ในตอนที่เสียงค่อยๆใกล้เข้ามา พวกเขาทั้งสามก็ได้พึ่งเวทย์ไร้ร่องรอยของแวนซ์ในการซ่อนตัวอยู่เงียบๆในเงาของทางเข้าห้องโถง ในตอนนั้นพวกเขารออย่างระมัดระวังเหมือนกับนักล่าที่ซ่อนตัวอยู่ในเงามืด เฝ้ารอที่จะพุ่งเข้าไปโจมตีเหยื่อของพวกเขาได้ทุกเมื่อ หลังจากนั้นไม่กี่วินาที เสียงก็เริ่มชัดมากขึ้น ซึ่งเสียงของหนึ่งในพวกเขานั้นดูมืดมนและแอบแฝงไปด้วยความโกรธ
“ไสหัวออกไปจากที่นี่ซะ!” มีเสียงพูดขึ้นมา “กลับไปบอกเจ้านายของเจ้าว่าตราบใดถ้าข้ายังไม่ตาย ก็ไม่มีวันที่เขาจะได้อะไรไปจากข้า!”
“นั่นมันไอเลวนักดาบเนโครแมนเซอร์ที่ยึดพระราชวังใต้ดินของข้าไป” แวนซ์กระซิบ “ชื่อของเขาก็คือโดเรี่ยน และเขาก็เป็นคนที่ขี้เหนียวมากๆ!”
มีอีกเสียงนึงดังขึ้น ซึ่งเสียงนี้ฟังดูเย็นชาและเงียบสงบจนน่าขนลุก เห็นได้ชัดว่าเขากำลังไม่พอใจกับคำพูดของอีกคน
“โดเรี่ยน เจ้าต้องเข้าใจสิ” อีกเสียงนึงพูด “นี่ไม่ใช่คำขอร้องแต่เป็นคำสั่ง ถ้าเจ้าขัดคำสั่งนี้ เจ้าจะต้องพบกับความโกรธของเจ้านายข้าอย่างแน่นอน! แล้วเจ้าจะมาเสียใจทีหลังไม่ได้นะ!”
“เจ้านายของเจ้ามันก็แค่โจร!” โดเรี่ยนตะคอก “แน่จริงก็เข้ามาได้เลย! ข้ามีนักรบแข็งแกร่งมากมายอยู่ภายใต้บังคับบัญชาของข้า; ข้ามีสัตว์ติดอาวุธและข้าก็มีนักรบที่ใช้ขวาน! ในพระราชวังใต้ดินนี้ ไม่มีใครเป็นเจ้านายนอกจากข้า!”
อีกเสียงเงียบลงหลังจากที่โดเรี่ยนระเบิดความโกรธออกมา ตอนนี้เสียงฝีเท้าของพวกเขามาถึงลิงค์แล้ว และอีกสองคนก็ค่อยๆใกล้เข้ามา หลังจากผ่านไปประมาณ 10 วินาที ก็มีคน 2 คนเดินออกมาจากทางเข้า
หนึ่งในพวกเขานั้นสูงมากๆ-ประมาณ 7 ฟุตได้ เขานั้นสวมชุดเกราะสงครามสีม่วง-แดง และที่หน้าของเขาก็มีดวงตาคู่นึงที่เปล่งแสงสีน้ำเงิน-ขาว พวกมันส่องประกายอย่างมากและดูเหมือนว่าจะปล่อยแสงเป็นเสาตั้งออกมายาวถึง 5 นิ้ว อาวุธของเขานั้นคือดาบยักษ์ที่มีขนาดใหญ่มากๆ ฝักของมันนั้นถูกทำขึ้นมาเป็นรูปร่างของหัวแกะปีศาจ ดวงตาของแกะนั้นถูกสร้างขึ้นมาจากคริสตัลสีดำ 2 อันซึ่งมันปล่อยคลื่นความผันผวนของมานาออกมาอย่างรุนแรง
ส่วนอีกคนนึงก็สวมผ้าคลุมสีดำอันหรูหรา และถูกปิดบังด้วยฮู้ดขนาดใหญ่ นี่เป็นรูปลักษณ์ปกติของนักเวทย์ แถมคนๆนี้ยังถือคทาที่มีรูปร่างแปลกๆเอาไว้ในมืออีกด้วย-ตัวด้ามคทานั้นเป็นสีดำสนิทในขณะที่ส่วนหัวของคทานั้นเป็นหัวกระโหลกอันเล็กๆ มีเปลวไฟสีเขียวสองดวงที่กำลังลุกโชนอยู่ในดวงตาของหัวกะโหลกเล็กๆนี้ด้วย
