ที่รกร้างเฟิร์ด
ช่วงเวลาหลายวันมานี้ ข่าวเกี่ยวกับที่รกร้างเฟิร์ดได้แพร่กระจายออกไปเหมือนกับไฟป่า แต่เรื่องที่ดังที่สุดกลับไม่ใช่เรื่องการลอบโจมตี แต่เป็นเรื่องค่าตอบแทนอันเว่อวังที่ลอร์ดแห่งที่รกร้างเฟิร์ดเป็นคนเสนอ!
หัวของนักฆ่านั้นมีค่าถึง 10,000 เหรียญทอง ในขณะที่อาวุธของเขานั้นราคาชิ้นละ 20,000 เหรียญทอง ข่าวนี้มันเหมือนกับเอาเหล็กร้อนโยนลงไปในน้ำเย็น มันระเบิดและแพร่กระจายไปทั่วอาณาจักรนอร์ตันอย่างรวดเร็ว มันไปถึงแม้กระทั่งหูของคนที่เข้าถึงยากที่สุด
ผู้คนจำนวนมากได้มารวมตัวกันหน้าป้ายประกาศที่อยู่ด้านนอกเทือกเขามอดไหม้ทุกวัน และพูดคุยเกี่ยวกับเรื่องค่าตอบแทน
“ถ้านักฆ่าคนนี้ยังเอาตัวรอดได้คงจะเรียกว่าปาฏิหารจริงๆ ข้าคงจะรู้สึกปลอดภัยมากที่ได้อาศัยอยู่ในสถานที่แห่งนี้”
“ข้าพนันเลยว่าเดี๋ยวจะต้องมีคนส่งหัวของมันมาให้ภายในเวลา 1 เดือนแน่ๆ”
“หนึ่งเดือนมันนานเกินไป ครึ่งเดือนก็เพียงพอแล้ว!”
“ถ้าข้ามีทักษะการต่อสู้หล่ะก็ ข้าคงจะไปไล่ล่าพวกมันด้วยแล้ว”
บทสนทนาเหล่านี้เกิดขึ้นตลอดเวลาในระหว่างวัน ใครก็ตามที่ย่างเท้าเข้ามาใดดินแดนนี้, พวกเขาจะถูกป้ายประกาศนี้ดึงดูดเป็นอย่างแรก ผู้อยู่อาศัยในเทือกเขามอดไหม้นั้นต่างก็ภูมิใจในด้านนี้ของดินแดนของพวกเขามาก
และสิ่งนี้ยังช่วยลดผลกระทบในแง่ลบจากการลอบโจมตีที่มีผลต่อชื่อเสียงของดินแดนได้อีกด้วย ยังไงก็ตาม มันก็ยังคงเป็นความจริงที่ดินแดนแห่งนี้ถูกศัตรูลอบโจมตี เรื่องแบบนี้จะต้องไม่มีวันเกิดขึ้นอีก
หนึ่งวันหลังจากการลอบโจมตี กิลเดิร์นได้ตามหาสปายของสมาคมจากกลุ่มทหารรับจ้างอย่างจริงจัง พวกนักเวทย์เองก็เร่งการก่อสร้างหอคอยเวทมนตร์ให้เร็วขึ้นเป็นสองเท่า ไฮเอลฟ์โรมิลสันเองก็เข้าร่วมทีมเพื่อทำให้ขั้นตอนนั้นสะดวกสบายขึ้น
เพื่อเป็นการตอบแทน ลิงค์เองก็ได้เพิ่มค่าคอมมิชชั่นให้กับพวกนักเวทย์
ภายใต้ความพยายามของเหล่านักเวทย์ หอคอยเวทมนตร์นั้นดูเปลี่ยนไปในทุกๆวัน ด้วยความเร็วขนาดนี้ หอคอยเวทมนตร์น่าจะสร้างเสร็จภายในเวลาครึ่งเดือน
สำหรับลิงค์ เขาอุทิศเวลา 2 ชั่วโมงต่อวันให้กับการจัดการงานการบริหารดินแดนของเขา จากนั้นเขาก็จะใช้เวลาที่เหลือทั้งหมดไปกับการทดลองเวทมนตร์ โดยเฉพาะทฤษฏีที่เกี่ยวกับการสร้างหุ่นเชิดเวทมนตร์
