Advent of the Archmage – ตอนที่ 242: กลุ่มมรกต

ที่ป้อมยอดภูเขาน้ำแข็ง

 

2 วันผ่านไป และด้วยความช่วยเหลือของลิงค์ แบทเทิลเมจของกองทัพนอร์ตันก็ได้พัฒนาในเรื่องกลยุทธ์การตอบโต้กับกูลไปอย่างมาก หนึ่งในพวกเขาได้ประดิษฐ์หน้าไม้แบบใหม่ขึ้นมาด้วย

 

ที่ลานกว้างของป้อม ลิงค์ นักเวทย์มาร์โก้ แอนนี่และหน่วยลาดตระเวนบางส่วนได้กำลังทดลองอาวุธใหม่กันอยู่ เป้าเคลื่อนที่มากมายได้ถูกตั้งไว้ให้เคลื่อนที่อย่างรวดเร็วต่อหน้าพวกเขา  และเป้าพวกนี้ได้เคลื่อนที่ไปข้างหน้า-ข้างหลังด้วยความเร็วเกือบ 300 ฟุตต่อวินาที ในขณะที่หน่วยลาดตระเวนนั้นยืนห่างจากพวกมัน 150 ฟุต  หน่วยลาดตระเวณนั้นได้ถือหน้าไม้อยู่ในมือและเพียงแค่ยิงมันออกไปในทิศทางปกติของเป้าเคลื่อนไหวโดยที่ไม่ได้พยายามที่จะยิงมันอย่างแม่นยำเลย

 

ปัก,ปัก,ปัก,ปัก!

 

หลังจากที่ลูกศรถูกยิงไปที่เป้าเคลื่อนที่จากหน้าไม้ด้วยความเร็วและความถี่ที่สูง ประมาณ 5 ลูกต่อวินาที ลูกศรนั้นไม่ได้เคลื่อนที่เป็นเส้นตรงอย่างเดียวเท่านั้น บางดอกได้เคลื่อนที่เป็นเส้นโค้ง บ้างก็เป็นรูปตัว S แต่แล้วพวกมันทั้งหมดก็พุ่งเข้าหาเป้าที่กำลังเคลื่อนที่โดยไม่พลาดเป้าเลย

 

5 วินาทีต่อมา ลูกดอกหน้าไม้ก็ได้หมดลง หน่วยลาดตระเวนได้ทุบมือของเขาใส่กลางลำของหน้าไม้ ซึ่งมันทำให้กล่องเหล็กพุ่งออกมาจากมัน จากนั้นหน่วยลาดตระเวนก็ใส่ลูกดอกหน้าไม้ธาตุเงินศักดิ์สิทธ์ลงไปในกล่องและกดมันกลับเข้าไปจนได้ยินเสียง กลิ๊ก จากนั้นหน่วยลาดตระเวนก็ได้ยกหน้าไม้ขึ้นมาอีกครั้งและเล็งไปที่เป้าหมาย ขั้นตอนทั้งหมดในการใส่ลูกดอกหน้าไม้ใหม่นั้นใช้เวลาเพียงแค่ไม่ถึง 2 วินาที

 

ไกได้ถูกกดอีกครั้ง และห่าลูกศรก็ได้ตกใส่เป้าเคลื่อนที่ ไม่มีลูกศรไหนที่พลาดเป้าเลย

 

ไม่นาน ลูกศรก็หมดลงอีกครั้ง แต่หน่วยลาดตระเวนก็ไม่ได้หยุดยิง พวกเขาเติมลูกศรอีกเป็นครั้งที่ 3 ครั้งที่ 4 ครั้งที่ 5-จนในที่สุด เมื่อพวกเขาเติมลูกศรเป็นครั้งที่ 20 ในที่สุดหน้าไม้ก็ได้มาถึงขีดจำกัดของมัน สายหน้าไม้ขาดออกเป็นเสียงดังแหลม

 

เป้าเคลื่อนไหวเองก็หยุดลงในเวลาเดียวกัน ในตอนนี้ พวกมันถูกลูกศรมากมายเจาะทะลุจนดูเหมือนกับเม่นเลย

