Advent of the Archmage – ตอนที่ 212: พรสวรรค์ที่สูญเปล่า

ที่รกร้างเฟิร์เต็มไปด้วยโคลนเนื่องจากฝนที่ตกอย่างต่อเนื่องในช่วงสองสามวันที่ผ่านมานี้

 

รถม้าจากสถาบันเวทมนตร์ระดับสูงอีสโควฟกำลังเดินทางมาอย่างลุ่มๆดอนๆบนถนนที่เต็มไปด้วยโคลน แม้ว่าจะเพิ่มความเสถียรจากเวทย์สมดุลธาตุลมเอาไว้แล้ว, แต่มันก็ยังไม่พอที่จะชดเชยความยากลำบากจากการเดินทางได้อย่างเต็มที่ ตลอดทาง, นักเวทย์หลายคนที่มีร่างกายอ่อนแอหรือมีอาการเมารถได้อ้วกออกมาจากความไม่สบายนี้ เหตุการณ์นี้ดำเนินไปสองวันเต็มก่อนที่ปลายทางของพวกเขาจะปรากฎขึ้นในทัศนวิสัยของพวกเขา ทุกคนต่างพากันถอนหายใจด้วยความโล่งอก

 

มาสเตอร์เกรนซี่กับมาสเตอร์เฟอดินันท์นั่งอยู่ในรถม้าคันแรก ในบรรดาสภาทั้งหก, พวกเขาทั้งสองคนมีอายุน้อยที่สุด, โดยที่มาสเตอร์เกรนซี่มีอายุ 58 ปี, และมาสเตอร์เฟอดินันท์มีอายุ 54 ปี พวกเขาถูกพิจารณาว่าเป็นอัจฉริยะในยุคสมัยของพวกเขาและได้รับสถานะมาสเตอร์ตั้งแต่อายุยังน้อย แต่ถึงอย่างนั้น, การเดินทางนี้ก็ได้พิสูจน์แล้วว่าเป็นสิ่งที่เจ็บปวดสำหรับพวกเขาเช่นกัน

 

ขณะที่เขามองค่ายอันแห้งแล้งจากหน้าต่างรถม้า, เกรนซี่ก็ถอนหายใจออกมา “ข้ารู้สึกว่ากษัตริย์ไม่ควรให้ดินแดนนี้กับลิงค์เลย แค่ยศอย่างเดียวก็น่าจะพอแล้ว! อัจฉริยะอย่างเขาควรจะอยู่ในสถาบันและทุ่มเทเรี่ยวแรงทั้งหมดให้กับการวิจัยเวทย์มนตร์”

 

เฟอดินันท์เป็นคนที่มีนิสัยร่าเริงมากกว่าและแน่นอนว่าเป็นคนที่เปิดกว้างมากกว่า เขาหัวเราะ “เอาจริงๆข้าไม่ได้คิดอะไรกับมันนะ ข้าแค่พบว่ามันมหัศจรรย์จริงๆที่มีหินมากมายอยู่ในดินแดนแห่งนี้”

 

“ข้าเข้าใจเจ้านะ” เกรนซี่มองไปยังดินแดนแห้งแล้งที่ไม่มีแม้กระทั่งวัชพืชแล้วบ่นอีกครั้ง “นี่คงเป็นครั้งแรกและครั้งสุดท้ายที่ข้าจะก้าวมาเหยียบดินแดนแห่งนี้”

 

ถ้าเขาต้องเดินทางมาที่นี่อีก, เขาอาจจะไม่รอดจากการเดินทางอันยากลำบาก

 

เฟอดินันท์ยิ้ม “ไอแก่, พวกเรากำลังจะเข้าไปในค่ายแล้วนะ ระวังคำพูดของเจ้าในตอนที่เจอลิงค์ด้วยหล่ะ อย่าทำให้เขาผิดหวังในช่วงที่เขามีความกระตือรือร้นมากที่สุด”

 

