สิ่งที่ขับเคลื่อนให้ผู้คนไขว่คว้าหาความรู้มากที่สุดก็คือความสงสัย
ไม่มีความแตกต่างของความดีและความเลวในความสงสัย อย่างไรก็ตาม, เวทมนตร์นั้นไม่เหมือนกัน
หากไม่มีข้อจำกัด, นักเวทย์ก็จะถลำลึกเข้าไปในเส้นทางของเวทมนตร์และในที่สุดก็จะก้มหัวให้ความรู้อันยิ่งใหญ่, กลายเป็นแค่หุ่นเชิดไร้ชีวิตของเวทมนตร์ ซึ่งนี่ยังถือว่าเป็นผลลัพธ์ที่ดี แต่ว่าบ่อยครั้ง, นักเวทย์มากมายจะจบลงด้วยการไปยุ่งกับเวทมนตร์แห่งความมืดเพราะความสงสัยและในที่สุดก็จะเสียคนจนกลายเป็นทาสของความมืด
มีตัวอย่างมากมายในประวัติศาสตร์ ปีศาจเลือดทาลอน, โมเรสเทิร์น, แอนดรูและเมื่อไม่นานมานี้, เวเวอร์, ทุกคนนั้นเป็นผู้ที่มีพรสวรรค์เหนือคนทั่วไปและมีอนาคตที่สดใสรออยู่, แต่ว่าพวกเขาก็ต้องจบลงด้วยการเลือกเดินทางผิด
ซึ่งนี่รวมถึงดาร์คเอลฟ์ด้วย มีหลายคดีที่นักเวทย์หนุ่มผู้มีพรสวรรค์จะตกลงสู่ด้านมืด, และด้วยเหตุนั้น, ในตอนที่มิลด้าเห็นจดหมายที่สลักด้วยรูนมืดนี้, เธอจึงมองลิงค์อย่างสงสัย ถัดจากเวเวอร์ของทางใต้—ก็จะเป็นนักเวทย์อัจฉริยะของอาณาจักรนอร์ตันอย่างงั้นหรอที่จะต้องเสียคนให้กับความรู้ต้องห้ามของเวทมนตร์แห่งความมืด?
นี่เป็นวันแรกที่มิลด้าได้พบกับลิงค์, และเธอก็ไม่เข้าใจลักษณะนิสัยของเขา ดังนั้นเธอจึงสงสัยลิงค์ตามสัญชาตญาณและพบปัญหาร้ายแรงกับจดหมายเวทมนตร์นี้
เธอจ้องลิงค์อย่างเย็นชาแล้วพูด “ท่านลิงค์, ข้าเชื่อว่าท่านจะมีคำอธิบายสำหรับสิ่งนี้นะ”
ลิงค์ก็ขมวดคิ้วเช่นกัน เขายังไม่เข้าใจจุดประสงค์ของจดหมายฉบับนี้, หรือแม้แต่ตัวตนของคนที่ส่งมัน อย่างไรก็ตาม, เขามีสติครบถ้วนและเขาก็พูดออกมา “ก่อนอื่นเข้าไปในบ้านแล้วไปที่ชั้นสองก่อนเถอะ ผมจะเปิดจดหมายที่นั่นเพื่อดูว่ามันเขียนอะไรไว้กันแน่”
