Advent of the Archmage – ตอนที่ 213: ดินผิดปกติ

พ่อค้าวาร์เตอร์เคลื่อนไหวอย่างรวดเร็ว เขาไม่ปล่อยให้เสียเวลาแม้แต่นาทีเดียวและเริ่มทำตามคำสั่งของลิงค์ แล้วเงิน 20,000 เหรียญทองของเขาก็กระจายไปทั่วทวีปภายในคืนเดียวกันกับที่ลิงค์ให้คำสั่งกับเขา เขารู้สึกตื่นเต้นมากๆในตอนที่ได้รู้ว่าการก่อสร้างดินแดนของลิงค์กำลังอยู่ในขั้นดำเนินการ ซึ่งบริษัทใบไม้เขียวของเขาจะต้องดังเป็นพลุแตกแน่ๆ สิ่งนี้จะต้องนำเงินมาให้เขาไม่รู้จบอย่างแน่นอน จากนั้น ความฝันของเขาในการสร้างอาณาจักรธุรกิจก็จะไม่ใช่แค่ความฝันอีกต่อไป

 

เพราะความฝันนี้ วาร์เตอร์ก็เลยทำงานอย่างหนัก!

 

 

ในเช้าวันถัดมา นักเวทย์จากสถาบันเวทมนตร์อีสโควฟก็ได้เริ่มดำเนินการสร้างหอคอยเวทมนตร์  พวกเขาเดินทางไปทั่วที่รกร้างเฟิร์ด แน่นอนว่ามันไม่ใช่เพื่อความสนุก แต่เป็นการออกไปหาจุดเชื่อมโยงทางภูมิศาสตร์

 

หากหอคอยเวทมนตร์ถูกสร้างบนจุดเชื่อมโยงทางภูมิศาสตร์ หรือในจุดเชื่อมโยงทางภูมิศาสคร์ที่มีธาตุสมดุล มันจะช่วยทำให้การไหลเวียนของธาตุในหอคอยเวทมนตร์นั้นคงที่และทำให้มันปลอดภัยขึ้น นี่จึงเป็นเหตุผลที่ทำไมหอคอยเวทมนตร์ทุกแห่งในสถาบันเวทมนตร์อีสโควฟถึงสร้างขึ้นบนจุดเชื่อมโยงทางภูมิศาสตร์ที่แข็งแกร่ง

 

ไม่ว่าลิงค์นั้นจะยุ่งมากแค่ไหน เขาก็มักจะหาเวลาศึกษาสมุดโน้ตเกี่ยวกับหุ่นเชิดเวทมนตร์ของแวนซ์อยู่เสมอ ในขณะเดียวกัน, เอเลียร์ดนั้นได้ติดตามมาสเตอร์เฟอดินันด์ไปเพื่อที่จะได้เรียนรู้จากเขา

 

ด้วยเหตุนี้, อาทิตย์นี้จึงผ่านไปด้วยการที่ทุกคนที่ยุ่งอยู่กับงานและหน้าที่ของตัวเอง

 

 

ทุกคนนั้นต่างก็ได้ยินข่าวลือมาว่าสภาพภูมิอากาศในที่รกร้างเฟิร์ดนั้นเลวร้ายมากๆและมักจะมีพายุกับฝนตกเป็นประจำ แต่ที่น่าตกใจก็คือ ในช่วงอาทิตย์ที่ผ่านมานี้ สภาพอากาศนั้นสงบมากและในบางช่วงเวลามันกลับมีสภาพอากาศดีกว่าบริเวณใกล้เคียงของป่าเกอแวนท์เสียอีก

 

ภายใน 1 สัปดาห์ที่ผ่านมานี้มีแดดออกเป็นเวลา 4 วัน ในขณะที่มีฝนตกเพียงแค่ 3 วันเท่านั้น และมันก็เป็นแค่เพียงฝนปรอยๆ ซึ่งเป็นแบบปกติที่มักจะเกิดขึ้นในฤดูใบไม้ผลิ มันไม่ได้มีพายุฝนฟ้าคะนองหรือฝนตกหนักเลยแม้แต่นิดเดียว

 

 

