หลังจากการประชุม, ลิงค์ก็ปฏิเสธคำเชิญของแอนโทนี่อย่างสุภาพ เขาเตรียมตัวตรงกลับไปยังดินแดนของเขาและตามหาแวนซ์ เขาต้องการความช่วยเหลือของแวนซ์ถ้าเขาอยากจะซ่อมนานะ
พอออกมาจากหนามแห่งสวรรค์, ลิงค์ก็เริ่มคิดถึงวิธีซ่อมนานะ
เขาเคยจัดการกับนานะมาก่อนและมั่นใจถึงความแข็งแกร่งของหุดเชิดเวทมนตร์ตัวนี้ เธอมีความเร็วสูงมากๆและมีประสบการณ์การต่อสู้เกือบ 700 ปี เธอตอบสนองได้อย่างรวดเร็วและสัมผัสจุดอ่อนของศัตรูได้อย่างแม่นยำ ร่างกายของเธอแข็งแกร่ง; เวทย์ธาตุพื้นฐานส่วนใหญ่ใช้ไม่ได้ผลกับเธอ สรุปก็คือ, เธอเป็นทหารที่สมบูรณ์แบบจริงๆ
ลิงค์คิดหาวิธีทั้งหมดแต่ก็ไม่สามารถคิดหาพื้นที่ในการปรับปรุงได้เลย แวนซ์ได้ใช้เวลายี่สิบปีเพื่อสร้างหุดเชิดเวทมนตร์ตัวนี้, และมันก็ไม่สามารถดูถูกได้เลยจริงๆ
ดังนั้นหากคิดง่ายๆ ในเมื่อเขาไม่สามารถซ่อมมันได้, เขาก็แค่เสริมความแข็งแกร่งให้มัน, ขยายขีดจำกัดของนานาให้สูงขึ้นเท่าที่เขาจะทำได้
เธอเร็วใช่ไหม? งั้นเขาก็จะทำให้เธอเร็วขึ้นอีก!
เธอไม่สามารถเลี้ยวที่ความเร็วสูงสุดของเธอได้, ใช่ไหม? งั้นเขาก็จะคิดวิธีที่จะทำให้เธอเลี้ยวได้!
เธออึดไม่พอและถูกอุปกรณ์ระดับพระเจ้าทำลายใช่ไหม? งั้นเขาก็จะทำให้เธอแข็งแกร่งยิ่งกว่านี้อีก!
ด้วยแนวความคิดนี้, ไอเดียมากมายก็ปรากฎขึ้นในหัวของลิงค์ในทันที ความรู้ด้านเวทมนตร์ที่เขาเคยศึกษาผุดขึ้นมาเหมือนกับฟอง พวกมันรวมเข้าด้วยกัน, ระเบิด, และรวมกันอีกครั้ง, สร้างไอเดียบ้าๆและเป็นเอกลักษณ์ขึ้นมามากมาย
“ใช่, ฉันจะรีบกลับไปและสร้างนานะขึ้นมาใหม่!” ลิงค์รู้สึกตื่นเต้นในตอนนี้ เขารีบเพิ่มความเร็วและตรงไปยังคอกม้าของสถาบันเวทมนตร์อีสโควฟ
พอเดินมาได้ครึ่งทาง, ก็มีเสียงดังขึ้นจากด้านหลังของเขา “ท่านลิงค์, เดี๋ยวก่อน”
เสียงนี้สดใสเหมือนกับหินที่กำลังกลิ้งอยู่บนจาน ซึ่งน้ำเสียงที่งดงามและมีเอกลักษณ์นี้เป็นขององค์หญิงไฮเอลฟ์มิลด้า
ลิงค์ลดความเร็วลง เขาหันไปมองมิลด้าที่วิ่งเหยาะๆมาคนเดียว บางทีอาจจะเป็นเพราะการวิ่ง แก้มอันขาวนวลของเธอในตอนนี้จึงเป็นสีชมพูด เธองดงามราวกับภาพวาด
“มีอะไรให้ผมช่วยหรอครับ?” ลิงค์สับสน เขายังไม่เคยได้พูดคุยโต้ตอบกับองค์หญิงคนนี้จริงๆจังๆเลย
มิลด้าวิ่งมาถึงลิงค์ เธอหายใจเข้าลึกๆเพื่อปรับการหายใจของเธอ แล้วเธอก็กลับเข้าสู่มาดคุณหญิงผู้เรียบร้อยอย่างรวดเร็วและยิ้ม “ข้ามาที่นี่ก็เพราะเวทย์มิติที่ท่านพึ่งแสดงให้ดูเมื่อสักครู่นี้ เวทย์นั้นมีความเป็นเอกลักษณ์มากๆ จากที่ข้ารู้มา, ไม่มีหนังสือเล่มไหนที่เกี่ยวข้องกับเวทย์มิติในสถาบันเวทมนตร์อีสโควฟเลย ท่านไปได้ความรู้นี้มาจากที่ไหนหรอ?”