ไฮเอลฟ์ทั้งสามแลกเปลี่ยนสายตากันในขณะที่ความระมัดระวังแสดงออกมาบนใบหน้าของพวกเขา พวกเขาเริ่มกำคทาในมือของพวกเขาแน่น จากนั้นมิลด้าก็พูดออกมา, “ไม่ต้องหรอก เปิดดูตรงนี้เนี่ยแหล่ะ”
พวกเขาดูพร้อมที่จะโจมตีได้ทุกเวลาเมื่อพวกเขารู้สึกว่ามีอะไรบางอย่างผิดปกติ
ไม่มีใครสามารถโทษพวกเขาได้สำหรับการกระทำที่มากเกินไปนี้ ยังไงซะ, เหตุการณ์เรื่องเวเวอร์ก็ได้ไปถึงหูของไฮเอลฟ์แล้ว
เวเวอร์ได้โจมตีเพื่อนนักเวทย์ของเขาและแม้กระทั่งอาจารย์ของเขาในตอนที่โกรธสุดๆและก่อให้เกิดโศกนาฎกรรม ซึ่งลิงค์นั้นอันตรายกว่าเวเวอร์อย่างน้อยสิบเท่า ถ้าเขาเป็นบ้าไปตรงนี้, สถาการณ์ก็คงจะหายนะยิ่งกว่าสิ่งที่เกิดขึ้นทางตอนใต้ พวกเขาต้องเตรียมตัวเอาไว้
จากมุมมองของลิงค์, เขาจะยอมเปิดจดหมายตรงนี้เลยถ้าเขาอยู่แค่คนเดียว อย่างไรก็ตาม, มีผู้คนมากมายอยู่ใกล้ๆเขา, โจชัวร์, ทหารรับจ้างและผู้พักอาศัยของเทือกเขามอดไหม้ได้มารวมตัวกันรอบๆเพื่อมีส่วนร่วมในความวุ่นวายนี้
การที่มีนักเวทย์จำนวนนึงที่สวมผ้าสะดุดตามองหน้ากันภายใต้บรรยากาศที่ตึงเครียดนั้นเป็นเหตุการณ์ที่ดึงดูดความสนใจของผู้คน ไม่นานนัก, ก็มีข่าวลือกระจายไปทั่ว
มันส่งผลร้ายให้กับลิงค์เป็นอย่างมากเพราะเหตุการณ์นี้ได้เกิดขึ้นในดินแดนของเขา
ลิงค์ขุ่นเคืองกับการกระทำของมิลด้าเล็กน้อย อย่างไรก็ตาม, หลังจากที่ได้เห็นสีหน้ามุ่งมั่นของไฮเอลฟ์, เขาก็รู้ว่าถึงโกรธไปก็คงจะเปล่าประโยชน์ อีกส่วนนึงก็คือเธอเป็งองค์หญิงไฮเอลฟ์, และเธอก็มีนักเวทย์เลเวล 7 สองคนเป็นบอดี้การ์ดด้วย เธอเคยเข้าร่วมวิกฤตการณ์และเหตุการณ์สำคัญๆมามากมาย มันคงจะเป็นเรื่องยากที่จะเปลี่ยนความคิดของเธอเมื่อเธอตัดสินใจเรื่องบางอย่างไปแล้ว
การคัดค้านคนที่หัวแข็งเช่นนี้ก็มีแต่จะทำให้เรื่องมันแย่กว่าเดิม
ฉันสงสัยจังว่าใครมันมาวางแผนใส่ร้ายฉัน? พวกมันกล้าดียังไงถึงส่งของซวยๆแบบนี้มาให้ฉัน!
