ดอเรียสออกมาข้างนอกได้ 3 วันแล้ว ในวันที่ 2 มีพายุรุนแรงมาจากทางไหนก็ไม่รู้เข้ามายังที่รกร้างเฟิร์ด ตอนกลางวันของวันที่ 3 ดอเรียสได้กลับมาถึง และดูเหมือนว่าเขาจะแสดงท่าทีแปลกๆ
ในตอนที่เขามาถึง เขารีบตรงกลับไปที่คอกใหญ่ที่ลิงค์สร้างขึ้นมาให้เขาเป็นพิเศษ
“เอาเนื้อย่างมาให้ข้าแล้วก็ขอเร็วๆด้วย!” เขาตะโกน “ข้าใกล้จะอดตายอยู่แล้ว! แล้วก็ทำอย่าลืมใส่พริกกับเกลือสมุทรลงไปในเนื้อของข้าหล่ะ!”
ในตอนนี้ ลิงค์กำลังศึกษาเรื่องการออกแบบพิมพ์เขียวสำหรับหุ่นเชิดเวทมนตร์อยู่ในห้องของเขา พอเขาได้ยินเสียงวุ่นวายดังมาจากข้างนอก เขาก็เดินออกมาจากกระท่อมไม้แล้วเห็นคนรับใช้บางส่วนของเขากำลังเทน้ำสะอาดจากถัง, ใส่ร่างกายของดอเรียส น้ำนั้นไหลผ่านร่างกายของเขาที่เต็มไปด้วยฝุ่นและโคลน
“แกไปอยู่ที่ไหนมา?” ลิงค์ถามในตอนที่เขามาถึงตัวเสือ “นี่แกตกลงในบ่อโคลนงั้นหรอ?”
ดอเรียสส่ายหัวอันใหญ่โตของเขาแล้วแสดงสีหน้าภาคภูมิใจแบบแปลกๆ
“ข้าพบที่มาของพายุแล้ว” เขาเปิดเผย “มันอยู่บนเกาะแปลกๆที่อยู่ในทะเล น่าจะประมาณ 100 ไมล์จากที่นี่ ก่อนที่ข้าจะไปถึงเกาะนั่นมันเงียบและสงบมาก แต่พอข้าย่างก้าวเข้าไปบนเกาะ ก็เกิดพายุรุนแรงขึ้นมาอย่างรวดเร็ว ข้าเกือบจะถูกพัดลอยไปในอากาศเพราะพายุนั่นแล้ว!”
“เกาะที่อยู่ห่างจากที่นี่ไป 100 ไมล์งั้นหรอ?” ลิงค์ถาม “แกจำได้ไหมว่าแถวนั้นมีหน้าผาหรือถ้ำรึเปล่า?”
ดอเรียสจ้องไปที่ลิงค์ด้วยความตกใจ
“โอ้ นี่เจ้ารู้เรื่องถ้ำที่อยู่บนเกาะด้วยหรอ?” เขาถาม
ที่จริงแล้วลิงค์นึกขึ้นได้ว่ามันมีอยู่ในบันทึกของหนังสือประวัติศาตร์สงครามของผู้วายชนม์ที่บอกว่าสถานที่ที่กษัตริย์ไลออนฮาร์ตถูกพัดปลิวไปนั้นเป็นถ้ำ ดูเหมือนว่าคำอธิบายนั้นจะเป็นเรื่องจริง และมันก็เป็นความจริงที่เขาถูกพัดจากแผ่นดินใหญ่ไปยังเกาะที่อยู่ใจกลางทะเล