ลิงค์เดินไปยังคอกม้าต่อ แทนที่จะเก็บมันเอาไว้เป็นความลับ, เขากลับยอมรับมัน “สถาบันไม่มีเลยจริงๆ, แต่ผมได้ศึกษาและเขียนวิทยานิพนธ์เกี่ยวกับมิติมาเป็นเวลาหนึ่งปีแล้ว ผมเพิ่งได้ผลลัพธ์บางส่วนเมื่อไม่นานมานี้เอง ซึ่งเวทย์มิติเวทย์นั้นก็เป็นหนึ่งในผลลัพธ์ที่ผมได้มา
มิลด้าเดินตามลิงค์ พอได้ฟังเรื่องนี้, เธอก็ตกใจ “นี่แสดงว่าท่านสร้างเวทนั้นขึ้นมาด้วยตัวเองหรอ?”
ในสาขาของเวทมนตร์, การพัฒนาเวทมนตร์และได้เทคนิคเวทย์ขั้นสุดยอดมานั้นก็ถือว่ายากมากๆแล้ว แต่ว่าการสร้างเวทมนตร์ยากยิ่งกว่านั้นอีก ถ้าเขาสามารถสร้างเวทย์มิติอันน่าอัศจรรย์ได้, มันก็ค่อนข้างจะน่ากลัวเลยทีเดียว
ซึ่งนี่ก็หมายความว่าเขามีความเข้าใจในเวทย์มนตร์ที่ลึกซึ้งจนน่าตกใจ ชายคนนี้ได้ก้าวข้ามนักเวทย์จำนวนนับไม่ถ้วนไปได้แล้ว!
มิลด้าถูกบังคับให้ยอมรับว่าชายหนุ่มคนนี้มีคุณลักษณะที่พิเศษจริงๆ “ขอข้าดูวิทยานิพนธ์ของท่านได้ไหม?” เธอสงสัยเกี่ยวกับวิทยานิพนธ์ที่ลิงค์กำลังเขียนอยู่
“ตอนนี้เลยหรอ?” ลิงค์ชำเลืองตามองไปที่คอกม้าที่อยู่ใกล้ๆ “ผมกำลังเตรียมตัวกลับดินแดนของผม ตอนนี้คงจะไม่สะดวกครับ”
“งั้นหรอ…” มิลด้าก็ชำเลืองตามองไปที่คอกม้าเช่นกัน เธออยากใช้สถานะของเธอในฐานะองค์หญิงเพื่อทำให้ลิงค์อยู่ที่นี่ให้นานกว่านี้ อย่างไรก็ตาม, เธอก็นึกขึ้นได้ว่าที่นี่ไม่ใช่เกาะรุ่งอรุณและลิงค์ก็ไม่ใช่ประชาชนของเธอ ถ้าเธอใช้สถานะของเธอแต่ลิงค์ไม่สนใจเธอ เธอก็คงจะอับอาย
พอคิดให้มากกว่านี้, มิลด้าก็พูดออกมา “รอสักครึ่งชั่วโมงได้ไหม?”