ด้วยการระงับความโกรธของเขาเอาไว้, ลิงค์ก็สูดหายใจเข้าลึกๆแล้วพูด “เอางั้นก็ได้”
จากนั้นเขาก็เตรียมเปิดจดหมาย
ในตอนนั้นเอง, ก็มีเสียงดังขึ้นมาจากฝั่งของเขา “มาสเตอร์ลิงค์, ในที่สุดท่านก็กลับมา พวกเรากำลังรอท่านอยู่เลย”
ลิงค์เหลียวหลังมองแล้วเห็นมาสเตอร์เฟอร์ดินันด์กับมาสเตอร์เกรนซี่กำลังเดินมาหาเขา
ขณะที่พวกเขาใกล้เข้ามา, เกรนซี่ก็เหลือบเห็นจดหมายในมือของลิงค์แล้วมองไปที่สีหน้าระมัดระวังของพวกไฮเอลฟ์ก่อนที่จะพูดอย่างใจเย็น “มันก็แค่จดหมายเวทมนตร์ ไม่จำเป็นต้องจริงจังเกินไปหรอก ไปคุยกันข้างในเถอะ”
ในขณะที่เขาพูด, เขาก็ยื่นมือไปรับจดหมายจากในมือของลิงค์แล้วเข้าไปในบ้าน
จากนั้นเฟอร์ดินันด์ก็ตามมา, เขาตบไหล่ของลิงค์เบาๆแล้วหันไปเผชิญหน้ากับไฮเอลฟ์ “หนุ่มสาวเอ๋ย, ไม่ต้องกังวลมากนักหรอก มันก็แค่เรื่องเล็กๆ เข้าไปข้างในกันเถอะ”
ด้วยความช่วยเหลือของจอมเวทย์มากประสบการณ์ทั้งสองคน, มิลด้ากับไฮเอลฟ์อีกสองคนก็ลังเลอยู่พักนึงก่อนที่จะยอมตามเข้าไปในบ้านไม้ในที่สุด
เมื่อพวกเขามาถึงห้องประชุมที่ชั้นสองและนั่งประจำที่
หลังจากที่พวกเขาเรียบร้อยหมดแล้ว, เกรนซี่ก็พูดขึ้น “จดหมายฉบับนี้มาถึงเมื่อสองวันก่อน พวกเรารู้สึกว่ามีบางอย่างผิดปกติในตอนที่มันมาถึง แต่ว่า, จดหมายนี้จ่าหน้าถึงมาสเตอร์ลิงค์ พวกเราจึงไม่แตะต้องมันจนกว่าเขาจะกลับมา”
หลังจากนั้น, เขาก็จ้องไปที่ลิงค์ แม้ว่าสีหน้าของเขาจะสงบนิ่ง, แต่มันก็เห็นได้ว่าเขากำลังรอคำอธิบายจากลิงค์
แล้วลิงค์ก็ตอบกลับไปด้วยสีหน้าสับสน “ผมเองก็สงสัยเหมือนกันว่าใครกันที่ส่งของแบบนี้มาให้ผม”
จากนั้น, เขาก็วางจดหมายฉบับนี้ไว้ที่กลางโต๊ะแล้วพูด “ดูเหมือนว่าองค์หญิงมิลด้าจะสงสัยในความบริสุทธิ์ของผม เพื่อความยุติธรรม, ผมจะไม่เปิดจดหมายฉบับนี้ด้วยตัวเอง องค์หญิง, เชิญเปิดดูด้วยตัวเองได้เลยครับ”
“ก็ได้” มิลด้าพยักหน้าแล้วใช้มือแห่งนักเวทย์, เปิดจดหมายจากที่ไกลๆ
พอจดหมายฉบับนี้เปิดออก, ออร่าแห่งความมืดที่อยู่รอบๆมันก็รุนแรงยิ่งขึ้น มันสามารถมองเห็นได้อย่างชัดเจนว่ามีเมฆควันสีดำกำลังไหลออกมาจากซองจดหมาย จากนั้นควันนี้ก็เริ่มมารวมตัวกันเหนือซองจดหมาย, ปรากฎเป็นใบหน้าของมนุษย์ซึ่งกำลังพูดด้วยน้ำเสียงเริงร่า
“ว่าไง, ลิงค์, เพื่อนรักของฉัน ฉันดีใจนะที่นายสนใจในความรู้ในเวทมนตร์ของฉัน ฉันคิดถึงนายมากเลยหลังจากที่พวกเราแยกกันเมื่อครั้งก่อน ฉันรู้สึกเปลี่ยนเกียรติมากเลยนะที่ได้รับจดหมายจากนาย, และฉันก็มีความสุขมากที่ได้ตอบความสงสัยของนายเกี่ยวกับเรื่องเวทมนตร์วิญญาณ”
จากนั้นเสียงนี้ก็พูดเรื่อยเปื่อย
