Advent of the Archmage – ตอนที่ 222: ไม่คิดเลยว่าจะเป็นคนที่สำคัญอย่างท่าน

ป้อมปราการ, ยอดภูเขาน้ำแข็ง

 

เพื่อรักษาภารกิจของเขาให้เป็นความลับ ลิงค์จึงยืนอยู่หน้าประตูป้อมโดยสวมผ้าคลุมนักเวทย์ระดับต่ำเอาไว้ จากนั้นเขาก็ตะโกนบอกการ์ดที่ยืนอยู่ตรงกำแพงชั้นนอก “ผมชื่อมิโรส เป็นนักเวทย์จากสถาบันเวทมนตร์ระดับสูงอีสโควฟ ผมมาที่นี่เพื่อเข้าร่วมกองทัพครับ”

 

“พิสูจน์ตัวตนของเจ้ามาซิ!” หัวหน้าการ์ดกำแพงชั้นนอกตอบกลับ เขาไม่ได้รับข่าวอะไรที่แจ้งเลยว่าจะมีนักเวทย์จากสถาบันมาเข้าร่วมกับกองทัพในวันนี้  ถ้าเกิดว่าเขาเป็นนักรบทั่วๆไปหล่ะก็ เขาคงไม่มาเสียเวลาอยู่แบบนี้หรอก เขาอาจจะสั่งฆ่าไปแล้วด้วยซ้ำถ้าเขาถลำเข้ามาใกล้มากเกินไป ยังไงก็ตาม อีกฝ่ายนั้นเป็นนักเวทย์; เขาจะต้องระวังเอาไว้

 

พิสูจน์ตัวเองงั้นหรอ? ลิงค์รู้สึกตกตะลึงเล็กน้อยกับคำขอนี้และคิดอยู่พักนึงก่อนที่เขาจะตอบ “ผมเป็นเพื่อนกับลูกศิษย์ของอาจารย์ใหญ่แอนโทนี่ที่มีชื่อว่ามาร์โก้ ถ้าคุณไม่เชื่อผมหล่ะก็ คุณสามารถไปยืนยันกับเขาได้นะ”

 

แม้ว่าภารกิจของเขาจะเป็นความลับ แต่กษัตริย์ลีออนก็ได้เตรียมการทุกอย่างเอาไว้ล่วงหน้าแล้ว ชื่อปลอมมิโรสเองก็เป็นเรื่องหนึ่งที่พวกเขาได้ตัดสินใจร่วมกันเพื่อเป็นการทำความให้เข้าใจตรงกัน

 

หัวหน้าการ์ดรู้สึกลังเล เขารู้จักมาร์โก้เป็นการส่วนตัว ในอดีต การกระทำแบบนี้ก็มากพอแล้วที่จะทำให้เขาลดการป้องกันลง ยังไงก็ตาม สถานการณ์ในตอนนี้มันตึงเครียดมากๆ เขาจะรู้ได้ยังไงกันว่าคนๆนี้ไม่ใช่สปายของดาร์กเอลฟ์?

 

จากนั้นเขาก็พูด “รอสักครู่, ข้าจะไปตามมาร์โก้มาที่นี่”

 

 

จากนั้นเขาก็รีบมุ่งหน้าไปยังหอคอยเวทมนตร์ที่อยู่ในป้อม ส่วนลิงค์นั้นทำได้แค่รออยู่ด้านนอกกำแพงปราสาทเท่านั้น

 

 

สิบนาทีต่อมา นักเวทย์มาร์โก้ก็ปรากฏตัวขึ้นบนกำแพงปราสาทด้วยสีหน้างุนงง

 

มิโรสหรอ? ใครกันนะ?