“ก็ได้ครับ” ลิงค์พยักหน้า ครึ่งชั่วโมงนั้นไม่ได้นานอะไร
มิลด้ายกกระโปรงของเธอขึ้นแล้ววิ่งกลับไป หลังจากนั้นประมาณยี่สิบนาที, เธอก็กลับมา มีไฮเอลฟ์นักเวทย์สองคนตามมาด้วย; หนึ่งในนั้นคือโรมิลสัน
การวิ่งไปกลับนั้นทำให้ใบหน้าของมิลด้าแดงยิ่งขึ้นในตอนนี้และเหงื่อก็ไหลท่วมบนหน้าผากของเธอ ขณะที่กำลังหอบ, เธอก็พูดออกมา “ไปกันเถอะ ข้ากำลังจะกลับเกาะรุ่งอรุณ ข้าได้ยินมาว่ามีท่าเรือที่ดินแดนของท่านด้วย, ดังนั้นข้าจะขึ้นเรือจากที่นั่น”
ในตอนนี้, เธอดูงดงามมากจนลิงค์ต้องหลบตา เขาพยักหน้า “เป็นเกียรติอย่างยิ่งครับ”
ไฮเอลฟ์สองคน, มิลด้า, แล้วก็ลิงค์ได้มาถึงคอกม้าและพบรถม้าคันใหญ่ มีโต๊ะเล็กๆอยู่ข้างในด้วย มันติดอยู่กับผนังและสามารถยกขึ้นลงได้เมื่อต้องการ
หลังจากที่ทั้งสี่คนนั่งประจำที่, มิลด้าก็พลิกโต๊ะลงและยื่นมืออันเรียวงามของเธอไปที่ลิงค์ “วิทยานิพนธ์ของท่านอยู่ที่ไหน? เอามาให้ข้าดูหน่อยสิ” ด้วยความกังวลว่าลิงค์จะไม่ยอมให้, เธอจึงพูดเสริม “ข้าไม่อ่านฟรีๆหรอกนะ ข้าได้ยินมาจากผู้อาวุโสของท่านว่าท่านอยากซ่อมหุ่นเชิดเวทมนตร์ของท่าน ข้ามีหนังสือหัวใจแห่งหุ่นเชิดที่ถูกเขียนขึ้นโดยจอมเวทย์เลเวล 9 สนใจแลกเปลี่ยนกันหน่อยไหม?”
ขณะที่เธอพูด, เธอก็ควักหนังสือออกมา ลิงค์เปิดดูมันแล้วก็หลงเสน่ห์ของมัน
ก่อนหน้านี้, เขาได้อ่านหนังสือวัตถุดิบหุ่นเชิดเวทมนตร์ที่แวนซ์มอบให้เขามาแล้วในตอนที่เขามีเวลาว่างและส่วนใหญ่เขาก็เข้าใจหมดแล้ว มีแค่รายละเอียดบางอย่างเท่านั้นที่เขาจำเป็นต้องค้นเพิ่มเติม ซึ่งหนังสือที่อยู่เบื้องหน้าเขาเล่มนี้ได้เปิดเผยแนวความคิดใหม่ๆให้เขาอย่างเต็มที่ เขาอ่านไปได้แค่ไม่กี่หน้า, แต่ลิงค์ก็สัมผัสได้แล้วว่าผู้เขียนมีสติปัญญาที่เป็นเอกลักษณ์
“หนังสือเล่มนี้ดีมากๆเลย” ลิงค์สรรเสริญ เขาเอาวิทยานิพนธ์มิติออกมาจากอุปกรณ์เก็บของของเขา
