Advent of the Archmage – ตอนที่ 251: ลอร์ดที่เลือดเย็นและไร้หัวใจ

“ไอบ้าเอ้ย ทำไมเจ้าถึงหยุดข้า!”

 

โรมิลสันกระวนกระวายมากในตอนที่เขาตื่นขึ้นมา เขารีบพุ่งเข้าใส่ลิงค์และจับคอเสื้อของเขาพร้อมกับตะโกนใส่

 

แม้ว่าเขาจะไม่ใสใจกับความจริงที่ว่าลิงค์ห้ามไม่ให้เขาไปช่วยเหลือองค์หญิงมิลด้า แต่ลิงค์ก็ได้ใช้กำลังทำให้เขาสลบไป! คนเป็นนักเวทย์มาใช้วิธีการแบบนี้ได้ยังไงกัน!?

 

มันไม่น่าเชื่อเอาซะเลย! เขาเป็นคนที่บ้าและป่าเถื่อนมาก!

 

ลิงค์ปล่อยให้ไฮเอลฟ์คนนี้ตะโกนและอาละวาดอยู่ประมาณครึ่งนาที หลังจากที่มั่นใจว่าเขาใจเย็นลงแล้ว ลิงค์ก็ได้วางมือของเขาลงอย่างช่วยไม่ได้แล้วพูด “นายใจเย็นลงได้รึยัง? นายต้องเข้าใจนะว่าทุกวินาทีที่นายเสียไปนั้นก็คือการทำให้องค์หญิงมิลด้าเป็นอันตรายมากขึ้นด้วย”

 

ประโยคนี้เหมือนกับถังน้ำเย็นๆ มันล้างเอาความโกรธของโรมิลสันออกไปหมดในครั้งเดียว จากนั้นเขาก็หยิบหินเปื้อนเลือดที่อยู่บนโต๊ะขึ้นมาแล้วเดินไปที่ประตู  ระหว่างที่เขาเดิน เขาก็หันกลับมาหาลิงค์และพูดอย่างเย็นชา “นักเวทย์ ข้าจะจำเจ้าไว้! เมื่อข้ากลับไปยังเกาะรุ่งอรุณ ข้าจะไปขอเข้าพบองค์ราชินี และข้าจะทำให้มั่นใจว่าเจ้าจะโดนลงบัญชีดำในฐานะเป็นบุคคลที่ชนเผ่าของข้าไม่ต้อนรับ!”

 

จากนั้นเขาก็เปิดประตูไม้ด้วยความโกรธ หลังจากที่เขาเดินออกจากบ้าน โรมิลสันก็หยุดแล้วจ้องไปที่ภาพที่อยู่เบื้องหน้าของเขาด้วยความหวาดกลัว

 

มีศพมากมายนอนกองอยู่บนพื้นในขณะที่ทหารรับจ้างกับผู้อยู่อาศัยได้ทำความสะอาดความวุ่นวายนี้อย่างเงียบๆ  และเขาก็ยังเห็นบางคนกำลังร้องไห้เสียใจกับความสูญเสียด้วย, สถานที่บางแห่งกำลังไฟไหม้, บ้านไม้พังทลาย กลิ่นของเลือดสดๆนั้นเต็มไปทั่วชั้นบรรยากาศ นี่มันตรงกันข้ามกับที่รกร้างเฟิร์ดอันแสนสงบสุขที่โรมิลสันได้เห็นเมื่อไม่นานมานี้โดยสิ้นเชิง

 

“นี่ข้าหลับไปนานแค่ไหนกันเนี่ย?” โรมิลสันถามในขณะที่เขาจินตนาการถึงการต่อสู้อันดุเดือดที่เกิดขึ้น

 

“ไม่ถึงครึ่งชั่วโมง” ลิงค์พูดในขณะที่เขาเดินมาหา

 

“ข้าเดาว่ามีผู้โจมตีหลายคนใช่มั้ย?”

