จดหมายฉุกเฉินจาก MI3 นั้นได้มีผนึกเวทมนตร์พิเศษที่มีเป้าหมายเป็นมานาของลิงค์เอาไว้ มีเพียงแค่ลิงค์เท่านั้นที่เปิดมันได้; ถ้าเกิดว่ามีคนอื่นพยายามจะทำให้มันเสียหายหล่ะก็ จดหมายนี้จะทำลายตัวเอง
จดหมายจากสนามรบนี้ ลิงค์จะต้องอ่านมันและรู้เรื่องแค่คนเดียว เขานำมันกลับไปที่ห้องของเขาและร่ายเวทย์กำแพงเสียง จากนั้นเขาก็กดนิ้วโป้งของเขาลงไปบนจดหมาย ส่งมานาของเขาไปอย่างต่อเนื่อง
หลังจากผ่านไปประมาณ 3 วินาที ตัวอักษรเรืองแสงบนจดหมายก็จางลงราวกับสายน้ำไหล เปลือกด้านนอกของมันก็จางลงเช่นกัน และในที่สุด จดหมายทั้งแผ่นก็ได้กลายเป็นบอลแสงสีฟ้าอ่อน มันกลายเป็นใบหน้าลอยอยู่บนอากาศ
และใบหน้านั้นก็เริ่มทำการรายงานอย่างเป็นระบบ
“เมื่อเร็วๆนี้ มีปีศาจแห่งความกลัวได้ปรากฏตัวขึ้นที่ทางเหนือของแบล็คฟอเรส ปีศาจพวกนี้กับพวกกูลได้ปรากฏตัวขึ้นมาเป็นกลุ่มและทำงานด้วยกันได้เป็นอย่างดี พลังการต่อสู้ของพวกมันนั้นมากกว่าตอนที่เป็นกลุ่มกูลก่อนหน้านี้เสียอีก กลุ่มMI3ได้รับความเสียหายอย่างหนัก และแบล็คฟอเรสก็ถูกพวกดาร์คเอลฟ์ปิดตายไปแล้ว พวกเรารู้ว่าเกิดอะไรขึ้นในนั้นแค่ 10% เท่านั้น มันมีหมอกหนาไปทั่วทั้งป่า เพื่อที่จะตอบโต้การโจมตีที่อาจจะเกิดขึ้นจากอุปกรณ์ระดับพระเจ้า พระสันตะปาปาและ12 หัวหน้าบาทหลวงของเมืองศักดืสิทธิ์ได้นำเอาจอกศักสิทธิ์มาที่ป้อมโอริด้าแล้ว”
รายงานนี้ไม่ได้มีอะไรมาก หลังจากนั้น มันก็บอกวันเวลาที่แน่นอน ซึ่งบ่งบอกว่าการรายงานนั้นมาจากเมื่อ 2 วันก่อน หลังจากนั้น แสงที่ก่อร่างขึ้นมาเป็นหน้าคนก็กระจายออกเป็นจุดแสงอ่อนๆและหายไปในอากาศ
มันผ่านไปแค่ไม่กี่นาที แต่มันดูเหมือนกับว่ามีเมฆดำลอยมาหาลิงค์ นี่พวกดาร์กเอลฟ์ได้เริ่มอัญเชิญปีศาจแห่งความกลัวมาแล้วหรอเนี่ย?