วิทยานิพนธ์นี้ไม่ได้มีแค่สองสามหน้าเหมือนแต่ก่อนแล้ว ตอนนี้, มันมีอย่างน้อยหนึ่งร้อยหน้า, ซึ่งส่วนใหญ่มันได้เก็บสัญลักษณ์, เครื่องหมาย, และการเปลี่ยนแปลงมากมายของลิงค์เอาไว้ มันซับซ้อนมากๆ, แต่มันก็เป็นเวอร์ชันง่ายของลิงค์แล้ว ถ้าเขาต้องการเขียนแต่ละขั้นตอนให้ละเอียดขึ้น, มันก็คงจะมีประมาณ 300 หน้า
แน่นอนว่า, ลิงค์ไม่เคยคิดที่จะทำแบบนั้น เขาได้เขียนขั้นตอนสำคัญๆเอาไว้แล้ว พวกที่สามารถเข้าใจได้ก็จะเข้าใจอย่างแน่นอน ส่วนพวกที่เข้าใจไม่ได้…ก็อาจจะไม่มีพรสวรรค์ในเวทย์มิติมาตั้งแต่แรกแล้ว
หลังจากที่ส่งวิทยานิพนธ์ให้, ลิงค์ก็เริ่มจดจ่ออยู่กับหัวใจแห่งหุ่นเชิด มิลด้าเปิดวิทยานิพนธ์และเริ่มอ่านพร้อมกับนักเวทย์อีกสองคน
รถม้าตกอยู่ในความเงียบ มีแค่เสียงของกีบม้าและเสียงล้อเท่านั้น
หลังจากผ่านไปได้ประมาณครึ่งชั่วโมง, ลิงค์ก็จมอยู่ในความรู้ของหัวใจแห่งหุ่นเชิดอย่างสมบูรณ์ อย่างไรก็ตาม, ไฮเอลฟ์ทั้งสามคนนั้น, ขมวดคิ้วแน่นและมีสีหน้าเจ็บปวด ดูเหมือนว่าพวกเขากำลังอดทนกับความทรมานที่โหดร้ายที่สุดในโลก
มีนักเวทย์คนนึงได้ยอมแพ้ไปแล้ว เขาเริ่มมองออกไปชมทัศนียภาพนอกหน้าต่าง เมื่อเปรียบเทียบกับวิทยานิพนธ์อันมืดมนและเข้าใจยากนี้, ทัศนียภาพข้างนอกนั้นดูน่าเพลิดเพลินกว่าเยอะ อย่างน้อยหัวของเขาก็คงจะไม่ระเบิด
มิลด้ากับโรมิลสันยังดิ้นรนกับมันอยู่ ด้วยการใช้สารบัญสัญลักษณ์ที่ลิงค์ทำขึ้น, พวกเขาก็ศึกษาวิทยานิพนธ์ไปทีละนิด
มันค่อนข้างง่ายในตอนแรก พวกเขายังรู้สึกสบายอยู่, แต่ไอง่ายที่ว่านี้ก็ใช้เวลาไปประมาณสิบนาทีได้ ซึ่งสิบนาทีหลังจากนั้น, เนื้อหาก็ได้เข้าสู่ดินแดนของเหตุและผลอย่างแท้จริง แล้วมันหมายความว่ายังไงหล่ะ? มันก็หมายความว่ามันคือเหตุผล, แต่ข้อสรุปมากมายนั้นอยู่ตรงข้ามกับความรู้ทั่วไปที่เราได้รับจากการรับรู้ทางโลกอย่างสมบูรณ์ (ดูได้จากทฤษฎีสัมพัทธภาพ)
ในฐานะนักเวทย์เลเวล 7, มิลด้ากับโรมิลสันสามารถเข้าใจทฤษฎีเหตุผลได้อย่างชัดเจน แต่ก็มีการเปลี่ยนแปลงมากมายและสมการมานาเยอะมาก—มีคนเขียนสิ่งนี้ขึ้นมาได้ยังไงกัน?
เหตุผลในนี้นั้นเข้าใจยากมาก!
