Advent of the Archmage – ตอนที่ 24: การต่อสู้บนกำแพงเมือง

ตอนนี้เป็นเวลาตี 3.35 อากาศหนาวในยามรุ่งสางทำให้หายใจออกมาเป็นไอ

 

 

ที่กำแพงทางเหนือของแกลดสโตน

 

แก้มสีกุหลาบของ แอนนี่ ดูซีดลงทันทีเมื่อเธอเห็นกองทัพดาร์กเอลฟ์เคลื่อนที่เข้ามาอย่างกับคลื่นทะเลสีดำ

 

พวกมันมีมากเกินไป เท่าที่ดูแล้วน่าจะมีจำนวนอย่างน้อย 15,000 ตัว

 

หลังจากที่เธอเข้าไปในค่ายการ์ดรักษาเมืองเธอก็ได้จัดการควบคุมการ์ดที่รักษาเมือง1500คน ด้วยคนเหล่านี้เธอได้จัดการพวกดาร์กเอลฟ์ที่เหลืออยู่บนถนนและเกณฑ์นักสู้ตามทางเท่าที่เธอจะหาได้

 

เธอพยายามอย่างสุดความสามารถของเธอ แต่ด้วยความที่เวลามีไม่พอ ทำให้จนถึงตอนนี้มีทหารไม่ถึง 2000 คนที่คอยป้องกันกำแพงเมือง และส่วนใหญ่ก็เป็นพวกมือใหม่ทั้งนั้น

 

พอมองไปรอบ ๆ แอนนี่ เห็นความกลัวและความไม่มั่นใจบนใบหน้าของพวกเขา บางคนก็ตัวสั่น แต่ละคนรู้ว่าพวกเขามีโอกาสเพียงน้อยนิดที่จะรอดจากการต่อสู้ครั้งนี้โดยที่ยังมีชีวิตอยู่

 

เธอระงับความกลัวของตัวเองและพูดขึ้น

 

“ทุกๆคนเตรียมตัวซะ! มาแสดงให้พวกเอลฟ์ตาแดงเห็นถึงความแข็งแกร่งของพวกเรากัน!” เธอตะโกนขึ้นมา พยายามที่จะเพิ่มกำลังใจของเหล่าทหาร “ทหาร กำแพงเมืองของพวกเราสูงและแข็งแกร่ง พวกเรามีทั้งหน้าไม้! ทั้งเครื่องเหวี่ยง! พวกเราไม่มีอะไรต้องกลัว!”

 

ก่อนที่เธอจะพูดจบ ก็มีเสียงสยองขวัญดังกึกก้องออกมาจากกองทัพดาร์กเอลฟ์ ที่อยู่ด้านใต้กำแพงเมือง

 

“ฆ่า!!!”

 

เห็นได้ชัดว่าเสียงมันออกมาจากเอล์ฟแค่ตัวเดียว แต่มันก็เหมือนกับเสียงฟ้าร้องที่สะเทือนไปทั้งสนามรบ

 

หัวใจของ แอนนี่ เต้นไม่เป็นจังหวะ ในฐานะที่เธอเป็นลูกสาวของดยุคและเป็นหัวหน้าหน่วยข่าวกรอง เธอมีประสบการณ์และความรู้มากมาย เธอรู้ระดับเลเวลของฝ่ายตรงข้ามในทันทีโดยที่ฟังแค่เสียงเพียงอย่างเดียว

 

บ้าหน่า ฝ่ายตรงข้ามเลเวล6 เลยหรอ!

 

เธอเป็นเหมือนแค่เด็กคนนึงต่อหน้าศัตรูแบบนั้น ไม่มีใครสามารถหยุดมันได้ถ้ามันสามารถเข้ามาในเมืองได้ กองทัพดาร์กเอลฟ์พูดตามผู้นำของพวกมัน

 

“ฆ่า!!!ฆ่า!!!ฆ่า!!!”