พอเขาพบเป้าหมาย ลิงค์ก็รู้สึกว่าปัญหาได้ถูกแก้ไปแล้วครึ่งนึง เขาตัดสินใจว่าสิ่งที่เขาต้องทำในตอนนี้ก็คือการไปดูสถานที่ให้เห็นกับตาตัวเอง
“ข้าจะพาเจ้าไปที่นั่นในตอนที่ข้าอิ่มแล้ว” ดอเรียสพูด เขาสามารถเดาได้ว่าลิงค์กำลังคิดอะไรอยู่
หัวหน้าพ่อครัวของค่ายนั้นทำงานได้ดีมากๆ เขาย่างวัวสองตัวได้พอดีกับความชอบของดอเรียส ดังนั้นจึงเป็นธรรมดา, ที่เขาอยากจะลิ้มรสชาติอาหารที่เขาได้รับมาทุกครั้ง พอเขาแทะกระดูกจนหมดเกลี้ยง เขาก็เรอออกมาเสียงดังแล้วสะบัดขนของเขาให้แห้ง
“ไปกันเถอะ” เขาพูด พร้อมกับหันมาหาลิงค์
ลิงค์ถ่ายทอดคำสั่งที่เหมาะสมให้กับเลขาของเขา, โจชัว ก่อนที่เขาจะปีนขึ้นไปบนหลังของเสือยักษ์ แล้วรีบออกเดินทางไปทะเล
พอมาถึงชายหาด ลิงค์ก็เห็นท่าเรือที่กำลังอยู่ในระหว่างการก่อสร้าง ชาวยับบ้านั้นมีประสิทธิภาพเหมือนกับที่เขาลือกันจริงๆ มันพึ่งผ่านไปได้ไม่ถึงครึ่งเดือนเองหลังจากที่พวกเขามา แต่ว่าตอนนี้ลิงค์สามารถเห็นโครงสร้างหยาบๆของท่าเรือได้แล้ว ถ้าเกิดว่าพวกเขายังทำงานกันต่อไปแบบนี่ ท่าเรือจะต้องพร้อมใช้งานภายในเวลาไม่ถึง 1 เดือนแน่ๆ
การก่อสร้างในที่ดินของฉันกำลังไปได้ด้วยดี ลิงค์คิด และฉันก็มีวัตถุดิบเวทมนตร์กับเหรียญทองเรียบร้อยแล้ว ตอนนี้ สิ่งเดียวที่ต้องแก้ไขก็คือปัญหาเรื่องสภาพอากาศเท่านั้น!
ในขณะเดียวกัน ดอเรียสก็ได้มาถึงส่วนปลายของชายฝั่ง จากนั้นเขาก็คำราม และทันใดนั้นร่างกายของเขาก็ถูกห่อหุ้มโดยประกายแสงสีฟ้า จากนั้นเจ้าเสือก็ได้กระโดดลงจากหน้าผา และพอเท้าของเขาแตะผิวน้ำ มันก็เหมือนกับเขาลงมาบนพื้นดิน จากนั้นเขาก็วิ่งต่อด้วยความเร็วเท่ากับสายลมบนพื้นผิวของน้ำทะเล
ดอเรียสส่ายหัวไปมาอย่างภูมิใจแล้วเอาหน้าโต้ลมในขณะที่เขาวิ่ง
“เจ้าคิดยังไงกับการเคลื่อนไหวของข้า, ลิงค์?” เขาถาม
“ราบรื่นมาก” ลิงค์ตอบด้วยรอยยิ้ม
โฮก!!! โฮกกกกกก!!!
