ในป่าแบล็คฟอเรสของอาณาจักรวิญญาณ มีแสงสลัวๆ และต้นไม้ก็เรืองแสงจางๆ เมื่อมองจากระยะไกลๆทุกอย่างนั้นจะรวมตัวกันเป็นหมอกอันยุ่งเหยิงทำให้ไม่มีทางที่จะมองอะไรอย่างชัดๆได้เลย
หลังจากที่ได้ฟังสิ่งที่เฟลิน่าพูด ทุกคนก็หยุดเดินและมองไปรอบๆอย่างสงสัย
พอผู้คนเริ่มแตกตื่น ก็มีเสียงแปลกๆดังขึ้นมาจากที่ไหนก็ไม่รู้
“หึหึ…หึหึหึ…555555…”
เสียงเหมือนกับมีใครบางคนกำลังหัวเราะ …และมันก็ฟังเหมือนกับว่าปีศาจที่กำลังหัวเราะนั้นกำลังยืนอยู่ข้างหลังพวกเขาเลย
ทุกคนต่างตกใจ และลิงค์เองก็ไม่ใช่ข้อยกเว้น
พรึ่บ! แกร๊ง!
ทุกคนหยิบอาวุธของตัวเองออกมาและถือมันอย่างมั่นคง พวกเขายืนเป็นวงกลมโดยเอาหลังชนกันและสายตาของพวกเขาก็สอดส่องหาแหล่งที่มาของเสียงหัวเราะแปลกๆนี้
ลิงค์ร่ายเวทย์แสงสว่าง ถึงแม้ว่าผลของมันจะอ่อนแอมากในอาณาจักรวิญญาณก็ตาม ความสว่างของเวทย์นี้น้อยกว่าปกติถึง 10 เท่า ซึ่งมันไม่ได้สว่างไปมากกว่าแสงของหิ่งห้อยเลย
ลิงค์พยายามที่จะเพิ่มความสว่างโดยทุ่มสมาธิทั้งหมดของเขาลงไปในเวทมนตร์
สว่างขึ้นอีก! สว่างขึ้นอีกสิ! สว่างขึ้นอีก! เขาร่ายมันอยู่ภายในใจ
จากนั้น สิ่งแปลกๆก็เกิดขึ้น มันเหมือนกับว่าแสงได้ยินความคิดของลิงค์และสว่างขึ้นอย่างรวดเร็ว ไม่นานนัก แสงเวทมนตร์ก็สว่างพอที่จะส่องสว่างไปรอบๆพื้นที่ในระยะ 20 ฟุต ในระยะที่ไกลออกไป มันเหมือนกับว่าหมอกหนานั้นได้ปกคลุมทุกสิ่ง และทำให้บริเวณรอบๆกลายเป็นภาพเบลอ
“พวกนายเห็นอะไรบ้างไหม?” ลิงค์ถาม เขาหันซ้ายหันขวาพยายามที่จะมองหาสิ่งผิดปกติ แต่แล้ว เขาก็ไม่พบอะไรเลย
“ไม่ครับ”
“ผมก็ไม่เจอ”
“แปลกมาก” เฟลิน่าพูด “เมื่อสักครู่นี้ข้าเห็นมันชัดมากเลยนะ มันสูงประมาณ 7 ฟุต และมีหัวอันใหญ่โต และมันก็เคลื่อนที่ได้เร็วมากๆ”
“เธอมั่นใจนะว่าเธอไม่ได้คิดไปเอง?” แอนนี่ถาม
“นี่เจ้ากำลังสงสัยสายตาของนักรบมังกรอย่างงั้นหรอ?” เฟลิน่าตอบอย่างเยือกเย็น, ไม่พอใจกับคำถามของแอนนี่
ลิงค์เชื่อว่าเฟลิน่านั้นเห็นสิ่งที่เธอคิดว่าเธอเห็น
“เธอเห็นมันตรงไหน?” เขาถาม ถ้าเกิดว่าเป็นคนอื่นบอกว่าเจอเงาหล่ะก็ ลิงค์ก็คงจะคิดว่าพวกเขามองผิด แต่เฟลิน่านั้นเป็นนักรบเลเวล 7; มันไม่มีทางที่คนอย่างเธอจะมองผิดง่ายๆแบบนี้
เฟลิน่าชี้ไปยังพุ่มไม้ที่อยู่ข้างๆซึ่งมันมีความสูงมากกว่า 3 ฟุต
“ตรงนั้น” เธอพูด “ข้าเห็นมันยืนอยู่ตรงขอบพุ่มไม้นั่นและมองมาทางข้า ข้าเห็นมันด้วยหางตา แต่พอข้าหันไปมองมัน มันก็วิ่งหนีไปเลย”
ลิงค์ส่งบอลแสงไปทางพุ่มไม้ที่เฟลิน่าชี้ พื้นที่รอบๆพุ่มไม้ได้สว่างขึ้น และทุกคนก็หันไปมองมันเพื่อที่จะตรวจสอบดูรอบๆ
“ฉันไม่เห็นร่องรอยว่าเคยมีใครผ่านตรงนี้เลย” แอนนี่พูดหลังจากที่ผ่านไปพักนึง “แล้วพวกนายล่ะ?”