 

เสียงคำรามดังก้องเหมือนกับคลื่นยักษ์หลายลูก ทหาร 2000 คนบนกำแพงเป็นเหมือนกับเรือเล็กๆท่ามกลางทะเลคลั่ง พร้อมจะที่ถูกซัดหายไปได้ทุกเวลา

 

“พระเจ้า พวกมันมีเยอะเกินไป ไม่มีทางที่พวกเราจะหยุดพวกมันได้เลย!”

 

“ไม่นะ ฉันต้องตายแน่ๆ! แต่ฉันจะตายที่นี่ไม่ได้นะ!”

 

“หนีจากที่นี่กันเถอะ!”

 

เสียงทั้งหมดมาจากทหารที่ถูกเกณฑ์มาเมื่อไม่กี่นาทีก่อน แม้ว่าการ์ดรักษาเมืองจะหน้าซีด แต่ก็ไม่มีร่องรอยของการยอมแพ้บางทีอาจเป็นเพราะการฝึกซ้อมที่พวกเขาได้รับ

 

โดยไม่จำเป็นต้องมีสัญญาณจาก แอนนี่ การ์ดรักษาเมืองก็เดินไปตัดศีรษะของทหารใหม่ที่พยายามจะละทิ้งหน้าที่ด้วยดาบของเขา

 

แอนนี่ หลับตา เธอไม่มีประสบการณ์ในสงครามและความโหดร้ายของมันมาก่อน เธออาจจะโหดเหี้ยมรุนแรงกับศัตรูของเธอ แต่ไม่ใช่กับพวกเดียวกันเธอรู้ว่ามันจำเป็น เธอจึงต้องระงับความวิตกกังวลไว้ภายใต้ความโกรธของเธอ “พวกเราคือด่านป้องกันสุดท้ายของแกลดสโตน! คนที่หนีจะถูกฆ่าทันที!”

 

นั่นกระเทือนไปถึงทหารใหม่หลายๆคน แล้วสถานการณ์บนกำแพงเมืองก็สงบลง

 

 

ที่ด้านล่าง

 

ด้วยสายตาที่มองได้ดีในตอนกลางคืนของดาร์กเอลฟ์ และสายตาอันเฉียบคมของนักรบเลเวล 6 ลอร์ด เห็นทุกอย่างที่เกิดขึ้นบนกำแพง มันหัวเราะและพูดกับนายพลที่อยู่ข้างๆมัน “ดูสิ เด็กผู้หญิง นำกองทัพคนขี้ขลาด มันต่างกับการเปิดประตูให้เราตรงไหนกัน?”

 

นายพลทุกตัวเห็นว่าเกิดอะไรขึ้น และบางตัวถึงกับตัดสินใจและรีบขออาสา “ท่านจอมพล ขอให้ข้าโจมตีเป็นกลุ่มแรกเถิด”

 

พวกมันต้องการความรุ่งโรจน์ถึงแม้จะเป็นการโจมตีง่ายๆก็ตาม

 

ศัตรูของพวกมันมีน้อยและอ่อนแอ ในทางกลับกันกองทัพดาร์กเอลฟ์นั้นกระตือรือร้นและพร้อมที่จะสู้

 

ลอร์ด หัวเราะอย่างรุนแรง มันเลือกนายพลหลายตัวของมันจากการสุ่ม “นาย นาย นาย แล้วก็นาย นำกองทัพไปโจมตีเมืองซะ!”

 

“ขอรับ ท่านจอมพล!”