พวกนักเวทย์ที่เพิ่งมาถึงนั้นไม่ได้รู้สึกว่ามันแปลก แต่สำหรับทหารรับจ้างที่อยู่ในที่รกร้างเฟิร์ดมาตั้งแต่แรกนั้นเคยพบเจอกับสภาพอากาศอันรุนแรงของที่นี่มาแล้วทำให้พวกเขาเริ่มที่จะกุข่าวลือขึ้นมาว่าลอร์ดลิงค์นั้นมี “หัตถ์เทพพระเจ้า” ที่สามารถควบคุมสภาพภูมิอากาศได้

 

มาสเตอร์เกรนซีนั้นกำลังตรวจสอบดินของที่รกร้างเฟิร์ดด้วยเข็มทิศธาตุที่อยู่ในมือของเขา เขานั้นทำงานในพื้นที่คนละส่วนกับมาสเตอร์เฟอดินันท์ ภายในช่วงหนึ่งสัปดาห์ พวกเขาก็ระบุจุดเชื่อมโยงทางภูมิศาสตร์ได้และกำลังตัดสินใจเลือกพื้นที่ที่ดีที่สุดในการก่อสร้างหอคอยเวทมนตร์

 

ในตอนที่เขากำลังเดินอยู่ เขาก็ได้ยินเสียงดังก้องแก้งจากระยะไกลๆ เมื่อเขาเงยหน้าขึ้นมาและหันไปทางแหล่งกำเนิดเสียง เขาก็พบว่ามีหุ่นเชิดเวทมนตร์กำลังไถดินที่อยู่ที่เนินเขา

 

นี่มันเป็นงานฝีมือจากมาสเตอร์วิสมัลเลอร์ที่ห่วยเสียจริง เกรนซี่พูดเย้ย จากนั้นเขาก็เตรียมตัวที่จะเดินไปยังพื้นที่อื่นพร้อมกับผู้ช่วยของเขา

 

แต่ว่าเขาก็เดินไปได้เพียงไม่กี่ก้าวก่อนที่เขาจะได้ยินเสียงระเบิดดังมาจากด้านหลังของเขา หลังจากนั้นซักพัก ก็มีเสียงแกร้งดังลั่นตามมาด้วยควันที่ลอยออกมาจากเนินเขาลูกเดียวกันกับที่เขาเห็นหุ่นเชิดเวทมนตร์ก่อนหน้านี้

 

เกรนซี่นั้นรู้สึกตกใจ แต่ไม่นานนักเขาก็กลับมาเป็นปกติ

 

 

“เฮอะ! ดูเหมือนว่าไอหุ่นเชิดเวทมนตร์นั่นจะพังนะ!” เขาตะโกน “งานฝีมือของไอแก่วิสนี่สร้างความอับอายให้กับสถาบันอีสโควฟเสียจริง!”

 

แม้ว่าตัวเกรนซี่เองนั้นจะเชี่ยวชาญในการเล่นแร่แปรธาตุ แต่หุ่นเชิดเวทมนตร์ไถดินนั้นไม่ได้ซับซ้อนขนาดนั้น ดังนั้นเขาจึงสามารถซ่อมมันได้ถ้าเกิดว่ามันพังลงเพราะปัญหาเพียงเล็กน้อย

 

“ไปดูกันเถอะว่าเกิดอะไรขึ้น” เขาพูด พร้อมกับโบกมือเรียกผู้ช่วยของเขา จากนั้นเขาก็ร่ายเวทย์กระแสลมล่องลอยใส่ตัวเองแล้วลอยไปทางเนินเขาโดยใช้ความพยายามแค่เพียงเล็กน้อย

 

ที่นั่นเขาเห็นหุ่นเชิดเวทมนตร์กำลังยกแขนขึ้น ในขณะที่คันไถทั้งสองของมันติดอยู่ในดินลึก และดินที่ขุดขึ้นมาที่อยู่ด้านหลังหุ่นเชิดนั้นก็ดูมีสีเขียวเข้มและไม่ได้มีหินก้อนใหญ่ๆเลยแม้แต่นิดเดียว

 

 

“หืม? นี่มันเป็นแค่ดินธรรมดาเองนะ!” เกรนซี่พูด  หุ่นเชิดเวทมนตร์จะมาพังเพียงเพราะมันทำงานกับสิ่งนี้ได้ยังไง? ทักษะของวิสไม่ได้แย่ขนาดนั้นนี่ ใช่ไหม?”