 

“ไม่เยอะมากหรอก แค่ห้าสิบคนเอง แต่ว่า พวกมันแต่ละคนนั้นแข็งแกร่งมาก ถ้าเกิดว่าฉันไม่อยู่ที่นี่ ดินแดนของฉันก็คงกลายเป็นซากปรักหักพังไปแล้ว” เสียงของลิงค์นั้นนิ่งมาก เขาดูเหมือนกับไม่ได้รับผลกระทบจากคำขู่ของโรมิลสันเมื่อก่อนหน้านี้เลย

 

โรมิลสันอดหันมาหานักเวทย์ชาวมนุษย์ที่อยู่ข้างๆเขาไม่ได้ ไม่มีเศษเสี้ยวของความร้อนรนหรือความโกรธบนใบหน้าของลิงค์เลย  ปกติแล้ว ลอร์ดจะต้องโกรธและเศร้าเสียใจหลังจากที่ประสบกับความเจ็บปวดและความสูญเสียครั้งใหญ่แบบนี้ นี่เขายังใจเย็นอยู่ได้ยังไงกัน?

 

โรมิลสันนั้นถูกนักเวทย์ที่อยู่ตรงหน้าของเขาทำให้สับสน เขานั้นยังไม่อยากเข้าใจความคิดแปลกประหลาดของเขา โศกนาฎกรรมที่อยู่ตรงหน้าของเขานั้นทำลายความโกรธของเขาไปจนหมดในขณะที่เขากระซิบ “ข้าจะออกไปตามหาองค์หญิง”

 

“ฉันจะไปกับนายด้วย” ลิงค์อยู่ข้างๆเขา

 

เมื่อได้ยินคำพูดพวกนี้ ความโกรธที่เพิ่งหายไปของโรมิลสันก็ได้ปะทุขึ้นมาอีกครั้ง เขาตะโกน “โอ้ ในที่สุดเจ้าก็สนใจที่จะช่วยองค์หญิงแล้วงั้นหรอ? พอมาคิดว่าองค์หญิงได้ให้หัวใจแห่งหุ่นเชิดกับเจ้าในรถม้าแล้ว มันก็ไม่เป็นอะไรนะที่ตัวเจ้าจะปฏิเสธที่จะช่วยองค์หญิง แต่เจ้ามาหยุดไม่ให้ข้าออกไปช่วยได้ยังไง? ช่างเป็นลอร์ดที่โหดร้ายและไร้หัวใจอะไรเช่นนี้!”

 

“ถ้านายไปคนเดียวนายตายแน่” ลิงค์เตือน

 

“งั้นข้าก็จะได้ตายโดยที่ไม่เสียใจในภายหลัง!” โรมิลสันตะโกน

 

เกรนซี่ทนไม่ได้กับการอาละวาดของโรมิลสันและตะโกนอย่างรุนแรง “เจ้าหนู มาสเตอร์ลิงค์ได้ทำในสิ่งที่ควรทำแล้ว คนที่ตัดสินใจจะออกไปก็คือตัวองค์หญิงเอง ในเมื่อเธอเป็นคนทำพลาด มันก็เป็นเรื่องปกติที่เธอจะต้องยอมรับผลที่จะตามมา”

 

“ฮึ ข้ารู้นะว่าพวกเจ้าวางแผนอะไรเอาไว้ พวกเจ้ากลัวที่จะมีส่วนรับผิดชอบในการตายขององค์หญิงและทิ้งให้ข้ามีชีวิตอยู่เพื่อที่จะเป็นพยานหน่ะสิ พวกมนุษย์นี่มันช่างเสแสร้งจริงๆ!” โรมิลสันตะโกนพร้อมกับเดินออกไปจากดินแดน

 

เมื่อโรมิลสันมาถึงพื้นที่เปิด แสงอันอบอุ่นก็ได้ปกคลุมคทาของเขาในตอนที่เขาอัญเชิญอาชาทมิฬออกมา จากนั้นเขาก็ขึ้นขี่ม้าและตรงไปทางประตูตะวันออกของค่าย

 

“ยังไงซะเขาก็ยังหนุ่มอยู่ ช่างหัวแข็งเสียจริง” เฟอร์ดินันด์ถอนหายใจ

 

มันไม่มีการตัดสินใจที่ถูกหรือผิดในสถานการณ์เช่นนี้  สิ่งเดียวที่สำคัญก็คือมุมมองที่แตกต่าง เฟอร์ดินันด์นั้นเป็นเผ่าพันธุ์มนุษย์และจากมุมมองของเขาแน่นอนว่าเขาจะสนับสนุนแนวทางของลิงค์ในเรื่องนี้ เขาคงจะทำแบบเดียวกันถ้าเกิดว่าเขาเจอเข้ากับสภาวะอึดอัดเช่นนี้

