Advent of the Archmage – ตอนที่ 201: หุ่นเชิดเวทย์มนตร์อันไร้เทียมทาน ส่วนที่ 1

ตุบ!

 

ในที่สุดนักรบขวานคนสุดท้ายก็ล้มลง เขาได้ตายก่อนที่เขาจะล้มลงไปที่พื้นเสียอีก โมเรสเทิร์นถอนหายใจออกมายาวๆและเอามือไปดึงฮู้ดของผ้าคลุมที่ขาดวิ่นของเขาลงมา ในตอนนี้ กระดูกที่แตกหักและร่างกายของเขาที่ถูกนักรบขวานโจมตีมาก่อนหน้านี้ก็แทบจะพังลงพื้นแล้ว

 

“อา ถึงเวลาหาร่างกายใหม่แล้วสินะ” โมเรสเทิร์นพูด

 

แต่นี่ก็ไม่ได้เป็นปัญหาใหญ่ เพราะเขาได้ฆ่าคนเกือบทั้งหมดของโดเรียนไปแล้ว หลังจากที่เขาออกไปจากที่นี่ได้ เขาเพียงแค่ไปหาที่ปลอดภัยและพักผ่อนซักพักนึง จากนั้นพอเขาฟื้นตัวขึ้นมาได้เล็กน้อยก็ค่อยกลับมาฆ่าโดเรียน แล้วพระราชวังใต้ดินก็จะตกเป็นของเขา

 

นี่มันค่อนข้างเกินกว่าที่ข้าคาดการณ์เอาไว้นะเนี่ย โมเรสเทิร์นคิด

 

 

เขามองไปที่ซากศพที่นอนเกลื่อนกลาดอยู่บนพื้นและเขาก็อดที่จะภูมิใจในตัวเองไม่ได้  เขาไม่ได้ออกข้างนอกมากว่า 100 ปีแล้ว;ใครจะไปคิดหล่ะว่าเขายังคงฟิตปั๋งอยู่?

 

 

หลังจากพักผ่อนเล็กน้อย โมเรสเทิร์นก็เดินไปที่ทางออกและเตรียมตัวที่จะออกจากพระราชวังใต้ดิน ป้อมเงายังคงทำงานอยู่ แต่ว่ามันคงไม่มีปัญหาอะไรสำหรับเขาที่จะยกเลิกมันในตอนนี้  เพราะว่ามันไม่มีใครอีกแล้วในที่นี้ที่จะมาขัดขวางเขาได้

 

 

มานาในร่างกายของเขานั้นเกือบหมดแล้วในตอนนี้ ดังนั้นโมเรสเทิร์นจึงเอาขวดน้ำยาเรืองแสงออกมาและกินมันหมดในอึกเดียว มันคือยามานาระดับสูงซึ่งมีผลรุนแรงในการฟื้นฟูร่างกายที่มานาเกือบจะหมดแล้วให้กลับมาเต็มอีกครั้ง จากนั้นเขาก็หยิบคทาของเขาขึ้นมาแล้วส่งมานาผ่านโครงกระดูกไปที่หัวของคทาทำให้เกิดการผันผวนของมานาอันรุนแรงที่ทางเดิน

 

โมเรสเทิร์นนั้นคิดจะใช้มานาที่เหลืออยู่ในร่างกายทั้งหมดในการร่ายเวทย์โจมตีเลเวล 7 ที่อยู่ในคทาของเขาเพื่อที่จะทำลายป้อมเงา แต่พอกระบวนการร่ายเวทย์ดำเนินไปได้แค่ครึ่งเดียว ก็มีความคิดนึงผุดขึ้นมาในหัวของโมเรสเทิร์นซึ่งทำให้เขาหยุดในทันที

 

 

ถ้าเกิดว่าคนพวกนั้นรอข้าอยู่ที่ด้านนอกล่ะ? เขาคิด มันก็จะเป็นการฆ่าตัวตายสินะถ้าเกิดว่าข้าใช้เวทย์เลเวล 7 ในตอนนี้?