สามวันหลังจากการลอบโจมตี ลิงค์นั้นยังคงร่ำเรียนเกี่ยวกับการสร้างหุ่นเชิดเวทมนตร์อยู่ที่ชั้นบนสุดของอาคารบริหารตามปกติ
ในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมานี้ เขาได้เจาะลึกเข้าไปในทฤษฏีที่เขียนอยู่ในหัวใจแห่งหุ่นเชิดและทฤษฏีเกี่ยวกับหุ่นเชิดของแวนซ์ หลังจากที่รวมความรู้จากหนังสือ 2 เล่มนี้เข้าด้วยกัน ทฤษฏีหุ่นเชิดที่เป็นแบบเฉพาะของเขาเองก็เริ่มที่จะเป็นรูปเป็นร่างขึ้นมาในหัวของเขาอย่างช้าๆ
แต่ว่ามันก็ยังไม่พอ
“ฉันมีหนังสือเกี่ยวกับสาขาวิชานี้ไม่พอ ถ้าเกิดว่าฉันสามารถอ่านทฤษฏีที่เกี่ยวข้องกับหุ่นเชิดเวทมนตร์ได้มากกว่านี้และคัดเอาส่วนที่สำคัญของมันมาได้หล่ะก็ มันคงจะดีมากเลย”
ภูมิปัญญาของบรรพบุรุษนั้นเป็นสิ่งจำเป็นในการไต่ขึ้นไปยังจุดที่สูงขึ้น ตอนนี้ลิงค์กระตือรือร้นที่จะหาความรู้พวกนี้ แต่ก็โชคร้ายที่ พื้นฐานด้านเวทมนตร์ของเผ่าพันธุ์มนุษย์นั้นอ่อนแอมากๆ ลิงค์ได้มาถึงจุดสูงสุดของความรู้และความแข็งแกร่งของเผ่าพันธุ์มนุษย์แล้ว ตอนนี้, เขาเป็นรองแค่นักเวทย์ไบรอันเท่านั้น
จากนั้นลิงค์ก็ได้ยินเสียงใครบางคนเคาะประตู
ลิงค์ขมวดคิ้วและเช็กดูเวลา มันเพิ่งจะบ่าย 2 เอง เขาได้สั่งคนรับใช้ของเขาว่าไม่อนุญาตให้คนอื่นมารบกวนเขาในช่วงเวลานี้ เกิดอะไรขึ้นกันนะ?
“มีอะไรผิดปกติหรอ?”
“ท่านคะ องค์หญิงมิลด้าทรงฟื้นแล้วและทรงอยากจะพบท่านค่ะ” เสียงของหญิงสาวที่อยู่ด้านหลังประตูดังขึ้น ลิงค์จำเสียงนี้ได้ มันเป็นเสียงของคนรับใช้หญิงที่เขาได้มอบหมายให้ดูแลองค์หญิงมิลด้าเป็นพิเศษ
มันเป็นหน้าที่ของเขาที่ต้องไปเข้าเยี่ยมองค์หญิงมิลด้าในตอนที่องค์หญิงตื่นขึ้นมาแล้ว ดังนั้น, ลิงค์จึงเก็บตำราเวทมนตร์ของเขาและเปิดประตูออกมาก่อนที่จะพูดขึ้น “งั้นไปกันเถอะ”
องค์หญิงนั้นได้รับการปรนนิบัติเป็นพิเศษในทุกที่ที่องค์หญิงไป ซึ่งครั้งนี้องค์หญิงได้อาศัยอยู่ในบ้านเพียงหลังเดียวที่สร้างขึ้นจากหินทั่วทั้งดินแดนแห่งนี้ มันคือบ้านที่ลิงค์ได้สั่งให้พวกนักเวทย์สร้างขึ้นมาสำหรับต้อนรับการมาเยือนขององค์หญิงมิลด้า มันเป็นคฤหาสน์ 2 ชั้นที่มีระเบียงขนาดใหญ่และมีสวนเล็กๆอยู่ด้วย