“นักรบคนนั้นคือโดเรี่ยน” แวนซ์กระซิบ “เขามีพลังของนักรบเลเวล 6 และดาบของเขานั้นก็เป็นของรักของข้า ข้าเรียกมันว่าดาบยักษ์แห่งความโศกเศร้า มันไม่เพียงแค่เป็นอาวุธที่สุดยอดเท่านั้น แต่มันยังเป็นคทาเวทมนต์ได้ด้วย ใจกลางของมันประกอบไปด้วยมานาที่ข้าได้เก็บเวทย์มนตร์เอาไว้ 2 บท: เวทย์บทแรกคือเวทย์โจมตีเลเวล 5 วิญญาณโจมตีและอีกบทนึงก็คือเวทย์ป้องกันเลเวล 4 โล่คริสตัล”
แวนซ์จ้องมองนักเวทย์อย่างเงียบๆอยู่พักนึงเพื่อที่จะยืนยันตัวตนของเขา
“ไอเลวอีกคนนี่ข้าก็รู้จัก” แวนซ์พูด “มันมีชื่อว่าโมเรสเทิร์น; มันเป็นจอมเวทย์วูดูเลเวล 7 ที่หนีออกมาจากหอคอยอสรุราเช่นกัน ข้าไม่คิดว่ามันจะหาเจ้านายได้เร็วขนาดนี้นะเนี่ย 555555”
ลิงค์ไม่ได้ให้ความสนใจกับคำพูดพวกนี้มากแต่เขากลับจ้องไปที่คทาหัวกะโหลกของนักเวทย์อย่างกระตือรือร้น เขารูสึกคุ้นเคยกับคทานี้มาก ลิงค์มั่นใจว่าเขาเคยเห็นคทานี้มาก่อนตอนที่อยู่ในเกมอย่างแน่นอน แต่มันค่อนข้างดูแตกต่างกับอันที่อยู่ในเกมมาก ลิงค์จึงไม่มีทางที่จะยืนยันความสงสัยของเขาได้ แต่เขารู้ว่ามันมีอะไรบางอย่างที่สำคัญเกี่ยวกับคทานี้อย่างแน่นอน
“แวนซ์” ลิงค์พูด “คุณรู้จักคทาที่อยู่ในมือของโมเรสเทิร์นมั้ย?”
“คทางั้นเหรอ?” แวนซ์ตอบ “ขอข้าดูก่อนนะ…” จากนั้นแวนซ์ก็ย้ายดวงตาเปลวเพลิงของเขาจากนักดาบไปที่นักเวทย์ หลังจากที่วิเคราะห์อยู่ประมาณ 10 วินาที แวนซ์ก็รู้สึกตกใจขึ้นมาในทันที
“ลิงค์” ลิซพูดด้วยน้ำเสียงหวาดกลัว “ข้าเกรงว่าวันนี้พวกเราจะไม่มีทางชนะการต่อสู้นี้ได้แล้วหล่ะ ตอนนี้พวกเราควรถอยกันก่อนดีกว่านะ”
“นายหมายความว่าไง?” เซลีนถามคำถามที่อยู่ในหัวของลิงค์
“ข้าใจร้อนมากเกินไป!” แวนซ์ตบหน้าของตัวเองด้วยความหงุดหงิด “โมเรสเทิร์นมีคทาที่ทรงพลังมากๆอยู่ในมือ ชื่อเต็มของมันก็คือ เนตรราตรี, คทาตุลาการทมิฬ ในบรรดาคทาระดับอีพิคที่เกี่ยวข้องกับเวทมนตร์ดำนั้น มันเป็นหนึ่งในสามของคทาที่ทรงพลังที่สุด ข้อดีที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของมันก็คือการอนุญาตให้ผู้ถือมันสามารถร่ายเวทย์เลเวล 7 ได้ในทันทีวันละหนึ่งครั้ง”
ร่ายเวทย์ในทันที? และเป็นเวทย์เลเวล 7 ด้วยเนี่ยนะ?!