 

พอเขาคิดเกี่ยวกับมัน โมเรสเทิร์นก็กัดฟันของเขาแล้วตัดสินใจที่จะนั่งลงตรงนี้แทนที่จะออกไปข้างนอก เขารู้ว่ามีคน 3 คนรอที่จะโจมตีเขาอยู่ และหนึ่งในพวกเขาก็เป็นจอมเวทแห่งความมืดที่แข็งแกร่งที่อยู่ในพระราชวังใต้ดินนี้จริงๆ ในขณะเดียวกันนั้น, ลูกน้องของโดเรี่ยนก็ถูกจัดการหมดแล้ว ดังนั้นจึงเหลือเพียงโดเรี่ยนเท่านั้นที่จะต้องจัดการด้วย

 

ร่างกายของเขาอ่อนแอมากในตอนนี้ ดังนั้นมันต้องไม่ใช่ความคิดที่ดีแน่ๆหากจะไปต่อสู้กับโดเรี่ยน แผนการที่ดีที่สุดสำหรับเขานั้นก็คือการรออยู่อย่างเงียบๆ, ฟื้นฟูพลังของเขาและไม่ไปกระตุ้นความสงสัยของโดเรี่ยนเพื่อไม่ให้เขาออกมา

 

 

พอเขาคิดได้อย่างนั้น โมเรสเทิร์นก็หลับตาลงและเข้าสู่สถานะทำสมาธิครึ่งนึงเพื่อที่จะเร่งอัตราการฟื้นฟูร่างกายของเขา

 

แต่ว่าในตอนนั้นเอง เขาก็ได้ยินเสียงฝีเท้าดังมาจากส่วนลึกของพระราชวังใต้ดิน

 

ตุบ…ตุบ….ตุบ…

 

เสียงฝีเท้านั้นเบาและสม่ำเสมอ และเสียงของมันก็ไม่ได้ดูเร็วขนาดนั้น

 

โมเรสเทิร์นถึงกับตกตะลึง เขาลืมตาขึ้นมาในทันทีและเห็นสิ่งที่มีรูปร่างผอมเดินออกมาจากทางเข้าใหญ่ ร่างตะคุ่มๆนั้นมีความสูงประมาน 5 ฟุต 6 นิ้ว รูปร่างของเงานั้นค่อนข้างผอมและดูเหมือนผู้หญิงมาก; จุดที่น่าสงสารที่สุดก็คือส่วนหน้าอกของมันที่แบนมากๆ โมเรสเทิร์นสามารถสังเกตุได้ว่าเธอนั้นสวมชุดเดรสยาวและถูกปกคลุมด้วยเกล็ดที่เป็นประกาย ในขณะที่แขนของเธอกำลังถือดาบยาว 4 ฟุตอยู่ พอเขามองไปที่ใบหน้าของเธออีกครั้งเขาก็สังเกตเห็นว่าผิวของเธอนั้นใสและเรียบเนียนเหมือนกับเครื่องถ้วยชาม และหน้าตาของเธอก็ไร้ที่ติ ดวงตาสีดำของเธอนั้นเป็นประกายน่าดึงดูด…อา นี่มันคือความสวยงามที่แท้จริง!

 

“เจ้าคือ…?” โมเรสเทิร์นถามด้วยความงุนงง

 

เขาไม่ใช่คนที่จะถูกใครบางคนที่ปรากฏตัวออกมาอย่างโดดเด่นหลอกเอาได้ง่ายๆ แน่นอนว่าผู้หญิงที่อยู่ตรงหน้าเขานั้นสวยงามจริงๆ แต่ที่น่าแปลกก็คือ เขาไม่สามารถสัมผัสออร่าพลังงานชีวิตจากตัวเธอได้เลย เว้นเสียแต่ความผันผวนของมานาที่ออกมาจากร่างของเธอ หรือพูดอีกนัยนึงก็คือ เธอนั้นไม่ได้ต่างอะไรกับก้อนหินที่มีชีวิตเลย