 

หน่วยลาดตระเวนคนอื่นได้รีบวิ่งไปที่เป้าเพื่อตรวจสอบมัน

 

“ลูกศร489ดอกโดนเป้าหมาย” เขารายงานหลังจากผ่านไปไม่กี่นาที “และลูกศร 309 ดอกโดนรูนครับ”

 

“นี่นับเป็น97%จากลูกศรทั้งหมด 500 ดอกเลยนะ!” มาร์โก้อุทานอย่างภูมิใจ “พวกเราสามารถจัดการโจมตีใส่เป้าหมายที่มีความเร็วสูงได้ด้วยอัตราที่สูง และ 60% ของมันก็โดนเข้ากับจุดตายของเป้าหมาย นี่มันใกล้เคียงกับคำว่าสมบูรณ์แบบเลยนะเนี่ย!”

 

หน้าไม้ที่ถูกตัดแปลงใหม่นั้นเกือบทั้งหมดมาจากไอเดียของลิงค์ ดังนั้นเขาจึงค่อนข้างดีใจและโล่งใจกับผลงานที่ออกมา หน่วยลาดตระเวนที่อยู่รอบๆเขาก็รู้สึกตื่นเต้นกับผลลัพธ์นี้เช่นกัน สำหรับพวกเขา อาวุธใหม่นี้หมายถึงความเป็นและความตายในสนามรบเลยทีเดียว

 

“ถ้าอาวุธนี้ถูกนำไปประยุกต์ใช้กับกองทัพที่มีขนาดใหญ่กว่านี้หล่ะก็” แอนนี่พูด “มันคงจะไม่มีเหตุผลที่ต้องกลัวพวกกูลอีกต่อไปแล้ว! พวกเราต้องการแค่ 5 คนในกองกำลังที่ใช้อาวุธนี้เพื่อทำให้เกิดความแตกต่างอันใหญ่หลวง!”

 

แต่ลิงค์ยังรู้สึกไม่พอใจ เขาคิดว่าอาวุธนี้ยังมีส่วนให้ปรับแต่งได้อีกเยอะ  ถ้าเกิดว่าเขามีเวลามากกว่านี้ เขาคงจะหาทางใช้เวทย์ธาตุไฟในการดัดแปลงหน้าไม้ให้เป็นอะไรบางอย่างที่เหมือนๆกับปืนกล

 

แต่นั่นไม่ใช่แนวทางที่สามารถนำไปใช้ได้จริง ต้นทุนที่จะใช้ในการผลิตนั้นมันจะสูงเกินไปสำหรับอาวุธธรรมดาที่ใช้กันในกองทัพ  หน้าไม้นี่อาจจะไม่ใช่อาวุธในอุดมคติ แต่มันก็ทำได้ดีในเรื่องรักษาสมดุลในระหว่างคุณภาพและต้นทุน

 

ถ้าพวกมันถูกผลิตในจำนวนมาก หน้าไม้หนึ่งคันก็จะราคาประมาณ 10 เหรียญทองในขณะที่ลูกศรธาตุเงินศักดิ์สิทธ์นั้นจะมีราคาประมาณ 1.5 เหรียญทองต่อดอก รวมแล้วกล่องลูกศรหนึงกล่องจะมีราคาประมาณ 4 เหรียญทอง กษัตริย์ลีออนจะต้องจ่ายเงินในกองคลังอย่างมหาศาลเพื่อที่จะให้หน่วยลาดตระเวณ MI3 ทุกคนได้ใช้หน้าไม้นี้หนึ่งคันเดียว แต่มันก็เป็นค่าใช้จ่ายที่ยอมรับได้และมันก็จะคุ้มค่ามากๆสำหรับคนๆนั้นในเมื่อมันหมายถึงความเป็นความตายของอาณาจักร

 

“ถึงเวลาที่ผมต้องกลับลงใต้แล้วหล่ะ” ลิงค์พูด

 

“ฉันจะไปส่งนายที่ประตูนะ” แอนนี่พูดพร้อมกับเดินมาหาลิงค์

 

ลิงค์พยักหน้า จากนั้นทั้งสองก็เดินไปด้วยกันยังคอกม้าที่ป้อมปราการ แอนนี่เงียบตลอดทางจนพวกเขาไปถึงจุดลับที่อยู่ใกล้ๆกับคอกม้า จากนั้นเธอก็หยุดอย่างกะทันหันและหันมามองลิงค์

 

“อุปกรณ์ระดับเทพเจ้าสามารถกลืนกินวิญญาณได้มากกว่า 1,000 ดวงในคราวเดียว” เธอกระซิบ “พวกเรามีความหวังที่จะชนะใช่ไหม, ลิงค์?”