ปีศาจแห่งความกลัว
ปีศาจระดับสูง
รายละเอียด: มีพลังต่อสู้อยู่อันดับที่ 28 ในบรรดาปีศาจระดับสูง พวกมันแข็งแกร่งมากๆ ในการต่อสู้ พวกมันสามารถหาช่องว่างในจิตใจของศัตรูและใช้การโจมตีทางจิตอันรุนแรงเพื่อทำลายศัตรูได้
ภายในเกม พวกดาร์กเอลฟ์ได้ทำลายแกลดสโตนและจากนั้นก็ใช้การบูชายัญเพื่ออัญเชิญอุปกรณ์ระดับเทพเจ้า อสรพิษทมิฬออกมา จากนั้นพวกมันก็มุ่งหน้าลงใต้ ต่อสู้อย่างราบลื่น และนั่นก็เป็นเหตุผลที่ทำไม 5 ปีต่อมา สมาพันธ์แห่งแสงถึงถูกก่อตั้งขึ้นและพวกมันก็อัญเชิญปีศาจออกมาเป็นจำนวนมากเพื่อใช้ในการโจมตี ปีศาจชนิดแรกที่พวกมันได้อัญเชิญออกมาก็คือปีศาจแห่งความกลัว
แต่ว่าในตอนนี้ มันยังเร็วเกินไปถึง 3 ปี!
ถ้าเกิดว่าพวกกูลที่ถูกพิษของอสรพิษทมิฬดัดแปลงนั้นเหมือนกับแมลงสาปที่ฆ่าไม่ตายหล่ะก็ ปีศาจแห่งความกลัวก็คือปรมจารย์นักสู้ที่มีนิสัยเหมือนกับแมลงสาป!
ปีศาจระดับสูงทั้งหมดที่มาจากห้วงแห่งความมืดนั้นมีพลังชีวิตอันไร้ขีดจำกัดที่สูงกว่าพวกกูล เพราะว่าสภาพแวดล้อมอันยากลำบากของห้วงแห่งความมืด ปีศาจทุกตัวที่รอดชีวิตมาได้จึงมีประสบการณ์การต่อสู้ที่มากมาย
ปีศาจพวกนี้แข็งแกร่งมากๆ โดยเฉพาะพวกระดับสูงอย่างปีศาจแห่งความกลัว เมื่อเทียบกับพวกกูลที่มีพลังสูงแต่ไร้ประสบการณ์ พวกมันสามารถสู้ 1 ต่อ 10 ได้สบายๆเลย
และที่น่ากลัวยิ่งกว่านั้นก็คือ พวกกูลจะแต่งตั้งให้ปีศาจแห่งความกลัวเป็นผู้บัญชาการของพวกมัน ซึ่งนี่จะช่วยแก้ปัญหาเรื่องความไร้ประสบการณ์ของพวกกูล
เรื่องนี้เองก็กำลังจะเกิดขึ้นจริงๆ ในรายงานได้ระบุว่าความสามารถในการต่อสู้ของพวกกูลที่สู้กันเป็นกลุ่มนั้นเพิ่มขึ้นอย่างมาก ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมกลุ่มMI3ถึงถูกบังคับให้ออกจากแบล็คฟอเรส
ในสงคราม สิ่งที่สำคัญมากที่สุดก็คือข้อมูล ตอนนี้กลุ่ม MI3 ไม่สามารถเห็นอะไรในแบล็คฟอเรสได้แล้ว พวกเขาไม่รู้เลยว่าพวกดาร์กเอลฟ์กำลังทำอะไรอยู่ และที่แย่ไปกว่านั้นก็คือ ไม่มีข่าวเกี่ยวกับอสรพิษทมิฬเลย ถ้าเกิดว่าพวกดาร์กเอลฟ์ต้องการโจมตีแบบไม่ทันตั้งตัวหล่ะก็…ผลลัพธ์คงออกมาเลวร้ายเกินกว่าที่จะจินตนาการได้!
“ยังไงก็ตาม โบสถ์แห่งแสงก็ได้นำจอกศักดิ์สิทธิ์ออกมาใช้งานแล้ว พวกเขาน่าจะยังพอมีโอกาสที่จะสู้หรือทำให้ศัตรูช้าลงได้”
ลิงค์จำลักษณะเฉพาะของจอกศักดิ์สิทธิ์ได้อย่างชัดเจน
จอกศักดิ์สิทธิ์
อุปกรณ์ศักดิ์สิทธิ์
ระดับ:5
ผลที่ 1: เปิดใช้พื้นที่แห่งแสงที่มีขนาดเส้นผ่าศูนย์กลาง 6 ไมล์ ภายในพื้นที่นี้ สิ่งมีชีวิตทุกประเภทของอาณาจักรแห่งแสงจะได้รับพรแห่งแสง พละกำลังของสิ่งมีชีวิตแห่งความมืดจะลดลง 80%
ผลที่ 2: ทำการอัญเชิญศักดิ์สิทธิ์เรียกทูตสวรรค์ลงมายังโลกมนุษย์!