 

ใบหน้าของหญิงสาวนั้นไม่ได้แสดงอารมณ์ออกมาเลยในตอนที่เธอเดินมาหาโมเรสเทิร์นแบบไม่ช้าและก็ไม่เร็ว ในตอนที่เธออยู่ห่างจากเขาประมาณ 160 ฟุต เธอก็พูดขึ้นมาอย่างกระทันหัน

 

“เป้าหมาย: นักเวทย์วูดู ความสูง: 5 ฟุต 8 นิ้ว น้ำหนัก: 150 ปอนด์ จุดเด่น: เวทย์ลึกลับ ระดับภัยคุกคาม: 2 ดาว”

 

 

“…?” โมเรสเทิร์นไม่เข้าใจว่าเธอพูดถึงอะไรและทำได้แค่นั่งนิ่งอยู่กับที่ แต่ว่าเขาก็เตรียมพร้อมที่จะปล่อยการโจมตี ในตอนที่เขามั่นใจว่าหญิงสาวคนนี้จะเป็นภัยคุกคามแก่เขา

 

เขาเปิดใช้บาเรีย 3 ด้าน, ยกคทาของเขาขึ้นมาแล้วชี้ไปที่หญิงสาวและร่ายเวทย์ “สลายธาตุ!”

 

แผ่นโปร่งแสงของมานาที่เหมือนกับน้ำได้พุ่งออกไปหาหญิงสาวที่แปลกประหลาดคนนี้

 

 

ชิ้ง!

 

 

อยู่ๆร่างกายของหญิงสาวก็เบลอ และเธอก็งอตัวไปด้านหลังจนร่างกายของเธอแทบจะแนบกับพื้นและหลบสลายธาตุด้วยความเร็วอันไม่น่าเชื่อ

 

ไหงเธอถึงเร็วขนาดนั้นได้หล่ะเนี่ย! โมเรสเทิร์นคิด  ถึงแม้ว่าเขาจะดูไม่ตื่นตระหนกเลยก็ตาม แต่ถ้าเกิดว่าผู้หญิงคนนี้สามารถหลบการโจมตีจากระยะไกลได้ แล้วถ้าเป็นการโจมตีแบบระยะกว้างหล่ะ?

 

“ใยแมงมุม!” โมเรสเทิร์นตัดสินใจที่จะโยนใยในครั้งนี้เพื่อที่จะทำให้เธอช้าลง

 

ในจังหวะที่แสงสีขาวของเวทย์มนตร์ปรากฏขึ้น โมเรสเทิร์นก็รู้สึกตัวได้ในทันทีว่าหญิงสาวนั้นได้หายตัวไปแล้ว!

 

“เธอหายไปไหน?” โมเรสเทิร์นพูดด้วยความงุนงง

 

จากนั้น เขาก็รู้สึกเย็นวาปที่หน้าผากของเขาเหมือนกับว่ามีอะไรบางอย่างที่เย็นๆมาเจาะกะโหลกของเขา ในตอนสุดท้ายนั้นเอง เขาก็เห็นใบหน้าอันสวยงามของหญิงสาวอยู่เบื้องหน้าของเขา ภาพสุดท้ายที่อยู่ในใจของเขาก็คือดวงตาอันสดใสและเย้ายวนของเธอ

 

มันเป็นไปได้ยังไง?ทำไมบาเรียป้องกันของข้าถึงไม่ได้ผล?

 

 

นั่นคือความคิดสุดท้ายในหัวของโมเรสเทิร์น เขาตายในทันทีหลังจากนั้น และเวทย์ใยแมงมุมก็หายไปพร้อมกับเขา

 

 

“ภารกิจสำเร็จ เป้าหมายถูกกำจัด” หญิงสาวพูด เสียงของเธอนั้นบริสุทธ์และไร้เดียงสาเหมือนกับนกลาร์ค จากนั้นเธอก็หันหลังกลับและเดินกลับเข้าไปในพระราชวังใต้ดิน

 

ตุบ…ตุบ….ตุบ….