 

เธอเงยหน้าขึ้นมาและมองไปที่ลิงค์ ใบหน้าของเธอนั้นเต็มไปด้วยความกังวล

 

ลิงค์ตกอยู่ในความเงียบไปซักพัก อสรพิษทมิฬนั้นมีระยะโจมตีที่กว้างถึง 10 ไมล์-ซึ่งนี่มันทรงพลังเท่ากับอาวุธนิวเคลียร์เลย ด้วยอาวุธนี้เพียงอย่างเดียว ผลลัพธ์ของสงครามอาจจะสามารถกลับตาลปัตรได้อย่างสมบูรณ์แบบเลย  และชะตากรรมของชนเผ่ามนุษย์ก็จะถูกตัดสิน

 

มันไม่มีทางชนะสำหรับอาณาจักรนอร์ตันถ้าเกิดว่าไม่ได้กำจัดภัยคุกคามจากอาวุธนี้ก่อน

 

“นั่นเป็นปัญหาที่ใหญ่มากจริงๆ” ลิงค์พูด “หลังจากที่ฉันกลับลงใต้ ฉันจะไปรายงานเรื่องนี้กับกษัตริย์และจอมเวทย์ทุกคนในอาณาจักร และพวกเราอาจจะได้วิธีแก้ปัญหา”

 

“แต่พวกเราเป็นเพียงแค่คนธรรมดานะ” แอนนี่พูดน้ำเสียงของเธอแหบแห้งเต็มไปด้วยความหวาดกลัว ”พวกเราจะสามารถต่อกรกับพลังของอุปกรณ์ระดับเทพเจ้าได้งั้นเหรอ?”

 

ลิงค์เข้าใจถึงความกังวลของเธอ ดังนั้นเขาจึงตบไล่ของแอนนี่เบาๆและยิ้ม

 

“เธอลืมไปแล้วหรอว่าพวกเราเอาชนะอุปกรณ์ระดับเทพเจ้ามาได้แล้วครั้งนึงนะ?” เขาถาม “ไม่ต้องกังวลไป หลังจากที่ฉันกลับลงใต้ ฉันจะสร้างหุ่นเชิดเวทมนตร์ที่แข็งแกร่งยิ่งกว่านี้”

 

ดูเหมือนว่าแอนนี่จะได้รับพลังจากรอยยิ้มของลิงค์ และความมีชีวิตชีวาก็กลับมาที่ใบหน้าของเธอในทันที

 

“นายจะกลับมาทางเหนืออีกเมื่อไหร่?”เธอถามด้วยความหวัง

 

“ฉันจะกลับมาเมื่อทุกคนต้องการฉัน”เขาตอบ

 

“ดีเลย!” แอนนี่อุทาน “ฉันจะรอนายนะ”

 

จากนั้นลิงค์ก็หันหลังและเดินไปทางคอกม้าที่เก็บกริฟฟินเอาไว้ สัตว์วิเศษพวกนี้เป็นที่เลื่องลือในเรื่องความอดทนและความเร็วของมัน  ดังนั้นมันจึงเป็นยานพาหนะในอุดมคติที่จะพาเขากลับลงใต้ไปอย่างรวดเร็วและปลอดภัย

 

“โชคดีนะ ลิงค์” แอนนี่พูดด้วยสีหน้าเศร้าสร้อย

 

ลิงค์โบกมือของเขาและเดินไปทางคอกม้า

 

“ผู้หญิงคนนั้นชอบนายนะ” ลิงค์มองไปรอบๆเพื่อหาที่มาของเสียงและเขาก็พบว่ามันคือเฟลิน่า