พื้นที่แห่งแสงนั้นเด็ดขาดมากๆ ทูตสวรรค์ที่ถูกอัญเชิญออกมานั้นมีพลังระดับตำนาน ซึ่งมันก็มากเพียงพอที่จะทำให้พวกดาร์กเอลฟ์กลัวตายและเปลี่ยนกลยุทธ์การต่อสู้ของพวกเขา
ยังไงก็ตาม นี่เป็นแค่การแก้ปัญหาเฉพาะหน้า อุปกรณ์ศักดิ์สิทธิ์นั้นระดับไม่ได้เท่าเทียมกับอุปกรณ์ระดับเทพเจ้าเลย มันสามารถหยุดอสรพิษทมิฬได้ซักพักนึง แต่ว่าเมื่อเวลาผ่านไป ศัตรูก็จะหาทางออกได้อย่างแน่นอน
เมื่อมาลองคิดดูแล้ว ลิงค์ก็รู้สึกตัวได้ว่าเขานั้นไม่สามารถไปช่วยสงครามทางตอนเหนือได้อีกแล้ว เขาทำได้แค่ช่วยเหลือพวกเขาอยู่เบื้องหลังเท่านั้น…ไม่สิ เขายังมีนานะอยู่
“ฉันจะมามัวผัดวันประกันพรุ่งอยู่ไม่ได้แล้ว ฉันจะต้องซ่อมนานะให้เสร็จ!”
พอคิดได้อย่างนั้น ลิงค์ก็อยากจะออกไปที่ชายหาดในทันทีเพื่อช่วยกันซ่อมนานะกับแวนซ์ให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้ ยังไงก็ตาม เขารู้ว่าในฐานะลอร์ด มันคงจะเป็นปัญหาถ้าเกิดว่ามีใครบางคนพบว่าเขานั้นไปอยู่กับลิซในเวลาอย่างนี้
“ฉันจะทำยังไงดี? ฉันจะทำยังไงดี?” ลิงค์พึมพำกับตัวเอง เขาเดินวนรอบห้อง พยายามที่จะหาข้อแก้ตัวดีๆที่จะทำให้ตัวเขาไม่ถูกสงสัย
หลังจากที่คิดอยู่ซักพัก เขาก็มีความคิดอย่างหนึ่งผุดขึ้นมา “ถ้าฉันแกล้งป่วยหล่ะ? มันน่าจะได้ผลนะ!”
เขานั้นจะแกล้งทำเป็นป่วยอยู่ในห้องแล้วหลังจากนั้นก็จะแอบออกไปที่ชายหาดทางตะวันออก ถ้าเกิดว่าเขามีเซลีนเป็นพรรคพวกหล่ะก็ มันน่าจะไม่มีปัญหาอะไร อาการป่วยนั้นจะต้องไม่ใช่แบบธรรมดาเพราะว่ามีนักบวชอยู่ที่เทือกเขามอดไหม้นี้ เขานั้นสามารถรักษาลิงค์ได้อย่างง่ายดาย สำหรับนักเวทย์ ปัญหาที่ยิ่งใหญ่ที่สุดก็คือ… ใช่แล้ว การดีดตัวกลับของเวทมนตร์!
