จะทำให้พวกเขาดูแลตัวเองยากขึ้น แต่สำหรับนักเวทย์ มันแทบไม่ส่งผลกระทบเลย มันแค่ทำให้พวกเขารู้สึกไม่สะดวกสบายเพียงเล็กน้อยเท่านั้น
“สถาบันสูญเสียหอคอยเวทมนตร์ไป 6 แห่งในคืนนั้น” เอร์เรร่าพูดต่อ “หนามแห่งสวรรค์เองก็เป็นหนึ่งในนั้น นักเวทย์อย่างเป็นทางการ 19 คนได้ตายไปในการต่อสู้ และนักเวทย์ฝึกหัดอีก 130 คนก็ถูกฆ่า และมีผู้คนอีกมากมายที่ได้รับบาดเจ็บ แต่ทั้งหมดมันก็จบลงแค่นั้นเพราะว่าปีศาจทราวิสได้ถูกกำจัดลงแล้ว!”
ในตอนที่เธอพูด เธอก็หันมาหาลิงค์พร้อมกับสายตาที่เปล่งประกายไปด้วยความรู้สึกขอบคุณ
“ทั้งหมดต้องขอบคุณท่านนะ มาสเตอร์ลิงค์!” เธออุทานออกมา
“ผมก็แค่ทำตามหน้าที่ของผมเท่านั้น” ลิงค์ตอบอย่างเหนียมอายเพราะท่าทีสุภาพและสายตาอันสดใสที่จ้องมาที่เขา “อีกอย่างคุณเป็นอาจารย์ของผม คุณไม่ควรเรียกผมว่ามาสเตอร์นะ”
“เธอไม่ใช่ลูกศิษย์ของฉันอีกแล้วลิงค์” เธอตอบกลับ “เธอจบการศึกษาแล้ว เธอเป็นนักเวทย์ที่โดดเด่นที่สุดเท่าที่สถาบันเวทย์มนตร์อีสโควฟเคยผลิตออกมาเลย!”
ลิงค์ตกใจกับเอร์เรร่าที่ยกย่องเขาอย่างเว่อร์วัง แต่เธอก็ขัดเขาก่อนที่เขาจะได้พูดตอบ
“ตอนนี้มันก็เกือบจะเที่ยงแล้ว” เธอพูด “ไปใส่ผ้าคลุมนักเวทย์ของเธอและเตรียมตัวไปกินข้าวกลางวันกันเถอะ”
“ครับ อาจารย์” ลิงค์พูด เขาเพิ่งรู้สึกได้ว่าเขาหิวมาก เขาหันไปรอบๆและเห็นผ้าคลุมนักเวทย์สีแดงเข้มวางอยู่ที่โต๊ะ พอเขาเดินไปหามัน เขาก็ตกตะลึงในคุณภาพอันสูงส่งของมันในทันที
“นี่ของผมหรอครับ อาจารย์?” เขาถามอย่างไม่เชื่อตัวเอง
เขาสังเกตเห็นคุณภาพอันยอดเยี่ยมของวัตถุดิบที่ใช้ทำผ้าคลุมในทันทีที่มอง หลังจากตรวจสอบดูเพิ่มเติม เขาก็พบว่ามันทำมาจากผ้าไหมเพลิงทองและรูนปริศนามากมายที่ทำมาจากโลหะที่เป็นสื่อนำมานาที่อ่อนที่สุดในโลก, แร่เงินออยสเตอร์ เมื่อเขาตรวจสอบมันลึกขึ้นไปอีกเขาก็พบว่ามีโครงสร้างเวทมนตร์อยู่บนผ้าคลุมซึ่งมันคือเวทย์สนับสนุนเลเวล6 ที่มีชื่อว่าสมองปลอดโปร่ง
เมื่อเขามองไปที่ผ้าคลุม แจ้งเตือนก็เด้งขึ้นมาที่หน้าอินเตอเฟส
ผู้รวบรวมเปลวเพลิง
คุณภาพ: อีพิค
ผลลำดับที่หนึ่ง: เพิ่มความเร็วในการรวบรวมธาตุไฟขึ้น 50%
ผลลำดับที่สอง: เพิ่มการต้านทานเวทมนตร์ธาตุขึ้น100%
ผลลำดับที่สาม: เพิ่มผลของเวทย์สมองปลอดโปร่งที่จะทำให้เมื่อใช้งานจะฟื้นฟูมานาของผู้ร่าย 2,000 แต้มภายในเวลา 5 นาที จะต้องรอเป็นเวลา 48 ชั่วโมงในการที่จะใช้เวทย์นี้อีกครั้ง
(หมายเหตุ:นี่คือของขวัญพิเศษจากสถาบันเวทย์มนตร์อีสโควฟ!)