 

เธอเดินไปอย่างไม่รีบร้อน เหมือนกับว่าเธอกำลังมีความสุขไปกับการเดินเล่นในสวนสาธารณะในตอนกลางวัน

 

ผลั่ก!!

 

ร่างของโมเรสเทิร์นล้มลงกับพื้น เขาตายแล้ว ด้วยน้ำมือของศัตรูที่ไร้ชื่อ

 

 

ที่ด้านนอกของพระราชวังใต้ดิน

 

“โมเรสเทิร์นตายแล้ว” แวนซ์พูดขึ้นมา เขาได้ติดตามสถานการณ์ภายในพระราชวังใต้ดินอย่างใกล้ชิดมาโดยตลอด

 

ก่อนหน้านี้เขาได้ทิ้งรูนตรวจจับเอาไว้ด้านในเป็นจำนวนมาก ซึ่งรูนพวกนี้ได้บอกเขาว่าออร่าพลังชีวิตของนักเวทย์วูดูเลเวล 7 ที่ทรงพลังนั้นได้หายไปอย่างสมบูรณ์แล้ว

 

“เขาถูกหุ่นเชิดเวทย์มนตร์ฆ่าอย่างงั้นหรอ?” ลิงค์ถาม

 

 

แวนซ์พยักหน้าของเขา “ข้าคิดว่าอย่างนั้นนะ” เขาพูด “ถ้าเกิดว่ารูนไม่ได้ผิดพลาด  น่าจะมีนักสู้เพียงแค่สองคนที่เหลืออยู่ในพระราชวังใต้ดิน คนนึงก็คือโดเรียนและอีกคนก็คือหุ่นเชิดเวทย์มนตร์”

 

“พวกเราบุกเข้าไปข้างในตอนนี้เลยได้ไหม?”เซลีนถาม

 

 

“ตอนไหนก็ได้” แวนซ์ตอบ, จากนั้นแวนซ์ก็มองไปทางพระราชวังใต้ดินและเห็นว่าป้อมเงาของโมเรสเทิร์นยังคงอยู่ที่นั่น “มันต้องใช้มานาในการคงสภาพป้อมเงาเอาไว้ ตอนนี้โมเรสเทิร์นตายแล้วอีกไม่นานมันคงพังลง พวกเราควรจะรออีกซักพักนึง”

 

ลิงค์ได้ใช้โอกาสนี้ในการถามคำถามแวนซ์เกี่ยวกับคำถามที่ติดอยู่ในใจของเขา

 

“หุ่นเชิดเวทย์มนตร์ที่คุณพูดถึงดูแข็งแกร่งมากเลยนะ” เขาพูด “บอกผมเกี่ยวกับมันมาให้มากกว่านี้หน่อยสิ”

 

“ได้สิ แน่นอนว่าเธอแข็งแกร่งมาก!” แวนซ์ตะโกนด้วยความภาคภูมิใจอย่างเห็นได้ชัด “เธอชื่อว่านานะ ร่างกายของเธอสร้างขึ้นด้วยทองของจิ๊บที่สามารถทนต่ออุณหภูมิที่ต่ำและสูงมากๆได้ เธอนั้นใกล้เคียงกับคำว่าไม่สามารถทำลายได้ ผนึกเวทย์มนตร์ในร่างกายของเธอนั้นทำขึ้นมาจากทอเรียมทองที่เป็นสื่อนำมานาที่ดีที่สุดในโลก แถมข้ายังใส่ผนึกความทรงจำเวทย์มนตร์โซลอนลงไปในสมองของเธอถึง 1,028 ยูนิตด้วยเพื่อให้เธอสามารถเรียนรู้จากประสบการณ์การต่อสู้ และวิวัฒนาการจนทำให้เธอเก่งขึ้นได้เรื่อยๆ…”

 

“เดี๋ยว เดี๋ยว เดี๋ยวก่อน” เซลีนพูดแทรก “ฉันแทบไม่เข้าใจที่คุณพูดเลย คุณช่วยพูดให้ง่ายกว่านี้หน่อยได้ไหม?”