นักบวชไม่สามารถรักษาอาการป่วยนี้ได้ นักเวทย์จะต้องฟื้นฟูด้วยตัวเอง
พอคิดได้อย่างนั้น ลิงค์ก็ออกไปหาเซลีน หลังจากที่บอกทุกอย่างกับเธอ ดวงตาของเซลีนก็เบิกกว้าง เธอมองไปที่เขาด้วยความตกใจ
“เป็นอะไร? มันไม่ดีหรอ?” ลิงค์รู้สึกผิดที่ถูกจ้องอย่างนั้น
“เปล่าหรอก ฉันแค่คิดว่ามันแปลกๆหน่ะที่นายคิดอะไรที่น่าสนใจแบบนี้ได้ 555” เซลีนไม่เพียงแค่เห็นด้วยเท่านั้น แต่เธอยังคิดว่ามันน่าสนใจด้วยซ้ำ
“งั้น ถือว่าเป็นอันตกลงนะ?”
“แน่นอน”
“มาคิดเรื่องรายละเอียดกันเถอะ ฉันห้ามถูกจับได้เด็ดขาด”
ทั้งสองคนช่วยกันคิดและปรึกษากันอยู่หลายชั่วโมงก่อนที่พวกเขาจะได้แผนการอันไร้ที่ติมา
…
ตอนกลางดึก
มีเสียงระเบิดใหญ่ดังก้องไปทั่วเทือกเขามอดไหม้ แสงไฟพุ่งไปทั่วอากาศ ทำให้ท้องฟ้าตอนกลางคืนสว่างขึ้น
ทุกคนต่างก็ตกใจและสะดุ้งตื่นขึ้นมา ไม่นานนัก ก็มีคนรู้สึกตัวว่ามีอะไรผิดปกติ
“โอ้ ไม่ นั่นบ้านของท่านลอร์ด! มันกำลังไหม้!”
“รออะไรอยู่หล่ะ? ดับไฟเร็ว! ดับมันเดี๋ยวนี้!”
ลอร์ดอยู่ที่ไหน? เขาปลอดภัยหรือเปล่า? นี่คือสิ่งที่ทหารและประชาชนธรรมดาคิด
นักเวทย์ของเทือกเขามอดไหม้รีบมายังเกิดเหตุให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้ สองคนที่อยู่ด้านหน้านั้นคือมาสเตอร์จากสถาบันเวทมนตร์อีสโควฟ-เกรนซี่กับเฟอร์ดินันด์
พวกเขากังวลมากเพราะพวกเขาสัมผัสคลื่นมานาอันมหาศาลได้ก่อนที่ไฟจะปรากฎขึ้น และแทนที่มันจะเป็นคลื่นแบบทั่วๆไป, พวกมันกลับควบคุมไม่ได้และกระจัดกระจาย ซึ่งคลื่นแบบนี้หมายความว่าการทดลองของนักเวทย์ล้มเหลว, และมีโอกาสสูงมากที่จะเกิดการดีดตัวกลับของเวทมนตร์
สำหรับนักเวทย์, ไม่มีอะไรอันตรายไปกว่าเรื่องนี้ ในตอนที่ทั้งสองวิ่งมาถึงที่เกิดเหตุ, ก็มีแค่ไฟที่กำลังไหม้เท่านั้น ไม่มีร่องรอยของลิงค์เลย
“ไม่มีทางหน่า” เกรนซี่คร่ำครวญ นักเวทย์อัจฉริยะอย่างเขาจะมาตายเพราะการดีดตัวกลับของเวทมนตร์ได้ยังไง? นี่มันเหลือเชื่อเกินไป
เขาจะเชื่อถ้าเป็นคนอื่น, แต่มันเป็นไปไม่ได้สำหรับลิงค์ เขาเป็นคนที่มีการตอบสนองที่รวดเร็วมากจนเขาจะต้องตระหนักได้อย่างแน่นอนว่ามานาของเขากำลังสูญเสียการควบคุมและช่วยเหลือตัวเองได้