เขาพูดถึงรายละเอียดเกี่ยวกับเทคนิคการสกัดวิญญาณของผู้คนออกจากร่ายกายภาพของพวกเขา การอธิบายนี้ยาวถึงเวลา 15 นาทีก่อนที่เขาจะจบลงด้วยการพูดว่า “วิธีนี้มีประโยชน์มากเลยนะ แต่ว่า, มันก็แค่พื้นฐาน ถ้านายสนใจอยากจะรู้มากกว่านี้, เขียนจดหมายมาหาฉันต่อสิ ฉันจะมีความสุขยิ่งกว่านี้เมื่อได้ตอบคำถามให้นายอีกนะ”
จากนั้นควันดำก็สลายไปและจดหมายเวทมนตร์ก็กลับสู่สภาพเดิม แล้วยังมีกระดาษสีเทาอยู่ในจดหมายด้วย มิลด้าเอากระดาษแผ่นนั้นออกมาซึ่งมันเผยให้เห็นเนื้อหาที่แท้จริงของสิ่งที่เขาเพิ่งพูดมาเมื่อสักครู่นี้
จากนั้นเธอก็มองไปที่ท้ายกระดาษและเห็นชื่อที่น่ารังเกียจ, เวเวอร์ เรสต์ลิง
มิลด้าอ้าปากค้างด้วยความตกใจกลัว “ลิงค์, คุณติดต่อกับเวเวอร์อย่างงั้นหรอ?”
ลิงค์ปฏิเสธ “ผมป่าวนะ”
โรมิลสันพูดขัด “มาสเตอร์ลิงค์, จดหมายบอกว่าคุณเคยเดินทางไปทางใต้…จากที่ผมรู้มา, คุณเดินทางไปที่นั่นเมื่อไม่นานมานี้จริงๆนี่ แถมคุณยังพาเสือนภากลับมาจากการเดินทางนั้นด้วย”
ด้วยความที่เป็นนักเวทย์ที่ไฮเอลฟ์ให้ความสำคัญและเกรงกลัว, พวกเขาจึงทำวิจัยการกระทำและพื้นเพของลิงค์ แม้ว่าการเดินทางลงใต้ของเขาจะถูกปิดบังเอาไว้จากคนทั่วๆไป, แต่มันก็ไม่ใช่ความลับสำหรับนักเวทย์, ไม่ต้องพูดถึงไฮเอลฟ์เลย
โรมิลสันไม่ได้พูดประโยคทั้งหมดของเขา อย่างไรก็ตาม, สิ่งที่เขาต้องการจะสื่อนั้นก็ชัดเจน จดหมายฉบับนี้บ่งบอกว่าลิงค์กับเวเวอร์รู้จักกันจริงๆและเขาก็ตั้งใจลงใต้เพียงเพื่อไปพบเขา ดูเหมือนว่าพวกเขาจะมีความสัมพันธ์ที่ดีต่อกัน
อย่างไรก็ตาม, เวเวอร์กลายเป็นนักเวทย์แห่งความมืดไปแล้ว ดังนั้นความจริงที่ว่าเขายังเขียนจดหมายถึงลิงค์และสนทนาถึงปัญหาเวทมนตร์แห่งความมืดกับเขานั้นเป็นเรื่องที่แปลกประหลาด
และที่สำคัญก็คือเวเวอร์ตกสู่ด้านมืดหลังจากที่ลิงค์เดินทางลงใต้ได้ไม่นาน
ใบหน้าของลิงค์ยังคงเยือกเย็นในขณะที่เขาอธิบาย “ผมลงใต้เพื่อตามหาเซลีน มันไม่ได้เกี่ยวข้องกับเวเวอร์เลย ส่วนเสือนภานั้น, ผมเจอเขาระหว่างทาง เขากำลังหนีนักเวทย์แห่งความมืดแอนดรูอยู่, และผมก็ช่วยชีวิตของเขาเอาไว้”
“ใครคือเซลีน?” มิลด้าถาม
“เพื่อน…ที่ดีของผม” ลิงค์พูด “ถ้าอยากเจอ, ผมเรียกเธอมาที่นี่เดี๋ยวนี้เลยก็ได้นะ เธออยู่ที่เทือกเขาหมอดไหม้เนี่ยหล่ะ”
“ไม่จำเป็นต้องทำถึงขนาดนั้นหรอก; ข้ารู้จักเซลีนเป็นการส่วนตัว เธอเป็นหญิงสาวน่ารักคนนึง” เฟอดินันด์พูด
จากนั้นเขาก็มองรอบๆก่อนที่จะพูดต่อ “ข้าเชื่อว่านี่เป็นการจัดฉากใส่ร้ายมาสเตอร์ลิงค์ ข้ารู้จักมาสเตอร์ลิงค์ดี ถ้าเขาเข้าไปยุ่งกับเวทมนตร์แห่งความมืดจริงๆ, เขาคงจะไม่ทำให้ตัวเองถูกเปิดโปงด้วยลูกเล่นเด็กๆแบบนี้หรอก อันที่จริง, คงไม่มีพวกเราคนไหนสะเพร่าแบบนี้ นี่มันดูโง่เกินไป!”