 

เขาได้รับข่าวเมื่อสองวันก่อนว่าทางสถาบันจะส่งนักเวทย์หนุ่มที่ชื่อมิโรสมาที่ป้อม ข่าวนี้ดูแปลกประหลาดอย่างเห็นได้ชัด เขาไม่เข้าใจว่าทำไมสถาบันถึงส่งตัวนักเวทย์มาแค่คนเดียว มันจะไม่เป็นปัญหาเลยถ้านักเวทย์คนนั้นแข็งแกร่งและมีชื่อเสียง ยังไงก็ตาม มิโรสเนี่ยนะ….ไม่ใช่ว่ามันเป็นชื่อของนักเวทย์ฝึกหัดหรอ?

 

จากกำแพงของปราสาท มาร์โก้มองลงมาและเห็นนักเวทย์หนุ่มคนนึงยืนอยู่ที่ด้านนอกกำแพง เขามองมาที่เขาด้วยรอยยิ้มเชื้อเชิญบนใบหน้า

 

มาร์โก้จดจำคนๆนี้ได้ด้วยการมองเพียงแวบเดียว— ผม, ดวงตาสีดำและท่าทีที่ดูอ่อนเยาว์นี้ ที่สถาบันมีเพียงคนเดียวเท่านั้นที่มีลักษณะแบบนี้-คนๆนั้นก็คือจอมเวทย์คนใหม่ ลิงค์ โมรานี่!

 

เขาเป็นนักเวทย์เลเวล 4 ที่สามารถรักษาความเยือกเย็นเอาไว้ได้ แม้ว่าเขาจะตื่นเต้นและตกใจกับการมาของลิงค์ แต่เขาก็ไม่ได้แสดงอารมณ์ออกมาทางสีหน้าเลยแม้แต่นิดเดียวและเขาก็พูดว่า “เขาเป็นคนจากสถาบัน ให้เขาเข้ามาได้”

 

ด้วยการยืนยันจากเขา หัวหน้าการ์ดก็รู้สึกโล่งใจและสั่งการ์ดที่อยู่ข้างๆเขา “เปิดประตู”

 

เสียงการเสียดสีกันของฟันเฟืองสามารถได้ยินได้จากสะพานแขวนที่ถูกลดลงมาอย่างช้าๆเพื่อเปิดทางเข้าให้กับลิงค์ ก่อนที่ลิงค์จะได้เข้าไปในป้อม นักเวทย์มาร์โก้ก็ออกมาให้การต้อนรับเขา

 

 

หลังจากที่เขาเดินมาถึงลิงค์ เขาก็มองไปรอบๆเพื่อทำให้แน่ใจว่าไม่มีใครมองอยู่ก่อนที่จะกระซิบด้วยความตื่นเต้น “ท่านครับ ผมได้ข่าวมาว่าแบทเทิลเมจจะมา แต่ผมคิดไม่ถึงเลยว่าจะเป็นคนสำคัญแบบท่าน!”

 

ลิงค์นั้นได้สร้างชื่อเสียงไปทั่วโลกแห่งนักเวทย์จากการเลื่อนขั้นเป็นมาสเตอร์ด้วยอายุเพียง 18 ปี และความสำเร็จของเขาในการจัดการปีศาจเลเวล 8 ด้วยเวทย์เลเวล 9 ก็เป็นข้อพิสูจน์ถึงความแข็งแกร่งของเขาได้เป็นอย่างดี  อีกเพียงนิดเดียวเท่านั้นเขาก็จะได้เป็นระดับตำนานแล้ว

 

ภายใต้ความเปล่งประกายของเขา เวเวอร์จากทางใต้ เอเลียร์ดที่สามารถเป็นนักเวทย์เลเวล 3 ได้ภายในครึ่งปี และนักเวทย์คนอื่นที่เรียกตัวเองว่าอัจฉริยะนั้นพากันหมองไปเลยเมื่อเทียบกับเขา

 

ลิงค์ยิ้มอย่างอ่อนโยนและพูดแก้ไข “ผมไม่ใช่จอมเวทย์ ผมคือมิโรส นักเวทย์เลเวล 2 นี่คุณลืมไปแล้วหรอ?”