 

เขาได้พูดเยาะเย้ยวิสมัลเลอร์มาก่อนก็จริง แต่ในความเป็นจริง ลึกๆแล้วเกรนซี่นั้นเคารพเขาในฐานะมาสเตอร์ผู้ช่ำชองด้านศิลปะ นั่นจึงเป็นเหตุผลที่ทำไมเขาถึงคิดว่าหุ่นเชิดเวทมนตร์นั้นจะต้องพังลงเพราะว่ามันทำงานในพื้นที่ที่ยากลำบาก แต่เมื่อพิจารณาจากที่เห็น ดูเหมือนว่าหุ่นเชิดเวทมนตร์นั้นจะพังลงไปเฉยๆโดยที่ไม่มีเหตุผลชัดเจนเลย

 

เขาเดินตรวจสอบรอบๆหุ่นเชิดเวทมนตร์อย่างระมัดระวังแต่ก็ยังไม่พบอะไรผิดปกติเกี่ยวกับชิ้นส่วนของมัน เขาเกาหัวด้วยความสงสัย

 

วิสนั้นอาจจะเป็นไอแก่ไว้ใจไม่ได้ เขาคิด แต่เขาก็มักจะพิถีพิถันในงานของเขา แล้วมันเกิดอะไรขึ้นกับหุ่นเชิดเวทมนตร์ตัวนี้กันแน่?

 

ในขณะที่เกรนซี่คิดไม่ออกว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่ อยู่ๆนักเวทย์เลเวล 4 ที่อยู่ข้างเขาก็ชี้ไปที่อะไรบางอย่าง

 

“มาสเตอร์เกรนซี่ครับ” เขาพูด “ท่านลองตรวจสอบดูรึยังว่ามันมีอะไรผิดปกติเกี่ยวกับดินที่ถูกขุดขึ้นมารึเปล่า?”

 

 

เขาพบว่าคำถามนี้น่าสนใจมาก เขาคุกเข่าลงกับพื้นและใช้มือหยิบก้อนดินขึ้นมาแล้วตรวจสอบมันอย่างใกล้ชิด

 

มันมีสีเขียวเข้ม และเหนียวมากๆ และเม็ดของมันนั้นก็ละเอียดมากๆ เมื่อเกรนซี่ลองดมดู เขาก็พบว่ามันไม่มีกลิ่นเลยแม้แต่นิดเดียว

 

เดี๋ยวนะ ที่นี่มันมีอะไรบางอย่างแปลกๆ มานา ใช่ ดูเหมือนว่าดินนี้จะสามารถขัดขวางมานาได้นะ

 

เกรนซี่ทิ้งดินลงพื้นแล้วเช็ดมือของเขาให้สะอาด จากนั้นเขาก็เอาคทาของเขาออกมาแล้วชี้มันไปยังดินที่อยู่บนพื้น

 

“บอลเพลิง!” เขาตะโกน

 

ในตอนที่บอลเพลิงโดนเข้ากับดิน เกรนซี่ก็รู้สึกได้ว่าโครงสร้างเวทมนตร์นั้นถูกรบกวน แม้ว่าเขาจะพยายามเสริมการควบคุมบอลเพลิงของเขา มันก็ยังระเบิดก่อนเวลาที่เขาต้องการอยู่ดี

 

ปัง!

 

 

มันไม่ใช่การระเบิดที่ใหญ่นัก และธาตุไฟก็กระจายออกมาเฉยๆแล้วหายไป แต่สิ่งที่ทำให้เกรนซี่แปลกใจก็คือความจริงที่ว่ามันไม่มีร่องรอยของการระเบิดเหลืออยู่ที่พื้นเลยแม้แต่นิดเดียว ไม่มีแม้แต่รอยเล็กๆเลยด้วยซ้ำ มันดูเหมือนกับว่าดินพวกนี้ไม่ได้รับผลของบอลเพลิงของเกรนซี่เลย

 

“มันคือดินต้านทานเวทย์คุณภาพสูงนี่หน่า!” เกรนซี่อุทาน

 