 

นายพลทั้งสี่น้อมรับคำสั่งของมัน แต่ละตัวนำกองทัพและถือตะขอเกี่ยวบุกเข้าไปที่กำแพงเมืองแกลดสโตน

 

แกลดสโตนเป้นแค่เมืองเล็กๆในอาณาจักรนอร์ตัน กำแพงเมืองจึงไม่ได้สูงมากนัก มันสูงไม่ถึง 50 ฟุตด้วยซ้ำ  จากนายพลที่ถูกเลือกมาให้โจมตีทั้ง ๔ ตัว มี 3 ตัวที่เป็นนักรบเลเวล3 ขณะที่มีตัวนึงเลเวล 4 ตราบเท่าที่พวกมันสามารถปีนขึ้นไปบนกำแพงได้ ก็จะไม่มีใครสามารถหยุดพวกมันได้

 

แอนนี่ มองดูขณะที่พวกดาร์กเอลฟ์โจมตีเมืองอย่างโหดร้าย พวกมันแต่ละตัวปกคลุมด้วยออร่าต่อสู้ และมี 1 ในพวกมันที่ออร่าสว่างที่สุด นั่นทำให้เธอรู้สึกกดดันอย่างมาก

 

มันแข็งแกร่งกว่าฉันมาก ฉันไม่มีทางชนะได้เลย ฉันจะให้พวกมันขึ้นมาบนนี้ไม่ได้!

 

แอนนี่วิตกอยู่ภายใน “โจมตี!” เธอตะโกน

 

นักธนูยิงธนูลงไปใส่ศัตรูของพวกเขา หน้าไม้คำราม ปล่อยลูกศรที่หนาเท่าแขนของเด็ก เครื่องเหวี่ยงหลายเครื่องเหวี่ยงหินขนาดเท่าลูกบาสลงไปใส่กองทัพดาร์กเอลฟ์ข้างล่าง การโจมตีอันรุนแรงของพวกเขาทำให้พวกดาร์กเอลฟ์บาดเจ็บได้บ้าง แต่ภัยคุกคามที่ใหญ่ที่สุดของพวกเข้าก็คือพวกนายพล ที่ไม่ได้รับบาดเจ็บเลย

 

ด้วยออร่าต่อสู้รอบๆตัวพวกมันและโล่ที่หนาและหนักที่พวกมันถืออยู่ พวกมันสามารถหลบการโจมตีจากหินและลูกศรได้ แม้ว่าจะมีการโจมตีที่หนักหน่วงจากมนุษย์  แต่ความเร็วของพวกมันก็ไม่ได้ตกลงเลย พวกมันอยู่ห่างจากกำแพงเมืองไม่ถึง 160 ฟุตแล้ว

 

นายพลดาร์กเอลฟ์เลเวล 4 ค่อยๆควงตะขอบนอากาศเพื่อเพิ่มความเร็ว แล้วก็เขวี้ยงไปบนกำแพงเมืองด้วยความเร็วดั่งลูกศร

 

ตึง ตะขอไปเกี่ยวกับกำแพงเมือง นายพลรีบดึงมันในทันที ส่วนนักรบมนุษย์ที่อยู่ใกล้ๆรีบวิ่งเข้าไปหาในทันที และเริ่มที่จะตัดเชือกด้วยดาบของเขา

 

แต่ไม่รู้ว่าเชือกทำด้วยวัสดุอะไร มันถึงแข็งแกร่งและทนทานมาก ดาบธรรมดาของทหารไม่สามารถสร้างได้แม้แต่รอยขีดข่วน มันต้องใช้เวลาซักพักถึงจะสามารถตัดมันให้ขาดได้

 

“ฉันตัดเอง!” แอนนี่ ตะโกน ขณะที่รีบวิ่งไปหา

 

แต่แล้วเธอก็พบว่านี่เป็นแค่เพียงอันเดียวจากทั้งหมด ก่อนที่เธอจะเริ่มไปตัด ก็มีตะขออีกหลายอันลอยขึ้นมาเกี่ยวและ พวกนายพลก็กำลังปีนขึ้นมา

 

ตอนที่เธอไปถึงตะขออันแรก แอนนี่ ได้เคลือบมีดของเธอด้วยออร่าแห่งเงา และเริ่มตัดเชือก

 