 

“โอ้ ใช่ ใช่ มิโรส” มาร์โก้พยักหน้า

 

ลิงค์มุ่งหน้าเข้าไปในป้อมโดยที่มาร์โก้ตามหลังเขาไปอย่างเร่งรีบราวกับว่าเป็นผู้ติดตามของเขา

 

“นักดาบรุ่งอรุณอยู่ไหน? พาผมไปหาเขาหน่อย” ลิงค์ไม่ยอมเสียเวลาแม้แต่นิดเดียว เขารู้ว่ายิ่งเขาอยู่ในป้อมนานเท่าไหร่ โอกาสที่ตัวตนของเขาจะถูกเปิดเผยก็จะสูงขึ้นเท่านั้น

 

เขาเป็นศัตรูคู่อาฆาตของดาร์กเอลฟ์ อาชญากรที่ฆ่า นักฆ่าแห่งหมู่ดาวของตระกูลโนริแกน ถ้าพวกดาร์กเอลฟ์รู้เรื่องการมาถึงป่าแบล็คฟอเรสของเขาหล่ะก็ พวกเขาจะต้องมาตามล่าเขาด้วยกำลังทั้งหมดที่พวกเขามีอย่างแน่นอน

 

ยังไงก็ตาม ประโยคนี้ก็ทำให้มาร์โก้ขมวดคิ้ว เขาดูโศกเศร้าอย่างเห็นได้ชัด

 

ลิงค์รู้สึกได้ถึงลางสังหรณ์ที่ไม่ดีจึงพูดออกมา “เกิดอะไรขึ้น?”

 

 

มาร์โก้กระซิบ “กลุ่มแนวหน้าที่กองทัพส่งไปถูกพวกดาร์คเอลฟ์ทำลายยับเลยครับ คาร์โนสได้ถูกเลือกให้เป็นกองกำลังป้องกันและยังไม่มีใครพบเขาเลย แต่ว่าท่านดยุคได้ส่งหน่วยช่วยเหลือออกไปเพื่อจุดประสงค์นี้โดยเฉพาะเลยครับ แม้แต่เจ้าหญิงแอนนี่เองก็ไปด้วยในครั้งนี้”

 

ลิงค์รู้สึกตกใจกับข่าวแล้วขัดจังหวะ “มันเกิดขึ้นเมื่อไหร่?”

 

“หนึ่งชั่วโมงก่อนที่ท่านจะมาครับ หน่วยช่วยเหลือพึ่งจะออกเดินทางไปเมื่อสักครู่ แต่ว่า, ป่าแบล็คฟอเรสนั้นเต็มไปด้วยพวกกูล ผมเกรงว่าภารกิจนี้เองก็…” มาร์โก้พูดไม่จบประโยคของเขา แต่ความหมายนั้นชัดเจนมาก

 

ลิงค์สงสัยคำๆนึงที่อยู่ในประโยคของเขาแล้วถาม “กูล? นายจะบอกว่าเจ้าพวกนี้ปรากฏตัวขึ้นในแบล็คฟอเรสแล้วงั้นเหรอ?”

 

 

มาร์โก้แสดงสีหน้าหวาดกลัวออกมาในทันที “ใช่ครับ พวกมันเนี่ยแหละ! พวกมันแข็งแกร่งเกินไป! ทั้งกองทัพต่างก็ตกอยู่ในความสิ้นหวัง พวกกูลเกือบจะยึดป่าแบล็คฟอเรสได้ทั้งหมดแล้วครับ!”