จากนั้นดอเรียสก็ปรับตัวกับพื้นผิวใหม่ที่เขากำลังวิ่งอยู่และความเร็วของเขาก็เพิ่มขึ้นอย่างมาก มันใช้เวลาไม่ถึง 1 ชั่วโมงในการเดินทางระยะ 100 ไมล์ ไม่นานนัก ลิงค์ก็สังเกตุเห็นจุดสีดำๆที่เส้นขอบฟ้า
“เจ้าเห็นนั่นรึเปล่า? มันอยู่ตรงนั้นแหล่ะ” ดอเรียสพูด “มันดูเหมือนกับเกาะที่แห้งแล้งและดูธรรมดาเมื่อมองจากที่ไกลๆ มันไม่มีอะไรผิดปกติรอบๆเลย แต่พอเจ้าเข้าไปในระยะ 300 ฟุตจากเกาะนี้ มันก็จะมีลมพายุใหญ่เกิดขึ้น มันรุนแรงมากจนเจ้าไม่สามารถทนมันได้ ข้าพยายามมาสองครั้งแล้วในตอนที่ข้ามาถึงที่นี่และผลก็ออกมาเหมือนเดิมทั้ง 2 ครั้ง มันแปลกมากๆเลย”
ลิงค์ไม่รู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับตัวเขา เขาทำได้แค่รอให้เข้าไปถึงเกาะด้วยตัวเองและลองเผชิญหน้ากับมันก่อน
ไม่นานหลังจากนั้น พวกเขาทั้งคู่ก็มาถึงเกาะ มันเป็นสถานที่ที่หนาวเหน็บและแห้งแล้งมากซึ่งแม้กระทั่งต้นหญ้าก็ไม่สามารถเติบโตได้ และที่นั่นก็ยังมีหาดทรายที่อยู่ใกล้กับชายฝั่ง ในขณะที่ส่วนด้านในของเกาะนั้นเต็มไปด้วยหินสีน้ำตาลเก่าๆที่เต็มไปด้วยรูเหมือนกับรังผึ้ง
จากระยะไกลๆ, หินพวกนี้ดูเหมือนจะก่อตัวเป็นถ้ำที่มีสายลมอ่อนๆพัดออกมาจากส่วนลึกของมัน
“หากมองจากตรงนี้ทุกอย่างยังดูปกติใช่ไหมหล่ะ” ดอเรียสพูด “แต่เดี๋ยวพอพวกเราก้าวเข้าไปในเกาะมากกว่านี้ทุกอย่างจะเปลี่ยนไปอย่างรวดเร็ว”
ดอเรียสย่อตัวลงเล็กน้อยและเขาก็เดินต่อไปอย่างช้าๆและระมัดระวังเพื่อที่จะเตรียมตัวรับพายุอันรุนแรงที่จะเกิดขึ้นอย่างฉับพลัน ลิงค์กระโดดลงจากหลังของเสือและร่ายเวทย์เอเดลไวซ์สีแดงใส่ตัวเองเพื่อเป็นการป้องกันเอาไว้ก่อน จากนั้นเขาก็เดินไปข้างหน้าอย่างช้าๆโดยที่ยังอยู่ใกล้กับดอเรียส
หลังจากเดินไปได้ประมาณ 30 ฟุต จมูกของดอเรียสก็กระตุกขึ้นมาเหมือนกับว่าเขาได้กลิ่นอะไรบางอย่างในอากาศ
“เจ้าสัมผัสมันได้รึเปล่า?” เขาถาม “ลมเปลี่ยนทิศแล้ว”
มันเป็นการเปลี่ยนแปลงที่เห็นได้ชัด ในตอนแรกมันเป็นเพียงสายลมอ่อน ๆ ที่พวกเขาแทบจะไม่รู้สึกตัว แต่ตอนนี้ลมมันเริ่มที่จะพัดแรงขึ้น มันแรงพอที่จะพัดเม็ดทรายที่อยู่บนชายหาดได้ ถ้าไม่ใช่เพราะเวทย์เอเดลไวซ์ ตอนนี้เม็ดทรายพวกนั้นก็คงจะเข้าตาลิงค์ไปแล้ว