ลิงค์เดินผ่านสวนเล็กๆที่สร้างขึ้นอย่างเร่งรีบและเข้าไปในคฤหาสน์ก่อนที่ในที่สุดเขาก็มาถึงห้องนอนชั้น 2 ในห้องนอน องค์หญิงมิลด้านั้นพิงหลังกับหัวเตียงในขณะที่คนรับใช้คอยป้อนซุบเนื้อให้เธออย่างระมัดระวัง
เมื่อองค์หญิงเห็นลิงค์เดินเข้ามาในห้อง องค์หญิงก็เผยรอยยิ้มออกมาและชี้ไปที่เก้าอี้ที่อยู่ไม่ไกลจากเตียงเท่าไหร่ ก่อนที่จะกระซิบเบาๆ “นั่งสิ”
ลิงค์นั่งลงและสังเกตใบหน้าขององหญิง เมื่อเทียบกันวันแรกที่เขาเห็นองค์หญิง ใบหน้าขององค์หญิงนั้นยังคงซีดอยู่ และดวงตาขององค์หญิงก็ไม่มีชีวิตชีวาและไร้ซึ่งความเปล่งประกาย องค์หญิงนั้นสวมชุดชุดนอนธรรมดาสีขาวและปล่อยผมสีบลอนด์ขององค์หญิงลง เมื่อไม่มีออร่าอันยิ่งใหญ่ขององค์หญิงไฮเอลฟ์ องค์หญิงก็ดูเหมือนกับหญิงสาวข้างบ้านธรรมดา แต่ก็แน่นอนว่า, รูปร่างของสาวข้างบ้านคนนี้ดูสละสลวยและงดงามมากจนเกินกว่าที่จะเชื่อว่าเป็นความจริง
“เรามีบางสิ่งที่อยากจะพูดกับลอร์ดลิงค์เป็นการส่วนตัว” องค์หญิงมิลด้าโบกมือให้คนรับใช้ทั้งสอง จากนั้นพวกเธอก็ก้มทำความเคารพเล็กน้อยก่อนที่จะออกไปจากห้องและปิดประตู
ความเงียบเข้าปกคลุมห้องอยู่หลายวินาทีก่อนที่ลิงค์จะพูดขึ้นมาด้วยความสุภาพ “ผมดีใจที่ได้เห็นองค์หญิงมีสุขภาพดีขึ้นนะครับ”
แต่แล้วเขาก็ต้องตกใจ ในขณะที่เขาพูดคำพวกนี้ออกมา องค์หญิงก็หัวเราะและพูดขึ้น “เจ้าดีใจจริงๆหรอลิงค์? อันที่จริง, เราเพิ่งจะตื่นขึ้นเมื่อเช้านี้เอง โรมิลสันได้เล่าเรื่องทั้งหมดให้เราฟังแล้ว เรานึกว่าในสายตาของเจ้า เราก็เป็นแค่องค์หญิงที่เจ้านึกอยากจะทิ้งตอนไหนก็ได้ซะอีก”
ลิงค์เงยหน้าขึ้นมาและมองไปที่เจ้าหญิงด้วยความตกใจ เขารู้สึกตัวว่าองค์หญิงเองก็มองมาทางเขา ดวงตาสีม่วงขององค์หญิงส่งส่องประกายด้วยความเยาะเย้ย
ลิงค์ไม่ได้ตกใจกับคำพูดพวกนี้เท่าไหร่นัก ในตอนที่เขาได้ตัดสินใจอย่างนั้น เขาเองก็ได้คาดการณ์เอาไว้แล้วว่าจะเกิดเหตุการณ์อย่างนี้ขึ้น เขาไม่ได้แก้ตัวให้ตัวเอง แต่เขาเพียงแค่เปลี่ยนหัวข้อการสนทนา “องค์หญิง เหตุผลที่ท่านเรียกผมมาที่นี่คืออะไรหรอครับ?”