ตอนนี้เขาเข้าใจแล้วว่าทำไมหุ่นเชิดเวทมนตร์ไถดินถึงพัง ในตอนที่มันกำลังไถดินอยู่ ดินก็ได้เข้าไปแทรกแซงมานาและโครงสร้างเวทมนตร์ที่อยู่ในตัวของหุ่นเชิดเวทมนตร์ มันคงไม่มีปัญหาสำหรับตอนแรก แต่เมื่อการแทรกแซงเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง ความผิดปกติก็จะเกิดขึ้นกับตัวหุ่นเชิดเวทมนตร์มากขึ้นเรื่อยๆ จนทำให้มันพังลงได้

 

แม้ว่าจะยังไม่ได้ทดสอบคุณสมบัติเฉพาะของดินนี้อย่างละเอียด แต่เกรนซี่ก็ไม่สามารถหยุดถอนหายใจได้พอรู้ว่าพื้นกว้างอย่างน้อย 30 เอเคอร์นี้ได้ถูกหุ่นเชิดเวทมนตร์ไถ

 

ดูเหมือนว่าพื้นดินทั้งหมดของที่นี่จะถูกสร้างขึ้นมาจากดินประเภทนี้นะ เขาคิด ลิงค์ไม่ต้องกังวลถึงปัญหาเรื่องเงินในการพัฒนาดินแดนของเขาอีกแล้ว!

 

วิธีการใช้ดินต้านทานเวทมนตร์นั้นมีมากมาย มันอาจจะถูกนำไปใช้ในการสร้างกำแพงเมืองที่แข็งแกร่ง สร้างหุ่นเชิดเวทมนตร์ สร้างหอคอยเวทมนตร์และอื่นๆอีกมากมาย นับจากนี้ไป สิ่งที่ลิงค์จะต้องทำทั้งหมดก็คือขายดินและเขาก็จะสามารถสร้างความมั่งคั่งให้กับตัวเองได้ ด้วยวิธีนี้เขาจะสามารถก่อสร้างดินแดนของเขาสำเร็จได้อย่างรวดเร็ว

 

“นี่เป็นแผนของพระเจ้างั้นรึ?” เกรนซี่สงสัย เขารู้สึกว่าโชคของลิงค์นั้นมันดูอัศจรรย์เกินไป

 

พอเขาเจอสาเหตุที่ทำให้มันพังลงแล้ว เกรนซี่ก็สามารถซ่อมหุ่นเชิดเวทมนตร์ได้อย่างง่ายดาย มันใช้เวลาเพียงแค่พักเดียว เขาเพียงแค่ต้องล้างดินต้านทานเวทมนตร์ออกจากส่วนที่เชื่อมต่อมานาของหุ่นเชิดเวทมนตร์  และเพิ่มเกราะป้องกันลงไปให้มันและซ่อมแซมรูนเวทมนตร์ที่เสียหาย มันใช้เวลาไม่ถึง 20 นาทีก่อนที่หุ่นเชิดเวทมนตร์จะกลับมาทำงานได้อีกครั้ง

 

“เอโระ นำดินบางส่วนกลับไปที่ค่ายด้วย” เขาสั่งผู้ช่วยคนหนึ่งของเขา “แล้วก็รายงานเรื่องนี้กับมาสเตอร์ลิงค์ด้วย”

 

“ครับ มาสเตอร์เกรนซี่”

 

 

1 ชั่วโมงต่อมา นักเวทย์ก็ไปถึงเทือกเขามอดไหม้พร้อมกับดิน ภายในเวลา 5 นาที ดินสีเขียวเข้มก็ได้ถูกวางไว้ที่โต๊ะของลิงค์ในห้องค้นคว้าของเขา

 

“มาสเตอร์ลิงค์” เอโระพูดด้วยความตื่นเต้นที่สามารถรู้สึกได้จากน้ำเสียงของเขา “มาสเตอร์เกรนซี่บอกว่ามันมีคุณสมบัติการต้านทานเวทมนตร์อันยอดเยี่ยมครับ” เขาหยุดตื่นเต้นไม่ได้จากการค้นพบนี้เพราะว่าเขาได้เห็นด้วยตาของตัวเองว่าหุ่นเชิดเวทมนตร์นั้นไถดินพวกนี้ขึ้นมาจากพื้นดินอันกว้างใหญ่นั่น

 