มันเป็นเรื่องจริง การส่งจดหมายเปิดผนึกและสลักรูนแห่งความมืดเอาไว้หน้าซองนั้นเป็นเทคนิคการใส่ร้ายอย่างเห็นได้ชัด
อย่างไรก็ตาม, มิลด้าส่ายหัวในขณะที่เธอพูด “ไม่, ข้าไม่คิดว่าปัญหานี้จะง่ายแบบนั้นหรอก ที่นี่เป็นดินแดนของลิงค์, และคนธรรมดาคงไม่รู้จักรูนแห่งความมืด ดังนั้นมันอาจเกิดความเข้าใจผิดขึ้นได้หากเอารูนแห่งความมืดมาเป็นข้อสรุปเพียงอย่างเดียว แม้ว่าตัวจดหมายจะแปลกประหลาดมาตั้งแต่แรกแล้ว, แต่ลิงค์ก็เพิ่งไปทางใต้มาจริงๆ นอกจากนั้นในระหว่างที่พาเซลีนกับเสือนภากลับมานั้น, ก็ไม่มีใครรู้เลยว่าเกิดอะไรขึ้นบ้างระหว่างทาง
ด้วยคำอธิบายนี้, มิลด้าก็หันไปหาลิงค์ในขณะที่เธอพูดต่อ “อันที่จริงข้ารู้สึกว่ามีอะไรบางอย่างที่ไม่ชอบมาพากลตั้งแต่ที่ข้าเห็นรายงานทหารของท่านที่สถาบันแล้ว ในรายงานท่านได้ไปที่ป้อมปราการภูเขาน้ำแข็ง, ท่านกล่าวถึงคำภีร์อาณาจักรที่ทำให้ท่านเดินทางระหว่างอาณาจักรได้ ดูเหมือนว่าท่านจะหลบหนีจากการไล่ตามของผู้ถือครองอุปกรณ์ระดับพระเจ้าได้หลายครั้งโดยใช้คำภีร์นี้ จากความรู้ของข้า, คำภีร์อาณาจักรนั้นอยู่ในขอบเขตความรู้ของเวทย์ลึกลับ มาสเตอร์ลิงค์, ท่านกำลังทดลองเวทย์ลึกลับอยู่ใช่ไหม?”