องค์หญิงมิลด้าถอนหายใจอย่างช่วยไม่ได้เมื่อเห็นท่าทีของเขา
องค์หญิงมีความรู้สึกที่ซับซ้อนกับนักเวทย์คนนี้ องค์หญิงนั้นมีความเคารพในพรสวรรค์ทางด้านเวทมนตร์ของเขาเป็นอย่างมากและรู้สึกขอบคุณเขามากที่ช่วยชีวิตของเธอเอาไว้ ยังไงก็ตามองค์หญิงเองก็เสียใจกับตัวเลือกก่อนหน้านี้ของเขา แม้ว่าองค์หญิงจะเข้าใจถึงมุมมองของเขาในฐานะองค์หญิงของเผ่าไฮเอลฟ์ก็ตาม การศึกษาด้านการเมืองขององค์หญิงตั้งแต่ยังเล็กนั้นได้บอกเธอว่าการตัดสินใจของลิงค์ถูกต้องแล้ว ถ้าเกิดว่าเธออยู่ในสถานการณ์นั้น เธอก็คงจะทำแบบเดียวกัน แม้ว่า, เธออาจจะไม่สามารถทำให้มันสมบูรณ์แบบได้เท่าลิงค์ก็ตาม
“เราขออภัยให้กับการกระทำของเราในคืนนั้นด้วย เราไม่ควรสงสัยในตัวเจ้าเลย” ในท้ายที่สุด องค์หญิงมิลด้าก็พูดประโยคที่ไม่คาดคิดออกมา
จากนั้นลิงค์ก็มองไปที่องค์หญิงอย่างตกใจ จากการตอบสนองขององค์หญิงในวันนั้น เขาคิดว่าเธอจะเป็นเหมือนกับโรมิลสัน เป็นเพียงแค่นักเวทย์รุ่นใหม่ที่ไม่มีประสบการณ์ในการจัดการกับเรื่องต่างๆ การะเยาะเย้ยขององค์หญิงก่อนหน้านี้ได้ช่วยยืนยันข้อสงสัยของเขา ยังไงก็ตาม การขอโทษอย่างกะทันหันของเธอก็ได้ทำให้ทัศนคติด้านลบที่มีต่อองค์หญิงหายไป
องค์หญิงนั้นดูเป็นผู้ใหญ่มากกว่าเด็กเหลือขออย่างโรมิลสัน ตอนนี้ลิงค์มีทัศนคติที่ดีขึ้นต่อองค์หญิงแล้ว
“ท่านไม่ต้องขอโทษหรอก ถ้าเกิดว่าผมตกอยู่ในสถานการณ์แบบนั้น ผมเองก็คงไม่เชื่อใจตัวอีกฝ่ายเหมือนกัน” ลิงค์พูด
“แน่นอน แต่เจ้าคงไม่ออกไปในทันที่เหมือนอย่างที่เราทำหรอก” องค์หญิงมีสีหน้าเกลียดชังตนเอง “ถ้าเจ้าเจอสถานการณ์แบบเดียวกัน เจ้าคงไม่แสดงท่าทีไม่พอใจหรือไม่เชื่อใจ เจ้าอาจจะแสดงการสนับสนุนอีกฝ่ายด้วยซ้ำ ถ้ามันเป็นการเข้าใจผิด อีกฝ่ายก็จะรู้สึกขอบคุณที่เจ้าเชื่อใจ และต่อให้อีกฝ่ายเกี่ยวข้องกับเวทมนตร์แห่งความมืดจริง การสนับสนุนและเชื่อใจของท่านก็จะได้ชื่อเสียงในทางที่ดี และคนอื่นๆก็จะจำลักษณะนิสัยของท่านได้ เราพูดถูกใช่ไหมหล่ะ?”