 

จากนั้นเกรนซี่ก็ถอนหายใจ “เขานั้นยังหนุ่มและหยิ่งทะนงจนเกินไป เขามีพรสวรรค์และความแข็งแกร่ง แต่ว่าเขาไม่ได้มองถึงภาพรวมเลย”

 

ในขณะที่โรมิลสันกำลังออกไปจากดินแดน ลิงค์ก็พูดขึ้นมา “โอเคครับ งั้นผมจะปล่อยให้ดินแดนแห่งนี้อยู่ภายใต้การดูแลของมาสเตอร์ทั้งสองนะครับ ผมจะตามเขาไปค้นหาองค์หญิงมิลด้า เซลีน เธออยู่กับพวกมาสเตอร์นะ”

 

ลิงค์รู้ว่าเขาต้องทำอะไรสักอย่างและจะไม่ไขว้เขวง่ายๆด้วยคำพูดอันรุนแรงของโรมิลสัน

 

ลิงค์นั้นไม่ได้สนใจในสิ่งที่โรมิลสันพูด; ยังไงซะนักเวทย์ไฮเอลฟ์ในไทม์ไลน์นี้ก็เหมือนกันหมด พวกเขานั้นมีความสุขกับความสงบสุขและความหรูหราในเกาะแห่งรุ่งอรุณ มานานกว่า 100 ปี คนรุ่นหนุ่มสาวนั้นยังไม่ค่อยเข้าใจในความโหดร้ายของโลกนี้เท่าไหร่นัก

 

“โอเค ดูแลตัวเองดีๆหล่ะ” เซลีนพูดด้วยน้ำเสียงเป็นห่วง เธอเองก็ไม่ได้โกรธโรมิลสัน ในสายตาของเธอนั้น ไฮเอลฟ์ก็เป็นแค่เด็กน้อยขี้หัวร้อนเท่านั้น

 

ลิงค์พยักหน้าและอัญเชิญเฟนเรียสายลมออกมาในทันที จากนั้นเขาก็ไล่ตามโรมิลสันออกไปข้างนอกเทือกเขามอดไหม้

 

เกรนซี่มองไปยังเส้นทางที่นักเวทย์ทั้งสองค่อยๆหายไปในความมืดและในที่สุดก็พูดขึ้นมา “หวังว่าโรมิลสันจะหยุดอาละวาดได้ในระหว่างทางนะ”

 

เฟอร์ดินันด์พยักหน้าแล้วพูดเสริม “พวกเขาทั้งคู่นั้นต่างก็เป็นนักเวทย์หนุ่มอัจฉริยะ แต่ว่า นิสัยของโรมิลสันนั้นแตกต่างจากลิงค์มาก เขาดูไม่น่าเชื่อถือเลย ช่างหน้าผิดหวังจริงๆ”

 

ทำไมมาสเตอร์ทั้งสองถึงไม่ได้สงสัยในตัวลิงค์ในตอนที่พวกเขาได้รับจดหมายและหินวิญญาณแห่งความมืดเลยสักนิดหล่ะ? นอกจากความจริงที่ว่ามันเป็นวิธีการใส่ร้ายอย่างเห็นได้ชัดแล้ว ความประพฤติตามปกติของลิงค์ก็เป็นเหตุผลที่สำคัญเช่นกัน

 

จากจุดเริ่มต้นที่เขารับมือกับการโจมตีของดาร์ริสด้วยความสุขุม จนไปถึงการเปิดโปงการทดลองเวทมนตร์แห่งความมืดของเบลและท้ายที่สุดก็ชัยชนะต่อปีศาจทราวิสอย่างสง่างามของเขา ลิงค์นั้นได้แสดงคุณสมบัติที่น่าชื่นชมออกมาจำนวนมาก

 

เขานั้นรอบคอบ ความรู้สึกไว มีเป้าหมาย และมีเหตุผล เขาไม่มีทางที่จะตัดสินหรือตัดสินใจอะไรซักอย่างโดยใช้เแค่ความรู้สึกเพียงอย่างเดียว

 

ในตอนที่อาจารย์ใหญ่แอนโทนี่ไม่เชื่อคำเตือนของลิงค์เรื่องการปรากฏตัวของทราวิส  เขาก็ไม่ได้ทำการต่อต้านเลยแม้แต่นิดเดียว เขาเพียงแค่ใช้เวลาของเขาทั้งหมดไปกับการร่ำเรียนเวทมนตร์และในที่สุดก็ช่วยทั้งสถาบันเอาไว้ได้