ลิงค์ตกอยู่ในความเงียบ มิลด้าเป็นคนที่มีความรู้สึกไวจริงๆ เธอค้นพบรายละเอียดที่ลิงค์อยากจะปกปิดเอาไว้ได้อย่างง่ายดาย
จากนั้นมิลด้าก็พูดต่อหลังจากที่ไม่ได้รับการตอบกลับจากลิงค์ “ข้าสังเกตุเห็นอีกปัญหานึง ท่านบอกว่าคาร์โนสได้รับความเสียหายจากพิษของอสรพิษทมิฬแล้วกำลังจะกลายเป็นปีศาจ แต่ว่า, ท่านก็สามารถช่วยเขาได้จากห้วงลึกของความเศร้า ท่านทำได้ยังไงกัน? ท่านเป็นแค่มนุษย์นะ, และมันก็เป็นไปไม่ได้สำหรับท่านเลยที่จะรักษาสถานะที่ได้รับจากอุปกรณ์ระดับพระเจ้า มันไม่มีเหตุผลเอาซะเลย”
จากนั้นเกรนซี่ก็ยืนขึ้นเพื่อช่วยลิงค์ด้วยการเตือนอย่างเข้มงวด “องค์หญิง, นักเวทย์ทุกคนล้วนมีความแข็งแกร่งเฉพาะตัวของตัวเอง ซึ่งนี่ไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกับเวทมนตร์แห่งความมือ ท่านไม่มีสิทธิมาไล่จี้เรื่องนี้นะ!”
“เอางั้นก็ได้” จากนั้นมิลด้าก็ระงับการล่วงละเมิดของเธอในขณะที่เธอพูดต่อ “ข้าเห็นด้วยกับความคิดเห็นของมาสเตอร์เกรนซี่ค่ะ แต่ว่า, การปรากฎตัวของจดหมายและการที่มาสเตอร์ลิงค์ให้เหตุผลไม่ได้นั้นทำให้เขาน่าสงสัยมากๆ ก่อนที่พวกเราจะขุดคุ้ยปัญหานี้ให้ละเอียด, ข้าเกรงว่าเผ่าพันธุ์ของข้าจะไม่สามารถให้ความช่วยเหลือกับนักเวทย์เช่นนี้ได้ค่ะ ลิงค์, โรมิลสันกับอัลลาร์อาจจะไม่สามารถช่วยท่านในการสร้างหอคอยเวทมนตร์ได้แล้ว”
จากนั้นลิงค์ก็กางมือออกมาอย่างหมดหนทางในขณะที่เขาพูด “ผมขอโทษที่เป็นสาเหตุของความเข้าใจผิดนี้นะครับ”
เขาไม่ได้โทษมิลด้าสำหรับปฏิกิริยาของเธอ เธอเพิ่งรู้จักเขาได้ไม่นาน, และมันก็เข้าใจได้ที่เธอไม่เชื่อใจเขาเหมือนกับเพื่อนร่วมเผ่าพันธุ์ของเขา สิ่งที่สำคัญที่สุดในตอนนี้ก็คือหาให้ได้ว่าคนที่ใส่ร้ายเขาคือใคร
หรือว่าจะเป็นเวเวอร์?
แต่ว่าเขาทำแบบนี้ไปทำไมหล่ะ? แม้ว่าพวกเขาจะเคยปะทะกันในตอนที่ลิงค์ลงใต้เพื่อช่วยเซลีน, แต่เขาก็ไม่น่าจะพบตัวตนของเขานะ
“ข้าคงอยู่ที่นี่ไม่ได้แล้ว พวกเราจะออกเดินทางเดี๋ยวนี้เลย โรมิลสัน, กลับไปที่สถาบันเพื่อส่งข้อความนี้ บอกกษัตริย์ลีออนให้จัดทีมสอบสวนพิเศษขึ้นสำหรับปัญหานี้ ส่วน อัลลาร์, ตามข้าไปที่ท่าเรือ พวกเราจะกลับไปที่เกาะรุ่งอรุณพร้อมกับข้อมูลเกี่ยวกับอุปกรณ์ระดับพระเจ้า”
“ครับ, องค์หญิง” ไฮเอลฟ์ทั้งสองพยักหน้า
“ถ้างั้นฉันขอลานะคะคุณสุภาพบุรุษทุกท่าน” มิลด้าออกไปโดยไม่ลังเลในขณะที่ไฮเอลฟ์สองคนตามหลังไป
เหลือแค่นักเวทย์มนุษย์สามคนที่ยังอยู่ในห้อง
เฟอดินันด์ยังหัวเสียอยู่ในขณะที่เขาพูด “พวกไฮเอลฟ์ไม่ฟังเหตุผลเลย! นี่มันก็เห็นๆอยู่ว่าเป็นการจัดฉาก!”