ลิงค์คิดอยู่พักนึงก่อนที่จะพยักหน้า
ถ้าเกิดว่าเขาติดอยู่ในสถานการณ์แบบนั้นเข้าจริงๆ เขาก็คงจะจัดการในแบบที่องค์หญิงพูด
มันอาจจะดูโง่ที่เชื่อใจใครบางคนแบบไม่มีเงื่อนไข ยังไงก็ตาม มันก็เป็นการลงทุนที่ชาญฉลาด ตราบใดที่คนนึงลงทุนมากพอในการป้องกันตัวเองและวางแผนอย่างระมัดระวัง พวกเขาจะกลายเป็นผู้ชนะอย่างท่วมท้นในการแลกเปลี่ยนนี้
การใช้กลยุทธ์แบบนี้จะทำให้คุณได้พรรคพวกที่ซื่อสัตย์ถ้าเกิดว่าคุณเดินตามเส้นทางแห่งพลัง
ในอีกด้านหนึ่ง การกระทำขององค์หญิงมิลด้านั้นดูเฉลียวฉลาดและน่าชื่นชมในการมองครั้งแรก ยังไงก็ตาม ถ้าเกิดว่าองค์หญิงเดินตามเส้นทางนี้ต่อ พรรคพวกของขององค์หญิงก็จะทรงลดลงอย่างช้าๆ และในที่สุดองค์หญิงก็จะถูกทิ้งให้อยู่คนเดียว
ความแต่งต่างระหว่างตัวเลือกทั้งสองนี้อยู่ที่ความใจกว้างของคนๆนั้น
หลังจากถอนหายใจออกมายาวๆ องค์หญิงมิลด้าก็พูดด้วยสีหน้าเศร้าโศก “เจ้าไม่เหมือนกับเรา เราไม่เพียงแค่ทำให้เจ้าขุ่นเคืองเท่านั้น เรายังทำให้อัลลาร์ต้องเสียชีวิตอีกด้วย หนำซ้ำเรายังเกือบตายในเหตุการณ์นั้นอีก เรารู้สึกกลัวมากเมื่อย้อนกลับไปดูการกระทำของเรา”
มันเป็นไปไม่ได้เลยที่ลิงค์จะตอบกลับประโยคนี้!
หลังจากคิดอยู่ซักพัก เขาก็ทำได้แค่ปลอบ “ทุกคนก็เคยทำผิดพลาดกันทั้งนั้นแหล่ะครับ มันไม่เป็นไรหรอกถ้าเราสามารถเปลี่ยนมันให้ดีขึ้นได้”
องค์หญิงมิลด้าหัวในเราะระหว่างที่เธอพูด “ดูสิ เจ้ามักจะเลือกตัวเลือกที่ดีที่สุดตลอดเลย ในตอนที่เจ้าเข้าห้องนี้มาครั้งแรก เราโกรธที่เจ้าตัดสินใจทำแบบนั้นและอดใช้น้ำเสียงเยาะเย้ยในการคุยกับเจ้าไม่ได้ แม้ว่าความจริงเราจะรู้อยู่แล้วก็ตามว่ามันผิด แต่ว่านะ, เจ้าไม่ได้ทำแบบนั้นเลย เจ้ายังคงมาช่วยเราในตอนจบแม้ว่าเราจะสงสัยในตัวเจ้าก็ตาม เจ้าปลอบเราแม้กระทั่งในตอนที่เราหยาบคายกับเจ้าเมื่อสักครู่นี้ เราหล่ะสงสัยจริงๆ นี่เจ้าไม่มีอารมณ์อะไรเลยอย่างนั้นรึ? ”
ลิงค์ขมวดคิ้ว เขาไม่ต้องการที่จะพูดกับองค์หญิงมากเกินจำเป็น จากนั้นเขาก็พูดขึ้น “องค์หญิง นี่ท่านเรียกผมมาเพราะเรื่องแค่นี้งั้นหรอ…”
เขาเกือบที่จะพูดคำว่า “ไร้สาระ” ไปแล้วแต่เขาห้ามตัวเองทัน
องค์หญิงมิลด้ายิ้มกว้างเมื่อเห็นสีหน้าของเขา “ดูเหมือนว่าเจ้าจะยังมีอารมณ์อยู่บ้างนะ เจ้าไม่อ่อนข้อให้กับหญิงสาวไร้ประสบการณ์อย่างเราเลย โอเค ถ้างั้น เราจะหยุดพูดเรื่องไร้สาระไว้เท่านี้ นี่คือสิ่งที่เราต้องการจะพูด เรารู้สึกว่าเจ้าเป็นพรรคพวกที่คุ้มค่าต่อการเชื่อถือสำหรับการช่วยเหลืออันแข็งแกร่งของไฮเอลฟ์”
ลิงค์ยักคิ้วขึ้น นี่เป็นผลลัพธ์ที่เขาไม่ได้คาดเอาไว้
“เจ้าประหลาดใจสินะ?”