ลิงค์แค่มองไปที่ดินเฉยๆ ไม่มีการเปลี่ยนแปลงของอารมณ์ที่ใบหน้าของเขาเลยแม้แต่นิดเดียว มันไม่ใช่เพราะว่าดินนั้นมันดีไม่พอสำหรับเขา แต่ก็แค่เพราะว่าเขาคาดเอาไว้แล้วว่าจะเกิดการค้นพบนี้ เขาหยิบมันขึ้นมาเล็กน้อยและแสร้งทำเป็นตรวจสอบมันอย่างใกล้ชิด จากนั้นเขาก็ยิ้มและพยักหน้าให้กับเอโระ

 

“นี่มันเป็นข่าวดีจริงๆ” เขาพูด “อย่างน้อยตอนนี้เราก็ไม่ต้องไปซื้ออิฐต้านทานเวทย์จากคนอื่นในการสร้างหอคอยเวทมนตร์แล้ว”

 

 

“ผมเกรงว่าท่านจะได้มากกว่าที่ท่านต้องการในการสร้างหอคอยเวทมนตร์หน่ะสิครับ มาสเตอร์ลิงค์” เอโระพูด เขาชื่นชมท่าทีสงบนิ่งของลิงค์มาก และเขาก็รู้ว่าเขาคงไม่สามารถทำตัวใจเย็นแบบนี้ได้ถ้าเขาเป็นลิงค์ แม้ว่าเอโระจะไม่ค่อยได้ทำอะไรเกี่ยวกับดินต้านทานเวทย์พวกนี้นัก แต่เขาก็ยังคงตื่นเต้นกับการค้นพบนี้เพราะว่าเขานั้นพึ่งจะได้เป็นพยานในช่วงเวลาแห่งประวัติศาสตร์นี้!

 

ใช่แล้ว ด้วยดินพวกนี้ ลิงค์จะสามารถสร้างเมืองอันงดงามได้บนดินแดนของเขา!

 

ลิงค์แค่พยักหน้าเฉยๆ จากนั้นเขาก็หันไปหาผู้ช่วยโจชัว

 

 

“ไปบอกคาร์ลิโด้ว่าฉันต้องการพบกับเขา” เขาสั่ง

 

 

คาร์ลิโด้นั้นเป็นหัวหน้านักเวทย์ของเขา ถึงแม้ว่าเลเวลของเขาจะไม่สูงมาก แต่ลิงค์ก็เชื่อมั่นในความสามารถของเขา เขารู้ว่าไม่ว่าอะไรก็ตามที่เขาสั่งไปเขาจะสามารถจัดการมันได้โดยไม่มีปัญหา ปัจจุบัน คาร์ลิโด้ได้กลายเป็นผู้ช่วยคนสำคัญของเขาเหมือนกับลูซี่และทหารรับจ้างคนอื่นๆ ตราบใดที่เรื่องนั้นมันเกี่ยวข้องกับเวทมนตร์ ลิงค์ก็จะเชื่อใจคาร์ลิโด้โดยที่ไม่มีความลังเลเสมอ

 

ไม่นานหลังจากนั้น คาร์ลิโด้ก็มาถึง

 

“นายท่าน มีเรื่องอะไรหรอครับครับ?” เขาถาม

 

เขาชี้ไปที่ตัวอย่างดินบนโต๊ะแล้วยิ้ม

 

“หุ่นเชิดเวทมนตร์ยักษ์นั่นขุดสิ่งมีค่านี้ขึ้นมาจากพื้นดิน” เขาบอกคาร์ลิโด้ “มาดูสิ มันคือดินต้านทานเวทมนตร์”

 

ใบหน้าของคาร์ลิโด้สดใสขึ้นมาในทันที ตลอดเวลาที่ผ่านมานี้ เขาได้ทำงานให้กับลิงค์และได้เรียนรู้หลายๆอย่างภายในระยะเวลาอันสั้น เขารู้ดีว่าดินประเภทนี้มีค่ามากขนาดไหน

 

คาร์ลิโด้เดินมาข้างหน้าและตรวจสอบดินอย่างระมัดระวัง

 

 