“ดูเหมือนว่าเกาะจะตื่นขึ้นมาแล้วนะ” ลิงค์กระซิบ
“ใช่เลย!” ดอเรียสตอบ “มันเหมือนกับว่ามีสัตว์ดุร้ายอยู่ในถ้ำและการปรากฏตัวของพวกเราก็ไปรบกวนการหลับใหลของมัน”
จากนั้นดอเรียสก็ย่อตัวลงจนถึงพื้นและเดินช้าลงยิ่งกว่าเดิม เขาขยี้ตาของเขาเพื่อป้องกันไม่ให้ทรายเข้าไปในดวงตาของเขา ในตอนนี้ เขาดูเหมือนกับแมวที่พร้อมจะกระโดดตะครุบเหยื่อเลย
จากนั้นลิงค์กับดอเรียสก็เดินต่อไปอีก 150 ฟุต ในตอนนี้ลมกรรโชกได้เปลี่ยนเป็นพายุโหมกระหน่ำและพัดเอาก้อนหินกับทรายลอยขึ้นไปในอากาศ แม้ว่าจะมีโล่เอเดลไวซ์, แต่ลิงค์ก็สามารถรู้สึกได้ถึงแรงกดอากาศที่มาจากลม เขามั่นใจว่าตัวเขาคงจะถูกพัดปลิวไปไกลแล้วแน่ๆถ้าเกิดว่าเขาไม่ได้ร่ายเวทมนตร์ป้องกันนี้เอาไว้ก่อน
ดอเรียสเองก็เริ่มที่จะปล่อยออร่าสีน้ำเงินออกมารอบๆตัวเขา ในตอนนี้เขาย่อตัวลงจนแทบจะถึงพื้นแล้ว และเขาก็สะบัดหัวของเขาเป็นช่วงๆเพื่อเอาทรายและหินที่ติดอยู่ระหว่างขนของตัวเองออก
“ลิงค์ ข้าเริ่มจะทนไม่ไหวแล้ว” ดอเรียสพูด “นี่พวกเราจะยังไปข้างหน้าต่ออีกหรอ?”ดอเรียสกางเล็บออกมาและฝังมันลึกลงไปในพื้นดินเพื่อป้องกันไม่ให้ถูกพายุพัดปลิว แต่ถึงอย่างนั้น ร่างกายของเขาก็กำลังถอยไปข้างหลังอย่างเห็นได้ชัด และเขาก็ทิ้งรอยเล็บลากยาวเอาไว้บนพื้นในจุดที่เขาโดนลมพายุพัดให้ถอยหลัง
ส่วนในด้านของลิงค์นั้นยังดีกว่าเพราะว่าโล่เอเดลไวซ์ได้ช่วยปกป้องเขาจากแรงลมแทบจะทั้งหมด แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็รู้สึกได้ถึงแรงกดดันจากพายุ เขาหันหลังกลับและมองไม่เห็นอะไรเลยในบริเวณใกล้เคียงยกเว้นทรายกับก้อนหิน
หลังจากที่เพ่งสายตาอยู่พักนึง ลิงค์ก็เห็นกลุ่มเมฆหนากำลังรวมตัวกันบนท้องฟ้า ไม่นานนัก มันก็ก่อตัวเป็นเมฆสีดำและพายุใหญ่ก็พัดเข้าใส่พวกเขา
มันไม่ใช่แค่ลมกรรโชกจากถ้ำแล้วในตอนนี้ กลับกัน มันเหมือนกับทั่วทั้งทวีปกำลังตกอยู่ในพายุเฮอริเคนรุนแรง!
ลิงค์เริ่มรู้สึกว่าคลื่นแห่งความหวาดกลัวกำลังเกิดขึ้นในตัวเขา
นี่คือสาเหตุที่พายุเกิดขึ้นในพื้นที่รกร้างเฟิร์ดงั้นหรอ? ลิงค์คิด ที่นี่เป็นที่ซ่อนของลอร์ดโบราณจริงๆหรอ? แต่ว่าเวลามันผ่านมานานกว่า 1,000 ปีแล้วนะ; ทำไมพลังของพวกเขาถึงยังรุนแรงขนาดนี้หล่ะ?
ครืน! ครืนนนน!