“เจ้าคิดว่าเขาจะใช้ระเบิดหนีออกมาไหม?” เฟอดินันด์เดา
“ไม่, ข้าไม่รู้สึกถึงมานาสำหรับการระเบิดเลย” มีเสียงนึงดังขึ้น มันคือเสียงอันอ่อนโยนและน่ารักที่แฝงไปด้วยความเป็นห่วง เสียงนั้นมาจากองค์หญิงมิลด้า
“ข้าก็สัมผัสถึงมันไม่ได้เหมือนกัน มีเรื่องบางอย่างเกิดขึ้นจริงๆหรอ?” โรมิลสันก็มาที่นี่เหมือนกัน
มีคนมาเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ พวกเขาล้อมรอบกระท่อมที่ถูกเผา, แต่ลิงค์ก็ยังไม่ปรากฎตัวออกมา
“ไม่นะ, พวกเราต้องเข้าไปช่วยเขา!” แจ็คเกอร์มาถึง เขาเป็นคนตรงๆและมีผ้าห่มชุ่มน้ำอยู่ข้างหลังเขา ออร่าต่อสู้รอบตัวเขาระเบิดออก; เขาเตรียมพร้อมที่จะฝ่ากองเพลิงเข้าไปตามหาลิงค์
แต่ว่าก่อนหน้านั้น, ก็มีบางสิ่งเคลื่อนไหวในกองเพลิง
“แจ็คเกอร์, เดี๋ยวก่อน ดูนั่นสิ, มีคนกำลังออกมา” เอเลียร์ดพูด
สถานการณ์ข้างในกองเพลิงนั้นชัดเจนมากในตอนนี้ ทุกคนมองเห็นเงาลางๆจากกองเพลิง ในตอนที่เขาออกมา, ไฟยังปกคลุมร่างของเขาอยู่ และห้าวินาทีต่อมา, ไฟก็ดับไปในที่สุด, เผยให้เห็นตัวลิงค์
ใบหน้าของเขาขาวซีดเหมือนกับกระดาษ, และผมของเขาก็ถูกไฟเผาไปหย่อมนึง เขาโดนไฟไหม้ด้วยเช่นกัน ในพื้นที่โล่งแจ้ง, เข้าไม่สามารถทนได้อีก เขาเดินโซเซ, และเกือบจะล้มลง
ผู้คนนับไม่ถ้วนรีบวิ่งมาจะพยุงเขา ซึ่งคนที่เร็วที่สุด, ลังเลน้อยที่สุด, และอยู่ใกล้ลิงค์ที่สุดก็คือเซลีน เธอจับเขาไว้แล้วถามอย่างกังวล “ลอร์ด, เป็นยังไงบ้าง?”
“ร่างกายของฉันไม่เป็นอะไรหรอก, แต่มานาของฉันสูญเสียการควบคุมเล็กน้อย” ลิงค์ยิ้มอย่างฝืนๆ
พอเห็นว่าลิงค์ไม่เป็นอะไร, เกรนซี่ก็รู้สึกสบายใจ เขามองสภาพน่าสมเพชของลิงค์แล้วเดินมาตำหนิเขา “อีกสองวัน, หอคอยเวทมนตร์ก็จะเสร็จแล้ว ถ้าเจ้าอยากจะทดลองเวทย์ใหม่, เจ้าน่าจะรอบ่อธาตุของหอคอยเวทมนตร์นะ เจ้าจะรีบไปเพื่ออะไรกัน?”
“หยุดเถอะ” เฟอร์ดินันด์แนะนำจากข้างๆ “ขอแค่ทุกอย่างผ่านไปได้ด้วยดีก็พอแล้ว” จากนั้นเขาก็หันไปหาลิงค์แล้วถาม “ตอนนี้เจ้าเป็นยังไงบ้าง?”