ฟรึบ เชือกขาดทำให้ดาร์กเอลฟ์เลเวล 4 ตกลงบนพื้น แต่มันก็เป็นแค่หนึ่งในหลาย ๆ ตัว ตะขออื่น ๆ ที่จับได้ทั้งหมดบรรลุวัตถุประสงค์ของพวกมัน ทำให้นายพลดาร์กที่สวมเกราะเต็มยศตัวอื่นๆสามารถไต่กำแพงขึ้นมาได้สำเร็จ

 

นักรบเลเวล 3 ทั้ง 3 ตัว พอพวกมันขึ้นมาถึงยอด พวกมันก็เริ่มควบคุมพื้นที่อย่างรวดเร็ว ด้านหลังพวกมัน กองทัพดาร์กเอลฟ์กำลังพุ่งขึ้นมาบนกำแพง นายพลเลเวล 4 ที่ตกลงไปก็อยู่ในนั้นfh;p

 

แอนนี่ เองก็มีออร่าต่อสู้เลเวล 3 แต่ว่าเธอเป็นนักฆ่า เธอจึงเสียเปรียบในการต่อสู้เป็นอย่างมากเมื่อต้องเจอกับนักรบที่มีวิธีการต่อสู้ที่ป่าเถื่อน

 

แต่ว่าเธอเป็นเลเวล 3 คนเดียวบนกำแพงนี้ มีแค่เธอเท่านั้นที่จะหยุดพวกมันได้

 

แอนนี่ พุ่งเข้าไปหานายพลเลเวล 3 ที่กำลังฆ่าทหารของเธออยู่ ในตอนนั้นเธอนึกถึง ลิงค์ขึ้นมาทันที

 

เขาอยู่ข้างหลังเพื่อหยุดดาร์กเอลฟ์นักเวทย์ ในตอนที่เธอเข้าควบคุมการ์ดรักษาเมืองได้แล้ว เธอได้ส่งคนกลับไปช่วย แต่เธอก็พบเพียงแค่ แมรี่ อาร์ดิวานและนักฆ่ามนุษย์คนอื่นๆที่บาดเจ็บสาหัสเท่านั้น

 

ไม่มีร่องรอยของพวกดาร์กเอลฟ์นักฆ่า จอมเวทย์แล้วก็ ลิงค์ เลย

 

ในตอนที่เธอพุ่งไปเธอนึกถึงคำพูดสุดท้ายที่ ลิงค์ พูดกับเธอ

 

“ไปซะ ผมจะหยุดพวกมันเอง!” ลิงค์ ตะโกน แล้วเขาก็ทำมันสำเร็จ ในตอนสุดท้ายเขาได้ส่ง แอนนี่ อย่างปลอดภัย

 

“ตอนนี้เขาไปอยู่บนสวรรค์หรือยังนะ?” เธอถอนหายใจกับตัวเอง

 

เธอรู้ดีว่าเธอไม่ใช่คู่ต่อของจอมพล ต่อให้เธอกับพวกทหารสามารถจัดการฆ่าพวกมันได้ แต่ก็ยังมีพวกจอมพลอยู่ดี

 

เธอจะตายในการต่อสู้นี้ และเธอก็เตรียมใจพร้อมแล้ว

 

แอนนี่ พุ่งเข้าไปแทงมีดใส่หลังคอของนายพลดาร์กเอลฟ์ในตอนที่มันฟาดดาบไปหาทหารของเธอ

 

ในตอนที่มีดกำลังจะถึงตัวเป้าหมาย นายพลก็ได้หมุนตัวเอาโล่มาบังและพุ่งเข้าหา แอนนี่

 

แอนนี่ รู้ทันทีว่าเธอจะถูกเหวี่ยงขึ้นไปในอากาศด้วยโล่ของมันก่อนที่มีดของเธอจะสามารถเข้าถึงมันได้ เธอไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากเปลี่ยนยุทธวิธีเป็นการหลบหนี

 

แต่ตอนที่เธอทำอย่างนั้น มีใครบางคนอยู่บนกำแพงข้างหลังเธอ มันคือดาร์กเอลฟ์เลเวล 4ตัวก่อนหน้านี้ มันรอโอกาสที่จะโจมตีเธอมาโดยตลอด มันหัวเราะเยาะแล้วพุ่งเข้าไปหาเธอ

 

“ตายซะ สาวน้อย!”