หลังจากที่ดิ้นรนมาได้ครึ่งชั่วโมง, มิลด้าก็ยอมแพ้ ในฐานะนักเวทย์เลเวล 7, เธอสามารถสัมผัสความรู้อันลึกซึ้งในวิทยานิพนธ์นี้ได้, แต่มันก็ทำให้เธอปวดหัว เธอรู้สึกเหมือนกับว่าเธอจะตายถ้าเธออ่านต่อ
เธอตรวจสอบความคืบหน้าของเธอ; ซึ่งเธออ่านไปได้แค่ส่วนเดียว, ประมาณยี่สิบหน้าเท่านั้น ยังมีเหลืออยู่อีกเพียบที่ยังไม่ได้อ่าน, แต่มิลด้าก็ไม่มีความกล้าที่จะดูต่อแล้ว
เหลือแค่โรมิลสันเท่านั้นที่ยังอดทนอยู่ เขาเคยถูกลิงค์ดูถูกมาแล้วครั้งนึงและยังหัวร้อนกับมันอยู่
เขาคิด, มันก็แค่เวทย์มิติไม่ใช่หรอ? วิทยานิพนธ์ก็อยู่ตรงนี้แล้วนี่ไง, และพวกเราทุกคนก็เป็นนักเวทย์ นายสามารถเขียนวิทยานิพนธ์ได้; นายมีพรสววรค์ ฉันทำไม่ได้แต่นั้นก็ไม่ได้หมายความว่าฉันอ่านมันไม่ได้ถูกไหม?
ด้วยความคิดนี้คอยสนับสนุน, เขาก็อ่านไปได้มากกว่าองค์หญิงมิลด้า…หนึ่งหน้า
หน้าเดียวที่ว่านี้เขาใช้เวลาถึงหนึ่งชั่วโมงก่อนที่เขาจะพอจับใจความได้ พอผ่านมาได้ครึ่งทาง, วิทยานิพนธ์นี้ก็เหมือนโดนยาบางอย่างและจู่ๆก็คลุมเครือมากๆ
“ท่านลิงค์, ท่านสร้างสมการมานานี้ขึ้นมาได้ยังไงครับ? ผมคิดว่ามันไม่ถูกนะ” โรมิลสันพูดในขณะที่ชี้ไปที่สมการนึง
ลิงค์ไม่ได้ตอบกลับ เขากำลังจดจ่ออยู่กับหนังสือในมือของเขา
“ท่านลิงค์? ท่านลิงค์ครับ?” โรมิลสันเรียก
“เอ้อ, มีอะไรหรอ?”
“ผมคิดว่าตรงนี้น่าจะผิดนะ” โรมิลสันพูดในขณะที่ชี้ไปที่สมการ ข้างๆเขา, องค์หญิงมิลด้าชำเลืองตามองด้วยความสงสัย เธอหวังว่าโรมิลสันจะพบข้อผิดพลาดเพื่อที่พวกเขาจะได้ไม่พ่ายแพ้อย่างสมบูรณ์
ลิงค์ชำเลืองตามองไปที่สมการและถามด้วยความสงสัย “ผิดตรงไหนหรอ?”
มันผิดยังไงหล่ะ? แล้วถ้ามันผิด, เขาจะใช้ผลลัพธ์ที่ไม่แม่นยำนี้สร้างเวทย์มิติขึ้นมาได้ยังไง?