เกรนซี่ไม่พอใจอย่างมากจากการเดินทางที่ไม่สะดวกสบายนี้แล้วเถียงในทันที “ทำไมข้าต้องระวังคำพูดด้วย? ข้าไม่ใช่แค่จะแสดงความคิดเห็นกับดินแดนแห้งแล้งแห่งนี้เท่านั้นนะ, แต่ข้าจะโน้มน้าวให้เขากลับไปที่สถาบันด้วย พรสวรรค์ของเขาจะสูญเปล่าหากเขายังอยู่ในดินแดนนรกนี่”

 

“ก็ได้, ก็ได้, ทำตามที่เจ้าเห็นสมควรเถอะ” เฟอดินันท์รู้ดีว่าเพื่อนของเขาดื้อรั้นแค่ไหนแล้วปล่อยให้เขาใจเย็นลงเอง

 

ล้อของรถม้าส่งเสียงก๊อกแก๊กขณะที่มันครูดกับก้อนกรวด ภายใต้จังหวะอันซ้ำซากนี้, รถม้าก็เข้าไปในเทือกเขามอดไหม้

 

ถนนในเทือกเขามอดไหม้นั้นถูกทำให้เรียบตามคำสั่งของลิงค์ ดังนั้นมันจึงเดินทางได้สบายกว่ามาก ในตอนที่รถม้าเข้ามายังพื้นที่นี้, ก็มีคนมากมายมาออกันเพื่อให้การต้อนรับกองทัพนักเวทย์ ในบรรดาพวกเขา, ลิงค์, ที่กำลังสวมผ้าคลุมผู้ควบคุมเพลิงอยู่, ออกมายืนข้างหน้า

 

ไรไลกับเอเลียร์ดยืนอยู่ข้างๆเขา, ในขณะที่แจ็คเกอร์, ลูซี่, กิลเดิร์น, คาริโด้และคนที่เหลือของกองกำลังทหารรับจ้างยืนอยู่ข้างหลังอย่างเป็นระเบียบ

 

คนขับหยุดรถม้าแล้วนักเวทย์ก็เดินออกมาจากรถม้าอย่างหมดสภาพ

 

ก่อนที่เขาจะลงจากรถ, เกรนซี่กระซิบ “ดูสิ, เขายังเกลือกกลั้วกับพวกทหารรับจ้างหยาบคายด้วย นี่มัน…ไร้วัฒนธรรมจริงๆ!”

 

เฟอดินันท์พูดไม่ออก แม้ว่าเขาจะรู้ว่าเกรนซี่เป็นคนที่ใจดีและใส่ใจผู้คน, แต่เกรนซี่ก็ไม่สามารถพลั้งปากเอาไว้ได้ เขามักจะพูดคำที่ทำล้ายจิตใจออกมาโดยไม่คิดให้ดีก่อน

 

นี่อาจจะดูตรงไปตรงมาและจริงใจสำหรับบางคน, แต่ก็ยังเป็นที่น่ารังเกียจสำหรับบางคนด้วย

 

พอลงมาจากรถม้า, เกรนซี่ก็พยายามยับยั้งความรู้สึกด้านลบของเขาเกี่ยวกับดินแดนแห่งนี้แล้วฝืนยิ้มออกมา ในฐานะที่เป็นสมาชิกที่แข็งแกร่งที่สุดของสภาทั้งหก, เกรนซี่ได้เดินนำกองทหารมาหาลิงค์ จากนั้นเขาก็แสดงสีหน้าอึดอัดใจแล้วพูด “ลิงค์, สถานที่แห่งนี้มันแห้งแล้งเกินไปนะ ข้าได้ยินมาว่าสภาพอากาศก็เลวร้ายด้วย มันจะใช้เวลานานแค่ไหนในการสร้างดินแดนที่สูญเปล่านี้ให้เรียบร้อย?”