 

พอได้ยินคำพูดเหล่านี้ ลิงค์ก็ตกอยู่ในความเงียบแล้วหยุดเดิน จากนั้นเขาก็ได้ยินเสียงเสียดสีกันของเหล็กดังมาจากข้างหลังเขา นั่นคือการ์ดที่กำลังดึงสะพานแขวนกลับนั่นเอง

 

“ดูเหมือนว่าผมจะต้องลงมือเดี๋ยวนี้เลยสินะ มาร์โก้ บอกให้พวกเขาเอาสะพานลง ผมจะออกเดินทางเดี๋ยวนี้เลย”จากนั้นลิงค์ก็เดินไปทางประตูป้อม

 

“ลิงค์…ฉันหมายถึง มิโรส..จะไปคนเดียวงั้นหรอ?” มาร์โก้ตามหลังลิงค์มาอย่างรวดเร็วและส่งสัญญาณให้การ์ดลดสะพานลง

 

 

“ไม่ ผมจะไล่ตามหน่วยช่วยเหลือและเดินทางไปพร้อมกับพวกเขา ดยุคตัดสินใจถูกต้องแล้ว  สถานการณ์ปัจจุบันของนักดาบรุ่งอรุณจะไม่แน่นอนแบบนี้ไม่ได้! พูดให้ถูกก็คือ เขาจะต้องรอดให้ได้ต่างหาก!”

 

เขาต้องการพละกำลังของนักดาบรุ่งอรุณในการจัดการกับพวกดาร์กเอลฟ์ที่ถูกเสริมพลังให้กลายเป็นกูล

 

ในอีก 10 ปีถัดจากนี้ นักดาบรุ่งอรุณจะยังคงเป็นนักรบที่เก่งที่สุดในโลกแห่งฟิรุแมน ในตอนนั้น เขาได้ไปถึงจุดสูงสุดของระดับตำนานและได้รับสมญานามว่านักดาบศักดิ์สิทธ์ เอเลียร์ดกับเขาจะถูกขนานนามว่าเป็นสองนักบุญของเผ่าพันธุ์มนุษย์  โดยทำหน้าที่เป็นเสาหลักที่ยึดเหนี่ยวจิตใจในสงคราม

 

นี่เป็นเหตุผลที่เพียงพอแล้วสำหรับลิงค์ในการที่จะออกไปช่วยเหลือคาร์โนส

 

ในตอนนั้นเอง สะพานแขวนก็ได้ถูกลดลงมา จากนั้นลิงค์ก็ร่ายเวทย์รวดเร็วดั่งชีต้าห์ใส่ตัวเองแล้วรีบพุ่งออกนอกประตูไป แล้วเขาก็ร่ายเวทย์ลอยเลเวล 0 เพื่อใช้ในการเพิ่มความเร็วของเขาจนมีความเร็วอยู่ที่ 150 ฟุตต่อ 1 ก้าว จากนั้นเขาก็ลอยลงมาจากยอดภูเขาน้ำแข็งและรีบไปที่ป่าแบล็คฟอเรส

 

ไม่นานนักเขาก็มาถึงอาณาเขตของป่าแบล็คฟอเรสและดูเหมือนว่ามันจะเป็นการเข้าสู่แหล่งกบดานของดาร์กเอลฟ์ที่เป็นอันตรายด้วย

 

พวกการ์ดมองเขาจากกำแพงปราสาทด้วยสีหน้าตื่นตกใจ

 

“นักเวทย์คนนั้นจะเข้าไปในแบล็คฟอเรสด้วยตัวคนเดียวงั้นหรอ? นี่เขาเป็นบ้ารึไง?”

 

“นี่เขาพยายามจะฆ่าตัวตายงั้นเหรอ?”

 

“มีใครรู้สึกรึเปล่าว่าการร่ายเวทย์ของเขาเร็วมากเลยนะ?”

 

“เขาเร็วแล้วมันจะยังไงหล่ะ? เขาตัวคนเดียวนะ?”

 

 

หัวหน้าการ์ดเดินลงมาจากกำแพงปราสาทและเดินไปหามาร์โก้ จากนั้นเขาก็ถามด้วยความสงสัย “ท่านครับ เกิดอะไรขึ้นกับชายที่ชื่อมิโรสคนนั้นกันครับ?”