 

นักรบมังกรได้พักฟื้นอยู่ในป้อมเป็นเวลา 2 วัน ดังนั้นเธอจึงฟื้นตัวแล้วอย่างเห็นได้ชัด  เธอนั้นยืนพิงอยู่กับประตูทางเข้าคอกม้าและมือของเธอก็วางอยู่บนอก เธอจ้องมาที่ลิงค์ด้วยรอยยิ้มบนหน้าของเธอ เมื่อมองไปที่เธอตอนนี้ ลิงค์ก็รู้สึกตัวว่าเธอนั้นได้ถอดเกราะเกล็ดมังกรออกจากร่างของเธอ นอกเหนือจากความสูงอันผิดธรรมดาของเธอ เฟลิน่าในตอนนี้นั้นดูไม่ต่างอะไรกับมนุษย์ธรรมดาเลย แม้กระทั่งดวงตาของเธอก็ยังส่องเป็นแสงสีเงินอ่อนๆอีกด้วย

 

หากลิงค์เป็นคนตรงไปตรงมา เขาคงจะพูดไปแล้วว่าเฟลิน่านั้นดูน่าดึงดูดมาก เธอนั้นมีรูปร่างที่สวยงามถึงแม้ว่าเธอจะสูงมากก็ตาม  ร่างกายของเธอนั้นมีสัดส่วนที่ดี และส่วนโค้งเว้าของเธอนั้นก็มีสเน่ห์ ไม่ต้องพูดถึงขาที่เรียวยาวของเธอเลย โดยรวมแล้ว เธอนั้นดูเหมือนกับภาพวาดของความแข็งแรงและกระฉับกระเฉง

 

ลิงค์มองไปที่เฟลิน่าและไม่ได้พูดอะไรโต้ตอบกับคำพูดของเธอ เขารู้ว่าแอนนี่ชอบเขา แต่เขาเองก็เข้าใจว่าเขานั้นต้องระมัดระวังการแสดงออกของเขาในการตอบสนองกับเธออย่างมาก  แอนนี่นั้นเป็นเพื่อนที่ดีของเขา ถ้าไม่จำเป็นจริงๆเขาก็ไม่อยากจะทำร้ายความรู้สึกเธอ

 

“นี่คุณยืนอยู่ที่นี่มาตลอดเพื่อรอผมงั้นเหรอ?” เขาถาม พยายามที่จะเปลี่ยนหัวข้อการพูดคุย

 

“ใช่”เฟลิน่ายอมรับ” ยังไงซะก็ไม่มีมนุษย์คนอื่นในค่ายนี้ที่มีค่าพอให้รออยู่แล้ว”

 

“มีอะไรที่คุณต้องการจะบอกผมงั้นเหรอ?”ลิงค์ถาม

 

“ข้าได้ยินว่าเจ้าจะกลับลงใต้” เฟลิน่าพูด “ข้าจะไปส่งเจ้าเอง พวกเราจะได้คุยกันระหว่างทาง”

 

“คุณจะให้ผมขี่คุณไปงั้นเหรอ?”ลิงค์ถามด้วยความสับสน

 

“แน่นอนมากับข้าสิ”จากนั้นเฟลิน่าก็ปีนขึ้นไปบนหลังคาของคอกม้า และลิงค์ก็ตามเธอไปติดๆ

 

หลังจากที่พวกเขาทั้งสองอยู่บนหลังคา อยู่ๆร่างของเฟลิน่าก็เปล่งแสงสีแดงออกมา ในตอนแรก มันจางมาก และไม่นานมันก็ระเบิดออกมาเป็นเปลวเพลิง และร่างกายของเธอก็เติบโตขึ้นอย่างรวดเร็วจนเธอกลายเป็นมังกรแดงที่มีขนาดยาว 30 ฟุต พวกกริฟฟินที่อยู่ในคอกม้าต่างก็ตกใจในการเปลี่ยนแปลงอย่างกะทันหันและบินออกไปด้วยความกลัว แม้กระทั่ง ผู้คุมที่คอยดูแลกริฟฟินเองก็ตกใจจนฉี่ราด