เห็นได้ชัดเลยว่านี่เป็นผ้าคลุมที่ล้ำค่ามากๆ! สำหรับนักเวทย์ที่มีความชื่นชอบในธาตุไฟอย่างลิงค์ ผ้าคลุมนี้มันทำให้เขาเป็นเสือติดปีกชัดๆ ซึ่งมันจะทำให้เขาไร้เทียมทาน! เวทย์สมองปลอดโปร่งเองก็มีประโยชน์กับเขาเป็นอย่างมากเพราะว่ามันจะช่วยปิดจุดอ่อนที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของเขาเรื่องการขาดแคลนมานาได้
“แน่นอนว่ามันเป็นของเธอ!” เอร์เรร่าตอบ “มันคือของขวัญที่มอบให้เธอสำหรับการที่เธอช่วยเหลือสถาบัน ผ้าไหมเพลิงทองนั้นเป็นของมาสเตอร์เฟอดินันท์และแร่เงินออยสเตอร์ก็มาจากผู้อาวุโส ในขณะที่มาสเตอร์วิสมัลเลอร์เป็นคนทำผ้าคลุมนี้ด้วยมือของเขาเอง และตอนนี้มันก็เป็นของนายแล้ว”
ลิงค์ไม่แสร้งทำตัวสุภาพอีกต่อไปและรีบถอดเสื้อของเขาออกและใส่ผ้าคลุมใหม่ในทันที มันรู้สึกหรูหรามากๆและคุณภาพกับสไตล์อันเริศหรูของมันก็ยิ่งเห็นได้ชัดขึ้นเมื่อเขาสวมมัน ด้วยความที่ผ้าคลุมนี้จะรวบรวมธาตุไฟในอากาศ, ตอนนี้ร่างกายของลิงค์จึงดูเหมือนเปล่งแสงอ่อนๆออกมา และด้วยความที่ธาตุไฟได้มารวมตัวกันที่หัวของลิงค์ มันจึงดูเหมือนกับว่าลิงค์กำลังสวมมงกุฏเพลิงอยู่เลย
จากนั้นลิงค์ก็ร่ายกระจกเวทมนตร์เพื่อดูว่าตัวเขาดูเป็นยังไง เขารู้สึกตะลึงเล็กน้อยกับลักษณะภายนอกอันสวยงามของผ้าคลุมแม้ว่ามันจะดูยิ่งใหญ่เกินไปสำหรับเขาก็ตาม แต่ว่าเขาก็เปลี่ยนใจเมื่อเขาคิดว่ามันไม่มีความจำเป็นที่จะต้องเจียมเนื้อเจียมตัวอีกแล้วเพราะเขามาไกลมากแล้ว แถมผู้อาวุโส, พวกสมาชิกสภาสูงทั้งหกของสถาบัน และเอร์เรร่าเองก็สวมผ้าคลุมที่หรูหรา ดังนั้นมันคงไม่ใช่เรื่องแปลกถ้าเกิดว่าเขาจะใส่บ้าง
“กษัตริย์ลีออนก็ส่งช่างทอผ้าพิเศษมาช่วยในการทำผ้าคลุมนี้เหมือนกันนะ” เอร์เรร่าพูด พร้อมกับดวงตาที่เปล่งประกายในตอนที่เธอหัวเราะ “พระองค์ทรงช่วยได้มากเลย”
ไม่เพียงแค่ผ้าคลุมนี้จะดูหรูหราเท่านั้น แต่เมื่อมันรวมเข้ากับพรสรรค์ของลิงค์แล้ว ยิ่งทำให้เขาดูสงบและเพียบพร้อมมากขึ้น ลิงค์ดูเหมือนกับราชาแห่งเพลิงเลยในตอนที่เขาสวมผ้าคลุมนี้!