พายุนั้นรุนแรงขึ้นและดังขึ้นเรื่อยๆ ตอนนี้เสียงของมันเหมือนกับเสียงคำรามของยักษ์ที่แข็งแกร่งมากๆ ก้อนเมฆมารวมตัวกันบนท้องฟ้าจนเกือบจะบดบังแสงอาทิตย์ไม่ให้ส่องแสงมายังพื้นดินได้
“ตอนนี้แกควรถอยไปได้แล้วนะ ดอเรียส” ลิงค์พูด “ฉันว่าฉันจะไปให้ลึกกว่านี้อีกซักหน่อย” ลิงค์คิดว่าเขาน่าจะรับมือกับพายุได้นานกว่านี้อีกซักพัก เขามาที่นี่เพื่อแก้ปัญหาเรื่องสภาพอากาศในที่รกร้างเฟิร์ด ดังนั้นเขาจะไม่ยอมถอยกลับไปจนกว่าเขาจะถึงขีดจำกัด
“ระวังตัวด้วยนะ ลิงค์” ดอเรียสตะโกน จากนั้นเขาก็หันหลังกลับและวิ่งไปทางทะเล เขากระโดดลงไปในน้ำและซ่อนตัวอยู่ที่นั่น เขาเหลือแค่ส่วนหัวเอาไว้เพื่อคอยเฝ้ามองลิงค์จากระยะไกลๆ
เขาไม่รู้ว่าอะไรจะเกิดขึ้นต่อไป แต่ดวงตาดวงกลมโตของเขานั้นก็เต็มไปด้วยความวิตกกังวล
ในขณะเดียวกัน บนเกาะแม่มด ลิงค์ก็เดินไปข้างหน้าต่อ สนามพลังของเอเดลไวซ์ถูกดึงไปข้างหลังด้วยแรงลม ทำให้มันดูเหมือนกับหางของดาวหางที่ด้านหลังของลิงค์ สนามพลังที่อยู่ด้านหน้าลิงค์ก็ถูกพายุบีบอัดและกัดกร่อนจนเหลือแค่เส้นบางๆ
ถ้าเขายังคงเดินหน้าต่อไป ลิงค์รู้ว่าเอเดลไวซ์นั้นคงจะปกป้องเขาได้อีกเพียงแค่ 30 ฟุตหรือน้อยกว่านั้น
ลิงค์ได้เปิดใช้อักขระวิญญาณและร่ายเวทย์หัตถ์วัลแคน จากนั้นเขาก็รีบยกเลิกการร่ายและใช้การประสานของโครงสร้างมานาในการเปลี่ยนมันให้เป็นหัตถ์ไททัน
พรึ่บ!
มือยักษ์ปรากฏขึ้นที่ด้านหน้าของลิงค์ และปกป้องเขาจากแรงลมของพายุ
แน่นอนว่าเวทย์เลเวล 6 นั้นมีความเสถียรมากกว่าเอเดลไวซ์สีแดงเลเวล 5 ลิงค์พบว่าเขาสามารถก้าวไปข้างหน้าได้ง่ายกว่าเดิมเพราะว่าตอนนี้เขาได้รับการปกป้องจากหัตถ์ไททัน
ลิงค์ไม่แน่ใจว่าต้องใช้เวลานานเท่าไหร่ แต่ทันใดนั้นเองเขาก็รู้สึกว่าแรงกดดันจากหัตถ์ไททันดูเหมือนจะลดลง มันไม่ใช่เพราะว่าพลังของลมได้ลดลงไป แต่เพราะพลังของพายุนั้นมาถึงจุดที่มันสามารถเฉือนได้เหมือนมีดแล้ว ถ้าไม่มีหัตถ์ไททัน พายุก็คงจะกลายเป็นเหมือนกับมีดนับ 1,000 เล่มที่ล้อมรอบตัวลิงค์ และเขาก็คงจะถูกเฉือนไปทั่วร่างแล้ว
และลิงค์ก็รู้สึกตัวว่าทรายกับหินทั้งหมดที่ถูกพัดขึ้นเพราะพายุนั้นได้หายไปหมดแล้ว, เหลือไว้แค่พลังงานธาตุลมบริสุทธ์เท่านั้น
บางทีทุกสิ่งที่สามารถถูกลมพัดขึ้นได้คงปลิวหายไปหมดแล้ว ลิงค์คิด ที่นี่เหลือแค่หินเรียบๆก้อนใหญ่เท่านั้น
ลิงค์ไม่กล้าที่จะชะโงกหัวของเขาออกมาจากหัตถ์ไททันเพื่อดูว่ามีอะไรเกิดขึ้นที่ด้านหน้าของเขา ทั้งหมดที่เขาทำได้มีแค่การเดินไปข้างหน้า
หลังจากที่เดินไปได้อีกประมาณ 30 ก้าว ลิงค์ก็เริ่มรู้สึกว่าแรงลมรอบๆตัวเขานั้นเริ่มมาถึงจุดที่ไม่สามารถทนได้แล้ว มันเหมือนกับว่าเขากำลังยืนอยู่ข้างเครื่องยนต์เจ็ทเลย!