 

เขาพึ่งจะมาถึงเมื่อสักครู่เองแต่เขากลับออกไปยังป่าแบล็คฟอเรสในทันที มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่?

 

จากนั้นมาร์โก้ก็จ้องไปที่ลิงค์ที่หายเข้าไปในเงาของป่าแบล็คฟอเรส แล้วเขาก็ส่ายหน้า “นักรบ นี่ไม่ใช่เรื่องที่เจ้าควรรู้นะ”

 

ถ้าเกิดว่านักดาบรุ่งอรุณคาร์โนสเป็นเสาหลักที่สนับสนุนนักรบทุกคนในอาณาจักรนอร์ตัน ลิงค์ที่เป็นนักเวทย์ที่สามารถจัดการปีศาจทราวิสได้ด้วยตัวคนเดียวก็คงจะเป็นบุคคลในตำนานของนักเวทย์สายต่อสู้ทุกคน

 

ถ้าเกิดว่าเขาไม่สามารถช่วยคาร์โนสจากสถานการณ์นี้ได้หล่ะก็ มันก็คงไม่มีใครที่สามารถทำได้อีกแล้ว

 

 

ที่ป่าแบล็คฟอเรส

 

หน่วยสอดแนมระดับสูงจำนวนสามสิบห้าคนที่สวมชุดหนังสีดำกำลังรีบเร่งไปที่ฐานของศัตรูภายใต้การปลอมตัวและการหลบซ่อน พวกเขากำลังมุ่งหน้าไปยังค่ายแนวหน้าเพื่อที่จะไปรวมตัวกับกองกำลังที่เหลืออยู่ก่อนที่จะแทรกซึมเข้าไปในฐานของศัตรูพร้อมกันเพื่อช่วยเหลือนักดาบรุ่งอรุณ

 

ในแววตาของหน่วยสอดแนมนั้นเต็มไปด้วยการเตรียมใจ ไม่มีร่องรอยแห่งความหวังอยู่ในสายตาของพวกเขาเลย ในตอนที่พวกเขาเข้ามายังแบล็กฟอเรส พวกเขาก็เตรียมใจที่จะตายเอาไว้แล้ว

 

กา! กา! กา!

 

อีกาบินผ่านพวกเขาไป ดูเหมือนว่ามันจะเยาะเย้ยกลุ่มสอดแนมกลุ่มนี้ที่ประเมินความสามารถของตนเองสูงเกินไป

 

เสียงฝีเท้าของพวกเขาที่จมเข้าไปในหิมะนั้นยิ่งเน้นให้บรรยากาศอันน่ากลัวของป่าแบล็คฟอเรสเด่นชัดขึ้น ในบรรดาหน่วยสอดแนมที่เดินทางกันอย่างกระจัดกระจายนั้น มีสี่คนคนที่รวมตัวอยู่ด้วยกัน คนที่อยู่ตรงกลางของกลุ่มก็คือ แอนนี่ อาเบล ลูกสาวเพียงคนเดียวของดยุคเหล็ก เธอถูกบอดี้การ์ดสามคนปกป้องอย่างใกล้ชิดรอบตัวเธอ, พร้อมที่จะรับการโจมตีถึงตายแทนเจ้าหญิงในตอนที่เธอตกอยู่ในอันตราย

 

แม้ว่าแอนนี่จะไม่ได้ต้องการให้เป็นแบบนี้ แต่นี่ก็เป็นการเตรียมการของพ่อเธอ  เธอทำได้แค่ยอมรับมันเท่านั้น

 

ลูกน้องทั้งหมดของเธอได้เสียชีวิตไปแล้วที่สงครามทางเหนือของป่าแบล็คฟอเรส ในครั้งที่แล้วที่พวกเขาได้พบกับอันตราย พรรคพวกแทบทุกคนของเธอได้พยายามอย่างบ้าคลั่งเพื่อที่จะปกป้องเธอด้วยชีวิตของพวกเขา และสร้างโอกาสให้เธอได้หลบหนี