 

มันคงจะเป็นการผิดพลาดถ้าบอกว่าลิงค์นั้นไม่เคยวิจัยเวทมนตร์แห่งความมืด ซึ่งมันจะถูกต้องกว่าหากบอกว่าลิงค์นั้นไม่มีทางปล่อยให้เขาถูกเปิดโปงด้วยวิธีการที่ไม่ระวังเช่นนี้ สรุปแล้วก็คือ ลิงค์นั้นเป็นชายหนุ่มที่สมควรได้รับความเชื่อถือจากพวกเขา

 

 

ประมาณ 600 ฟุตไกลออกไปจากเทือกเขามอดไหม้ เงามืดทั้งสองกำลังมองดูสถานการณ์ในค่ายจากเนินเขาเล็กๆ

 

“มันจบแล้ว” หนึ่งในพวกเขาพูด

 

เสียงของเขานั้นทุ้มต่ำ, เขาสวมเกราะหนังสีดำและมีมีดผูกอยู่กับต้นขาทั้งสองข้าง มีดพวกนี้ดูพิเศษมาก มันมีสีแดงเข้มหายากและถูกปกคลุมด้วยชั้นแสงสีแดงเพลิง พวกมันดูงดงามมาก

 

ดูจากอุปกรณ์ของเขา สามารถบอกได้เลยว่าเขาเป็นนักฆ่า

 

“เขาแข็งแกร่งยิ่งกว่าเดิมมาก แผนการในครั้งนี้ของพวกเราล้มเหลวแล้วหล่ะ” อีกคนนึงพูดขึ้น คนๆนี้สวมผ้าคลุมฮู้ดและถือคทาอยู่ในมือของเขา-เขาเป็นนักเวทย์

 

แม้ว่าพวกเขาจะฆ่าคนไปมากมาย แต่พวกที่เขาฆ่าก็เป็นแค่ทหารรับจ้างตัวเล็กๆ เป้าหมายหลักของพวกเขานั้นถูกปกป้องอย่างดีและไม่ได้รับบาดเจ็บเลย การใส่ร้ายที่พวกเขาได้ทำไปตั้งแต่ตอนแรกเองก็ไม่มีความหมายเช่นกัน

 

“เขาเริ่มสร้างหอคอยเวทมนตร์ของเขาแล้ว ดูจากการดำเนินการในปัจจุบัน มันน่าจะแล้วเสร็จภายในหนึ่งเดือนนี้ และด้วยความสามารถในการตรวจจับของหอคอยเวทมนตร์ พวกเราน่าจะไม่มีโอกาสลอบโจมตีอีกแล้ว”

 

การลอบโจมตีคราวนี้ใช้ประโยชน์จากการที่เทือกเขามอดไหม้ ไม่มีหอคอยเวทมนตร์ ยังไงก็ตาม ตอนนี้ข้อเสียนี้กำลังจะได้รับการแก้ไขแล้ว  หนทางเดียวที่จะจัดการกับลิงค์ได้หลังจากที่หอคอยเวทมนตร์สร้างเสร็จแล้วก็คือการใช้กำลัง

 

และนี่ก็เป็นผลลัพธ์ที่ร้ายแรง

 

ยังไงก็ตาม อยู่ๆนักเวทย์ผ้าคลุมดำก็ส่งเสียงแปลกๆออกมาและชี้ไปทางเทือกเขามอดไหม้ที่อยู่ไกลออกไปก่อนที่จะพูด “ดูสิ มีคนสองคนออกมาจากดินแดน มันคือนักเวทย์ที่หนีไปได้กับลิงค์”

 

นักฆ่าขยี้ตามองแล้วพยักหน้า  จากนั้นเขาก็พูดขึ้น “เป็นพวกมันจริงๆด้วย จากทิศทางที่พวกมันไป…พวกมันจะต้องไปตามหาองค์หญิงไฮเอลฟ์แน่ๆ พวกเรามีโอกาสแล้ว!”