หลังจากค่ำคืนแห่งโชคชะตา ก็ไม่มีใครสงสัยเรื่องความเชี่ยวชาญที่ลิงค์มีในเวทย์ธาตุไฟเลย เขานั้นเป็นผู้เชี่ยวชาญเวทย์ธาตุไฟที่เก่งที่สุดในทวีฟฟิรุแมนอย่างไม่ต้องสงสัย
“นี่ผมหมดสติไปกี่วันเนี่ย?” ลิงค์ถาม เขาพึ่งรู้สึกตัวว่าผ้าคลุมที่สุดยอดขนาดนี้จะต้องใช้เวลาในการเตรียมการ
“ไม่นานมากหรอก” เอร์เรร่าตอบเพื่อยืนยันเพื่อให้ลิงค์เข้าใจ “ก็แค่ประมาณ 3 วันเท่านั้น”
สถาบันน่าจะต้องใช้ความพยายามอย่างมากในการเตรียมผ้าคลุมเวทมนตร์นี้ภายในเวลาแค่ 3 วัน ลิงค์รู้สึกเหมือนเขาได้เอาชนะใจสถาบันเวทมนตร์อีสโควฟด้วยการปราบปีศาจทราวิส
หลังจากนั้น ลิงค์ก็ตามเอร์เรร่าออกจากห้องและไปที่ห้องโถงชั้น1 ซึ่งเป็นที่ๆลิงค์ได้พบกับภาพอันน่าตกใจ
แอนโทนี่ เกรนซี่ เฟอดินันท์ วิสมัลเลอร์และคนอื่นๆที่เหลือ ไม่รวมนักเวทย์ทั้งหมดในสถาบันที่มีเลเวลมากกว่า 5 หรือสูงกว่าได้มาอยู่ในห้องโถง มีคนทั้งหมด 37 คนกำลังรอลิงค์อยู่
พอเห็นลิงค์ แอนโทนี่ก็ลุกขึ้นยืน บาดแผลของเขาได้รับการรักษาจนเกือบจะหายดีแล้ว ซึ่งก็ต้องขอบคุณเวทย์รักษาศักดิ์สิทธ์ของนักบวชจริงๆ ตอนนี้เขาสวมขาเทียมเวทมนตร์ที่ทำให้เขาสามารถขยับได้ตามปกติเหมือนอย่างเคย
“ฮีโร่ของพวกเราอยู่ที่นี่แล้ว!” เขาตะโกนอย่างดีใจ
ตอนแรกทุกคนต่างก็นั่งกันอยู่ในห้องโถง แต่พวกเขาทุกคนก็ลุกขึ้นในทันทีเมื่อเห็นลิงค์ แอนโทนี่เป็นคนนำอีกครั้งในการทำการเคารพแบบนักเวทย์ ซึ่งปกติแล้วมันจะเอาไว้ให้นักเวทย์ที่มีเลเวลต่ำกว่าทำกับนักเวทย์ที่มีเลเวลสูงกว่า
ลิงค์รู้สึกตกใจเล็กน้อยจากการกระทำเช่นนี้เพราะในความเป็นจริงนั้นเขาเป็นแค่จอมเวทย์เลเวล 6 เท่านั้น เหตุผลเดียวที่เขาสามารถร่ายเวทย์หัตถ์ไททันเลเวล 9ได้นั้นเป็นเพราะความช่วยเหลือของหินนักปราชญ์สีขาว ในขณะที่ผู้อาวุโสเป็นจอมเวทย์เลเวล 7 ตัวจริง ดังนั้นลิงค์จึงไม่สมควรได้รับการทักทายแบบนี้เลย
