ที่รกร้างเฟิร์ด, ช่วงพลบค่ำ
ผู้บุกรุกพวกนี้มีประมาณ 15 คน พวกเขาเคลื่อนไหวได้รวดเร็วมากๆและกระจายตัวกันในตอนที่พวกเขาหนีเข้าดินแดน ในตอนที่ลิงค์กำลังขี่เฟนเรียสายลมขึ้นเนินเขาเล็กๆ, คนที่เร็วที่สุดก็หนีไปได้กว่า 150 ฟุตแล้ว
นอกจากนี้, ผู้บุกรุกพวกนี้ยังใช้ประโยต์จากภูมิประเทศของที่รกร้างเฟิร์ดในการซ่อนตัวจากทัศนวิสัยของลิงค์ด้วย
ลิงค์สอดส่องสายตาดูรอบๆก่อนที่จะตัดสินใจพุ่งเข้าใส่คนๆนึงที่อยู่ข้างหน้าอย่างแน่วแน่
จากการลอบโจมตีเมื่อก่อนหน้านี้, หัวหน้าของภารกิจนี้พูดออกมาแค่คำเดียวเท่านั้น แถมเขายังแฝงตัวเข้าไปอยู่ในฝูงชนก่อนที่จะให้สัญญาณเริ่มด้วยและยังสวมชุดเกราะหนังสีดำเหมือนกับลูกน้องคนอื่นๆของเขาอีก อย่างไรก็ตาม, ลิงค์ได้ตรวจจับความผันผวนอ่อนๆในออร่าต่อสู้ของเขาเอาไว้แล้วและล็อคเขาเป็นเป้าหมาย
ผู้บุกรุกที่สวมชุดเกราะหนังสีดำคนนี้กำลังวิ่งหนีเอาชีวิตรอดไปทั่วที่รกร้างเฟิร์ด เขาจะหันหลังมามองลิงค์เป็นพักๆในขณะที่มีสีหน้าตื่นตระหนก
ระยะห่างระหว่างลิงค์กับตัวเขานั้นกระชั้นชิดขึ้นเรื่อยๆจาก 150 ฟุตเป็น 135 ฟุต, แล้วก็, 120 ฟุต พื้นที่เบื้องหน้าพวกเขานั้นเป็นพื้นที่เปิดและไม่มีที่หลบสำหรับผู้บุกรุกเลย ดังนั้นลิงค์จึงเตรียมตัวที่จะเปิดการโจมตี
อย่างไรก็ตาม, เซลีน, ที่กำลังอยู่ในอ้อมแขนของเขาในตอนนี้ตะโกนขึ้นมากระทันหัน “ลิงค์, หยุด! มันอันตรายนะ!”
ลิงค์มีร่องรอยของความสงสัยในหัวใจของเขาในตอนที่เขาเห็นสีหน้าสับสนและการเคลื่อนไหวของผู้บุกรุกคนนี้ ดูเหมือนว่าเขาจะแตกต่างจากตอนที่เขาสั่งการแผนบุกรุกอย่างใจเย็นโดยสิ้นเชิง เขาน่าจะมีความเยือกเย็นมากกว่านี้สิ
ดังนั้นลิงค์จึงสงสัยว่าเขาแค่กำลังแสดงอยู่
ซึ่งคำเตือนของเซลีนก็ยิ่งเพิ่มความสงสัยของเขาขึ้นไปอีก, แล้วเขาก็หยุดเฟนเรียสายลมในทันที
ในตอนที่เขาหยุดการเคลื่อนไหวของเขา, ลิงค์ก็สัมผัสได้ถึงความผันผวนของเวทมนตร์อ่อนๆที่กำลังแผ่ออกมาจากพื้น ดังนั้นเขาจึงร่ายเวทย์ตาอินทรีใส่ตัวเองและตรวจสอบความผิดปกติบนพื้น ซึ่งสิ่งที่เขาเห็นนั้นสร้างความตกใจให้เขาอย่างมหาศาล
ชั้นหิวกรวดบางๆที่อยู่บนพื้นนั้นได้ถูกใช้เป็นสิ่งอำพรางอันแยบยล, ลิงค์เห็นแสงสีดำอันชั่วร้ายซึ่งแผ่พลังงานความมืดออกมาลางๆ จากความผันผวนของมัน, มันคือวงเวทย์ที่มีความแข็งแกร่งเลเวล 6!