 

จากนั้นนักเวทย์ก็ส่ายหน้าและพูด “พวกเราเหลือนักฆ่าอยู่ประมาณ 13 คน ต่อให้รวมพวกเรา 2 คนเข้าไปแล้ว  มันก็ทำให้พวกเรามีแค่ 15 คนที่แข็งแกร่งเท่านั้น มันอาจจะมากเกินพอที่จะจัดการไฮเอลฟ์ได้ แต่ว่า ลิงค์ยังเป็นตัวปัญหาอยู่ มันรู้วิธีการใช้เวทย์เคลื่อนย้ายแบบเป็นกลุ่ม ”

 

เวทย์เคลื่อนที่อย่างระเบิดพลังนั้นอาจจะไม่เพิ่มความสามารถทางการต่อสู้ของนักเวทย์ ยังไงก็ตาม มันเป็นเวทย์ที่มีประโยชน์มากในการใช้หนี ไม่เพียงแค่ลิงค์จะใช้เวทย์นี้ได้เท่านั้น แต่เขายังพาคนไปกับเขาได้ด้วย ทำให้เขาเป็นคนที่จัดการได้ยาก

 

ต่อให้พวกเขาส่งคน 100 คนไปลอบโจมตีเขา เขาก็สามารถหลบหนีจากสถานการณ์เช่นนั้นได้อย่างง่ายดาย

 

นี่เป็นเหตุผลที่ชัดเจนว่าทำไมพวกเขาถึงไม่ได้พยายามจะฆ่าลิงค์ตั้งแต่แรกในตอนที่พวกเขามีนักฆ่า 60 กว่าคนอยู่ด้วย พวกเขาตัดสินใจที่จะป้ายความผิดที่พวกเขาก่อให้กับลิงค์ แต่แล้ว ดูเหมือนว่าพวกนักฆ่าที่ส่งไปยังเทือกเขามอดไหม้จะไม่สนใจคำเตือนและไปสู้กับลิงค์แบบตรงๆ ซึ่งผลลัพธ์ที่ได้ก็เพียงพอแล้ว

 

ยังไงก็ตาม นักฆ่าคิดอีกแบบนึง เขาลุกขึ้นแล้วหัวเราะ “ภารกิจใส่ร้ายลิงค์ยังไม่ล้มเหลวดีหรอก ตราบใดที่พวกเราฆ่าองค์หญิงไฮเอลฟ์ได้ ไม่เพียงแค่พื้นที่รกร้างเฟิร์ดจะเป็นปัญหาเท่านั้น แต่อาณาจักรนอร์ตันก็เช่นกัน! ความสัมพันธ์ระหว่างไฮเอลฟ์กับมนุษย์ก็จะแตกระแหง ทำให้พวกเจ้าที่อยู่ทางเหนือได้รับแรงกดดันน้อยลง”

 

นักเวทย์พยักหน้า แต่เขาก็ยังลังเล จากนั้นเขาก็พูดขึ้น “นั่นก็อาจจะจริง แต่ว่าองค์หญิงไฮเอลฟ์นั้นเก่งเรื่องการซ่อนตัวมาก แล้วพวกเราจะหาเธอได้ยังไง?”

 

“เรื่องกล้วยๆ!” นักฆ่ายิ้มและพูด จากนั้นเขาก็ชี้ไปทางโรมิลสันและพูด “ดูสิ เจ้าไฮเอลฟ์นั่นไม่ได้ใช้ถนนหลักในตอนที่มันออกมาจากค่าย กลับกัน มันกลับตรงเข้าไปในป่า เจ้าคิดว่ามันหมายความว่ายังไงหล่ะ?”

 

นักเวทย์นั้นก็ฉลาดมากเช่นกัน เขาพูดประโยคต่อไปในทันที “มันสามารถพาองค์หญิงไฮเอลฟ์มาให้พวกเราได้สินะ!”

 

“ใช่ สังเกตจากทิศทางที่มันไปแล้ว มันน่าจะเป็นเส้นตรง นั่นก็หมายความว่ามันตามหาองค์หญิงโดยมีอะไรบางอย่างนำทางอยู่ คาดว่าเส้นทางนี้น่าจะพาพวกเราไปหาองค์หญิงไฮเอลฟ์ พวกเราสามารถไปก่อนพวกมันและฆ่าองค์หญิงได้ก่อน ถ้าเกิดพวกเรามีเวลาเหลือ พวกเราก็ยังสามารถวางแผนลอบโจมตีได้อีกครั้งด้วย บางทีครั้งนี้พวกเราอาจจะฆ่าไฮเอลฟ์ได้ก็ได้นะ”

 

นักฆ่ายิ่งภูมิใจในตัวเองมากขึ้นเมื่อเขาคิดถึงแผนนี้ ด้วยการใช้ความกระตือรือร้นของไฮเอลฟ์ในการตามหาองค์หญิง พวกเขาก็จะตามเส้นทางของไฮเอลฟ์และฆ่าองค์หญิงก่อน มันเป็นแผนการที่สมบูรณ์แบบ!