“ผมก็เหมือนกัน” หน่วยสอดแนมตอบ ทุกคนต่างก็ส่ายหน้า
เรื่องมันยิ่งแปลกเข้าไปมากขึ้นทุกที จากคำอธิบายของเฟลิน่า สัตว์ประหลาดเงานั่นมีหัวที่ใหญ่โตและเคลื่อนที่ได้รวดเร็ว มันเป็นไปไม่ได้ที่ใครบางคนที่มีลักษณะอย่างนั้นจะไม่ทิ้งร่องรอยอะไรเอาไว้เลย
“เป็นไปไม่ได้” เฟลิน่าพูดด้วยความสับสน “ข้าเห็นมันชัดมาก มันเป็นแบบนี้ได้ยังไงกัน?”
ลิงค์รู้สึกได้ว่ามีอะไรบางอย่างผิดปกติ
เขาไม่รู้จะอธิบายสิ่งที่เกิดขึ้นยังไง เขาเคยเข้าไปในอาณาจักรอื่นมาก่อนในตอนที่อยู่ในเกมเพื่อที่จะทำภารกิจบางอย่าง แต่การเดินทางทุกครั้งนั้นมันก็เป็นแค่ช่วงสั้นๆและไม่มีอะไรเกิดขึ้นเลย พูดง่ายๆก็คือ เขายังไม่เคยเจออะไรที่แปลกเท่ากับสถานการณ์ที่พวกเขาอยู่ในตอนนี้มาก่อน
เขาไม่รู้ว่าจะคาดหวังอะไรอีกแล้วในตอนนี้ สัตว์ประหลาดแบบไหนที่อยู่ในอาณาจักรนี้กันนะ? จะเกิดอะไรขึ้นกับพวกเขา? เขาไม่รู้เลย เขามีความรู้สึกว่าพวกเขากำลังถูกสิ่งมีชีวิตบางอย่างจ้องมองอยู่ แต่เขาก็ไม่รู้วิธีที่จะจัดการกับมัน
ถ้าพวกเขายังไปแบบนี้ต่อไป ลิงค์กลัวว่าอะไรบางอย่างที่เลวร้ายจะเกิดขึ้น
ลิงค์มองขึ้นไปบนท้องฟ้าอีกครั้งผ่านช่องว่างระหว่างกิ่งไม้และใบไม้ มันมืดและมีสีเทา และเขาก็สามารถรู้สึกได้ถึงแรงกดดันบางอย่างซึ่งบ่งบอกว่าอสรพิษทมิฬยังคงติดตามพวกเขาอยู่ มันอยู่ไม่ไกลมากนัก
สิ่งนี้ได้ทำลายการตัดสินใจของพวกเขาที่จะใช้เส้นทางนี้กลับไปยังอาณาจักรกายภาพจากที่นี่อย่างสมบูรณ์
“มาอยู่ใกล้ๆกันเข้าไว้เถอะ” เขาพูดหลังจากที่พิจารณาอยู่พักนึง “ดูให้ดีอย่าให้มีใครแยกกันหล่ะ เฟลิน่า คุณเดินนำหน้าสุด ผมจะเดินอยู่ด้านหลังเองแล้วก็แอนนี่ เธอกับคนอื่นที่เหลือเดินอยู่ตรงกลางนะ”
อาณาจักรวิญญาณอาจจะมีพลังอะไรบางอย่างที่ส่งผลต่อจิตใจ ในหมู่พวกเขา ลิงค์กับเฟลิน่ามีวิญญาณที่แข็งแกร่ง ดังนั้นพวกเขาจึงสามารถต้านทานอิทธิพลจากมันได้ มันเป็นวิธีที่ฉลาดที่สุดในการให้พวกหน่วยสอดแนมยืนอยู่ตรงกลาง