ผู้อาวุโสยิ้มอย่างอ่อนโยนในทันทีที่รู้ว่าลิงค์รู้สึกไม่สบายใจอย่างเห็นได้ชัด
“พวกเรารู้ว่ามันเป็นเพราะหินนักปราชญ์สีขาวได้ช่วยเธอไว้” เขาพูด “แต่ว่า มันจะไร้ประโยชน์ถ้าอยู่ในมือของคนอื่นที่ไม่ใช่เธอ ในหมู่พวกเราไม่มีใครสามารถควบคุมเวทย์เลเวล 9 และใช้มันจัดการปีศาจทราวิสเลเวล 8ได้หรอก แต่ว่าเธอทำได้ และเธอก็ช่วยพวกเราทุกคนเอาไว้ นั่นแหล่ะคือความจริง และนั่นแหละคือเหตุผลทั้งหมด”
จากนั้นเขาก็หันไปและบอกทุกคนที่อยู่ในห้อง
“เปิดทางให้มาสเตอร์ลิงค์!” เขาตะโกน “วันนี้ที่นั่งหัวโต๊ะเป็นของเขา!”
นักเวทย์ในห้องโถงทุกคนหลีกทางให้กับลิงค์ บนโต๊ะกินข้าว เขาเห็นอาหารที่น่าเอร็ดอร่อยอยู่มากมาย พวกเขานั้นต่างก็ได้ยินข่าวการฟื้นขึ้นมาของลิงค์และได้เตรียมการให้เขาเป็นพิเศษ
“ไม่ต้องกังวล ลิงค์” เอร์เรร่ากระซิบ “นี่คือวิธีการแสดงความขอบคุณเธอของทุกคน เธอได้รับความเคารพจากพวกเขานะ”
แน่นอนว่าลิงค์รู้อยู่แล้ว และเขาก็รู้เช่นกันว่ามันจะเป็นการไม่ให้เกียรติถ้าเกิดเขาไม่ยอมรับความใจดีของผู้อาวุโส
“ขอบคุณครับ” ลิงค์พูด เขาทำความเคารพกลับด้วยความเคารพ “ผมรู้สึกตกใจกับความใจกว้างที่ทุกคนมีให้กับผมในวันนี้”
จากนั้นเขาก็เดินไปที่นั่งของเขาที่อยู่หัวโต๊ะ
มันไม่มีทั้งความเย่อหยิ่งและความถ่อมตัวในสีหน้าของเขา เขาดูสงบราวกับฉากหลังของงานรื่นเริงของห้องโถง โดยรวมแล้วเขาดูเหมือนกับคนที่โตเกินวัยของเขา
ไม่มีนักเวทย์คนไหนในที่นี้ที่อายุต่ำกว่า 35 ปี ความจริงแล้วเอร์เรร่าที่เป็นคนที่อายุน้อยที่สุดหากไม่นับลิงค์ ก็มีอายุ 36 ปีแล้ว ในขณะที่คนอื่นๆนั้นส่วนมากมีผมขาวและไว้หนวดกันทั้งนั้น ซึ่งโดยปกติแล้วพวกเขาจะกังวลในการให้ความเคารพกับนักเวทย์ที่เด็กกว่าเพราะมันดูไร้สาระ
แต่พอคิดว่า-นี่คือคนที่สามารถควบคุมเวทย์ขั้นสูงเลเวล 9 และจัดการปีศาจอันแข็งแกร่งอย่างทราวิสได้ ลิงค์ก็ได้เป่าศักดิ์ศรีของพวกเขากระจุย!