ลิงค์กับเซลีนมองหน้ากัน พวกเขาทั้งคู่รู้ว่านั่นหมายความว่าคู่ต่อสู้นั้นสามารถโจมตีและฆ่า 1 ในพวกเขาได้ในทันทีด้วยการโจมตีเพียงครั้งเดียว และถ้าคู่ต่อสู้ใช้ลูกน้องของโดเรี่ยนในการขัดขวางพวกเขาเอาไว้ในตอนที่เขาร่ายเวทย์โจมตีที่มีระยะกว้างใส่พวกเขา ลิงค์ก็มั่นใจว่าต่อให้เป็นเวทย์ข้ามมิติก็ไม่สามารถช่วยพวกเขาได้
ยิ่งไปกว่านั้น ในการต่อสู้เล็กๆแบบนี้มันไม่คุ้มค่าพอที่จะใช้หินนักปราชญ์สีขาว และคู่ต่อสู้นั้นก็แข็งแกร่งเกินไปที่จะสู้ด้วย สิ่งที่ดีที่สุดที่พวกเขาสามารถทำได้ก็คือหนี พวกเขาทุกคนเห็นว่าทั้งสองคนนั้นอยู่ห่างจากพวกเขาแค่ประมาณ 100 ฟุตจากจุดที่พวกเขาซ่อนอยู่; มันคือโอกาสสุดท้ายของพวกเขาในการหนี
“มาซ่อนตัวอยู่ในถ้ำกันซักพักเถอะ” ลิงค์กระซิบ “พอนักเวทย์ไปแล้ว พวกเราจะกลับมาและจัดการกับนักดาบ”
“นั่นคือตัวเลือกเดียวที่พวกเรามีหล่ะนะ” แวนซ์พูดพร้อมกับพยักหน้า
จากนั้นพวกเขาก็เริ่มแอบหนี
แต่พอพวกเขาขยับได้เพียงแค่ 3 ก้าว นักเวทย์วูดูก็หยุดเดินเหมือนกับว่าเขารู้สึกได้ถึงอะไรบางอย่าง จากนั้นเขาก็หันมามองตรงจุดที่พวกลิงค์กับคนอื่นๆกำลังซ่อนตัวอยู่
“เกิดอะไรขึ้น?” โดเรี่ยนถามอย่างรีบร้อน เขายังไม่รู้สึกถึงอะไรเลย
“ไม่มีอะไรหรอก” โมเรสเทิร์นพูด “ข้าแค่รู้สึกได้ถึงอะไรบางอย่างที่ให้ความรู้สึกแปลกๆ” เขาหยุดมองไปทางลิงค์และเริ่มเดินต่อ
มีเพียงแค่พระเจ้าเท่านั้นที่รู้ว่าลิงค์กับเซลีนเหงื่อโชกขนาดไหน พวกเขาทั้งสองสบตากันและเห็นได้ชัดถึงความดีใจที่พวกเขายังคงมีโชคอยู่ แม้กระทั่งแวนซ์เองก็กลัวจนแทบจะสามารถได้ยินเสียงฟันของเขาถูกันได้เลย
จากนั้นพวกเขาทั้ง 3 ก็ทำการหนีต่อภายใต้การปกปิดของเวทย์ไร้ร่องรอย พวกเขาเคลื่อนที่ให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้ เร็วยิ่งกว่าโดเรี่ยนกับโมเรสเทิร์น
โดเรี่ยนเดินนำโมเรสเทิร์นมาจนถึงทางเข้าของห้องโถง และพวกเขาทั้งคู่ก็หยุดอยู่ตรงนั้น
“กลับไปบอกเจ้านายของเจ้าซะ” โดเรี่ยนพูด “ว่าทุกอย่างที่อยู่ในถ้ำนี้เป็นของข้า เขาไม่มีสิทธ์ในพื้นที่นี้ และไม่มีความจำเป็นต้องส่งคนส่งสารมาที่นี่อีก หลังจากนี้ พวกเราเป็นศัตรูกัน”
“เจ้าจะต้องเสียใจแน่ โดเรี่ยน” โมเรสเทิร์นตอบด้วยน้ำเสียงที่ราบเรียบที่ไม่แสดงให้เห็นถึงอารมณ์เลยซักนิดเดียว