ถ้าเซลีนไม่เตือนเขาถึงอันตรายนี้, เขาก็คงจะไม่สังเกตุเห็นความผันผวนอันริบหรี่นี้และคงจะมุ่งหน้าเข้าไปหาวงเวทย์นี้ จากนั้น, พวกเขาทั้งคู่ก็จะได้รับบาดเจ็บอย่างร้ายแรงถ้าเขาตอบสนองต่อกับดักนี้ไม่ทัน
ลิงค์รู้สึกหนาวไปถึงสันหลัง
จากนั้นเขาก็มองหาหัวหน้าผู้บุกรุก, แต่เขาก็หายตัวไปแล้ว หัวหน้าคนนั้นได้เก็บซ่อนพลังของเขาเอาไว้เมื่อก่อนหน้านี้ อย่างไรก็ตาม, ในตอนที่เขารู้ตัวว่าไพ่ตายของเขาไม่ได้ผล, เขาก็ตัดสินใจที่จะหนีในทันที
ความเร็วในการเดินทางของผู้บุกรุกพวกนี้ก็ไม่ธรรมดาเช่นกัน; พวกเขาเร็วพอๆกับกลูในป่าแบล็คฟอเรสเลย
ไอคนพวกนี้มันเป็นใครกัน? พวกมันแข็งแกร่งแค่ไหน? ลิงค์ยังมีคำถามอีกมากมายที่เขายังหาคำตอบไม่ได้ แม้ว่าจะมีชื่อของเวเวอร์อยู่บนจดหมาย, แต่ลิงค์ก็รู้สึกว่ามันเป็นแค่เทคนิคการใส่ร้ายที่ผู้บุกรุกพวกนี้สร้างขึ้นมา
“ช่างน่ากลัวจริงๆ!” ลิงค์ขมวดคิ้ว จากนั้นเขาก็ถอยกลับมา 30 ฟุตก่อนที่จะยิงลูกแก้วใส่วงเวทย์แห่งความมืด
ตูม! วงเวทย์ถูกเปิดใช้, และเสาเพลิงวิญญาณสีน้ำเงินสูง 15 ฟุตก็ปรากฎขึ้นจากพื้น จากนั้นมันก็สูงขึ้นไปอีก 90 ฟุตก่อนที่จะสลายไปอย่างช้าๆ แม้ว่าจะอยู่ห่างจากวงเวทย์นี้กว่า 30 ฟุต, แต่ลิงค์ก็ยังรู้สึกได้ถึงคลื่นความร้อนที่ผิวหนังของเขา
“เวทย์เลเวล 6, หัวใจแห่งนรก” ลิงค์ถอนหายใจด้วยความโล่งอกและรู้สึกถึงได้ถึงความสั่นเทาของเซลีนที่อยู่ข้างหลัง จากนั้นเขาก็จับมือของเธอและปลอบโยน “ไม่เป็นไรนะ ต่อให้พวกเราก้าวเข้าไป, ฉันก็จะใช้เวทย์เทเลพอร์ทพาเธอหนีออกมาอยู่ดี”
เซลีนแค่พยักหน้าก่อนที่จะพูดออกมา “ลิงค์, ฝันร้ายของฉันจะกลายเป็นเรื่องจริงใช่ไหม?”
เธอเริ่มที่จะเข้าใจพลังใหม่ของเธอมากขึ้น เธอตระหนักได้ว่าในการเผชิญหน้ากับอันตรายที่ใกล้จะเกิดขึ้น, นิมิตที่ชัดเจนมากๆจะปรากฎขึ้นในหัวของเธอ, มันถึงกับแสดงออกมาเป็นภาพที่ชัดเจนในหัวของเธอ ก่อนหน้านี้, ที่เธอหยุดลิงค์ก็เพราะว่าเธอเห็นเสาเพลิงวิญญาณสีฟ้าในหัวของเธอ
จากนั้นลิงค์ก็รับประกัน “มันจะไม่เกิดขึ้นหรอก ตั้งแต่ตอนที่เธอเล่าเรื่องฝันร้ายให้ฉันฟัง, อนาคตก็ได้เปลี่ยนแปลงไปเรียบร้อยแล้ว”
ในขณะที่ลิงค์พูด, สายตาของเขาก็มองไปทางท่าเรือ จากทางนั้น, เขาสัมผัสตัวตนขององค์หญิงมิลด้าไม่ได้เลย ดังนั้นเขาจึงไม่มีเบาะแสเพิ่มเติมเกี่ยวกับตำแหน่งที่จะค้นหาต่อไป
จากนั้นลิงค์ก็ขี่เฟนเรียสายลมลงเนินเขาและสั่งให้มันเดินวนรอบพื้นที่ในขณะที่ลิงค์สังเกตุบริเวณโดยรอบอย่างระมัดระวัง
“มีลูกดอกหน้าไม้บนพื้น 35 ดอก ก่อนหน้านี้ศัตรูยิ่งมาแค่ 22 ดอกเท่านั้น อีก 13 ดอกที่เหลือน่าจะเป็นดอกที่ยิงในตอนที่มิลด้าผ่านทางมา แต่ว่า, ไม่มีความผันผวนของมานาหลงเหลืออยู่ในพื้นที่แห่งนี้เลย มันดูเหมือนกับว่าไฮเอลฟ์สองคนหายตัวไปเฉยๆ…เดี๋ยวก่อนนะ, นี่มันคราบเลือดนี่!”