การกระทำของลิงค์นั้นทำให้พวกเขาไว้วางใจ พอเขานั่งลง ทุกคนก็เริ่มทานอาหารและบรรยากาศก็ค่อยๆผ่อนคลายลงทีละน้อยๆ ผู้คนเริ่มคุยกันอย่างอิสระเกี่ยวกับเวทมนตร์และตัวลิงค์ บางคนก็คุยเกี่ยวกับผู้อาวุโส ภายในเวลาไม่กี่นาที บรรยากาศก็เริ่มผ่อนคลายลงและทุกคนต่างก็รู้สึกสนุกสนาน
หลังจากมื้ออาหาร โต๊ะก็ถูกเก็บและแอนทนี่ก็ตบมือขึ้นมาเพื่อเรียกความสนใจจากทุกคน;บรรยากาศเริ่มกลับมาตึงเครียดอีกครั้ง ลิงค์รู้สึกตกใจและไม่รู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นต่อ แต่หลังจากนั้นมาสเตอร์เกรนซีก็เดินมาหาเขาและวางสมุดโน๊ตลงตรงหน้าเขา
“มาสเตอร์ลิงค์” เขาพูด “สมุดโน้ตเล่มนี้ประกอบไปด้วยความรู้ทั้งหมดที่ข้าได้ค้นพบมาตลอดชีวิตของข้า ข้าหวังว่าท่านจะได้รับแรงบันดาลใจจากมันนะ”
จากนั้น สมาชิกของสภาสูงทั้งหมด-เฟอดินันท์ วิสมัลเลอร์ ฮานซ์วิเซอร์ และแอนดัลทุกคนต่างยื่นสมุดโน้ตของตัวเองให้กับลิงค์ ทุกคนต่างก็คิดเหมือนกับเกรนซี่ว่าซักวันนึงมันจะเป็นแรงบันดาลใจให้กับลิงค์
พอมาถึงจุดนี้ลิงค์ก็ลุกขึ้นยืน เขาไม่ได้ปฏิเสธของขวัญจากจอมเวทย์เหล่านี้ เขารู้ว่ามันเต็มไปด้วยความรู้ที่สำคัญที่ไม่สามารถหาที่ไหนได้ในโลกนี้ พวกมันจะช่วยเขาได้มากในการเพิ่มทักษะทางด้านเวทมนตร์ของเขา
ลิงค์ก้มหน้าเคารพทุกครั้งที่เขาได้รับสมุดโน้ต เขารู้ดีว่านี่เป็นเกียรติสูงสุดที่ได้รับในหมู่นักเรียนของสถาบัน ซึ่งนี่ก็หมายความว่าตอนนี้เขาได้เป็นนักเวทย์ดาวเด่นที่ได้รับการเคารพจากนักเวทย์ในสถาบันแล้ว
ในตอนนี้แม้ว่ามันจะไม่ค่อยชัดเจนว่าลิงค์เป็นนักเวทย์ที่เก่งที่สุดของสถาบัน แต่ความจริงที่ว่าเขาได้รับสมุดโน๊ตจากจอมเวทย์ทุกคนก็หมายความได้อย่างนั้นเช่นกัน มีเพียงแค่ 3 คนในประวัติศาสตร์อันยาวนานของสถาบันอีสโควฟเท่านั้นที่ได้รับเกียรตินี้ และทั้งสามคนนั้นต่างก็กลายเป็นผู้อาวุโสของสถาบันในเวลาต่อมา
โดยรวมแล้วลิงค์ได้รับสมุดโน้ตทั้งหมด 37 เล่มในวันนี้ เขาทำความเคารพให้อีกทีนึงก่อนที่จะเอาสมุดโน๊ตออกมาจากจี้ต่างมิติที่เขาวางเอาไว้บนโต๊ะ
“ผมได้บันทึกเวทย์สูงสุดทั้งหมดที่ผมได้สร้างขึ้นเอาไว้ในสมุดเล่มนี้” เขาพูด “และมันยังมีทฤษฏีและสมมุติฐานต่างๆที่ผมคิดไว้ตั้งแต่เริ่มเรียนเวทย์มนตร์ด้วย ผมอยากจะมอบมันให้สถาบันเพื่อให้ทุกคนสามารถอ่านและเรียนรู้จากมันได้ ผมหวังว่าซักวันนึงมันน่าจะให้แรงบันดาลใจกับพวกคุณในการค้นพบสิ่งใหม่ๆและพัฒนาทักษะทางเวทมนตร์ของพวกคุณสืบต่อไป”
“โฮ่วว!”