 

เฟลิน่าส่ายหัวของเธอเบาๆและย่อตัวลงมาหาลิงค์

 

“ขึ้นมาสิ”เธอบอกกับเขา

 

โชคดีที่ ลิงค์นั้นเคยเห็นภาพแบบนี้มาก่อนในตอนที่เขาอยู่ในเกม ดังนั้นเขาจึงไม่ได้ตกใจอะไรมากกับการแปลงร่างของเฟลิน่า

 

ภายในเกม ผู้เล่นที่ได้รับการช่วยเหลือจากนักรบมังกรนั้นในบางครั้งเขาจะสามารถขี่มังกรได้ในตอนที่พวกเขาต้องการ นักรบมังกรส่วนมากที่ให้มนุษย์ขี่นั้นมักจะเป็นพวกที่ยังหนุ่มยังสาวซึ่งพวกเขาค่อนข้างเปิดใจและไม่ได้มองว่าการกระทำอย่างนี้เป็นการดูถูกหรือทำให้อับอายต่อศักดิ์ศรีของพวกเขา

 

จากนั้นลิงค์ก็ปีนและขึ้นไปนั่งบนหลังคอของเฟลิน่า ขาของเขาหนีบร่างกายของเธอไว้อย่างแน่นเพื่อสร้างความมั่นคงให้กับตนเอง เมื่อเขานั่งลง เฟลิน่าก็บินขึ้นไปบนท้องฟ้าในทันทีและมุ่งหน้าลงใต้

 

“ฮึ่ม, ไม่เคยมีอะไรทำให้นายตกใจได้เลยสินะนักเวทย์?” เฟลิน่าหยอกล้อพร้อมกับหัวเราะ “ข้าคิดว่าการแปลงร่างของข้าจะทำให้เจ้าแสดงสีหน้าอะไรออกมาได้เสียอีก นี่เจ้าไม่แม้แต่จะกระพริบตาด้วยซ้ำ!”

 

“ก็นะ” ลิงค์ตอบ “สำหรับพวกเรานักเวทย์มังกรก็ไม่ได้แปลกอะไรนักหรอก พวกเราได้อ่านเกี่ยวกับพวกคุณมากมายในหนังสือ แต่ว่านะ ทำไมคุณถึงไม่แปลงร่างและบินหนีตอนอยู่ในแบล็คฟอเรสล่ะ? คุณน่าจะเคลื่อนที่ได้เร็วกว่าถ้าทำอย่างนี้!”

 

เฟลิน่ายิ้มกว้าง

 

“ที่นั่นมีพวกนกเงามากมายลาดตระเวณอยู่ทั่วท้องฟ้า”เธอพูด “ข้าคงจะโง่มากหากบินที่นั่น อีกอย่าง มีผู้หญิงบ้าคนนั้นตามเรามาอีกตะหาก  ข้าอาจจะเร็วขึ้นถ้าข้าบิน แต่ข้าก็คงไม่เร็วไปกว่าเธอหรอก”

 

“อืม ที่คุณพูดมาก็มีเหตุผลดี” ลิงค์พูด “แบล็คฟอเรสนั้นเป็นสถานที่ที่อันตรายจริงๆ”

 

“ถามอย่างนึงสิ” เฟลิน่าพูด “เจ้าคิดที่จะวางแผนต่อสู้กับอสรพิษทมิฬยังไง?”

 

“ผมจะกลับไปที่โรงเรียนเวทมนตร์ของผมและปรึกษาเรื่องนี้กับจอมเวทย์ที่นั่น”ลิงค์ตอบ

 

“เจ้าหมายถึงสถาบันเวทมนตร์อีสโควฟงั้นเหรอ?” เฟลิน่าถาม

 

“ใช่”ลิงค์ตอบ “แต่ผมจะถามข้อมูลจากจอมเวทย์หลวงเช่นกัน และรวมถึงนักเวทย์จากสมาพันธ์นักเวทย์ทางใต้ด้วย”

 

เฟลิน่าหัวเราะกับคำตอบของเขา ทำให้เขาประหลาดใจ

 