 

“โอเค ถ้างั้น” แวนซ์พูด “เธอมีจุดแข็งสองอย่าง อย่างแรกคือความเร็วของเธอ เธอเร็วมากๆ ปกติเธอมักจะเดินแบบธรรมดาเหมือนเดินเล่น แต่ถ้าเธอต้องการ เธอสามารถเร่งความเร็วของเธอให้ถึงจุดสูงสุดได้และสามารถเคลื่อนที่ได้ 25 ไมล์ต่อวินาที”

 

 

เซลีนถึงกับกลืนน้ำลายในตอนที่ได้ฟังการเปิดเผยนี้  ตอนนี้เธอเป็นนักรบเลเวล 6 และสามารถพิจารณาได้ว่าเป็นหนึงในนักรบที่เก่งที่สุดในทวีป แต่ต่อให้เธอกางปีกของเธอออกและพุ่งไปในอากาศ ความเร็วของเธอก็ไม่ได้เร็วไปกว่า 10 ไมล์ต่อวินาที ซึ่งนั่นหมายความว่าเธอช้ากว่านานะถึง 4 เท่า!

 

แม้แต่ลิงค์เองก็ตะลึงและไม่เชื่อในสิ่งที่ได้ยิน

 

“นั่นมันเร็วกว่าเสียงอีกนะ!” เขาอุทาน “คุณแน่ใจนะว่าคุณไม่ได้พูดเกินจริง?”

 

“ข้าไม่ทำเรื่องแบบนั้นหรอก!” แวนซ์พูด เขายิ่งดูภูมิในในสิ่งประดิษฐ์ของเขาขึ้นไปอีก “ความจริงแล้ว นั่นคือความเร็วของเธอเมื่อ 400 ปีที่แล้ว! อย่าลืมนะว่านานะสามารถวิวัฒนาการให้เก่งขึ้นได้ ข้าไม่ค่อยอยากจะบอกเลย แม้แต่ข้าเองก็ไม่รู้ว่าเธอนั้นเร็วขึ้นมากแค่ไหนในตอนนี้ ซึ่งนั่นคือเหตุผลที่ทำไมข้าถึงต้องเตือนเธอ เซลีน เธอจะต้องป้องกันเท่านั้น อย่าพยายามที่จะโจมตีเธอหล่ะ!”

 

เซลีนมองบนให้กับคำพูดของลิซ เธอไม่ได้โง่หรือบ้าพอที่จะไปพยายามโจมตีสัตว์ประหลาดที่รวดเร็วขนาดนั้น นอกเสียจากว่าเธอต้องการที่จะตาย!

 

“แล้วจุดแข็งที่สองของเธอหล่ะ?” ลิงค์ถาม

 

“จุดแข็งที่สองของเธอก็คือการโจมตีจุดอ่อนของศัตรู” แวนซ์พูด เนื่องจากกลัวว่าทั้งสองจะไม่เข้าใจศัพท์เทคนิค แวนซ์จึงใช้นิ้วกระดูกของเขาวาดผนึกเวทย์มนตร์ง่ายๆลงบนพื้น

 

“ดูนี่นะ” เขาพูด “นี่คือเวทย์ป้องกันเลเวล 0 โล่ธรรมดา พอร่ายเวทย์ โล่แสงก็จะปรากฏขึ้นรอบๆตัวของผู้ร่ายใช่มั้ย?”