ทุกคนพยักหน้าอย่างเงียบๆและจัดระเบียบของพวกเขา จากนั้นก็เริ่มเดินทางต่อ
ในระหว่างที่พวกเขาเดินลึกเข้าไปในป่าแบล็คฟอเรส ต้นไม้ก็เริ่มหนาแน่นขึ้น และป่าก็ค่อยๆมืดขึ้นเรื่อยๆ ถ้าไม่ใช่เพราะว่าแสงสว่างอ่อนๆที่ต้นไม้ปล่อยออกมา พวกเขาก็คงไม่เห็นแม้กระทั่งนิ้วที่ยื่นออกมาข้างหน้าตัวเองเลย
555555…555555555…
และก็เป็นอย่างที่พวกเขาคิดไว้ เสียงหัวเราะดังขึ้นอีกครั้ง และมันก็แทบจะทำให้พวกเขาหัวใจวาย
หลังจากนั้นไม่นาน กลุ่มสมาชิกที่อยู่ตรงกลาง ทหารสอดแนมที่ชื่อว่าอีริคก็ได้หันกลับมาและมองเข้าไปในป่าทึบและยิ้ม
“โอ้ แอลลี่ ลูกสาวของพ่อ…” เขาพึมพำ “ลูกยังไม่ตายหรอ! แอลลี่..”
เขากำลังเดินแตกกลุ่มและเข้าไปในป่าลึก
หน่วยสอดแนมคนอื่นรีบดึงเขากลับมาและตะโกนเรียกชื่อเขา
“อีริค! ตื่น!” พวกเขาตะโกน “อีริค!อีริค! มีสติหน่อยสิเว้ย!”
พวกเขาตบหน้าของอีริคในตอนที่พวกเขาตะโกนเรียกชื่อ แต่อีริคก็ไม่ตอบสนองพวกเขาเลยแม้แต่นิดเดียว รอยยิ้มอันน่าขนลุกยังคงอยู่ในใบหน้าของเขา; มันเหมือนกับว่าเขากำลังมีความสุขมากๆ
หลังจากนั้นไม่นาน ร่างกายของเขาก็ไม่ขยับอีกต่อไป จากนั้นเงาจางๆก็ได้ไหลออกมาจากร่างของเขาและลอยเข้าป่าไปอย่างรวดเร็ว หายไปจากทัศนวิสัยของพวกเขา เมื่อพวกเขามองไปที่อีริคอีกครั้ง พวกเขาก็พบว่าเขาไม่หายใจแล้ว
“เขาตายแล้ว” ลาร์สันพูด เขามองไปที่ลิงค์ด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความหวาดกลัว
สีหน้าของหน่วยสอดแนมคนอื่นๆก็ไม่ต่างกันเลย
ทั่วทั้งป่าตกอยู่ในความเงียบไปพักนึง ตอนนี้อาณาจักรนี้ได้ดูน่ากลัวยิ่งกว่าที่พวกเขาคิดเอาไว้
“มันเนี่ยแหล่ะ!” เฟลิน่าตะโกนขึ้นมา “เงาดำที่ข้าเห็นก่อนหน้านี้ก็เคลื่อนที่ได้เร็วเท่ากับเงาที่ออกมาจากร่างของอีริคเลย!”
เสียงของเฟลิน่าทำให้แอนนี่ได้สติกลับมา จากนั้นเธอก็สังเกตุไปยังทิศทางที่เงาเคลื่อนที่ไปก่อนหน้านี้อย่างระมัดระวัง
“ไม่มีร่องรอยอยู่ที่พื้นเลย”แอนนี่พูด
“เมื่อกี๊มันคือวิญญาณของอีริครึเปล่า?”