 

เขายังไม่สามารถเก็บมันเอาไว้ได้, แม้ว่าเขาจะเพลาๆลงไปแล้วก็ตาม

 

ลิงค์ยิ้มเชิงขอโทษแล้วโค้งคำนับ “มันคงเป็นการเดินทางที่ยากลำบากสำหรับ, มาสเตอร์เฟอดินันท์, กับมาสเตอร์เกรนซี่ ผมได้เริ่มโครงการสร้างถนนซึ่งเชื่อมต่อกับเส้นทางแห่งราชาแล้ว ผมคาดว่าวันที่เสร็จสมบูรณ์น่าจะช่วงปีหน้า มาเถอะครับ, ผมได้เตรียมสถานที่เอาไว้ให้พวกท่านทั้งสองพักผ่อนแล้ว”

 

มันต้องเป็นประสบการณ์ที่เลวร้ายมากแน่ๆสำหรับมาสเตอร์เฒ่าสองคนในการเดินทางบนถนนขรุขระ ดังนั้นลิงค์จึงคิดว่ามันเป็นเรื่องธรรมดาสำหรับพวกเขาที่จะแสดงความคิดเห็นเชิงลบในตอนแรก จากนั้นเขาก็หันกลับไป, ส่งสัญญาณให้เหล่านักเวทย์ตามเขาเข้าไปในบ้านไม้ที่พวกเขารีบสร้างเมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมานี้

 

ระหว่างทาง, เฟอดินันท์ได้เดินไปหาลิงค์แล้วถาม “ผู้อาวุโสบอกว่าเจ้าอยากจะเปลี่ยนแปลงภูมิศาสตร์โดยใช้หอคอยเวทย์มนตร์ เจ้าพบวิธีอื่นแล้วรึยัง?”

 

ลิงค์ส่ายหัวเพราะเขาไม่ได้รับอนุญาติให้พูดถึงลอร์ดพายุ จากนั้นเขาก็ทำเป็นไม่มีวิธีแก้ปัญหาแล้วพูด “ผมก็ไม่รู้เหมือนกัน แต่ว่า, สภาพอากาศในช่วงไม่กี่วันมานี้ยอดเยี่ยมมากเลย แถมเมื่อวานนี้ก็มีฝนฤดูใบไม้ผลิด้วย! ผมรู้สึกว่าสภาพอากาศอันเลวร้ายที่นี่คงเป็นเรื่องที่คนอื่นเขาพูดเกินจริงนะครับ อันที่จริงมันไม่ได้แย่อย่างที่เขาคิดกันหรอก”

 

“โอ้, งั้นนี่ก็เป็นข่าวดีหน่ะสิ” เฟอดินันท์ไม่ได้เข้าใจสถานการณ์ที่นี่อย่างถ่องแท้ ดังนั้นเขาจึงตัดสินใจที่จะเชื่อลิงค์

 

ไม่นานนัก, พวกเขาก็มาถึงบ้านไม้ บ้านไม้นั้นมีการตกแต่งภายนอกที่เรียบง่ายมาก แม้ว่าทุกอย่างจะเป็นของใหม่, แต่สภาพความเป็นอยู่ก็ยังห่างไกลจากหอคอยเวทย์มนตร์ที่นักเวทย์คุ้นเคย

 

ลิงค์รู้เรื่องนี้ดีและรู้สึกผิดยิ่งกว่าเดิม “ที่พักไม่ได้มาตรฐานนัก แต่ว่า, ผมได้ติดตั้งวงเวทย์คุมอุณหภูมิเอาไว้ทุกห้องแล้ว และผมก็ทำให้มั่นใจด้วยว่าห้องสะอาดอยู่เสมอ ผมหวังว่าทุกคนจะไม่ว่าอะไรนะครับ”

 

เกรนซี่รู้สึกแย่ยิ่งกว่าเดิมหลังจากพอได้เห็นบ้านไม้อันทรุดโทรมหลังนี้ แม้ว่าเขาจะรู้อยู่แก่ใจ, ว่านี่ไม่ใช่การเดินทางที่สะดวกสบายและต้องทนอยู่ในสภาพความเป็นอยู่ที่ไม่น่าพอใจก็ตาม