 

แอนนี่ ไม่มีโอกาสเลยเมื่อเจอกับนักรบหุ้มเกราะเลเวล4  ถึงจุดจบแล้วสินะ? เธอเริ่มสิ้นหวัง ท่านพ่อ หนูพยายามอย่างถึงที่สุดแล้วนะคะ

 

เธอนึกถึงภาพของนักเวทย์หนุ่มอีกครั้ง เธออยู่บนนั้นเหงามั้ย ตัวคนเดียวบนสวรรค์? ไม่ต้องกังวลนะ เดี๋ยวฉันจะไปอยู่ด้วยแล้ว

 

เธอใช้ออร่าแห่งเงา และพุ่งเข้าไปหานักรบเลเวล4

 

เธอจะสู้จนตัวตาย

 

ในตอนนั้นมีแสงสีเหลืองพุ่งขึ้นมาบนกำแพงเมือง มันขยับตัวอย่างรวดเร็วปล่อยออกมาเป็นเส้นสีเหลืองและลมกระโชกแรง แสงสีเหลืองนั้นพุ่งเข้าไปหานายพลดาร์กเอลฟ์เลเวล4

 

สกิลต่อสู้ พุ่ง

 

ปัง! นายพลดาร์กเอลฟ์ถูกกระแทกโดยไม่ทันระวังจนตกจากกำแพงเมืองไป มันตกลงสูงกว่า50ฟุต และลงไปกระแทกและนอนสับสนอยู่บนพื้น

 

นายพลหมดสติเมื่อตกลงถึงพื้น บนกำแพง ร่างที่ปกคลุมด้วยแสงสีเหลืองเดินไปที่หน้าไม้ และเขายิงไปที่ดาร์กเอลฟ์ที่นอนอยู่ การยิงของเขาแม่นยำ เขาปลิดชีพดาร์กเอลฟ์เลเวล 4ด้วยการยิงเพียงครั้งเดียว

 

ตอนนี้ร่างที่ปกคลุมด้วยแสงสีเหลืองหันมาที่ แอนนี่ พร้อมทั้งเปล่งเสียงที่เยาว์วัยออกมา “เจ้าหญิงแอนนี่ ผมมาช่วยคุณแล้ว”

 

หลังจากที่เขาพูดจบ มีคนอีกจำนวนหนึ่งกระโดดขึ้นมาบนกำแพงเมืองจากทางด้านในเมือง นี่คือกองกำลังฆ่าตัวตายจากค่ายแบล็กไอรอน!

 

เสียงอันคุ้นเคย แอนนี่ จ้องและพูดอย่างยินดี “มินซ์ ทำไมนายถึงมาอยู่ที่นี่?”

 

แอนนี่ ที่เป็นลูกสาวของดยุคและเป็นที่ชื่นชอบของกษัตริย์ ลีออน ได้เติบโตขึ้นมาในพระราชวัง ส่วน มินซ์ เองก็เป็นลูกของเอิร์ลที่เป็นชนชั้นสูงในอาณาจักรนอร์ตัน ในตอนที่เขายังเด็กกว่านี้ เขาเคยไปเข้าร่วมงานเต้นรำในพระราชวัง แล้วเขากับ แอนนี่ ก็ได้เป็นเพื่อนกันตั้งแต่ตอนนั้น

 

“มันเป็นคำสั่งจากจอลพล อัลลองส์ กองทัพกำลังเดินทางมาที่นี่ ผมมีหน้าที่ปกป้องกำแพงเมืองจนกว่าจะถึงตอนนั้น!” มินซ์ พุ่งเข้าไปหา 1 ในนายพลดาร์กเอลฟ์เลเวล 3