“เมื่อกี๊นี้เขาพูดพึมพำชื่อของแอลลี่” เฟลิน่าพูด “ใครคือแอลลี่หรอ?”
“แอลลี่คือชื่อของลูกสาวของเขาที่ตายไปแล้ว” ทหารสอดแนมที่เป็นเพื่อนของอีริคตอบ “เธอตกลงไปในแม่น้ำและจมน้ำตายเพราะว่าอีริคไม่สนใจเธอ เขามักจะโทษตัวเองเสมอว่าเป็นคนทำให้เธอตาย”
“งั้นเมื่อกี๊ก็เป็นเสียงของแอลลี่งั้นหรอ?” เฟลิน่าถาม “หรือไม่ก็เป็นเสียงของอะไรบางอย่างที่ปลอมตัวเป็นแอลลี่เพื่อหลอกล่ออีริค?”
หน่วยสอดแนมมองหน้ากัน พวกเขาต่างก็จินตนาการถึงสิ่งที่น่ากลัวยิ่งกว่าในหัวของพวกเขา
“ข้ามีความรู้สึกไม่ดีกับเรื่องนี้เลย” เฟลิน่าพูดกับลิงค์ “พวกเราจะทำยังไงกันต่อดี?”
ตอนนี้ลิงค์ขมวดคิ้วเข้ม เขามองขึ้นไปบนท้องฟ้าและพบว่ามันมืดขึ้นและเต็มไปด้วยก้อนเมฆ แต่ถึงอย่างนั้น แรงกดดันที่เขาได้รับจากอสรพิษทมิฬก็ลดลงไปมากจากก่อนหน้านี้ พวกเขาน่าจะออกห่างจากอสรพิษทมิฬค่อนข้างไกลแล้ว ซึ่งนั่นทำให้ลิงค์ตัดสินใจที่จะเอาคัมภีร์ต่างมิติออกมาอีกครั้ง
“ผมคิดว่าพวกเราไม่ควรอยู่ที่อาณาจักรวิญญาณแห่งนี้นานเกินไป” ลิงค์พูด
จากนั้นเขาก็ส่งมานาไปที่คัมภีร์ และออร่าลึกลับก็พุ่งออกมาจากคัมภีร์และกระจายออกไปรอบๆ จากนั้น มันก็เหมือนกับหมึกที่หยดลงไปในแก้วน้ำ โลกนั้นสว่างขึ้นในทันที และสภาพแวดล้อมรอบๆก็มีสีสันมากขึ้น หิมะสีขาวปรากฏขึ้น และลมหนาวก็เริ่มที่จะพัดผ่านอากาศ
ถึงแม้ว่าพวกเขาจะรู้ว่าพวกเขายังอยู่ในดินแดนของดาร์กเอลฟ์และยังคงถูกคนที่มีอุปกรณ์ระดับเทพเจ้าตามล่า แต่ภาพของอาณาจักรอันคุ้นเคยนี้ก็ทำให้ทุกคนโล่งใจ
“โอ้ เทพแห่งแสง!” หนึ่งในหน่วยสอดแนมตะโกนออกมา “พวกเราได้เข้ามายังสุสานของพวกดาร์กเอลฟ์”
ด้วยความที่อยู่ในช่วงสงคราม สุสานของพวกดาร์กเอลฟ์จึงมีศพจำนวนมหาศาลที่ถูกทิ้งไว้ให้เน่าเปื่อย บางคนก็เป็นมนุษย์บางคนก็เป็นดาร์กเอลฟ์ ซึ่งคนส่วนใหญ่ที่ห้อยอยู่บนต้นไม้ก็คือทหารชาวมนุษย์ที่ถูกประหาร
ลมกรรโชกพัดผ่านเข้ามา และมันก็นำกลิ่นอันเน่าเหม็นของศพที่เน่าเปื่อยลอยมาด้วย
“นี่เป็นสถานที่ต้องสาป!” เฟลิน่าอุทนด้วยใบหน้าอันบึ้งตึง “ออกไปจากที่นี่กันเถอะ!”