 

ทั้งสองพยักหน้าพร้อมกัน

 

 

“ถ้ามองไปที่พื้นผิวของมัน” เขาพูดต่อ “โล่แสงนี้ดูเรียบและเป็นระเบียบ แต่ความเป็นจริง มันจะมีบางจุดของโล่ที่มันเปราะบางกว่าส่วนอื่นๆ…ตามทันใช่ไหม?”

 

เซลีนขมวดคิ้วเพราะว่าเธอไม่เข้าใจมัน ความรู้พื้นฐานในด้านเวทย์มนตร์ของเธอนั้นมีไม่มาก ในอีกด้านนึงลิงค์พยักหน้าอย่างชัดเจน ถึงแม้ว่าเขาจะขมวดคิ้วด้วยก็ตาม

 

“จุดที่มีความแข็งแกร่งแตกต่างกันนั้นมันมีอยู่ก็จริง” เขาพูด “แต่ว่าปกติพวกมันไม่เสถียรและอยู่ได้ไม่นาน จุดอ่อนทุกที่ไม่สามารถอยู่ได้นานไปมากกว่า 0.0001 วินาทีหรอก แล้วนานะสามารถใช้ประโยชน์จากจุดนั้นได้ยังไง?”

 

แวนซ์พยักหน้าให้กับคำถามของลิงค์

 

“ความจริงที่ว่าความเร็วของเธอนั้นสามารถไปถึง 25 ไมล์ต่อวินาทีได้” เขาเริ่มอธิบาย “นั่นก็พิสูจน์แล้วว่าเธอนั้นมีการตอบสนองที่เร็วมากๆ ความจริงก็คือ เมื่อ 400 ปีที่แล้ว ความเร็วในการตอบสนองของเธอก็คือ 0.002 วินาที”

 

“เร็วขนาดนั้นเลยหรอ?” ลิงค์ถาม เขาตกใจมาก

 

ตั้งแต่ที่มาที่โลกนี้  ข้อได้เปรียบที่ทรงพลังที่สุดของลิงค์ก็คือความเร็วในการคิดที่น่ากลัวของเขา เขาเคยวัดว่าขีดจำกัดของมันอยู่ที่ประมาณ  0.001 วินาที และเขาก็ไม่สามารถรักษาสถานะนั้นได้นานกว่า 2 วินาที และตอนนี้เขาก็พบกับหุ่นเชิดที่มนุษย์สร้างขึ้นที่มีความเร็วการตอบสนองพอๆกับเขา! เขาต้องยอมรับในจุดนี้ว่าแวนซ์นั้นคืออัจฉริยะที่ควรจะภูมิใจในสิ่งประดิษฐ์ของเขาจริงๆ

 

“ลิงค์” เซลีนพูด “ฉันคิดว่าฉันเริ่มกลัวมันหน่อยๆแล้ว” แม้ว่าเธอจะไม่ได้เข้าใจในความแข็งแกร่งของหุ่นเชิดแบบละเอียดจริงๆ แต่เธอก็ยังคงรู้สึกว่าความเร็วในการตอบสนอง 0.002 วินาทีและความเร็วในการเคลื่อนที่ 25 ไมล์ต่อวินาทีนั้นแค่คิดก็น่ากลัวแล้ว

 

 

เธอคงไม่มีหวังที่จะสู้หรือป้องกันตัวเองกับสิ่งที่มีความเร็วขนาดนั้น เธออาจจะถูกฆ่าภายในเสี้ยววินาทีโดยที่ยังไม่รู้ว่าเธอโดนอะไรด้วยซ้ำ!