“เฮอะ! ใช่สิ ข้าเสียใจตั้งแต่ที่ปล่อยให้เจ้าเข้ามาในพระราชวังใต้ดินของข้าแล้ว!” โดเรี่ยนตอบด้วยการเยาะเย้ยอย่างเย็นชา จากนั้นเขาก็หันหลังกลับและเดินจากไป
จากนั้นโมเรสเทิร์นก็เริ่มเดินออกจากที่นี่ต่ออย่างช้ามากๆ โดยไม่แสดงท่าทีคุกคามต่อลิงค์กับคนอื่นๆที่กำลังหลบหนี พอเขาเดินมาถึงที่ทางเข้า พวกเขาทั้ง 3 ก็ได้ไปแอบอย่างปลอดภัยอยู่ข้างหลังหินก้อนใหญ่ในถ้ำที่อยู่ห่างออกไปเกือบ 200 ฟุต
ลิงค์ เซลีน และแวนซ์ได้ซ่อนตัวอยู่ในถ้ำเป็นเวลา 5 วินาทีในตอนที่โมเรสเทิร์นเดินออกไปจากทางเข้าและร่ายเวทย์บินโดยที่ไม่หยุดหรือสงสัยและบินออกไปทางทะเล เวทย์บินนั้นอาจไม่ปลอดภัยที่จะใช้ผ่านพื้นดินเพราะจะมีคนสามารถมองเห็นได้ และเส้นทางที่โมเรสเทิร์นใช้นั้นก็เป็นการตัดสินใจปกติที่นักเวทย์มักจะทำกัน
“พวกเราปลอดภัยแล้ว” แวนซ์พูด “เขาไปแล้ว พวกเราควรจะกลับไปที่พระราชวังใต้ดินและจัดการกับโดเรี่ยนในตอนนี้”
แน่นอนว่าลิงค์ไม่มีอะไรจะคัดค้าน เขาไม่รู้สึกกังวลเกี่ยวกับโดเรียนในตอนที่เขาเห็นชายคนนี้ ในตอนนี้พอนักเวทย์วูดูได้จากไปแล้ว ลิงค์ก็มั่นใจว่าพวกเขาทั้ง 3 คนนั้นจะสามารถจัดการเนโครแมนเซอร์กับลูกน้องของเขาได้อย่างง่ายดายและยึดพระราชวังใต้ดินกลับคืนมา
แต่เขาก็ยังรู้สึกว่ามีอะไรผิดปกติเกี่ยวกับนักเวทย์วูดู เขาคิดว่ามันไม่ใช่ความคิดที่ดีที่จะบุกเข้าไปในพระราชวังใต้ดินในตอนนี้ในขณะที่โมเรสเทิร์นเพิ่งออกไปเมื่อไม่กี่นาทีก่อน
“พวกเราจะจัดการโดเรี่ยนอย่างแน่นอน” ลิงค์พูด “แต่ผมคิดว่าพวกเราควรจะรออีกซักครึ่งชั่วโมง อยู่ในที่ปลอดภัยไว้ก่อน พวกเราควรจะรอและดูว่าจะมีอะไรเกิดขึ้นอีกก่อนที่พวกเราจะเข้าไป”
เซลีนเห็นด้วยกับข้อเสนอนี้ ดวงตาของเธอยังคงมองไปยังทิศทางที่นักเวทย์วูดูบินไป
“พูดตรงๆนะ” เธอพูด “ฉันมั่นใจว่านักเวทย์วูดูคนนั้นเห็นพวกเรา แต่ชายคนนั้นกลัวฉันด้วยเหตุผลอะไรบางอย่าง”
“งั้นมารอกันเถอะ” แวนซ์พูดพร้อมกับพยักหน้า เขาไม่ได้รู้สึกแบบที่เซลีนรู้สึก แต่เขาก็ไม่ได้รังเกียจที่จะรอ ความอดทนนั้นเป็นสิ่งหนึ่งที่เขาได้มาเมื่อเขามีชีวิตอยู่มา 1,000 ปี
พวกเขาทั้งสามคนรออย่างอดทนอยู่ข้างทะเล หลังจากนั้น 10 นาที เซลีนก็เห็นคนบินมาจากบนท้องฟ้า
“มีใครบางคนอยู่บนนั้น!” เซลีนชีนิ้วไปหา “เขากลับมาแล้ว!”