ลิงค์รวบรวมสมาธิและจดจ่ออยู่กับหินกรวดที่อยู่บนพื้นเบื้องหน้าเขา จากนั้นเขาก็สังเกตุคราบเลือดที่อยู่บนก้อนหิน พวกมันเป็นสีแดงเข้ม, คล้ายกับคราบเลือดของมนุษย์ จากนั้นเขาก็เอาพวกมันมาดมใกล้ๆแล้วได้กลิ่นอ่อนๆของป่าจากหินพวกนี้
“นี่มันเลือดของไฮเอลฟ์นี่ พวกเขาต้องได้รับบาดเจ็บแน่ๆ”
“แต่ว่าพวกเขาไปที่ไหนกันหล่ะ?” เซลีนถามพร้อมกับขมวดคิ้ว
“พวกเขาต้องใช้เวทย์เคลื่อนย้ายแน่ๆ แต่ว่า, ระยะทางที่ไกลที่สุดของเวทย์เคลื่อนย้ายไม่น่าเกินหนึ่งไมล์นะ พวกเขาต้องเดินเท้าหนีต่อหลังจากนั้นแน่ๆ ซึ่งพวกเราไม่รู้เลยว่าพวกเขาไปที่ไหน”
แม้ว่าระยะทางหนึ่งไมล์นั้นจะไม่ไกล, แต่ว่าอีกฝ่ายได้รับบาดเจ็บและตกอยู่ในสภาพตื่นตระหนก พวกเขาคงจะคิดถึงแต่การเอาตัวรอดของตัวเองและคงจะทำทุกอย่างที่ทำได้เพื่อปกปิดตัวตนของพวกเขา พวกเขาคงจะหนีไปจากเขตการต่อสู้ให้ไกลที่สุดเท่าที่จะทำได้, และทำให้มันเป็นเรื่องยากในการที่จะค้นหาพวกเขา
ลิงค์สงสัยว่ามิลด้าคงจะกำลังกล่าวหาว่าเขาเป็นคนบงการที่อยู่เบื้องหลังการลอบสังหารนี้, ทำให้เธอหลีกเลี่ยงเขามากกว่าเดิมอีก
อย่างไรก็ตาม, ปัญหานั้นอยู่ที่นักฆ่า พวกเขาต้องกำลังตามหาไฮเอลฟ์แน่ๆ ตัดสินจากอาการบาดเจ็บของพวกเขา, พวกเขาคงจะไม่รอดแน่ถ้าพวกเขาถูกศัตรูเจอตัว
พวกเขาหายตัวไปในดินแดนของเขา, และองค์หญิงมิลด้าก็บังเอิญเป็นลูกสาวคนโตของราชินีไฮเอลฟ์ แล้วเธอก็เป็นผู้ที่มีสิทธิมากที่สุดในการเป็นราชินิเอลฟ์คนต่อไปด้วย ถ้าเขาไม่สามารถพาเธอกลับไปที่เกาะรุ่งอรุณได้อย่างปลอดภัย, เขาก็คงจะไม่จบกับไฮเอลฟ์ง่ายๆแน่
หลังจากที่คิดอยู่พักนึง, ลิงค์ก็เตรียมมุ่งหน้าไปทางฝั่งทะเล
เขาเอาเลือดสดๆของไฮเอลฟ์ไปด้วย แม้ว่านี่อาจจะไร้ประโยชน์เมื่ออยู่ในมือของเขา, แต่แวนซ์อาจจะสามารถสะกดรอยโดยใช้เลือดนี้ได้ ตราบใดที่เขาสามารถหาตำแหน่งที่แน่นอนของมิลด้าได้, เขาก็สามารถไปที่นั่นและช่วยเหลือเธอได้ในทันที
ขณะที่ลิงค์คิด, เขาก็เพิ่มความเร็วของเฟนเรียสายลมและมุ่งหน้าไปหาแวนซ์เต็มสปีด
อย่างไรก็ตาม, ลิงค์ก็หยุดหลังจากเดินทางไปได้แค่ไม่กี่ก้าว จากนั้นเขาก็ลังเลอยู่พักนึงก่อนที่จะมุ่งหน้าไปยังทิศทางตรงกันข้ามเพื่อไปยังเทือกเขามอดไหม้