“ดูนี่…ตรงนี้ครับ…การเปลี่ยนแปลงมันไม่มีเหตุผลเลยนะ การทำแบบนี้จะทำให้มานาเกิดความวุ่นวายนะครับ” โรมิลสันพูดอย่างเด็ดขาด
ลิงค์ชำเลืองตามองอีกครั้งแล้วชี้ไปที่พารามิเตอร์ “คุณดูถูกพวกมันไปนะ”
“อ้ะ…อ๋ออ!” โรมิลสันตบหน้าผากของเขา จู่ๆมันก็ดูมีเหตุผลขึ้นมาและใบหน้าของเขาก็แดงก่ำ เขาเข้าใจสิ่งที่เขียนผิด; มันน่าอับอายจริงๆ
ลิงค์ไม่สนใจเขาและกลับมาอ่านหนังสือของเขาต่อ
ซึ่งนี่ทำให้โรมิลสันรู้สึกดีขึ้นเล็กน้อย ขณะที่กัดฟัน, เขาก็อ่านต่อ หลังจากผ่านไปได้อีกครึ่งชั่วโมง, มันก็รู้สึกเหมือนกับว่าหัวของเขากำลังแยกออก เขากำลังจะพ่ายแพ้ พอเงยหน้าขึ้นมา, เขาก็เห็นว่าลิงค์ยังหมกมุ่นอยู่กับหนังสือหุ่นเชิดเวทมนตร์
เขากระซิบกับองค์หญิง “องค์หญิง, วิทยานิพนธ์มันยากขึ้นเรื่อยๆเลยครับ ผมอ่านจนจบไม่ไหว”
มิลด้าเองก็ชำเลืองตามองลิงค์ พอเห็นว่าเขาไม่ได้สนใจ, เธอก็กระซิบ “ชู่วว, อย่าพูดดังสิ มันน่าอายนะ พวกเจ้าทั้งสองคน, ใช้เวทย์ภาพและคัดลอกมันซิ ข้าจะเอามันกลับไปที่เกาะรุ่งอรุณด้วย”
วิทยานิพนธ์นี้มีคุณค่ามาก; ซึ่งมันเห็นได้ชัดอยู่แล้ว พวกเขาแค่ไม่มีพรสวรรค์ที่จะทำความเข้าใจมัน
“เข้าใจแล้วครับ” ไฮเอลฟ์ทั้งสองคนเริ่มทำการคัดลอกวิทยานิพนธ์
ระยะทางจากสถาบันเวทมนตร์อีสโควฟไปยังเทือกเขามอดไหม้นั้นมีประมาณ 150 ไมล์ รถม้าคันนี้ก็ค่อนข้างเร็วเช่นกัน และต่อให้มันเดินช้าๆ, มันก็สามารถเดินทางได้สามสิบไมล์ในหนึ่งชั่วโมง หลังจากผ่านไปสี่ชั่วโมง, เทือกเขามอดไหม้ก็เข้ามาในระยะ
เอานี่, ลิงค์ได้อ่านหัวใจแห่งหุ่นเชิดจบแล้ว เขาถอนหายใจด้วยความพึงพอใจ “ช่างเป็นหนังสือที่ดีจริงๆ มีข้อผิดพลาดเล็กน้อย, แต่มันก็ไม่ได้สงผลกับความรู้ที่เก็บเอาไว้เลย”
ดวงตาสีม่วงอ่อนของมิลด้าเบิกกว้าง “ท่านอ่านจบแล้วหรอ?”
“ส่วนใหญ่นะ, มีส่วนเฉพาะบางจุดที่ผมต้องลงลึกเข้าไปในรายละเอียดในตอนที่ผมกลับ”
พอได้ฟังแบบนี้, ไฮเอลฟ์ทั้งสองคนก็มองหน้ากันแล้วจากนั้นก็อ้าปากเหวอใส่ลิงค์ราวกับว่าเขาเป็นสัตว์ประหลาด
หัวใจแห่งหุ่นเชิดนั้นถูกเขียนโดยจอมเวทย์ไฮเอลฟ์ที่มีชื่อเสียง เขามีเลเวล 9, และหนังสือเล่มนี้ก็มีชื่อในเรื่องความคลุมเครือในเกาะรุ่งอรุณ นักเวทย์ส่วนใหญ่ต้องอ่านมันด้วยความเชื่อที่จะต้องเดินทางอย่างยากลำบาก พวกเขาต้องใช้เวลาอย่างน้อยครึ่งปีในการทำความเข้าใจแนวคิดพื้นฐาน
แต่ว่าตอนนี้, นักเวทย์มนุษย์คนนี้ใช้เวลาแค่สี่ชั่วโมงในการอ่านมัน มันช่างน่ากลัวจริงๆ
มิลด้าก็อ่านหนังสือเล่มนี้เหมือนกัน, แต่เธอต้องดิ้นรนกับมัน พอเห็นว่าลิงค์ผ่อนคลายขนาดไหน, เธอก็รู้สึกไม่เชื่อ พอรับหนังสือกลับมา, เธอก็ชี้ไปที่สมการมานาจุดนึงแล้วถาม “ท่านคิดว่าสมการมานามิติเท่ากันนี้มีไว้ใช้เพื่ออะไร?”