 

ในตอนนั้น เธอได้เห็นหัวของอัลด์วินถูกพวกกลูตัดขาดตายคาที่ เลือดนั้นไหลพุ่งออกมาจากคอของเขาไปเกือบ 3 ฟุต ในขณะที่ดวงตาของเขายังเต็มไปด้วยประกายแห่งความโกรธ และเธอก็ยังเห็นร่างกายที่สวยงามของมอลลี่ถูกพวกกลูแสนโหดร้ายฉีกเป็นสองซีก แม้ว่าเธอจะถูกกระทำอย่างโหดร้าย แต่เธอก็ยังคงจับขาของกูลไว้แน่น จนกระทั่งเธอหมดสติไป เธอได้เห็นการเสียสละมามากพอแล้ว แต่ว่า เธอก็ยังมีชีวิตอยู่

 

จากนั้นเธอก็มองไปยังหน่วยสอดแนมที่อยู่รอบตัวเธอ เธอเห็นดวงตาของทั้งสามคนที่เต็มไปด้วยความเยาว์วัยและอนาคตที่ดีกว่า พวกเขานั้นเหมือนกับอัลด์วินและมอลลี่ ผู้คนที่สมควรจะได้สนุกกับชีวิตในวัยหนุ่มสาวของพวกเขา

 

 

แอนนี่ได้แต่รู้สึกเจ็บแปล๊ปในหัวใจในตอนที่เธอมองไปยังใบหน้าของพวกเขา ฉากของค่ำคืนแห่งโชคชะตานั้นยังคงติดแน่นอยู่ในจิตใจของเธอ หัวใจของเธอเต็มไปด้วยความสิ้นหวัง มันเหมือนกับว่ามีเลือดออกทุกครั้งที่มันเต้น

 

เธอเกลียดการที่เธอเป็นทายาทขุนนาง ถ้าไม่ใช่อย่างนั้น เธอคงจะต่อสู้กับกูลจนตัวเองตายไปนานแล้ว ซึ่งนั่นคงจะดีกว่าการมีชีวิตอยู่โดยที่ต้องแบกรับการเสียสละและความเจ็บปวดอันไร้ที่สิ้นสุดที่เธอเผชิญอยู่ในตอนนี้

 

ทันใดนั้นเอง กัปตันของหน่วยสอดแนมก็ได้ยกมือของเขาขึ้นเพื่อส่งสัญญาณให้พวกเขาหยุด จากนั้นหน่วยสอดแนมทุกคนก็หยุดเดินและรีบไปหาที่ซ่อนในทันที

 

จากนั้นแอนนี่ก็ไปซ่อนหลังต้นไม้ที่ล้มอยู่

 

ป่านั้นเงียบลงมาก  เสียงร้องของนกกับแมลงได้หายไปในทันที เหลือแต่เพียงเสียงโหยหวนของสายลม มันเหมือนกับว่าทุกชีวิตในแบล็คฟอเรสได้หายไปเฉยๆชั่วขณะนึง จากนั้นแอนนี่ก็แอบมองจากต้นไม้ที่เธอซ่อนตัวอยู่ เธอเห็นกิ้งก่าตัวเล็กๆกำลังเคลื่อนที่ด้วยท่าทางที่ไม่ปกติ มันรีบเข้าไปหลบในต้นไม้ที่ล้มอยู่ในทันที เหมือนกับว่ามันกำลังกลัวอะไรบางอย่าง มันไม่ใช่แค่กิ้งก่าเท่านั้น มด หนอน แมงมุมและพวกแมลงเล็กๆต่างก็พากันหนีด้วยความกลัว

 

 

แอนนี่เคยเห็นฉากแบบนี้มาก่อนแล้ว เธอรู้ว่ากำลังจะเกิดอะไรขึ้น

 