จากนั้นเกรนซี่ก็จ้องไปที่จดหมายที่อยู่บนโต๊ะในขณะที่เขาส่ายหัวแล้วพูด “พวกเขาไม่ได้เข้าใจมาสเตอร์ลิงค์เหมือนกับที่พวกเราเข้าใจ มันไม่สามารถปฏิเสธได้หรอก, ที่พวกเขามีปฏิกิริยาแบบนี้ก็เพื่อปกป้องตัวเอง”
จากนั้น, เกรนซี่ก็ตรงไปหาลิงค์แล้วพูด “มาสเตอร์ลิงค์, มีอีกสิ่งนึงซึ่งพวกเราซ่อนเอาไว้จากไฮเอลฟ์ นอกจากจดหมายฉบับนี้, ก็มีคนส่งกล่องไอเทมมาให้ท่านด้วย ไอเทมพวกนี้ปล่อยออร่าที่น่ากลัวออกมาด้วย, และพวกเราก็ต้องเปิดมันโดยไม่ได้รับอนุญาติจากท่าน ซึ่งกล่องนั้นเต็มไปด้วยหินวิญญาณแห่งความมืด พวกเราไม่กล้าที่จะพูดถึงมันต่อหน้าไฮเอลฟ์”
ลิงค์ขมวดคิ้วเมื่อได้ยินคำพูดพวกนี้ หลังจากผ่านไปพักนึง, เขาก็พูดออกมา “ผมขอบคุณมาสเตอร์ทั้งสองท่านนะครับที่เชื่อมั่นในตัวผม แต่ว่า, ปัญหาพวกนี้อาจจะไม่ง่ายอย่างที่เห็น มีใครบางคนกำลังวางแผนใส่ร้ายผม”
เกรนซี่กับเฟอดินันด์แลกเปลี่ยนสายตากันและพยักหน้าก่อนที่จะพูด “พวกเราก็คิดเหมือนกัน ช่วงนี้ท่านโดดเด่นเกินไป กองกำลังแห่งความมืดเก่งในเรื่องการวางแผนทำร้ายคนอื่นในเงามืด ท่านก็ตกเป็นหนึ่งในเป้าหมายของพวกมัน ปัญหาก็คือว่าแผนการของพวกมันนั้นมักจะตรวจสอบและป้องกันได้ยาก ไม่มีใครรู้ว่าพวกมันจะดำเนินแผนการยังไง”
จากนั้นลิงค์ก็จมดิงเข้าไปในความคิด สามนาทีต่อมา, เขาก็พูดขึ้น “จดหมายฉบับนี้และหินวิญญาณแห่งความมืดเป็นแค่ของเด็กๆ ถ้านี่เป็นการจัดฉากจริงๆ, นี่ก็เป็นแค่การเริ่มต้นเท่านั้น”
จดหมายและหินวิญญาณนั้นเป็นเทคนิคการใส่ร้ายอย่างโจ่งแจ้งที่สามารถจัดการได้ง่ายๆ อย่างไรก็ตาม, ถ้ามีเรื่องที่ร้ายแรงกว่านี้เกิดขึ้นอีก, ไอเทมพวกนี้ก็คงจะกลายเป็นหลักฐานเสริมในการจัดการลิงค์ และจากนั้น, มันก็คงจะเป็นเรื่องยากสำหรับลิงค์ในการแก้ต่าง
เกรนซี่กับเฟอดินันด์แลกเปลี่ยนสายตากันในขณะที่พวกเขาแสดงสีหน้ากังวลออกมาโดยตลอด
“ต่อจากนี้จะเกิดอะไรขึ้นอีกหล่ะ?”