“ข้าเกรงว่าเจ้าจะต้องผิดหวังนะ” เธอพูด “จากเท่าที่ข้ารู้ นักเวทย์มนุษย์นั้นมีความรู้ด้านเวทมนตร์แค่เพียงผิวเผิน และประวัติศาสตร์การเรียนเวทมนตร์ก็มีเพียงแค่ 2,000 ปี และเวทมนตร์ที่พวกเจ้าเรียนทั้งหมดก็มีที่มาจากไฮเอลฟ์ มังกร และชนเผ่ายับบ้าทั้งนั้น ข้าไม่คิดว่าเจ้าจะได้คำตอบใดๆจากการปรึกษากับนักเวทย์ขาวมนุษย์หรอก”

 

สิ่งที่เฟลิน่าพูดนั้นเป็นความจริงทั้งหมด ลิงค์ได้อ่านพงศาวดารประวัติศาสตร์มาแล้ว ซึ่งในบันทึกได้บอกไว้ว่ามนุษย์ในปัจจุบันนั้นได้สืบเชื้อสายมาจากชาวเฮิร์ดเมื่อ 3,000 ปีที่แล้ว ใน 1,000 ปีแรกของประวัติศาสตร์ พวกเขาเป็นเพียงแค่คนเถื่อนที่ดุร้าย จน 2,000 ปีที่แล้วได้มีภัยพิบัติครั้งใหญ่ที่เรียกว่า “มหาภัยพิบัติมานา” ความรู้และสกิลด้านเวทมนต์ได้ไหลมาจากอารยธรรมหนึ่งมายังที่อื่นๆและแบ่งปันชะตากรรมที่เกิดขึ้นร่วมกันทุกเผ่าพันธุ์ซึ่งนั่นบังคับให้พวกเขาต้องร่วมมือกันในการที่จะเอาชีวิตรอด

 

จนกระทั่งตอนนี้ แม้ว่ามนุษย์จะได้รับความสำเร็จมากมายทางด้านเวทมนตร์ แต่พวกเขาก็ยังคงล้าหลังคนอื่นในเรื่องพื้นฐานความเข้าใจในเวทมนตร์อยู่อีกมาก

 

พูดให้ถูกก็คือ ดาร์กเอลฟ์นั้นถูกพิจารณาว่าเป็นชนเผ่าโบราณ แต่พวกเขาประสบกับการเปลี่ยนแปลงและภัยพิบัติมากมายเกินไป;ทำให้วัฒนธรรมส่วนใหญ่ของพวกเขาหายไป แต่พวกเขาก็ยังคงแข็งแกร่งกว่ามนุษย์อยู่ดี

 

“ผมจะพยายามให้ถึงที่สุด” ลิงค์พูด “ถ้ามันใช้การไม่ได้ ผมก็จะหาทางอื่น”

 

นี่เป็นทั้งหมดที่ลิงค์สามารถพูดได้

 

“แค่นั้นก็น่าชื่นชมมากแล้ว”เฟลิน่าพูด”ใครจะไปรู้?บางทีเจ้าอาจจะไปเจอแรงบัลดาลใจจากกองของบันทึกประวัติศาสตร์ที่มนุษย์เก็บเอาไว้ก็ได้!”

 

จากนั้นเฟลิน่าก็หยุดพูดและบินอย่างเงียบๆซักพักก่อนที่เธอจะเริ่มพูดอีกครั้ง

 

“เจ้ารู้มั้ย” เธอพูด “ว่ามีองกรณ์ที่มีนักเวทย์ระดับสูงกว่า 1,000 คนของชนเผ่าเวทมนตร์ที่เรียกตัวเองว่ากลุ่มมรกต สมาชิกของกลุ่มนี้มีเลเวล 4 หรือสูงกว่าทั้งนั้น และมากกว่า 500 คนของพวกเขาเป็นจอมเวทย์ ถ้าเจ้าไม่สามารถหาหนทางในการต่อสู้ตอบโต้กับพวกดาร์กเอลฟ์ได้ในอาณาจักรนอร์ตันหล่ะก็ เจ้าน่าจะลองหาความช่วยเหลือจากกลุ่มมรกตนี้ดูนะ”