“เพื่อจัดการสติปัญญาของหุ่นเชิดเวทมนตร์” ลิงค์ตอบตามความจริง จากนั้นเขาก็พูดต่อ “อันที่จริง, มันมีข้อผิดพลาดเล็กๆอยู่นะ สติปัญญาของหุ่นเชิดเวทมนตร์ที่ถูกสร้างด้วยสมการนี้จะมีการปิดกั้นเหตุผลในบางครั้ง ผมคิดว่าถ้าคุณเปลี่ยนมันเป็นแบบนี้, มันอาจจะได้ผลนะ, แต่ตอนนี้มันก็เป็นแค่ความคิดเท่านั้นแหล่ะ…”
ลิงค์เริ่มพูดอย่างมีความสุขในขณะที่ไฮเอลฟ์ทั้งสามคนฟังด้วยความสับสน มิลด้าสามารถเข้าใจมันได้บ้าง จากสิ่งที่เธอเข้าใจ, ลิงค์พูดถูก
“โอเค, นักเวทย์มิตินี่เป็นสัตว์ประหลาดกันทุกคนเลยสินะ!” มิลด้าปิดหนังสือ ตอนนี้เธอรู้ถึงพรสวรรค์ด้านเวทมนตร์ของลิงค์แล้ว
โรมิลสันก็รู้สึกแบบนั้นเหมือนกัน ขณะที่เกาหัว, เขาก็ถามอย่างเจ็บปวด “ท่านลิงค์, เวทย์มิติอันนั้นเอามาจากสมการไหนหรอครับ?”
ลิงค์ยักไหล่ “พูดตามตรง, เวทย์ของผมนั้นเกี่ยวข้องกับผลลัพธ์ทั้งหมดจากยี่สิบหน้าสุดท้าย ถ้าคุณสนใจ, ผมสามารถชี้ให้ดูได้นะ…”
โรมิลสันรีบหยุดเขาอย่างรวดเร็ว “ขอบคุณครับ, แต่ไม่ต้องดีกว่า ผมจะใช้เวลาดูเอง, จริงๆนะ”
เขายิ่งยอมแพ้หนักขึ้นไปอีก, ถ้าครึ่งแรกยากขนาดนี้, เขารู้สึกปวดไมเกรนขึ้นมาเลยจากการคิดถึงผลลัพธ์ของยี่สิบหน้าสุดท้าย
ฉันว่าฉันเรียนแค่เวทย์ธาตุของฉันต่อไปจะดีกว่า ฉันจะไม่มีวันแตะต้องเวทย์มิติอีกครั้ง! ฉันทำให้ตัวเองอับอายในสถาบันเวทมนตร์อีสโควฟแล้วยังไงหล่ะ? มันก็ยังดีกว่าฆ่าตัวตายจากสิ่งนี้นั่นแหล่ะหน่า
ในตอนนี้, รถม้าได้มาถึงเทือกเขามอดไหม้แล้ว หลังจากหายไปหนึ่งสัปดาห์, ก็มีหลายๆสิ่งเปลี่ยนแปลงไปมากมาย
หินที่อยู่รอบๆได้ถูกไถลงไปในดิน, ผู้คนเริ่มปลูกพืช, และมีใบไม้เพิ่มขึ้นบนพื้นดินที่แห้งแล้ง ดินที่ถูกไถนั้นอุดมสมบูรณ์มากๆ, มีวัชพืชกับต้นกล้าเจริญเติบโตเต็มไปหมด