โดยปกแล้ว ไม่มีเหตุผลที่จะอยู่ในสถานที่แบบนี้นานๆอยู่แล้ว หลังจากที่หาทิศทางที่ถูกต้องได้ พวกเขาก็เริ่มเดินทางลงใต้กันต่อ ยังไงก็ตาม ไม่นานหลังจากนั้น เฟลิน่าก็เอียงหัวของเธอเหมือนกับว่าเธอกำลังฟังเสียงในอากาศอย่างระมัดระวัง
“ลิงค์ ฟังสิ!” เธอกระซิบ “มีคนกำลังไล่ตามเรามา พวกมันเร็วมากๆและดูจากเสียงฝีเท้าของพวกมันแล้ว ข้าคิดว่าพวกมันน่าจะมีกันประมาณ 30 คนนะ”
ลิงค์ร่ายเวทย์หูชะมดใส่ตัวเองและเงี่ยหูฟังเช่นกัน วินาทีต่อมา เขาก็หันกลับมาหาเฟลิน่าและคนอื่นๆพร้อมกับขมวดคิ้ว
“แย่แล้ว” เขาพูด “ฟังจากเสียงฝีเท้าของพวกมัน พวกมันน่าจะเป็นกูลทั้งหมดเลย มีปีศาจแบทเทิลเมจอยู่กับพวกมันด้วย พวกมันต้องเจอพวกเราแล้วแน่ๆ ฉันคิดว่านายหญิงของป้อมโครงกระดูกก็น่าจะอยู่กับพวกมันด้วยนะ”
ความจำที่โดดเด่นของลิงค์นั้นทำให้เขาสามารถจดจำคนๆนั้นได้หลังจากที่ได้ยินเสียงฝีเท้าของคนๆนั้นเพียงแค่ครั้งเดียว นี่คือวิธีที่เขารู้ว่าปีศาจนั้นคือตนเดียวกับที่ได้ถอยหนีไปในตอนที่เขาอยู่ใกล้กับป้อมโครงกระดูก แม้ว่าเขาจะไม่ใช่นักสู้ที่กล้าหาญ แต่ปีศาจนั้นก็ยังมีเลเวล7 ดังนั้นเขาจะดูถูกมันไม่ได้
“พวกเราอยู่ห่างจากพวกมันประมาณ 3 ไมล์” เฟลิน่าพูด “ด้วยความเร็วของพวกกูล ข้าเกรงว่ามันสายไปแล้วที่พวกเราจะหนี”
พวกเขามีทั้งหมด 7 คน ลิงค์มีมานาเหลืออยู่ไม่มาก และต่อให้เฟลิน่าจะเป็นนักรบเลเวล 7 แต่เธอก็คงจะถูกรุม หน่วยสอดแนม 4 คนนั้นเป็นนักฆ่าเลเวล 4 เหมือนกันหมด ดังนั้นพวกเขาจึงสู้พวกกูลไม่ได้ ในอีกด้านหนึ่งคาร์โนสก็กำลังจะกลายร่างเป็นปีศาจ ไม่ใช่แค่เขาสู้ไม่ได้เท่านั้น แต่เขายังเป็นตัวถ่วงด้วยซ้ำ
ดูเหมือนว่าพวกเขาจะถูกต้อนให้ตายในดินแดนแห่งนี้!
“พวกเราจะเข้าไปอาณาจักรวิญญาณกันอีกครั้ง” ลิงค์พูดหลังจากคิดอยู่สักพัก “พอพวกเราหลบจากพวกมันได้ พวกเราก็จะกลับมาอีกครั้ง นี่คือตัวเลือกเดียวที่พวกเรามี”
ทุกคนมองหน้ากันและพยักหน้าอย่างเงียบๆ ยอมรับชะตากรรมของพวกเขาเอง
ลิงค์หยิบคัมภีร์ออกมาอีกครั้ง เปิดใช้มานาของเขา จากนั้นสีของโลกก็จางลงอีกครั้งและกลายเป็นสีดำ สีเทาและป่าแบล็คฟอเรสอื่นอันน่าสยดสยอง
“มาเคลื่อนที่ให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้เพื่อหนีให้ห่างจากพวกกูลกันเถอะ!”