 

เฟอดินันท์, เป็นตัวของตัวเอง, แล้วหัวเราะออกมา “นี่ก็วิเศษมากแล้ว ข้าพอใจกับมันนะ”

 

ในตอนที่เขาพูดออกมาแบบนี้, นักเวทย์ที่อยู่รอบตัวเขาก็ไม่สามารถแสดงความคิดเห็นของพวกเขาออกมาได้ แม้ว่าจะมีความไม่สบายใจเกี่ยวกับบ้านไม้ก็ตาม นอกจากนี้, พวกเขาก็ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงสภาพความเป็นอยู่ของพวกเขาได้

 

จากนั้นทุกคนก็เข้าไปในห้องเพื่อพักผ่อนเพราะพวกเขารู้สึกเหนื่อยมากจากการเดินทางอันยากลำบาก

 

มาสเตอร์เกรนซี่กับมาสเตอร์เฟอดินันท์นั้นได้อยู่บ้านไม้ที่แยกออกมา นี่อาจจะเป็นสิ่งก่อสร้างที่ดีที่สุดในค่ายแห่งนี้ มันมีสองชั้นและเนื้อที่ 210 ตารางฟุต มันมีสองห้องนอน, หนึ่งห้องนั่งเล่น, และแม้กระทั่งระเบียงที่ชั้นสอง

 

ก่อนที่เขาจะเข้าไปในบ้านไม้, เกรนซี่เต็มไปด้วยความไม่พอใจ อย่างไรก็ตาม, ในตอนที่เขาก้าวเข้าไปในบ้าน, เขาก็รู้สึกอบอุ่นขึ้นมา, แล้วได้หอมละมุนพัดมาที่จมูกของเขา เขากระปรี้กระเปร่าขึ้นมาในทันที, และความเหนื่อยร้ายของเขาก็หายไปอย่างรวดเร็ว

 

จากนั้นเขาก็มองดูการออกแบบภายในของบ้านไม้ มันเป็นพื้นที่ปูด้วยกระเบื้องไม้, มีโต๊ะไม้เล็กๆหนึ่งตัวพร้อมกับเก้าอี้รอบๆ, และมีชั้นหนังสือเล็กๆ พวกมันทั้งหมดเป็นของใหม่และสร้างขึ้นมาอย่างประณีต ห้องเองก็สะอาดมากเหมือนกับที่สัญญาเอาไว้, มันออกแบบในสไตล์ที่เรียบง่ายซึ่งทำให้รู้สึกสงบ

 

เกรนซี่เป็นคนตรงๆ เขาตรวจสอบห้องด้วยความพึงพอใจ, และรอยยิ้มก็ปรากฎขึ้นบนหน้าของเขาในที่สุด “ห้องนี้ใช้ได้เลย ดูเหมือนว่าลิงค์จะพยายามมากเลยนะ”

 

เฟอดินันท์พยักหน้า เขาพบวงเวทย์อุณหภูมิและในระหว่างสังเกตุมัน, เขาก็แสดงความคิดเห็นออกมา “วงเวทย์นี้เป็นผลงานของอัจฉริยะชัดๆ! ดูนี่สิ; ดูเหมือนว่ามันจะเป็นโครงสร้างซอร์เลนนะ มันสามารถควบคุมอุณหภูมิห้องได้แม่นยำมากๆ ข้าพนันได้เลยว่านี่เป็นความคิดของลิงค์”

 

เกรนซี่เดินมาดูอย่างสัย แล้วพอผ่านไปครึ่งนาที, ความรู้สึกสงสารก็ครอบงำเขาอีกครั้ง “ตามที่ข้าพูด, ลิงค์ควรจะหยุดพัฒนาดินแดนแห้งแล้งแห่งนี้อย่างจริงจังแล้วจดจ่ออยู่กับการวิจัยเวทย์มนตร์ของเขา ช่างเป็นพรสวรรค์ที่สูญเปล่าจริงๆ”