“มานาของผมปั่นป่วนมากๆ ผมคิดว่าผมคงต้องพักฟื้นเงียบๆและจัดระเบียบมานาของผมใหม่” พอพูดจบ, ลิงค์ก็ไอออกมาเล็กน้อย มีเลือดอยู่ที่มุมปากของเขา มันเห็นได้ชัดว่าเขาได้รับบาดเจ็บหนัก
มิลด้าเดินมาข้างๆ “บาดแผลดูท่าจะร้ายแรงนะ” เธอพูดอย่างห่วงใย “ข้ามีน้ำทิพย์เอลฟ์อยู่ ดื่มมันซะสิ”
ลิงค์ไม่ได้ปฏิเสธเธอ เขารับขวดคริสตัลมาและดื่มยาศักดิ์สิทธ์เข้าไปจนหมด
ที่ด้านข้าง, แจ็คเกอร์กับคนอื่นๆเห็นว่าลิงค์ไม่เป็นอะไรและไฟก็เผาแค่บ้านของลิงค์ มันไม่ได้ลามไปที่อื่นอีก แจ็คเกอร์สบัดมือของเขาแล้วพูด “ตอนนี้แยกย้ายกันได้แล้ว ไม่มีอะไรผิดปกติ ลอร์ดแค่กำลังทดลองเวทมนตร์ใหม่, มันเป็นความผิดพลาดเล็กน้อย เรื่องนี้จะไม่เกิดขึ้นอีกหลังจากที่หอคอยเวทมนตร์สร้างเสร็จ ตอนนี้ไปได้แล้ว”
มันทำให้ดูเหมือนเป็นเรื่องใหญ่, แต่จริงๆแล้วมันไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไรเลย ภายใต้การกระตุ้นของทหาร, ผู้พักอาศัยของเทือกเขามอดไหม้ก็พากันกลับไปที่บ้านของพวกเขาเพื่อพักผ่อน
ในอีกด้านนึง, ลิงค์ยิ้มเจื่อนๆให้กับพวกนักเวทย์ “มันค่อนข้างอันตรายหน่ะ” เขาอธิบาย “ตอนนี้ความคิดของผมค่อนข้างยุ่งเหยิง, และผมก็ต้องรีบไปพักผ่อนซักพักนึง ผมไม่มั่นใจว่าจะดีขึ้นในครึ่งเดือนรึเปล่า มาสเตอร์ทั้งสองท่าน, และผู้ที่เกี่ยวข้องกับเวทมนตร์ของเทือกเขามอดไหม้ทุกคนคงจะต้องช่วยผมในขณะที่ผมพักผ่อนแล้วหล่ะ”
“ไม่มีปัญหา, มันก็แค่เรื่องเล็กๆ สุขภาพของเจ้าสำคัญที่สุดนะ” เกรนซี่พูด เฟอร์ดินันด์พยักหน้า
จากนั้นลิงค์ก็พูดกับลูซี่ “ช่วงนี้ที่ดินแดนไม่มีเรื่องใหญ่อะไร เธอช่วยตัดสินใจงานประจำวันแทนฉันทีนะ แจ็คเกอร์, กิลเดิร์น, พวกนายเองก็เหมือนกัน และถ้ามีเรื่องสำคัญ, ให้ไปบอกเซลีน, แล้วเธอจะมาแจ้งฉันเอง”
“ครับ/ค่ะนายท่าน” ทั่งสามคนไม่ค่อยจะคุ้นเคยกับการดีดตัวกลับของเวทมนตร์, ดังนั้นพวกเขาจึงตอบตกลงโดยไม่สงสัยอะไร
แล้วลิงค์ก็ยิ้มให้องค์หญิงมิลด้าเชิงขอโทษ “ผมขอโทษด้วยนะที่รบกวนการพักผ่อนขององค์หญิง”
“ไม่เป็นไรหรอก, แต่นี่เจ้ากำลังทดลองเวทย์เลเวล 7 อยู่หรอ?”
“ใช่, แต่ผมก็ทำล้มเหลวหน่ะ” ใบหน้าของลิงค์เต็มไปด้วยความเสียใจ
โรมิลสันเข้ามาปลอบเขา “การล้มเหลวเป็นเรื่องธรรมดา ข้าเองก็เคยล้มเหลวมาอย่างน้อยเจ็ดครั้งได้และเคยถูกเวทย์มนตร์ดีดกลับตั้งสี่ครั้งแหน่ะ ครั้งนึง, ข้าเคยได้รับบาดเจ็บหนัก, และต้องพักผ่อนถึงครึ่งปีด้วยซ้ำ แต่ข้าก็ประทับใจเจ้าจริงๆนะที่เจ้ากล้าทดลองเวทมนตร์โดยไม่มีหอคอยเวทมนตร์เนี่ย!”