 

นักเวทย์เองก็ยกย่องตัวเองจากก้นบึ้งของหัวใจ

 

“แผนการนี้ดีจริงๆ มันคุ้มค่าที่จะลองนะ ถ้างั้นข้าขอให้เจ้าทำสำเร็จก็แล้วกัน”

 

นักฆ่าตกใจและพูด “เจ้าจะไม่เข้าร่วมแผนการด้วยงั้นเหรอ?”

 

“ข้าเหรอ?” นักเวทย์ยิ้มและพูด “แน่นอนว่าไม่อยู่แล้ว เหตุผลเดียวที่ข้าลงมาทางใต้ก็คือเอาของเหลวศักดิ์สิทธิ์มาให้เจ้า ยิ่งไปกว่านั้น ข้าเพิ่งจะขึ้นเลเวล 6 และไม่ได้เชี่ยวชาญในเวทย์ต่อสู้ ข้าคงจะถ่วงเจ้าถ้าเกิดว่าข้าเข้าร่วมภารกิจด้วย”

 

จากนั้นนักฆ่าก็ยักไหล่ของเขาและพูด “โอเคถ้างั้น ดูการแสดงอันยอดเยี่ยมของข้าล่ะกันนะ!”

 

Advent of the Archmage

Advent of the Archmage

Type: Author: , ,
เรื่องย่อ ลิงค์เป็นอาร์จเมจที่เก่งที่สุดในทุกๆเซิร์ฟเวอร์ เขาเพิ่งจะโค้นล้มบอสที่แข็งแกร่งที่สุด,เจ้าแห่งความลึก โนโซม่า ด้วยปาร์ตี้ของเขา อย่างไรก็ตาม,แทนที่เขาจะกลับไปที่เมื่อง เขากลับถูกส่งตัวไปที่พื้นที่ลับด้วยพิกเซลCG มันให้ความรู้สึกเหมือนกับสูญญากาศ และภายในนั้นก็ได้มีเสียงที่ยิ่งใหญ่และมากด้วยอำนาจที่เรียกตัวเองว่าพระเจ้าแห่งแสงสว่างดังขึ้น “ลิงค์ เจ้าเต็มใจที่จะเป็นผู้ช่วยชีวิตที่จะดึงโลกแห่งฟิรูแมนออกจากความปั่นป่วนไหม?” ภารกิจที่ยิ่งใหญ่นี้มันอะไรกัน! ถ้ามันเป็นโลกจริง ลิงค์ คงจะปฏิเสธไปในทันที อย่างไรก็ตามเขาก็มีความแน่วแน่ที่จะเป็นฮีโร่ในเกมส์ “จัดไปเลย!” ลิงค์ ตอบอย่างมั่นใจ “ถ้างั้นก็ขอให้เจ้าโชคดี” และนั่นจะเป็นการเริ่มต้นการเดินทางที่เต็มไปด้วย เวทย์มนตร์,มิตรภาพ,การทรยศ,ความรัก และความสิ้นหวังของ ลิงค์ ในโลกที่เปลี่ยนแปลงไปของฟิรุแมน Link was the top Archmage in the entire server. He had just defeated the strongest boss, the Lord of The Deep, Nozama with his party. However, instead of going back to town, he was transported to a secret location with pixelated CG. It sort of felt like a vacuum, and within it came a glorious and commanding voice that calls himself the God of Light. “Link, would you be willing to be the saviour who will pull the World of Firuman out from the churning abyss?” What a huge mission! If it was in the real world, Link would have rejected it immediately. However, he was bent on being the hero in game. “Bring it on!” Link answered confidently. “Then, best of luck.” And so began Link’s journey of magic, friendship, betrayal, love and despair in the ever changing World of Firuman.

Comment

Options

not work with dark mode
Reset