 

“เออ, เออ, ไอแก่ เจ้าพูดเรื่องนั้นมาหลายครั้งแล้วนะ ไปพักกันเถอะ พวกเรายังต้องหาจุดเชื่อมโยงทางภูมิศาสตร์สำหรับที่ตั้งหอคอยเวทย์มนตร์ในวันพรุ่งนี้อีกนะ”

 

“นั่นสินะ”

 

หลังจากที่จัดการเรื่องกลุ่มนักเวทย์เรียบร้อยแล้ว, ลิงค์ก็ไปต้อนรับแขกที่ไม่ได้คาดคิดอีกคนนึง ซึ่งนี่เป็นใครไปไม่ได้นอกจากหัวหน้าบริษัทการค้าใบไม้เขียว, วาร์เตอร์

 

“ไหงคุณถึงมาที่นี่ด้วยตัวเองหล่ะ? ผมน่าจะส่งอุปกรณ์เวทย์มนตร์ของเดือนนี้ไปให้คุณผ่านคาร์ลิโด้แล้วนะ ใช่ไหม?” ลิงค์งุนงงแล้วถามอย่างแปลกใจ

 

วาร์เตอร์หัวเราะอย่างเต็มที่ บริษัทการค้าของเขานั้นคืบหน้าไปอย่างมากในช่วงเวลาที่ผ่านมานี้, เขาดูสดชื่นและสะอาดเรียบร้อยขึ้นมาก เขายิ้มแล้วพูด “กระผมได้ยินมาว่าท่านกำลังเตรียมที่จะทุ่มสุดตัวในการพัฒนาดินแดนของท่านใช่ไหม?”

 

ลิงค์หัวเราะ “คุณก็รู้ข่าวอยู่แล้วนี่ ใช่แล้วหล่ะ ท่าเรือของผมใกล้จะเสร็จแล้ว”

 

ความสำเร็จของท่าเรือนั้นก็หมายความว่าการค้าทางทะเลสามารถดำเนินการได้ การค้าทางทะเลนั้นได้กำไรมากกว่าการค้าทางบกร้อยเท่า ลิงค์สามารถนำเข้าทรัพยากรจำนวนมากสำหรับการพัฒนาที่รกร้างเฟิร์ดผ่านทะเลได้และยังส่งออกสินค้าของเขาผ่านทะเลได้เช่นกัน ทั้งหมดนี้มันอยู่ในการคำนวนของเขา

 

จากนั้นวาร์เตอร์ก็พูดออกมา “ผมได้พบชนชั้นสูงมากมายในช่วงเวลาที่ทำการค้าขายนี้ พวกเขาสนใจในสิ่งที่ท่านทำอย่างมาก และนี่คือรายการแสดงความชำนาญในแต่ละดินแดนของพวกเขาครับ ลองเอาไปดูนะครับว่ามีอะไรที่ท่านต้องการไหม”

 

ลิงค์รับรายการมาแล้วเห็นชื่อของชนชั้นสูงอย่างน้อย 40 คน พวกเขาบางคนมาจากอาณาจักรนอร์ตัน, ขณะที่คนที่เหลือมาจากรัฐทางใต้ ด้านล่างชื่อของพวกเขา, ก็คือวัสดุและราคาที่พวกเขาเสนอ ยกตัวอย่างเช่น, ดยุคเบเวอรี่ทางตอนเหนือของเมืองฮอทสปริงสามารถจัดหาไม้ของต้นบีชสีแดงอายุมากกว่ายี่สิบปีมาให้ได้, ดยุคการ์แลนด์จากทางตะวันตกของป่าเกอร์เวนท์สามารถจัดหาหินแกรนิตมาให้ได้ ชนชั้นสูงคนอื่นๆก็ยินดีที่จะจัดหาอาหารและน้ำมาให้, บางคนถึงกับเต็มใจที่จะขายทาสมาเป็นแรงงาน