“ผมไม่รู้…เมื่อเร็วๆนี้ได้มีผู้พักอาศัยรายใหม่หลั่งใหลเข้ามาในดินแดน, ต้องมีสปายแฝงตัวเข้ามาด้วยแน่ๆ…เดี๋ยวนะ…มิลด้าอาจจะตกอยู่ในอันตราย ไม่ใช่แค่เธอสิ, นักเวทย์ทุกคนในดินแดนของพวกเรา, โดยเฉพาะไฮเอลฟ์อาจจะตกอยู่ในอันตราย แย่แล้ว, พวกเขาออกไปตอนนี้ไม่ได้, มันอันตรายเกินไป!”
มีนักเวทย์กว่า 30 คนในดินแดนนี้ มันเป็นเพียงจำนวนน้อยๆ, และพวกเขาก็ไม่ได้แข็งแกร่งด้วย มันเป็นเพียงแค่ขั้นตอนการเริ่มต้นของการพัฒดินแดนเท่านั้น, ดังนั้นจึงเป็นธรรมดาที่ความแข็งแกร่งในการป้องกันของดินแดนจะอ่อนแอ แม้ว่าพวกเขาอาจจะไม่สามารถฆ่าลิงค์ได้, แต่พวกเขาก็น่าจะจัดการนักเวทย์เหล่านี้ได้
จากนั้นพวกเขาก็จะใส่ร้ายว่าการกระทำอันชั่วร้ายนี้เป็นฝีมือของลิงค์ และนั่นก็คงจะเป็นหายนะ!
คนทั่วๆไปคงจะไม่สามารถแยกแยะข้อเท็จจริงเหล่านี้ได้และคงจะกล่าวหาว่าลิงค์เป็นผู้กระทำผิดอย่างแน่นอน จากนั้นทีมสอบสวนจากสถาบันเวทมนตร์ระดับสูงอีสโควฟก็จะหาหลักฐานต่างๆมาจัดการเขา จากนั้นลิงค์ก็จะไม่สามารถแก้ต่างได้และจะตกเป็นเหยื่อของแผนการอันชั่วร้ายนี้!
นี่เป็นผลลัพธ์ที่เลวร้ายที่สุด, และถึงแม้ว่าจะมีโอกาสเกิดขึ้นเพียงเล็กน้อย, ลิงค์ก็ยังต้องเตรียมป้องกันมันเอาไว้
จากนั้นเฟอดินันด์กับเกรนซี่ก็แลกเปลี่ยนสายตากันในขณะที่ความหวาดกลัวสะท้อนผ่านดวงตาของพวกเขา พวกเขาลุกขึ้นแล้วพูด “พวกเราจะไปตามโรมิลสันกลับมา”
ลิงค์พยักหน้าแล้วพูด “งั้นผมจะไปตามมิลด้ากับอัลลาร์เอง”
พวกเขาทั้งสามเดินออกมาจากบ้านไม้อย่างรีบร้อน ในตอนที่พวกเขามาถึงทางเข้า, พวกเขาก็ตระหนักได้ว่าดวงอาทิตย์ลับขอบฟ้าไปแล้วและท้องฟ้าก็กำลังมืดขึ้นทุกนาที
มิลด้าเป็นคนที่มีประสิทธิภาพมากๆเช่นกัน พวกเขาออกจากดินแดนไปโดยที่ไม่ทิ้งร่องรอยเอาไว้เลย
จากนั้นลิงค์ก็มุ่งหน้าไปยังกระท่อมที่ดอเรียสอาศัยอยู่และเตรียมใช้เขาเป็นยานพาหนะ อย่างไรก็ตาม, ลิงค์ไม่เจอเขาในตอนที่ไปถึงกระท่อม
“ดอเรียสไปไหน?” ลิงค์ถามทหารที่อยู่ใกล้ๆ
“ดอเรียสหรอครับ? เขาบอกว่าเขาได้ยินอะไรบางอย่างผิดปกติและออกไปเดินสำรวจ แล้วเขาก็บอกว่าเขาจะรีบกลับมาครับ” ทหารตอบ
ลิงค์ตื่นกลัวขึ้นมา พวกมันกำลังล่อให้ดอเรียสออกไปจากพื้นที่บ้านของมันหรอ?