…
ในป่าแบล็คฟอเรสของอาณาจักรกายภาพ
อาเซเลียที่ไล่ตามลิงค์ด้วยความเร็วสูงสุดรู้สึกได้ถึงอะไรบางอย่าง เธอยื่นมือของเธอออกมาเพื่อสั่งให้พวกกูลที่อยู่ข้างๆเธอหยุดการเคลื่อนไหว
“พวกหนูวิ่งเข้าไปในรูอีกแล้ว” เธอพูด “นี่มันไม่สนุกเลยสักนิด”
“แล้วพวกเราจะทำอะไรกันต่อครับ ท่านผู้ส่งสารแห่งความมืด?” บรูธตันถาม
อาเซเลียเงียบอยู่พักนึงก่อนที่จะตอบคำถาม
“ข้าต้องการนักเวทย์ที่สามารถไปอาณาจักรอื่นได้” ในที่สุดเธอก็พูด “พวกเราอยู่ห่างจากทะเลสาบดำเพียงแค่ 50 ไมล์เท่านั้น ทำไมเจ้าถึงไม่ไปที่หอคอยฮอร์ตันและพามาสเตอร์ไอมอนส์มาหาข้าหล่ะ? ข้าต้องการความรู้ของเขา”
“ข้าจะรีบไปเดี๋ยวนี้เลย!” บรูธตันตอบอย่างกระตือรือร้น เขารู้ว่าอาเซเลียไม่สบอารมณ์กับเขา ดังนั้นเขาจะต้องแสดงความกระตือรือร้นในตอนนี้ หลังจากที่ได้รับคำสั่ง เขาก็รีบหันหลังและรีบพุ่งไปทางทะเลสาบดำอย่างรวดเร็ว
อาเซเลียมองไปยังป่าแบล็คฟอเรสที่อยู่ตรงหน้าเธอและกัดริมฝีปาก ดูเหมือนว่าเธอจะอารมณ์เศร้าหมองแล้ว
“ของรักของข้า”เธอกระซิบพร้อมกับลูบแส้ที่อยู่ในมือเธออย่างอ่อนโยน “ข้าขอโทษจริงๆนะ ที่รัก ข้ายังไม่ได้เอาวิญญาณสดๆให้เจ้าเลย แต่ไม่ต้องกังวลไป มันจะใช้เวลาอีกไม่นาน ใช่แล้ว เดี๋ยวมันก็จะจบแล้ว”
…
ในเวลาเดียวกันนั้นเอง ก็มีหญิงสาวคนนึงเดินมาอย่างโดดเดี่ยวอยู่ที่เขตชายแดนทางใต้ของป่าแบล็คฟอเรส เธอมีดวงตาที่สดใสและบริสุทธิ์ และใบหน้าของเธอก็งดงามมาก เธอสวมชุดเดรสสีน้ำเงินน่ารัก และเธอก็มีดาบเล็กๆคาดเอาไว้ที่เอว เธอยืนอยู่ที่ต้นป่าแบล็คฟอเรสและมองไปยังป่าที่สวยสดงดงามนี้ ทันใดนั้นเธอก็หยุดการเคลื่อนไหวในทันที
“ข้อมูลของมาสเตอร์หายไป ตรวจสอบใหม่…ตรวจสอบผิดพลาด…”
สีหน้าของเธอนั้นไม่มีอารมณ์และนิ่งมาก ไม่นานนักเสียงที่แหลมและไร้อารมณ์ของเธอก็ดังขึ้นอีกครั้ง “วิเคราะห์ความเป็นไปได้…เริ่มการสะกดรอยตาม…”
หลังจากที่หยุดไปพักนึง หญิงสาวก็พุ่งเข้าไปในส่วนลึกของป่าแบล็คฟอเรส
เธอนั้นเร็วมากๆ หลังจากที่เคลื่อนที่ไปได้ประมาณ 10 ฟุต ก็มีระเบิดเกิดขึ้นในอากาศ จากนั้นหญิงสาวก็หายเข้าไปในป่า ทุกเส้นทางที่เธอผ่าน พวกนกได้บินหนีไป และสัตว์ตัวเล็กๆจะซ่อนอยู่ในหลุมกับรังของพวกมันเหมือนกับว่ามีสัตว์ที่ดุร้ายเคลื่อนที่ผ่านพวกมันไป