ทั้งห้องโถงต่างก็เต็มไปด้วยเสียงฮือฮาและเสียงตกใจของจอมเวทย์ จากนั้นพวกเขาก็ปรบมืออย่างอบอุ่น พวกเขาไม่ได้หวังที่จะได้อะไรจากเขาเลย แต่ถึงอย่างนั้นลิงค์ก็ยังให้สิ่งที่ไม่สามารถประเมิณค่าได้กับพวกเขา ในตอนนี้ทุกคนต่างก็พบว่าลิงค์เป็นคนน่าชื่นชมและสมควรได้รับความเคารพนับถือ
เห็นได้ชัดเลยว่าลิงค์นั้นเป็นอัจฉริยะที่หาผู้ใดเปรียบไม่ได้ เวทมนตร์ของเขาเต็มไปด้วยการปรุงแต่งและความคิดสร้างสรรค์ทำให้มันแข็งแกร่งมากๆ สำหรับเรื่องนั้น สมุดโน้ตของเขาก็กลายเป็นสมบัติของสถาบันอย่างไม่ต้องสงสัยเลย มันจะเป็นส่วนที่ช่วยให้นักเวทย์ในสถาบันพัฒนาเลเวลของเขาไปอย่างมาก
ตัวลิงค์เองก็ไม่ได้สูญเสียอะไรในการให้ครั้งนี้ เวทย์ขั้นสูงสุดที่เขาพัฒนาขึ้นมานั้นล้วนแข็งแกร่งทั้งนั้น ถ้าเขาทำให้เวทย์พวกนี้เข้าถึงทุกคนในสถาบันได้ นั่นก็หมายความว่าจะมีนักเวทย์ที่แข็งแกร่งมากขึ้นในการทำสงครามกับกองทัพแห่งความมืดในอนาคต ซึ่งนั่นถือว่าเป็นเรื่องที่ดี
เอร์เรร่ามองไปที่ภาพที่อยู่เบื้องหน้าของเธออย่างเงียบๆ เธอรู้สึกใจหายอยู่ลึกๆ เพราะเธอได้เฝ้าดูลิงค์เติบโตมาตั้งแต่เป็นนักเวทย์ฝึกหัดตัวผอมแห้งจนได้เติบใหญ่กลายเป็นนักเวทย์ที่แข็งแกร่งและไร้เทียมทานที่วันนึงอาจจะกลายเป็นผู้อาวุโสคนต่อไปในเวลาอีกไม่เกินครึ่งปีนี้ มันไม่ได้ต่างอะไรจากปาฏิหาริย์เลย
แต่เอร์เรร่าก็รู้ว่าเขานั้นเป็นผู้ที่ถูกเทพแห่งแสงเลือก นี่มันเป็นเพียงการเริ่มต้นเท่านั้น ลิงค์จะต้องสร้างปาฏิหาริย์มากกว่านี้ในอนาคตแน่ๆ และเอร์เรร่าก็รอดูไม่ไหวแล้วว่าต่อไปจะเป็นยังไง
ปาฏิหาริย์ต่อไปที่เขาจะทำในที่รกร้างเฟิร์ดจะเป็นอะไรกันนะ? เอร์เรร่าสงสัย