 

คำพูดของเขาช่วยผ่อนคลายทุกๆคน พอได้ยินว่ากองกำลังช่วยเหลือกำลังมาขวัญกำลังใจของทหารก็เพิ่มขึ้น ด้วยความช่วยเหลือของนักรบมนุษย์เลเวล3 14คน พวกเขาจัดการดาร์กเอลฟ์ที่เหลืออยู่บนกำแพงเมืองได้อย่างรวดเร็ว

 

 

ด้านล่างของกำแพง

 

จอมพล ลอร์ด มองเอลฟ์ที่ถอยทัพกลับมา มันหน้าแตก

 

มันหายใจลึกๆ และจับด้ามดาบที่อยู่ที่เอวของมัน

 

ดาบนี้มีชื่อว่า บลัดไพรด์ มันถูกสร้างโดยดาร์กเอลฟ์หัวหน้าช่างตีเหล็ก แอนดรูว ,นักเสริมพลัง เมสเซน แห่งสภานักเวทย์แห่งพระจันทร์สีเงิน มันเป็นอาวุธที่ทรงพลัง อาวุธมหากาพย์ที่พระราชามอบให้มันในตอนที่ลอร์ดได้เป็นนักรบเลเวล6

 

ในตอนที่มันดึงดาบออกมา มีหมอกสีแดงเลือดพุ่งออกจากใบมีด

 

“ถึงเวลาแล้ว”

Advent of the Archmage

Advent of the Archmage

Type: Author: , ,
เรื่องย่อ ลิงค์เป็นอาร์จเมจที่เก่งที่สุดในทุกๆเซิร์ฟเวอร์ เขาเพิ่งจะโค้นล้มบอสที่แข็งแกร่งที่สุด,เจ้าแห่งความลึก โนโซม่า ด้วยปาร์ตี้ของเขา อย่างไรก็ตาม,แทนที่เขาจะกลับไปที่เมื่อง เขากลับถูกส่งตัวไปที่พื้นที่ลับด้วยพิกเซลCG มันให้ความรู้สึกเหมือนกับสูญญากาศ และภายในนั้นก็ได้มีเสียงที่ยิ่งใหญ่และมากด้วยอำนาจที่เรียกตัวเองว่าพระเจ้าแห่งแสงสว่างดังขึ้น “ลิงค์ เจ้าเต็มใจที่จะเป็นผู้ช่วยชีวิตที่จะดึงโลกแห่งฟิรูแมนออกจากความปั่นป่วนไหม?” ภารกิจที่ยิ่งใหญ่นี้มันอะไรกัน! ถ้ามันเป็นโลกจริง ลิงค์ คงจะปฏิเสธไปในทันที อย่างไรก็ตามเขาก็มีความแน่วแน่ที่จะเป็นฮีโร่ในเกมส์ “จัดไปเลย!” ลิงค์ ตอบอย่างมั่นใจ “ถ้างั้นก็ขอให้เจ้าโชคดี” และนั่นจะเป็นการเริ่มต้นการเดินทางที่เต็มไปด้วย เวทย์มนตร์,มิตรภาพ,การทรยศ,ความรัก และความสิ้นหวังของ ลิงค์ ในโลกที่เปลี่ยนแปลงไปของฟิรุแมน Link was the top Archmage in the entire server. He had just defeated the strongest boss, the Lord of The Deep, Nozama with his party. However, instead of going back to town, he was transported to a secret location with pixelated CG. It sort of felt like a vacuum, and within it came a glorious and commanding voice that calls himself the God of Light. “Link, would you be willing to be the saviour who will pull the World of Firuman out from the churning abyss?” What a huge mission! If it was in the real world, Link would have rejected it immediately. However, he was bent on being the hero in game. “Bring it on!” Link answered confidently. “Then, best of luck.” And so began Link’s journey of magic, friendship, betrayal, love and despair in the ever changing World of Firuman.

Comment

Options

not work with dark mode
Reset