 

ลิงค์ไล่ดูรายการอย่างระมัดระวังแล้วพบว่ามีสิ่งของมากมายที่เขาต้องการ เขาอดประทับใจกับความกระตือรือร้นในการหาโอกาสของวาร์เตอร์ไม่ได้

 

จากนั้นเขาก็ส่งรายการให้เลขาของเขาแล้วพูด “วาร์เตอร์, นี่มันช่วยได้มากเลย แต่ว่า, ผมกำลังยุ่งอยู่กับการก่อสร้างหอคอยเวทมนตร์ของผมและอาจจะไม่สามารถจัดการเรื่องนี้ได้ด้วยตัวเอง ช่วยไปหาลูซี่เพื่อคุยรายละเอียดเพิ่มเติมทีนะ”

 

“ไม่มีปัญหาเลยครับ”

 

“แล้วก็, อีกอย่างนึง” ลิงค์นึกปัญหาสำคัญขึ้นมาได้อย่างกระทันหันแล้วอุทานขึ้น ดินแดนของเขาต้องการพลเมือง ในรัศมีหนึ่งร้อยไมล์ของค่ายของเขา, ชนพื้นเมืองของที่รกร้างเฟิร์ดเพิ่มขึ้นมาแค่ 2,000 คนเท่านั้น ซึ่งนี่มันเป็นกำลังคนที่น้อยเกินไป

 

“เชิญว่ามาได้เลยครับ” วาร์เตอร์พูดในทันที เขามีลางสังหรณ์ว่านี่จะเป็นเรื่องใหญ่

 

“ดินแดนของผมต้องการกำลังคนมากกว่านี้และกลุ่มประชากรที่ใหญ่กว่านี้ แต่ว่า, สภาพของดินแดนนั้นย่ำแย่เกินกว่าที่จะดึงดูดความสนใจของผู้คนให้มาด้วยความสมัครใจของตัวเอง…”

 

ก่อนที่เขาจะพูดจบ, วาร์เตอร์ก็เข้าใจสถานการณ์แล้วพูดต่อ “ท่านต้องการซื้อทาสหรอครับ?”

 

“ใช่, จำนวนมากด้วย คุณพอมีลู่ทางบ้างไหม?” ลิงค์ยิ้มแล้วถาม วาร์เตอร์เป็นนักธุรกิจที่ฉลาดจริงๆ เขาคิดถูกแล้วที่ตัดสินใจร่วมงานกับเขา

 

“คุณมีข้อกำหนดอะไรสำหรับทาสเหล่านี้ไหมครับ?”

 

“ถ้าเอาให้ดีอยากได้คนที่อายุยังน้อยๆและแข็งแร็ง”

 

“แล้วเรื่องเผ่าพันธุ์กับเพศหล่ะครับ?”

 

“เผ่ามนุษย์คงจะดีที่สุดหล่ะนะ ส่วนเรื่องเพศนั้น, ขออย่างละครึ่งก็ดี…ไม่สิ, เอาผู้ชายมากกว่าผู้หญิงนิดนึง ผมต้องการกำลังคนมาพัฒนาดินแดนของผม ผมต้องการผู้ชายมาเป็นแรงงาน” อีกเหตุผลที่ลิงค์ไม่ได้พูดถึงก็คือว่าเขากำลังหวังที่จะเกณฑ์ทหารจากทาสเหล่านี้

 