แม้กระทั่งหัตถ์ไททันก็เกือบจะถึงขีดจำกัดของมันแล้วเหมือนกัน แม้ว่าลิงค์จะใช้พลังทั้งหมดของเขาเพื่อรวบรวมพลังมาเสริมพลังให้กับสนามพลังที่อยู่ด้านหน้าของเขาและเปลี่ยนหัตถ์ไททันให้เป็นรูปแบบหมัดที่เสถียรกว่าแล้ว แต่เขาก็ยังคงเห็นร่องรอยของธาตุไฟสีแดงถูกพัดไปด้านหลังของเขาอยู่ดี
ในตอนนี้เวทย์สามารถสลายไปได้ทุกเมื่อ
ลิงค์รู้สึกได้ว่ามันจะเป็นการฆ่าตัวตายถ้าเกิดว่าเขายังคงเดินหน้าต่อไป เขาหยุดและพยายามที่จะประเมินสถานการณ์รอบๆตัวเขา เขาสามารถมองเห็นได้ดีกว่าตอนแรก แต่ว่ามุมมองของเขาก็ยังคงบิดเบี้ยวเนื่องจากการไหลของอากาศที่รวดเร็วจนกลายเป็นระลอกคลื่นโปร่งใส
ในที่สุดลิงค์ก็สังเกตเห็นออร่าน้ำแข็งสีขาวจางๆอยู่บนพื้นที่เขายืนอยู่และกำแพงหินรอบๆตัวเขา
มันจะต้องมีที่มาของแสงอยู่ไม่ไกลจากที่นี่แน่ๆ ลิงค์คิด แต่ว่ามันคืออะไรหล่ะ? ลิงค์รู้สึกสงสัยมากแต่เขาก็ไม่กล้าที่จะเสี่ยงชีวิตไปกับการค้นหามัน ถ้าเกิดว่าเขาก้าวไปลึกกว่านี้ หัตถ์ไททันจะต้องสลายไปอย่างแน่นอน จากนั้น สิ่งที่จะเกิดขึ้นตามมาอย่างแน่นอนก็คือเขาจะถูกสายลมอันรุนแรงที่อยู่รอบตัวเขาหันเป็นชิ้นๆ
ฉันควรถอยตั้งแต่ตอนนี้จะดีกว่าไหมนะ? ลิงค์คิด
ถึงแม้ว่ามันจะอันตรายอย่างเห็นได้ชัด, แต่ลิงก์ก็ยังคงลังเลเล็กน้อยและไม่อยากถอยกลับไป เขาเดินมาไกลมากและใกล้ที่จะค้นพบความจริงแล้ว การถอยกลับไปในตอนนี้ก็หมายความว่าเขาจะยังไม่สามารถแก้ปัญหาเรื่องสภาพอากาศของที่ดินของเขาได้และจะต้องกลับมาที่นี่อีกครั้งนึง
เขาพิจารณามันอยู่ 3 วินาที จากนั้นเขาก็หยิบหินนักปราชญ์สีขาวออกมา
สภาพอากาศอันรุนแรงของที่รกร้างเฟิร์ดนั้นเป็นเพียงอุปสรรค์เดียวในการพัฒนาที่ดินของเขา ถ้าเขาไม่สามารถแก้ไขปัญหานี้ได้ มันก็คงไม่มีทางที่เขาจะพัฒนาพลังของเขาและสร้างกองกำลังของเขาได้ เลดี้ฟอทูน่า เอลิน ได้เตือนเขาว่าพระอาทิตย์กำลังที่จะตกลงสู่เส้นขอบฟ้า ดังนั้นเขาจะมาสูญเสียเวลาอันสำคัญไม่ได้
เพราะฉะนั้นเขารู้สึกว่าการใช้หินนักปราชญ์สีขาวในตอนนี้จะทำให้เขาก้าวหน้าไปได้ไกลมาก ดังนั้นเขาจึงใช้มันโดยที่ไม่มีความลังเลอีกต่อไป