“นายท่าน นี่มันเป็นดินต้านทานเวทมนตร์ที่มีคุณภาพสูงมากเลยนะครับ” เขาพูด “มันมีความความบริสุทธิ์สูงมาก พวกเราสามารถขายมันได้ในราคา 10 เหรียญทองต่อน้ำหนัก 1 ตัน หรือไม่พวกเราก็สามารถเปลี่ยนมันให้เป็นสินค้าที่มีค่ามากกว่านี้และขายมันได้ในราคา 50 เหรียญทองต่อตันหรือมากกว่านั้นก็ยังได้ มันถูกพบที่ไหนหรอครับ นายท่าน? ผมอยากที่จะไปที่นั่น เพื่อตรวจสอบมัน”

 

 

ดูเหมือนว่าในตอนนี้คาร์ลิโด้นั้นจะจัดการกับเรื่องในที่รกร้างเฟิร์ดเหมือนกับว่าเป็นเรื่องของตัวเองแล้ว แม้ว่าเขาจะยังคงร่ำเรียนเวทมนตร์อยู่  แต่ลำดับความสำคัญของเขาก็ได้เปลี่ยนไปเล็กน้อยในตอนนี้ เขาพบว่าหัวหน้านักเวทย์นั้นไม่จำเป็นที่จะต้องมีความรู้ลึกซึ้งในด้านเวทมนตร์ สิ่งที่เขาควรจะสนใจมากกว่าก็คือการดำเนินกิจการและธุรกิจของลิงค์อย่างเหมาะสม

 

คาร์ลิโด้นั้นมองอนาคตของลิงค์ในทางบวกมากๆ ดังนั้นเขาจึงมั่นใจว่าตราบใดที่เขาทำหน้าที่ในฐานะหัวหน้านักเวทย์ของลิงค์ได้ดี อนาคตของเขาก็จะดีด้วยเช่นกัน

 

 

“เขารู้ตำแหน่งที่แน่นอน” ลิงค์พูดพร้อมกับชี้ไปที่เอโระ “ตามเขาไปสิ”

 

“งั้นก็ไปกันเถอะ!” เอโระกล่าวอย่างกระตือรือร้น

 

 

ในตอนที่เขาเห็นคาร์ลิโด้ ก็มีความคิดผุดขึ้นมาในหัวของเอโระ

 

บางทีดินต้านทานเวทมนตร์นี้อาจจะเป็นโอกาสที่จะทำให้ฉันเปล่งประกายได้เหมือนกันนะ เขาคิด

 

 

ทักษะของเอโระนั้นสูงกว่าระดับปกติแค่เล็กน้อยเพียงเท่านั้น เขาอายุ 30 ในปีนี้แต่เขายังคงเป็นเพียงแค่นักเวทย์เลเวล 2 ในอนาคต เขาคาดว่าเขาน่าจะไปได้สูงสุดที่เลเวล 4 ดังนั้นเขาจะมาเสียเวลาที่สถาบันไปทำไมหล่ะ? ทำไมเขาถึงไม่ออกมาและหาอนาคตที่ดีกว่าด้วยการทำงานร่วมกับนักเวทย์อัจฉริยะลิงค์แทนหล่ะ?

 

 

ด้วยความคิดนี้ในหัว เอโระก็มีความกระตือรือร้นในการพาคาร์ลิโด้ไปยังสถานที่ๆพวกเขาค้นพบดินต้านทานเวทมนตร์ ตลอดเส้นทาง เขาถามคำถามเกี่ยวกับหน้าที่ของคาร์ลิโด้ในดินแดนของลิงค์ตลอด

 

คาร์ลิโด้นั้นไม่ใช่คนโง่ เขารู้ในทันทีจากท่าทีของเอโระว่าเขานั้นมีความคิดที่จะมาทำงานร่วมกับลิงค์ แม้ว่าเขาจะไม่ได้สนใจเรื่องนั้นมาก แต่เขาก็รู้สึกถูกคุกคามเล็กน้อยจากเรื่องนี้

 

ฉันคิดว่าตอนนี้ฉันคงไม่สามารถละเลยเรื่องการเรียนเวทมนตร์ได้แล้วหล่ะ คาร์ลิโด้รู้สึกตัว ในอีกไม่นานนี้มันจะต้องมีนักเวทย์อีกมากมายที่มาที่นี่เพื่อขอทำงานกับท่านลิงค์แน่ๆ ถ้าเกิดว่าฉันไม่พัฒนาทักษะของฉันหล่ะก็ อีกไม่นานฉันจะต้องถูกบีบให้ออกจากตำแหน่งสำคัญในการเป็นลูกทีมของท่านลิงค์แน่ๆ และถ้าเป็นแบบนั้นฉันก็คงจะมีปัญหา!