ลิงค์หัวเราะเบาๆ เขาไม่กล้าหรอก; ทั้งหมดนี้เป็นแค่การแสดง
“ถ้างั้นทุกคน, ผมขอตัวไปพักผ่อนก่อนนะ”
“ไปเถอะ พักผ่อนดีๆแล้วอย่าทำอะไรเสี่ยงๆอีกหละ!” เกรนซี่ตำหนิ
ลิงค์พยักหน้า เซลีนช่วยพยุงเขาไปที่กระท่อมของเธอ ผู้คนในดินแดนไม่เห็นว่านี่เป็นเรื่องแปลกอีกแล้ว ความสัมพันธ์อันใกล้ชิดของลิงค์กับเซลีนนั้นเป็นข่าวเก่า
พอเห็นลิงค์เข้าไปในกระท่อมของเซลีน, มิลด้าก็กลับไปพักผ่อนเช่นกัน หลังจากเดินไปได้ไม่กี่ก้าว, โรมิลสันก็รู้สึกผิดสังเกตุ เขาถามเบาๆ “องค์หญิง, นี่มันแปลกนะ การดีดตัวกลับของเวทมนตร์เกิดขึ้นกับลิงค์ได้ยังไงกัน? มันแปลกมากเลย!”
มิลด้ายิ้ม “การดีดตัวของเวทมนตร์ไม่ใช่เรื่องปกติหรอ?”
“ไม่ครับ, มันไม่เหมือนกัน สำหรับคนอื่น, มันเป็นเรื่องปกติ, แต่เขาแตกต่างนะครับ ตอนนั้น, เขาช่วยฟอกเลือดขององค์หญิงในขณะที่ควบคุมเฟนเรียสายลมให้วิ่งอย่างราบรื่นและคุยกับผมในเวลาเดียวกันด้วย เขาทำสามสิ่งในครั้งเดียวเลยนะครับ ถ้าการดีดตัวกลับของมานานี้ไม่ได้เกิดขึ้นกับตา, ผมก็คงไม่เชื่อหรอก”
มิลด้ายังไม่รู้สึกสงสัยอะไร เธอยิ้มแล้วพูดขึ้น “โอเค, หยุดรู้สึกแปลกๆเถอะ ลิงค์เป็นมนุษย์และมนุษย์ก็สามารถทำผิดพลาดได้ ไม่เห็นมีอะไรแปลกเลย ไปพักเถอะ”
พอเห็นว่าองค์หญิงไม่สนับสนุนความคิดของเขา, โรมิลสันก็ทำอะไรไม่ได้ แม้ว่าเขาจะรู้สึกสงสัย, แต่เขาก็ไม่ได้ถลำลึกกับมัน เขาเองก็กลับไปที่กระท่อมของเขาเพื่อพักผ่อน
ในอีกด้านนึง, ลิงค์รออย่างอดทนเป็นเวลาสองชั่วโมงแล้ว พอดินแดนกลับมาเงียบสงบอีกครั้ง, เขาก็กระซิบกับเซลีน “ฉันคงต้องพึ่งเธออีกสักสองสามวันนะ”
“ไม่ต้องห่วง ไว้ใจฉันได้เลย” เซลีนสัญญาอย่างจริงจัง
ลิงค์ทิ้งเสื้อคลุมผู้ควบคุมเพลิงเอาไว้ในห้องของเซลีน, แล้วใช้ออร่าจากเสื้อคลุมเป็นตัวปลอมของเขา จากนั้นเขาก็ร่ายเวทย์ไร้ร่องรอยและแอบออกไปจากเทือกเขามอดไหม้