“มันเป็นสิ่งที่ผมคิดไม่ถึงจริงๆ” ลิงค์ได้ตกใจกับหญิงสาวคนนี้ที่อยู่ๆก็มีวุฒิภาวะขึ้นมา
จากนั้นองค์หญิงมิลด้าก็พูดอย่างอ่อนโยน “แม่ของเราเคยพูดเอาไว้ว่าถ้าไฮเอลฟ์ต้องการที่จะอยู่อย่างแข็งแกร่งตลอดไปหล่ะก็ พวกเราต้องมีพรรคพวกที่ไว้ใจได้ พรรคพวกที่ไว้ใจได้ไม่ใช่คนที่จะจงรักภักดีกับเราตลอดไป เพราะว่าคนแบบนั้นไม่มีอยู่จริง พรรคพวกที่ไว้ใจได้ก็คือ คนที่ได้ประโยชน์จากการร่วมมือกันและมีความสนใจร่วมกัน นี่เป็นหนทางเดียวที่จะทำให้การร่วมมือกันเป็นไปได้นาน และเจ้าก็เป็นบุคคลที่เราตามหาอยู่”
การร่วมมือกันระหว่าง 2 เผ่าพันธุ์นั้นไม่เคยมีการติดต่อทางเดียวหรือการแลกเปลี่ยนที่ไม่เท่าเทียม และต่อให้มันมี, มันก็จะทำให้เกิดความสงสัยและความโกรธในเวลาต่อมา
จากนั้นลิงค์ก็พยักหน้าพร้อมออกความเห็น “องค์ราชินีทรงมีสติปัญญาล้ำเลิศจริงๆ”
ในตอนที่ลิงค์พูดถึง แม่ขององค์หญิง ใบหน้าขององค์หญิงก็เต็มไปด้วยความภูมิใจ องค์หญิงพูดต่อ “เจ้าเป็นนักเวทย์ที่สมบูรณ์แบบจริงๆ เราได้ยินมาว่าเจ้าร่ำเรียนเวทมนตร์แทบจะตลอดทั้งวันเลยรึ?”
“แน่นอนครับ”
จากนั้นองค์หญิงก็หัวเราะและพูดขึ้น “เราจะพูดตรงๆนะ แม้ว่า,เผ่าพันธุ์มนุษย์จะวิจัยเวทมนตร์ไปได้บางส่วนแล้ว แต่เวทมนตร์โดยทั่วไปที่พวกเจ้ามีนั้นยังหยาบและเปราะบางมาก พวกเจ้ายังไม่สามารถสร้างตำราเวทมนตร์เลเวล 8 ได้ด้วยซ้ำ ต่อให้พวกเจ้ามีทักษะทางเวทมนตร์ที่แข็งแกร่ง พวกเจ้าส่วนมากก็ไปได้ถึงแค่เลเวล 7 เท่านั้น”
ลิงค์รู้สึกว่าบางอย่างที่ยิ่งใหญ่กำลังเกิดขึ้นและเขาก็นั่งตัวตรงมองไปที่องค์หญิง
องค์หญิงมองไปที่เขาในขณะที่ยืดตัวตรงและเม้มริมฝีปากเล็กน้อยก่อนที่จะพูดขึ้น “ด้วยเหตุนี้ เราจึงอยากจะขอเชิญเจ้าไปเที่ยวที่เกาะแห่งรุ่งอรุณ พวกเรามีห้องสมุดเวทมนตร์อยู่บนเกาะซึ่งประกอบไปด้วยความรู้ทางเวทมนตร์ของชนเผ่าที่ได้สะสมมาตลอดหลายปี หากเจ้ามีเวลา เจ้าสามารถพักอยู่ที่นั่นได้ประมาณ…3 เดือน”
ลิงค์นั้นถูกใจกับข้อเสนอนี้จริงๆ ดวงตาของเขาเลิกขึ้นในขณะที่โค้งคำนับให้กับองค์หยิงด้วยความเคารพก่อนที่จะพูด “นับว่าเป็นเกียรติอย่างสูงครับ”
จากนั้นองค์หญิงก็หยิบหนังสือเวทมนตร์เล่มใหม่ที่ชื่อว่าอิสระและหุ่นเชิดออกมา “นี่เป็นหนังสือที่เขียนขึ้นโดยนักเวทย์ระดับตำนานของเผ่าพันธุ์ของเรา ราฟาเอล หนังสือเล่มนี้มีเนื้อหาเกี่ยวกับหุ่นเชิดเวทมนตร์ เจ้าน่าจะต้องการมันนะ”
ลิงค์นั้นตื่นเต้นและเปิดหนังสือดูในทันทีที่เขาได้รับมันมา หลังจากที่อ่านไปหลายหน้า เขาก็รู้สึกว่าหนังสือเล่มนี้เต็มไปด้วยความรู้ที่ยังไม่ถูกค้นพบ ที่เขาไม่เคยคิดว่ามันจะเป็นไปได้เลย ยังไงก็ตาม เขาเองก็มีคำถาม
“องค์หญิง ทำไมพระองค์ถึงทรงมีหนังสือเวทมนตร์อยู่กับตัวมากมายขนาดนี้หล่ะ?”