 

ด้วยความคิดนี้ในใจ อยู่ๆคาร์ลิโด้ก็ได้หันไปยังทิศทางอื่นและตรงไปที่ค่ายของแจกเกอร์

 

“นี่ นายไปผิดทางแล้วนะ!” เอโระพูด เขางุนงงกับการกระทำของคาร์ลิโด้มาก

 

“ฉันรู้” คาร์ลิโด้ตอบด้วยรอยยิ้ม “แต่ฉันคิดว่าท่านลิงค์น่าจะต้องการรู้ขนาดที่แน่นอนของพื้นที่ที่มีดินด้วย ดังนั้นฉันจะไปพาทหารรับจ้างบางส่วนมาช่วยพวกเราวัดให้ถูกต้อง”

 

เอโระรู้สึกประทับใจในความเฉลียวฉลาดของคาร์ลิโด้

 

ทักษะทางด้านเวทมนตร์ของเขาต่ำกว่าฉัน เอโระคิด แต่ดูเหมือนว่าเขาจะมีประสิทธิภาพและรู้จักประยุกต์มากกว่าฉัน ดูเหมือนว่าฉันมีหลายสิ่งที่ต้องร่ำเรียนจากเขานะ

 

“รอฉันด้วย!” เอโระตะโกน พร้อมกับเร่งฝีเท้าและพยายามตามคาร์ลิโด้ให้ทัน

 

 

ด้วยความคิดเหล่านี้ในหัว ทั้งสองคนจึงทำงานในสภาพที่มีแรงจูงใจสูงกว่าปกติและทำงานเสร็จเร็วขึ้นมากเช่นกัน

 

7 ชั่วโมงต่อมา รายงานเบื้องต้นเกี่ยวกับดินต้านทานเวทมนตร์ก็ถูกวางไว้บนโต๊ะของลิงค์

 

“นายท่านครับ” คาร์ลิโด้พูด “อ้างอิงจากกระประเมิณในขั้นต้น พื้นที่ที่ประกอบไปด้วยดินต้านทานเวทมนตร์นั้นมีประมาณ 2,000 เอเคอร์และความลึกเฉลี่ยของมันมีมากกว่า 100 ฟุตครับ พวกเราไม่สามารถไปถึงส่วนที่ลึกที่สุดที่สามารถพบดินได้ แต่คาดว่ามันน่าจะมากกว่า 200 ฟุตครับ การประเมิณคร่าวๆของน้ำหนักดินต้านทานเวทมนตร์นั้นอยู่ที่ประมาณ 70 ล้านตันหรือมากกว่านั้นครับ”

 

70 ล้านต้นนั้นไม่ใช่จำนวนที่น้อยๆเลย ถ้าข่าวการค้นพบนี้แพร่กระจายไปทั่วอาณาจักรหล่ะก็ ราคาของดินต้านทานเวทมนตร์ก็คงจะลดลงอย่างมากและอาจจะตกไปเหลือราคาเท่ากับกะหล่ำปลีเลยทีเดียว

 

แต่ต่อให้ราคามันตกลงก็ยังคงเหลืออยู่ที่หลักเหรียญเงินต่อ 1 ตัน ลิงค์ยังสามารถรับความมั่งคั่งจากดินต้านทานเวทมนตร์ได้เยอะอยู่

 

เมื่อดูจากมุมมองของแต่ละคน ตัวเลขเหล่านี้อาจดูเยอะและน่าประทับใจ แต่จุดประสงค์หลักของลิงค์ก็คือการสร้างเมืองหลวงเวทมนตร์ที่มีทุกอย่างที่เกี่ยวข้องกับเวทมนตร์ถูกรวบรวมไว้ที่นี่ สำหรับกรณีนี้ เขายังต้องการเหรียญทองอีกมากมาย

 