“นายไม่ได้เตรียมตัวไปหาแวนซ์หรอกหรอ? นายหันกลับทำไม?” เซลีนถาม เธอเป็นผู้หญิงที่ฉลาดจริงๆ เธอคาดเดาความตั้งใจของลิงค์ได้แม้ว่าเขาจะเงียบมาโดยตลอดก็ตาม
แล้วลิงค์ก็ส่ายหัวในขณะที่พูด “การเดินทางกลับมาที่เทือกเขามอดไหม้ของฉันเป็นการตัดสินใจอย่างกระทันหัน และแน่นอนว่าการลอบโจมตีของศัตรูก็เป็นการตัดสินใจอย่างกระทันหันเหมือนกัน แต่ว่า, ฝันร้ายของเธอทำนายว่าดินแดนจะตกอยู่ในอันตรายครั้งยิ่งใหญ่ การช่วยเหลือองค์หญิงไฮเอลฟ์เพียงคนเดียวเพื่อแลกกับ 8,000 ชีวิตในดินแดนนั้นไม่คุ้มกันหรอก”
ผู้ลี้ภัยจากอาณาจักรเดลอนก้านั้นได้เดินทางขึ้นเหนือตรงมายังที่รกร้างเฟิร์ดเป็นกลุ่มใหญ่ พ่อค้าวาร์เตอร์เองก็พาทาสมาเพิ่มเป็นจำนวนมากซึ่งทำให้จำนวนประชากรของดินแดนนั้นพุ่งสูงขึ้นเหมือนติดจรวจ ดังนั้น, ตอนนี้เทือกเขามอดไหม้จึงกลายเป็นหมูบ้านเล็กๆที่มีผู้อาศัยเกือบ 10,000 คนแล้ว
“แต่ถ้าองค์หญิงไฮเอลฟ์ตาย, นายจะงานเข้านะ”
“ฉันคงจะงานเข้าจริงๆนั่นแหล่ะ, แต่ไฮเอลฟ์มีองค์หญิงมากกว่าหนึ่งคนนะ” ลิงค์มีความคิดที่ชัดเจนในเรื่องนี้
นี่เป็นการโจมตีอย่างกระทันหัน ศัตรูได้วางกลุ่มลอบโจมตีเอาไว้แล้วและยังวาดวงเวทย์เลเวล 6 เอาไว้ด้วย ซึ่งทั้งสองสิ่งนี้ต้องการแผนการที่ละเอียดอ่อน, ทักษะฝีมือ,และที่สำคัญกว่านั้น, เวลา พวกเขาไม่น่าจะสามารถโจมตีสองฝ่ายได้ในระยะเวลาอันสั้น
ในเมื่อมิลด้าประสบกับการโจมตีร้ายแรงไปแล้ว, โรมิลสันก็น่าจะปลอดภัย จอมเวทย์ทั้งสองคนน่าจะพาเขากลับไปยังดินแดนได้อย่างปลอดภัยแล้ว
จากนั้นโรมิลสันก็จะกลายเป็นข้อแก้ตัวอันสมบูรณ์แบบของลิงค์ ซึ่งนี่เป็นเพราะลิงค์อยู่กับพวกเขาตลอดเวลาตั้งแต่ที่สถาบันเวทมนตร์ระดับสูงอีสโควฟและไม่มีเวลาที่จะจัดการอะไรที่ซับซ้อนแบบนี้ได้
มันเป็นเพราะความคิดนี้จริงๆที่ช่วยให้ลิงค์ตัดสินใจเลิกช่วยเหลือองค์หญิงและปกป้องดินแดนของตัวเองแทน ยังไงซะ, ในเรื่องของการเมืองนั้นทั้งหมดก็คือผลประโยชน์ ในฐานะลอร์ดของดินแดน, ลิงค์มีหน้าที่ดูแลความปลอดภัยของผู้พักอาศัยของเขา
การเดินทางกลับดินแดนนั้นราบลื่น ด้วยความเร็วสูงสุดของเฟนเรียสายลม, พวกเขาจึงมาถึงประตูตะวันออกของค่ายในเวลาห้านาทีต่อมา