องค์หญิงมิลด้ายิ้มและพูด “จริงๆแล้วเราเอาห้องสมุดเล็กๆมากับเราด้วย เรามีแบบคัดลอกของหนังสือเวทมนตร์ชื่อดังมากมายที่มีอยู่ในเกาะรุ่งอรุณ”
ลิงค์นั้นอิจฉาความสามารถในการเข้าถึงความรู้ขององค์หญิงมากๆ ไฮเอลฟ์นั้นเป็นเผ่าพันธุ์ที่สร้างขึ้นมาจากพื้นฐานของเวทมนตร์จริงๆ และพวกเขาก็มีหนังสือเวทมนตร์มากกว่าเผ่าพันธุ์มนุษย์อีกด้วย
องค์หญิงมิลด้าได้แต่ทรงหัวเราะให้กับสีหน้าของลิงค์ และเธอก็พูดต่อ “ลิงค์ มันช่างน่าเสียดายจริงๆที่เจ้าไม่ใช่ไฮเอลฟ์ ถ้าไม่เช่นนั้น เจ้าคงจะกลายเป็นหนึ่งในผู้ที่ได้กลายเป็นนักเวทย์ที่แข็งแกร่งที่สุดของเผ่าพันธุ์เราไปแล้ว”
ลิงค์ทำได้แค่ไม่สนใจกับประโยคสุดท้ายขององค์หญิงเพราะว่ามันเป็นไปไม่ได้ที่เขาจะกลายเป็นไฮเอลฟ์ เขานั้นกระตือรือร้นพร้อมที่จะดำลึกเข้าไปในปริศนาของหนังสือเวทมนตร์ที่เขาเพิ่งได้มา หลังจากที่บอกให้องค์หญิงดูแลร่างกายของตัวเองให้ดี เขาก็เตรียมตัวที่จะออกไปและกลับไปที่ห้องค้นขว้าของเขา
จากนั้นองค์หญิงก็พูดเสริม “เรามีหนังสือเกี่ยวกับหุ่นเชิดเวทมนตร์ที่พกมาด้วย 10 เล่ม เจ้าสามารถนำมันมาแลกได้เมื่อเจ้าอ่านเล่มเก่าเสร็จแล้ว ข้อมูลเกี่ยวกับอุปกรณ์ระดับเทพเจ้านั้นได้ถูกส่งผ่านไปให้เกาะรุ่งอรุณโดยผู้ส่งสารเรียบร้อยแล้ว เราจะอาศัยอยู่ที่นี่ต่ออีกซักพักเพื่อพักฟื้นร่างกายให้ดีขึ้น”
ลิงค์ขอบคุณองค์หญิงอีกครั้งสำหรับความใจกว้างขององค์หญิงก่อนที่จะรีบออกไป
จากนั้นองค์หญิงมิลด้าก็ลุกขึ้นจากเตียงและเดินไปที่หน้าต่างที่อยู่ใกล้ๆกับเตียงขององค์หญิง แล้วมองไปที่ลิงค์จนลับสายตาไป
องค์หญิงถอนหายใจอีกครั้ง “น่าเสียดายจริงๆที่เจ้าไม่ใช่ไฮเอลฟ์”