ลิงค์มองขึ้นไปและเห็นจุดดำๆอยู่บนท้องฟ้า จุดนั้นพุ่งมาหาพวกเขาอย่างรวดเร็ว และรูปร่างของเขาก็เริ่มเห็นได้ชัดขึ้น มันคือโมเรสเทิร์นจริงๆที่กลับมาหลังจากที่เขาทำเป็นบินออกไปแล้ว
“ชิ ช่างเป็นคนที่น่ากลัวจริงๆ!” แวนซ์พูด “เขาจะต้องเจอพวกเราแล้วแน่ๆแต่เขาแสร้งทำเป็นไม่รู้” แวนซ์รู้สึกโชคดีที่เขารู้ตัวว่าเกือบจะเข้าไปติดกลับของไอบ้าจอมเจ้าเล่ห์แล้ว ถ้าพวกเขาบุกเข้าไปในพระราชวังใต้ดินตั้งแต่เมื่อกี้หล่ะก็พวกเขาก็คงจะถูกล้อมจากทั้งด้านในและด้านนอกไปแล้ว มันมีโอกาสสูงมากที่พวกเขาทั้งสามจะตาย
หลังจากนั้น โมเรสเทิร์นก็ลงมายังจุดที่ห่างจากทางเข้าลับของพระราชวังใต้ดินประมาณ 300 ฟุต ลิงค์กับอีกสองคนนั้นรู้สึกตัวว่าพวกเขาไม่สามารถสัมผัสได้ถึงความผันผวนของมานาจากตัวโมเรสเทิร์นเลย นักเวทย์เจ้าเล่ห์คนนี้จะต้องใช้เวทย์อำพรางหรืออุปกรณ์เวทมนตร์ในการซ่อนออร่าและมานาของเขาเพื่อที่จะลอบโจมตีพวกเขาจากด้านหลังแน่ๆ!
โมเรสเทิร์นลงมาบนทะเลและเดินบนน้ำไปจนถึงทางเข้าของพระราชวังใต้ดินโดยที่ไม่หยุดเลย
ข้างหลังก้อนหิน แวนซ์กำลังคิดว่าวันนี้มันน่าตื่นเต้นขนาดไหน พวกเขากำลังลอบโจมตีผู้ลอบโจมตี! เขารู้สึกมีชีวิตชีวาและตื่นเต้นมากเป็นครั้งแรกตลอดช่วงเวลาที่เขามีชีวิตอยู่มา
“พวกเราจะทำอะไรกันต่อ?” แวนซ์ถามลิงค์ “พวกเราจะตามไอบ้านั่นลงไปใต้ดินหรอ?”ตอนนี้เขารู้แล้วว่าลิงค์มีมันสมองที่ฉลาด
“ไม่จำเป็นต้องทำแบบนั้นหรอก” ลิงค์ตอบพร้อมกับส่ายหัว “ชายคนนั้นสามารถร่ายเวทย์เลเวล 7 ได้ในทันที; ถ้าพวกเราตามเขาไปในตอนนี้ มันจะเป็นอันตรายต่อพวกเราเกินไป ทั้งหมดที่พวกเราต้องทำก็คือการจุดไฟเล็กๆเท่านั้น”
“จุดไฟเล็กๆ?”แวนซ์ถามอย่างสับสน
เซลีนเข้าใจถึงจุดประสงค์ของลิงค์ในทันที และนั่นก็ทำให้เธอยิ้มกว้างออกมา
“โดเรี่ยนกับโมเรสเทิร์นดูไม่ค่อยชอบกันตั้งแต่เมื่อกี๊แล้ว” เธอพูด “โดเรี่ยนไม่แสดงท่าทีเคารพต่อเจ้านายเลย แต่ถ้าเกิดว่าเขาเห็นโมเรสเทิร์นแอบเข้ามาที่พระราชวังใต้ดินของเขาหลังจากที่เขาพึ่งมาส่งสารล่ะ คิดว่าเขาจะทำอะไร?”
พอเซลีนพูดแบบนี้ แวนซ์ก็เริ่มเข้าใจสิ่งที่ลิงค์หมายถึง เขาถูหัวกระโหลกเรียบๆของเขาและถอนหายใจ
“โอ้ ข้ารู้สึกแก่ขึ้นมาเลย” เขาคร่ำครวญ “ดูเหมือนว่าสมองของข้าจะขึ้นสนิมหลังจากที่ไม่ได้ขยับตัวมานานนะ ข้าไม่คิดเลยว่าข้าจะสามารถตามความคิดของคนหนุ่มสาวทันได้!”
หลังจากที่คิดพิจารณาอยู่พักนึง แวนซ์ก็หัวเราะออกมาและให้คำแนะนำ
“ข้าเองก็เป็นนักเวทย์แห่งความมืดเหมือนโมเรสเทิร์นนะ เจ้าก็รู้” เขาพูด “และความสามารถและพลังของข้าก็พอๆกับเขาเช่นกัน เห็นได้ชัดว่าข้าเป็นคนที่เหมาะสมที่สุดในหมู่พวกเราที่จะจุดไฟเล็กๆนี้ พวกเจ้าแค่มองข้าก็พอ เด็กน้อย!”
หลังจากที่พูดจบ แวนซ์ก็แอบเข้าไปในพระราชวังใต้ดินที่เขาสร้างขึ้นมาเมื่อนานมาแล้ว