วาร์เตอร์เงียบไปพักนึงก่อนที่จะพูดออกมา “ตอนนี้อาณาจักรนอร์ตันมีทาสอยู่ไม่มาก และต่อให้มี, พวกนั้นก็เป็นดาร์คเอลฟ์ทั้งหมด, ซึ่งท่านน่าจะไม่ต้องการ แต่ว่า, กลุ่มการค้าเสรีทางใต้นั้นมีเพียบเลยครับ มันมักจะมีความขัดแย้งระหว่างประเทศอยู่บ่อยๆและนั่นก็ทำให้นักโทษสงครามมากมายถูกจับมาเป็นทาส ชนชั้นสูงน่าจะยอมแลกเปลี่ยนพวกเขากับเงินอยู่นะครับ เดี๋ยวผมจะมาติดต่อท่านอีกที”

 

“ขอบคุณมากนะ”

 

วาร์เตอร์นั้นเป็นคนที่มีประสิทธิภาพเป็นอย่างมาก เขาออกไปในทันทีหลังจากที่เสร็จธุระเรื่องการต่อรองกับลูซี่

 

จากนั้นลิงค์ก็ไปหมกตัวอยู่ในห้องของเขา, วางแผนสำหรับอนาคต

 

เขาต้องสร้างหอคอยเวทย์มนตร์ของเขา, พัฒนาดินแดนของเขาและขยายจำนวนประชากรของดินแดนของเขา ซึ่งมันต้องใช้เหรียญทองจำนวนมากอย่างแน่นอน เขาต้องหาวิธีเพิ่มรายได้ของเขา

 

บางทีมันน่าจะถึงเวลาเอาดินต่อต้านเวทย์มนตร์ออกมาแล้ว

 

Advent of the Archmage

Advent of the Archmage

Type: Author: , ,
เรื่องย่อ ลิงค์เป็นอาร์จเมจที่เก่งที่สุดในทุกๆเซิร์ฟเวอร์ เขาเพิ่งจะโค้นล้มบอสที่แข็งแกร่งที่สุด,เจ้าแห่งความลึก โนโซม่า ด้วยปาร์ตี้ของเขา อย่างไรก็ตาม,แทนที่เขาจะกลับไปที่เมื่อง เขากลับถูกส่งตัวไปที่พื้นที่ลับด้วยพิกเซลCG มันให้ความรู้สึกเหมือนกับสูญญากาศ และภายในนั้นก็ได้มีเสียงที่ยิ่งใหญ่และมากด้วยอำนาจที่เรียกตัวเองว่าพระเจ้าแห่งแสงสว่างดังขึ้น “ลิงค์ เจ้าเต็มใจที่จะเป็นผู้ช่วยชีวิตที่จะดึงโลกแห่งฟิรูแมนออกจากความปั่นป่วนไหม?” ภารกิจที่ยิ่งใหญ่นี้มันอะไรกัน! ถ้ามันเป็นโลกจริง ลิงค์ คงจะปฏิเสธไปในทันที อย่างไรก็ตามเขาก็มีความแน่วแน่ที่จะเป็นฮีโร่ในเกมส์ “จัดไปเลย!” ลิงค์ ตอบอย่างมั่นใจ “ถ้างั้นก็ขอให้เจ้าโชคดี” และนั่นจะเป็นการเริ่มต้นการเดินทางที่เต็มไปด้วย เวทย์มนตร์,มิตรภาพ,การทรยศ,ความรัก และความสิ้นหวังของ ลิงค์ ในโลกที่เปลี่ยนแปลงไปของฟิรุแมน Link was the top Archmage in the entire server. He had just defeated the strongest boss, the Lord of The Deep, Nozama with his party. However, instead of going back to town, he was transported to a secret location with pixelated CG. It sort of felt like a vacuum, and within it came a glorious and commanding voice that calls himself the God of Light. “Link, would you be willing to be the saviour who will pull the World of Firuman out from the churning abyss?” What a huge mission! If it was in the real world, Link would have rejected it immediately. However, he was bent on being the hero in game. “Bring it on!” Link answered confidently. “Then, best of luck.” And so began Link’s journey of magic, friendship, betrayal, love and despair in the ever changing World of Firuman.

Comment

Options

not work with dark mode
Reset