ณ ตอนนี้, ท้องฟ้าได้มืดลงแล้ว, และประตูตะวันออกก็ปิดไปแล้ว มีทหารจำนวนมากกำลังเดินลาดตระเวนรอบกำแพงปราสาท จากนั้นลิงค์ก็ร่ายเวทย์แสงใส่ตัวเองเพื่อเปิดเผยตัวตนของเขา
“ฉันเอง”
ลิงค์ไม่ได้รอให้ทหารเปิดประตู เขาสั่งให้เฟนเรียสายลมกระโดดข้ามไป ในตอนที่เฟนเรียสายลมอยู่กลางอากาศ, เขาก็ร่ายเวทย์ลดน้ำหนักใส่มัน, ทำให้มันกระโดดได้สูงถึงหกสิบฟุต จากนั้นเฟนเรียสายลมก็กระโดดข้ามกำแพงปราสาทได้อย่างสบายๆโดยไม่มีอุปสรรคใดๆ
ความปลอดภัยข้างในค่ายเองก็สูงมาก ในตอนที่ลิงค์เข้ามาในค่าย, เขาก็ยกเลิกเฟนเรียสายลมในทันทีแล้วกระซิบบอกเซลีน “ตามฉันมาใกล้ๆนะ, อย่าหายตัวไปไหนหล่ะ”
เขารู้สึกว่าทั่วทั้งเทือกเขามอดไหม้นั้นไม่ปลอดภัย
“รู้แล้ว” เซลีนเดินตามหลังลิงค์ไปติดๆ
หลังจากที่เดินไปได้ไม่กี่ก้าว, กิลเดิร์นก็ตรงเข้ามาต้อนรับพวกเขา จากนั้นลิงค์ก็ถามขึ้น “มาสเตอร์เกรนซี่กลับมารึยัง?”
แล้วกิลเดิร์นก็รายงานข่าวดี “มาสเตอร์เกรนซี, มาสเตอร์เฟอร์ดินันด์, และไฮเอลฟ์ชื่อโรมิลสันได้กลับมาอย่างปลอดภัยทุกคนครับ”
ลิงค์รู้สึกใจชื้นขึ้นมาในทันทีแล้วพูด “เยี่ยมเลย ตอนนี้พวกเขาอยู่ที่ไหนหล่ะ?”
“ข้างในที่พำนักของมาสเตอร์เกรนซี่ครับ”
จากนั้นลิงค์ก็รู้สึกได้ว่าความกดดันที่ไหล่ของเขาถูกยกออกแล้วถาม “แล้วดอเรียสหล่ะ, เขากลับมารึยัง?”
กิลเดิร์นมีสีหน้ากังวลในขณะที่พูด “ดูเหมือนว่าพวกเราจะหาตัวเขาไม่เจอเลยครับ ปกติเขาน่าจะกลับมาเวลานี้ พวกเราไม่รู้เลยว่าเขาไปที่ไหน”
“เข้าใจแล้ว” ลิงค์ทำอะไรไม่ได้กับปัญหานี้เหมือนกัน เสือที่ทั้งตัวใหญ่และมีความเร็วที่ไม่มีใครสู้ได้แบบนี้คงเป็นไปไม่ได้ที่จะตามหาในคืนนี้ เขาทำได้แค่ภาวนาให้เขาปลอดภัย
จากนั้นลิงค์ก็พาเซลีนตรงไปยังเขตที่พักของนักเวทย์ในเทือกเขามอดไหม้ เทือกเขามอดไหม้นั้นมีรัศมีแค่ไม่กี่ร้อยฟุต พวกเขาไปถึงที่พักของมาสเตอร์เกรนซี่ในเวลาสามนาที
หลังจากเคาะประตูไปไม่กี่ที, ประตูก็เปิดออกในขณะที่มีใบหน้าหย่อนหยานของเกรนซี่ปรากฎขึ้นที่หลังประตู จากนั้นเขาก็มองไปรอบๆ, ดูเหมือนกับกำลังมองหาไฮเอลฟ์ จากนั้นเขาก็ขมวดคิ้วในขณะที่พูด “มีอะไรเกิดขึ้นหรอ?”