หัวใจของเธอเต้นอย่างรุนแรงและเธอก็กำมีดของเธอเอาไว้ในมืออย่างแน่นหนา แม้ว่ามันอาจไม่เพียงพอที่จะฆ่ากูล แต่มีดของเธอก็ได้ชุบน้ำมนต์ที่เป็นอันตรายต่อพวกกูลเอาไว้

 

สถานการณ์นั้นกดดันขึ้นมากในทันที แอนนี่เห็นว่าหน่วยสอดแนมทุกคนกำลังถือมีดของพวกเขาอย่างแน่นหนาในขณะที่ร่างกายของพวกเขากำลังสั่น นี่ไม่ใช่เพราะอะดรีนาลีนก่อนการต่อสู้ แต่มันเป็นเพราะความกลัว

 

ลมกรรโชกสามารถรู้สึกได้ตามมาด้วยภาพของเงาที่กำลังเคลื่อนไหวด้วยความเร็วสูง

 

 

แอนนี่ถอนหายใจออกมายาวๆและตกใจที่เธอรู้สึกใจเย็นกว่าทุกที พวกเขาถูกเจอตัวแล้ว พวกกูลอยู่ที่นี่ และนี่ก็อาจจะเป็นการต่อสู้ครั้งสุดท้ายในชีวิตของเธอ

 

Advent of the Archmage

Advent of the Archmage

Type: Author: , ,
เรื่องย่อ ลิงค์เป็นอาร์จเมจที่เก่งที่สุดในทุกๆเซิร์ฟเวอร์ เขาเพิ่งจะโค้นล้มบอสที่แข็งแกร่งที่สุด,เจ้าแห่งความลึก โนโซม่า ด้วยปาร์ตี้ของเขา อย่างไรก็ตาม,แทนที่เขาจะกลับไปที่เมื่อง เขากลับถูกส่งตัวไปที่พื้นที่ลับด้วยพิกเซลCG มันให้ความรู้สึกเหมือนกับสูญญากาศ และภายในนั้นก็ได้มีเสียงที่ยิ่งใหญ่และมากด้วยอำนาจที่เรียกตัวเองว่าพระเจ้าแห่งแสงสว่างดังขึ้น “ลิงค์ เจ้าเต็มใจที่จะเป็นผู้ช่วยชีวิตที่จะดึงโลกแห่งฟิรูแมนออกจากความปั่นป่วนไหม?” ภารกิจที่ยิ่งใหญ่นี้มันอะไรกัน! ถ้ามันเป็นโลกจริง ลิงค์ คงจะปฏิเสธไปในทันที อย่างไรก็ตามเขาก็มีความแน่วแน่ที่จะเป็นฮีโร่ในเกมส์ “จัดไปเลย!” ลิงค์ ตอบอย่างมั่นใจ “ถ้างั้นก็ขอให้เจ้าโชคดี” และนั่นจะเป็นการเริ่มต้นการเดินทางที่เต็มไปด้วย เวทย์มนตร์,มิตรภาพ,การทรยศ,ความรัก และความสิ้นหวังของ ลิงค์ ในโลกที่เปลี่ยนแปลงไปของฟิรุแมน Link was the top Archmage in the entire server. He had just defeated the strongest boss, the Lord of The Deep, Nozama with his party. However, instead of going back to town, he was transported to a secret location with pixelated CG. It sort of felt like a vacuum, and within it came a glorious and commanding voice that calls himself the God of Light. “Link, would you be willing to be the saviour who will pull the World of Firuman out from the churning abyss?” What a huge mission! If it was in the real world, Link would have rejected it immediately. However, he was bent on being the hero in game. “Bring it on!” Link answered confidently. “Then, best of luck.” And so began Link’s journey of magic, friendship, betrayal, love and despair in the ever changing World of Firuman.

Comment

Options

not work with dark mode
Reset