มานาของเขาเริ่มไหลเข้าไปในหินซึ่งนั่นทำให้มันส่องแสงออร่าใสๆที่เหมือนกับน้ำออกมา จากนั้นออร่านี้ก็ไหลไปทางหัตถ์ไททันที่อยู่ด้านหน้าของเขา เสริมพลังมันภายในเสี้ยววินาทีและทำให้มันที่ตอนนี้เป็นสนามพลังขาดๆกลายเป็นโล่ป้องกันที่แข็งแกร่งที่มีขนาดใหญ่ขึ้นถึง 3 เท่า อย่างไรก็ตาม, ตอนนี้อัตราการใช้มานาของลิงค์ก็เพิ่มขึ้นอีก 5 เท่าเช่นกัน ในตอนนี้เขาได้ขยายการใช้มานาไปถึง 200 แต้มต่อวินาที
“สมองปลอดโปร่ง!” ลิงค์ตะโกนเพื่อใช้งานพลังพิเศษของผ้าคลุมของเขา จากนั้นเขาก็เอาน้ำยามานาระดับสูงออกมาจากจี้ต่างมิติของเขาและดื่มมันหมดภายในอึกเดียว
น้ำยามานาระดับกลางนั้นสามารถฟื้นฟูมานาได้ 500 แต้ม ส่วนน้ำยามานาระดับสูงนั้นสามารถฟื้นฟูได้ถึง 1,000 แต้ม รวมเข้ากลับผลของสมองปลอดโปร่งซึ่งเพิ่มอัตราการฟื้นฟูมานาของเขาแล้ว ลิงค์ประเมินว่าเขาน่าจะสามารถยื้อมันไว้ได้อีกประมาณครึ่งนาที
ถ้าเกิดว่าเราไม่สามารถไปถึงที่ปลายถ้ำนี้ได้ภายในเวลา 20 วินาที ลิงค์คิด เราก็คงต้องยอมถอยแล้วจริงๆ!
พอเขาตัดสินใจได้ ลิงค์ก็เดินหน้าต่อโดยมีการป้องกันจากหัตถ์ไททันเลเวล 6
1 วินาที 2 วินาที 3 วินาที 4 วินาที…
แสงสีขาวค่อยๆสว่างขึ้นเรื่อยๆ และลมก็แรงขึ้นเรื่อยๆเช่นกัน และพื้นนั้นก็เรียบมากจนมันเริ่มที่จะลื่น ในตอนนี้ลิงค์ต้องดิ้นรนเพื่อที่จะก้าวไปข้างหน้า
10 วินาที !
ในตอนนี้อัตราการใช้มานาของลิงค์ได้ขึ้นเป็น 300 แต้มต่อวินาทีแล้ว ในขณะที่เขาเหลือมานาอยู่ในตัวแค่เพียง 2,600 แต้มเท่านั้น ในอีก 2 วินาที เขาจะใช้เวทย์ข้ามมิติเพื่อกระโดดออกจากที่นี่
ในตอนที่เขาก้าวไปข้างหน้าอีกหนึ่งก้าว เขาก็สังเกตุได้ถึงความเปลี่ยนแปลงอย่างขึ้นมากระทันหัน
มันเหมือนกับว่าเขาได้ฝ่าบาเรียออกมาได้ เขาไม่ได้ยินเสียงลมหวนหรือรู้สึกกดดันที่หัตถ์ไททันอีกต่อไปแล้ว เขาได้เข้ามายังสถานที่ที่เงียบสงบ
ที่นี่มีธาตุลมอยู่ และมันก็เข้มข้นมากเลยด้วย แต่แทนที่มันจะรุนแรงและดุร้าย ธาตุลมพวกนี้กลับสงบและอ่อนโยน ที่นี่ก็มีแสงสีขาวเช่นกัน และมันก็สว่างมากจนลิงค์ไม่สามารถมองไปหามันตรงๆได้
ลิงค์ยกเลิกหัตถ์ไททันอย่างระมัดระวังแล้วค่อยๆหันไปมองที่ต้นกำเนิดของแสง
วินาทีต่อมา ตาของเขาก็เบิกกว้าง และเขาก็ยืนอยู่ที่นั่นด้วยความสับสน
“นี่มัน…?”