 

“ไม่ต้องกังวลนะ” ลิงค์พูดหลังจากคิดอยู่ซักพักนึง “ฉันจะปกป้องเธอจากด้านหลังเอง”

 

พวกเขามีกัน 3 คนและหนึ่งในนั้นก็คือลิซ 1,000 ปีเลเวล 7 ที่เป็นคนสร้างหุ่นเชิดเวทย์มนตร์ขึ้นมาเอง ถูกไหม? ความเร็วในการคิดของลิงค์เองก็เร็วมากเช่นกัน ดังนั้นเขาน่าจะสามารถปกป้องเซลีนได้อย่างไม่มีปัญหา

 

“ถ้างั้นก็โอเค” เซลีนพูด เธอรู้ว่าลิงค์ไม่เคยให้สัญญาลมๆแล้งๆ ดังนั้นตอนนี้เขาได้ให้สัญญากับเธอแล้ว เธอจึงรู้สึกโล่งใจ

 

ในตอนนั้นเอง แสงสีน้ำเงินอ่อนในพระราชวังใต้ดินก็ส่องแสงสว่างจ้าออกมา-ป้อมเงาได้พังลงแล้ว

 

 

“ถึงเวลาแล้ว” แวนซ์พูด “ไปกันเถอะ”

 

 

แวนซ์ร่ายเวทย์ไร้ร่องรอยใส่พวกเขาทั้งสามอีกครั้งและเดินนำสองคนที่เหลือเข้าไปในพระราชวังใต้ดิน เซลีนจับดาบไพลินของเธออย่างแน่นหนาและเดินตามหลังลิซไปอย่างใกล้ชิด ลิงค์เป็นคนสุดท้ายที่ตามหลังเซลีน ทั้งสามคนได้ตั้งสติเตรียมพร้อมที่จะต่อสู้กับหุ่นเชิดเวทย์มนตร์ที่ไร้เทียมทานแล้ว

Advent of the Archmage

Advent of the Archmage

Type: Author: , ,
เรื่องย่อ ลิงค์เป็นอาร์จเมจที่เก่งที่สุดในทุกๆเซิร์ฟเวอร์ เขาเพิ่งจะโค้นล้มบอสที่แข็งแกร่งที่สุด,เจ้าแห่งความลึก โนโซม่า ด้วยปาร์ตี้ของเขา อย่างไรก็ตาม,แทนที่เขาจะกลับไปที่เมื่อง เขากลับถูกส่งตัวไปที่พื้นที่ลับด้วยพิกเซลCG มันให้ความรู้สึกเหมือนกับสูญญากาศ และภายในนั้นก็ได้มีเสียงที่ยิ่งใหญ่และมากด้วยอำนาจที่เรียกตัวเองว่าพระเจ้าแห่งแสงสว่างดังขึ้น “ลิงค์ เจ้าเต็มใจที่จะเป็นผู้ช่วยชีวิตที่จะดึงโลกแห่งฟิรูแมนออกจากความปั่นป่วนไหม?” ภารกิจที่ยิ่งใหญ่นี้มันอะไรกัน! ถ้ามันเป็นโลกจริง ลิงค์ คงจะปฏิเสธไปในทันที อย่างไรก็ตามเขาก็มีความแน่วแน่ที่จะเป็นฮีโร่ในเกมส์ “จัดไปเลย!” ลิงค์ ตอบอย่างมั่นใจ “ถ้างั้นก็ขอให้เจ้าโชคดี” และนั่นจะเป็นการเริ่มต้นการเดินทางที่เต็มไปด้วย เวทย์มนตร์,มิตรภาพ,การทรยศ,ความรัก และความสิ้นหวังของ ลิงค์ ในโลกที่เปลี่ยนแปลงไปของฟิรุแมน Link was the top Archmage in the entire server. He had just defeated the strongest boss, the Lord of The Deep, Nozama with his party. However, instead of going back to town, he was transported to a secret location with pixelated CG. It sort of felt like a vacuum, and within it came a glorious and commanding voice that calls himself the God of Light. “Link, would you be willing to be the saviour who will pull the World of Firuman out from the churning abyss?” What a huge mission! If it was in the real world, Link would have rejected it immediately. However, he was bent on being the hero in game. “Bring it on!” Link answered confidently. “Then, best of luck.” And so began Link’s journey of magic, friendship, betrayal, love and despair in the ever changing World of Firuman.

Comment

Options

not work with dark mode
Reset