มีที่พักอาศัยเพิ่มขึ้นในบริเวณโดยรอบเช่นกัน บ้านจากธรรมชาติได้ถูกสร้างขึ้น, รวมทั้งกระท่อมและเต้นท์ที่ทำจากหนังสัตว์ ในแวบแรก, มันดูเหมือนกับเมืองเล็กๆ
จากระยะไกลๆ, โครงสร้างพื้นฐานของหอคอยเวทมนตร์ได้ถูกสร้างขึ้นแล้ว มีนักเวทย์และคนงานจำนวนนึงวิ่งวุ่นอยู่แถวๆนั้น ทุกอย่างกำลังเจริญขึ้น
มิลด้ากับไฮเอลฟ์ก็เห็นหอคอยเวทมนตร์ มิลด้าวิเคราะห์แล้วพูด “ดูเหมือนว่าท่านจะมีคนงานไม่พอนะ โรมิลสัน, อัลลาร์, ทั้งสองคนคอยอยู่ช่วยที่นี่ซะ”
ในเมื่อมันเป็นคำสั่งขององค์หญิง, ไฮเอลฟ์ทั้งสองจึงพยักหน้า
ลิงค์ก็ต้องการแบบนี้เหมือนกัน, แล้วเขาก็ขอบคุณเธออย่างซาบซึ้ง ขณะที่เขามองขึ้นไปบนท้องฟ้า, เขาก็ตระหนักได้ว่ากำลังจะมืดแล้ว “องค์หญิง, มันใกล้จะมืดแล้ว ในเมื่อพวกเรามาถึงหมู่บ้านของผม, ทำไมไม่พักที่นี่สักคืนแล้วค่อยออกเดินทางพรุ่งนี้หล่ะ?”
แน่นอนว่ามิลด้าเห็นด้วย
รถม้าเดินทางเข้าไปในทุ่งมอดไหม้และหยุดที่หน้าตึกจัดการ ในตอนที่พวกเขาลงมา, โจชัวร์, กับพวกเสมียน, ก็ได้ออกมาให้การต้อนรับพวกเขา เขาพูดกับลิงค์ “นายท่าน, ในที่สุดท่านก็กลับมาซักที มีจดหมายเวทย์มนตร์มาถึงท่านครับ”
โจชัวร์ส่งจดหมายที่หุ้มด้วยหนังวัวให้กับลิงค์ ขณะที่กำลังชำเลืองมองมัน, คิ้วของลิงค์ก็ขมวดแน่นเพราะมีรูนแห่งความมืดติดอยู่ด้วย ออร่าแห่งความมืดแผ่ออกมาจากมัน
ใครส่งจดหมายแบบนี้ให้เขากัน? แวนซ์หรอ? ไม่หรอก, ไอแก่นั่นไม่มีวันทำเรื่องที่ไม่น่าเชื่อถือแบบนี้เพราะมันจะทำให้ลิงค์มีปัญหา การเกี่ยวข้องกับเวทมนตร์แห่งความมืดจะเป็นปัญหาสำหรับเขา
ขณะที่เขากำลังคิดอยู่, มิลด้าเองก็ลงมาจากรถม้า สายตาของเธอถูกดึงดูดด้วยจดหมาย
“มีปัญหากับจดหมายฉบับนี้สินะ” มิลด้าพูดตรงๆ, รอคำอธิบายจากลิงค์
มันไม่ใช่แค่มิลด้า, โรมิลสันกับอัลลาร์เองก็มองลิงค์ด้วยความสงสัยตามสัญชาติญาณ