ลิงค์พยักหน้าในขณะที่เขาเอาหินเปื้อนเลือดออกมาแล้วพูด “ผมกับเซลีนไล่ตามไปและถูกทีมนักฆ่าลอบโจมตีครับ หลังจากเอาชนะพวกมันได้, ผมก็พบสิ่งนี้บนพื้น ซึ่งเห็นได้ชัดว่าองค์หญิงมิลด้ากับอัลลาร์ได้รับบาดเจ็บจากการลอบโจมตีและหนีไปโดยใช้เวทย์เคลื่อนย้าย ส่วนเรื่องตำแหน่งที่แน่นอนของพวกเขานั้น, พวกเรายังไม่สารถระบุได้ครับ”
“เข้ามาก่อนเถอะ” จากนั้นเกรนซี่ก็เชิญพวกเขาเข้ามา
ลิงค์เห็นโรมิลสันในตอนที่เขาเข้ามาในห้อง โรมิลสันมีใบหน้าซีดเผือดและมีรอยเลือดที่ข้อศอกของเขาด้วย เขาดูกระเซอะกระเซิงและดูเหมือนจะผ่านช่วงเวลาอันเลวร้ายมา พอได้เห็นลิงค์, เขาก็ตรวจสอบรอบๆห้องตามสัญชาติญาณและถามด้วยน้ำเสียงแหบแห้ง “องค์หญิงอยู่ที่ไหน? ทำไมพระองค์ถึงไม่ได้กลับมาด้วย?”
“นี่คือทั้งหมดที่ฉันพบในตอนที่ฉันไปถึง” จากนั้นลิงค์ก็วางหินเปื้อนเลือดลงบนโต๊ะ
ใบหน้าของโรมิลสันซีดเผือดยิ่งกว่าเดิมในขณะที่เขาคว้าหินพวกนี้และดมพวกมันราวกับตกอยู่ในภวังค์ ครึ่งนาทีต่อมา, ด้วยวิธีที่มีแต่พระเจ้าที่รู้, เขาก็พึมพำออกมา “อัลลาร์ตายแล้ว, เลือดของเขาไม่แสดงสัญญาณชีวิตออกมาเลย ส่วนองค์หญิงยังมีชีวิตอยู่, แต่เธอก็ได้รับบาดเจ็บหนัก นี่มันไม่ดีเลย; ข้าต้องออกไปตามหาพระองค์เดี๋ยวนี้”
“นายจะทำยังไงหล่ะ? ฉันเชื่อว่านายเองก็พบนักฆ่าพวกนั้นเหมือนกัน; นายจะจัดการกับนักฆ่า 15 คนพร้อมกันได้ยังไง?” ลิงค์ถาม
“พวกมันมี 15 คนเลยหรอ?” โรมิลสันแทบหมดสติจากความตกใจ เขาเจอนักฆ่าสี่คนระหว่างทางไปสถาบันและโชคดีเอาชีวิตรอดมาได้ ถ้าไม่ใช่เพราะมาสเตอร์เกรนซี่กับมาสเตอร์เฟอร์ดินันด์มาได้ถูกจังหวะ, เขาก็คงจะตายไปแล้วอย่างแน่นอน การฝ่าภารกิจนี้พร้อมกับรู้ว่ามีนักฆ่า 15 คนกำลังรออยู่นั้นก็คงจะเป็นเพียงการฆ่าตัวตาย
อย่างไรก็ตาม, องค์หญิงต้องไม่ตาย ถ้าองค์หญิงตายทั้งๆที่เขายังมีชีวิตอยู่, เขาก็จะกลายเป็นความเสื่อมเสียของตระกูล!
“ข้าต้องไปช่วยพระองค์! เลือดขององค์หญิงสามารถนำทางข้าไปหาพระองค์ได้; ข้าสามารถตามหาตัวพระองค์ได้!” โรมิลสันยืนขึ้นและเตรียมตัวที่จะออกไป
ลิงค์กำลังจะห้ามเขาในตอนที่มีเสียงตะโกนดังขึ้นจากนอกประตู “ศัตรู…!”
หลังจากพูดไปได้แค่ครึ่งประโยค, เสียงนั้นก็ดูเหมือนจะถูกตัดไปด้วยพลังชั่วร้ายบางอย่าง
“อ้ากกก! เอื้อ!”
จากนั้นเสียงกรีดร้องดังลั่นก็สามารถได้ยินได้ ความถี่และความสิ้นหวังของเสียงกรีดร้องเหล่านี้เพียงพอที่จะทำให้ทุกคนขนลุก