 

ลิงค์อึ้งไปพักนึง เขาไม่ได้คาดคิดว่าเขาจะมาถึงจุดที่เขาได้ติดต่อกับกลุ่มของนักเวทย์ระดับสูงอย่างกลุ่มมรกตได้เร็วขนาดนี้

 

ภายในเกม ในตอนที่สงครามระหว่างอาณาจักรแห่งแสงและกองทัพแห่งความมืดได้มาถึงจุดพีค กลุ่มมรกตนั้นเป็นกองกำลังหลักในการต่อสู้กับกองทัพแห่งความมืด  ตัวลิงค์เองก็ได้เป็นสมาชิกของกลุ่มอันทรงเกียรตินี้ในตอนที่เขาไปถึงระดับตำนานและต่อสู้กับโนโซม่า ตำแหน่งของเขาในกลุ่มมรกตในตอนนั้นเป็นที่สองรองจากหัวหน้าของกลุ่มเพียงแค่คนเดียว ซึ่งคนนั้นก็คือเอเลียร์ด

 

“นี่ เจ้ายังฟังอยู่รึเปล่า?!” เฟลิน่าถาม

 

ลิงค์ดึงสติกลับมา

 

“ฟังอยู่”เขาตอบ “ขอบคุณมากสำหรับคำแนะนำ คุณรู้รึเปล่าว่าผมจะไปติดต่อกับสมาชิกของกลุ่มมรกตได้ยังไง?”

 

“ไปหาเลดี้ ฟอทูน่า” เฟลิน่าตอบ “เธอเองก็เป็นสมาชิกของกลุ่ม ข้ามันใจว่าเธอจะต้องดีใจที่ได้แนะนำเจ้า เจ้าก็รู้ ว่าเธอหวังกับเจ้าไว้สูงมาก ข้าไม่เคยเห็นเธอชื่นชมใครมากขนาดนี้มาก่อน เธอจะต้องเป็นบ้าไปแล้วแน่ๆ”

 

“เข้าใจแล้ว”ลิงค์พูด “ขอบคุณมากนะ เฟลิน่า”

 

มังกรแดงบินเร็วกว่าเดิมและเดินทางด้วยความเร็ว 250 ไมล์ต่อชั่วโมง เธอบินลงมาข้างป่าเกอแวนท์และปล่อยให้ลิงค์ลง

 

“พวกเราคงต้องแยกกันตรงนี้” เธอพูด “จำไว้นะ ข้าจะไปพบเจ้าที่ดินแดนของเจ้าในอีกหนึ่งเดือนหลังจากนี้และพาเจ้าไปที่หุบเขามังกร ราชินีทรงมีความสนใจในตัวเจ้า”

 

“โอเค ผมเข้าใจแล้ว”ลิงค์พูด “ถ้างั้น ลาก่อนนะ”

 

จากนั้นลิงค์ก็โบกมือลาเฟลิน่าอยู่บนพื้นในตอนที่เธอบินออกไป มังกรได้บินวนอยู่บนหัวเขาอยู่ซักพักก่อนที่จะหันหน้าและบินจากไป ลิงค์เองก็หันหน้าและเดินไปตามเส้นทางแห่งราชาเพื่อมุ่งหน้าไปยังสถาบันเวทมนตร์อีสโควฟเช่นกัน

 

เขาไม่ได้เรียกเฟนเรียสายลมออกมาเพื่อที่จะไม่ให้คนที่อาจจะผ่านมาพบเขาต้องตกใจ ในระหว่างทาง มีรถม้าขับผ่านเขา ดังนั้นเขาจึงจ่าย 2 เหรียญเงินให้กับคนขับรถม้าเพื่อที่จะให้เขานั่งหลังรถม้าไปด้วยได้ซึ่งเป็นที่ๆข้ารับใช้คนอื่นนั่งอยู่ จากนั้นเขาก็ได้ที่นั่งที่ค่อนข้างพอใจตลอดการเดินทาง

 