“ถ้าเป็นแบบนี้หล่ะก็” ลิงค์พูด “จงทำงานร่วมกับลูซี่และตั้งทีมสำรวจขึ้นมาซะ” เขาตัดสินใจที่จะขุดดินขึ้นมาและขายมัน ในตอนนี้ เขามีเงินเหลืออยู่ประมาณ 70,000 เหรียญทอง แต่การก่อสร้างในที่ดินของเขานั้นรวดเร็วขึ้นมาก และเหรียญทองก็ถูกใช้ในอัตราที่รวดเร็วมากๆ เขาจะต้องหาแหล่งรายได้ที่มั่นคงให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้

 

 

“ครับ นายท่าน!” คาร์ลิโด้ตอบ “ผมจะรีบจัดการมันในทันทีครับ!”จากนั้นเขาก็รีบพุ่งออกจากห้องไปและตรงไปทำงานในทันที

 

ลิงค์พิงพนักเก้าอี้ เขานั้นไม่ได้คิดถึงเรื่องของดินเลยซักนิดเดียวแต่เขากำลังครุ่นคิดถึงเกาะสนามแม่เหล็กที่เขาเจอในทะเลอยู่

 

 

เหล็กหมุนวนนั่นคงจะเป็นแหล่งรายได้ที่ไม่เลวเลยทีเดียว ลิงค์คิด แต่โชคร้ายที่เกาะแห่งนั้นไม่ได้อยู่ในเขตแดนของดินแดนของฉัน เมื่อฉันจัดการกับทุกอย่างที่นี่เสร็จ ฉันคงต้องจัดตั้งกองทหารเรือและไปตั้งอาณานิคมในเกาะนั่น!

 

ยังไงซะมันก็คงใช้เหรียญทองไม่เยอะมากนักหรอก

Advent of the Archmage

Advent of the Archmage

Type: Author: , ,
เรื่องย่อ ลิงค์เป็นอาร์จเมจที่เก่งที่สุดในทุกๆเซิร์ฟเวอร์ เขาเพิ่งจะโค้นล้มบอสที่แข็งแกร่งที่สุด,เจ้าแห่งความลึก โนโซม่า ด้วยปาร์ตี้ของเขา อย่างไรก็ตาม,แทนที่เขาจะกลับไปที่เมื่อง เขากลับถูกส่งตัวไปที่พื้นที่ลับด้วยพิกเซลCG มันให้ความรู้สึกเหมือนกับสูญญากาศ และภายในนั้นก็ได้มีเสียงที่ยิ่งใหญ่และมากด้วยอำนาจที่เรียกตัวเองว่าพระเจ้าแห่งแสงสว่างดังขึ้น “ลิงค์ เจ้าเต็มใจที่จะเป็นผู้ช่วยชีวิตที่จะดึงโลกแห่งฟิรูแมนออกจากความปั่นป่วนไหม?” ภารกิจที่ยิ่งใหญ่นี้มันอะไรกัน! ถ้ามันเป็นโลกจริง ลิงค์ คงจะปฏิเสธไปในทันที อย่างไรก็ตามเขาก็มีความแน่วแน่ที่จะเป็นฮีโร่ในเกมส์ “จัดไปเลย!” ลิงค์ ตอบอย่างมั่นใจ “ถ้างั้นก็ขอให้เจ้าโชคดี” และนั่นจะเป็นการเริ่มต้นการเดินทางที่เต็มไปด้วย เวทย์มนตร์,มิตรภาพ,การทรยศ,ความรัก และความสิ้นหวังของ ลิงค์ ในโลกที่เปลี่ยนแปลงไปของฟิรุแมน Link was the top Archmage in the entire server. He had just defeated the strongest boss, the Lord of The Deep, Nozama with his party. However, instead of going back to town, he was transported to a secret location with pixelated CG. It sort of felt like a vacuum, and within it came a glorious and commanding voice that calls himself the God of Light. “Link, would you be willing to be the saviour who will pull the World of Firuman out from the churning abyss?” What a huge mission! If it was in the real world, Link would have rejected it immediately. However, he was bent on being the hero in game. “Bring it on!” Link answered confidently. “Then, best of luck.” And so began Link’s journey of magic, friendship, betrayal, love and despair in the ever changing World of Firuman.

Comment

Options

not work with dark mode
Reset