ที่นั่นมีพ่อค้า 2 คนบนรถม้า และลิงค์ก็ได้ยินเสียงพูดคุยของพวกเขาชัดมากจากจุดที่เขานั่งอยู่ ในตอนแรกมันเป็นเพียงแค่การพูดคุยกันในเรื่องธุรกิจค้าขาย แต่เมื่อเดินทางต่อไปได้สักพัก หนึ่งในพวกเขาก็พูดบางอย่างที่ทำให้ลิงค์ต้องตกใจขึ้นมา

 

“นายได้ยินมารึเปล่า?” พ่อค้าพูด “นักเวทย์เวเวอร์ที่อยู่ทางใต้เป็นบ้าไปแล้ว! ข้าได้ยินมาว่าเขาฆ่าอาจารย์ของตัวเองและนักเวทย์คนอื่นที่อยู่ในสถาบันเวทมนตร์ของเขาอีก 10 กว่าคนและเขายังใช้เวทมนตร์แห่งความมืดในเมืองโอปอลซึ่งนั่นทำให้ผู้คนกว่า 100 คนถูกฆ่า! แถมตอนนี้เขายังหลบหนีไปอย่างไร้ร่องรอยอีกด้วย!”

 

พ่อค้าอีกคนส่งเสียงอย่างไม่พอใจ เขาตกใจกับข่าวนี้อย่างมาก

 

“นายไม่ได้ล้อฉันเล่นใช่มั้ย?” เขาพูด “นายไปได้ยินเรื่องนี้มาจากไหน?”

 

พ่อค้าอีกคนได้ถามคำถามที่ตรงกับสิ่งที่ลิงค์กำลังคิดอยู่ในใจพอดี

 

Advent of the Archmage

Advent of the Archmage

Type: Author: , ,
เรื่องย่อ ลิงค์เป็นอาร์จเมจที่เก่งที่สุดในทุกๆเซิร์ฟเวอร์ เขาเพิ่งจะโค้นล้มบอสที่แข็งแกร่งที่สุด,เจ้าแห่งความลึก โนโซม่า ด้วยปาร์ตี้ของเขา อย่างไรก็ตาม,แทนที่เขาจะกลับไปที่เมื่อง เขากลับถูกส่งตัวไปที่พื้นที่ลับด้วยพิกเซลCG มันให้ความรู้สึกเหมือนกับสูญญากาศ และภายในนั้นก็ได้มีเสียงที่ยิ่งใหญ่และมากด้วยอำนาจที่เรียกตัวเองว่าพระเจ้าแห่งแสงสว่างดังขึ้น “ลิงค์ เจ้าเต็มใจที่จะเป็นผู้ช่วยชีวิตที่จะดึงโลกแห่งฟิรูแมนออกจากความปั่นป่วนไหม?” ภารกิจที่ยิ่งใหญ่นี้มันอะไรกัน! ถ้ามันเป็นโลกจริง ลิงค์ คงจะปฏิเสธไปในทันที อย่างไรก็ตามเขาก็มีความแน่วแน่ที่จะเป็นฮีโร่ในเกมส์ “จัดไปเลย!” ลิงค์ ตอบอย่างมั่นใจ “ถ้างั้นก็ขอให้เจ้าโชคดี” และนั่นจะเป็นการเริ่มต้นการเดินทางที่เต็มไปด้วย เวทย์มนตร์,มิตรภาพ,การทรยศ,ความรัก และความสิ้นหวังของ ลิงค์ ในโลกที่เปลี่ยนแปลงไปของฟิรุแมน Link was the top Archmage in the entire server. He had just defeated the strongest boss, the Lord of The Deep, Nozama with his party. However, instead of going back to town, he was transported to a secret location with pixelated CG. It sort of felt like a vacuum, and within it came a glorious and commanding voice that calls himself the God of Light. “Link, would you be willing to be the saviour who will pull the World of Firuman out from the churning abyss?” What a huge mission! If it was in the real world, Link would have rejected it immediately. However, he was bent on being the hero in game. “Bring it on!” Link answered confidently. “Then, best of luck.” And so began Link’s journey of magic, friendship, betrayal, love and despair in the ever changing World of Firuman.

Comment

Options

not work with dark mode
Reset