ป่าเกอเวนท์
หลังจากมองดอเรียสวิ่งออกไปพร้อมกับเจ้าชายดาร์กเอลฟ์, วอลเตอร์ที่ห้อยอยู่ตรงปากของเขา ลิงค์ก็ร่ายเวทย์ไร้ร่องรอยและย่องไปข้างหน้า
บางทีอาจเป็นเพราะความวุ่นวายของการต่อสู้ระหว่างเขากับวอลเตอร์เมื่อก่อนหน้านี้ เสียงการต่อสู้จึงค่อยๆไกลออกไปและหายไปแล้ว ป่ากลับมาเงียบสงบอีกครั้ง
ลิงค์ตามทิศทางของเสียงและมุ่งหน้าไปอย่างต่อเนื่อง หลังจากเดินไปได้ประมาณ 300 ฟุต ลิงค์ก็เห็นศพแรก-มันคืออัศวินอันเดธ
อ้างอิงจากที่กิลเดิร์นบอก อัศวินพวกนี้ฆ่าไม่ตาย ยังไงก็ตาม ในการต่อสู้ ดูเหมือนว่าอีกฝ่ายจะมีวิธีจัดการกับอัศวินอันเดธ ศพที่อยู่ด้านหน้าลิงค์นั้นดูเหมือนกับว่าโดนพลังบางอย่างที่น่ากลัว ผิวหนังสีขาว-เทาเต็มไปด้วยรูเหมือนกับตะแกรง เลือดสีดำไหลออกมาจากรูนั่นและทำให้หญ้ารอบๆตาย
เลือดพวกนี้เป็นพิษ ดังนั้นลิงค์จึงไม่กล้าที่จะจับมัน เขาค่อยๆเดินผ่านศพนี้ไปอย่างระมัดระวัง เขาพยายามจะจัดระเบียบความคิดของเขาเกี่ยวกับความสัมพันธ์ของทุกคน
“อัลโลวาทรยศดาร์กเอลฟ์ ดังนั้นพวกมันจึงต้องการที่จะจับเธอ นั่นก็มีเหตุผลอยู่ แต่ว่าอัศวินอันเดธพวกนี้หล่ะ?”
เกราะของพวกมันมีสัญลักษณ์ของราชวงค์เดลอนก้า ดังนั้นพวกมันต้องมาจากทางใต้แน่ๆ พวกสมาคมงั้นเหรอ? แต่ไม่ใช่ว่ามอร์เฟียสทำงานร่วมกับเทพแห่งความมืดหรอกหรอ? ทำไมเรื่องผิดพลาดแบบนี้ถึงเกิดขึ้นได้หล่ะ?
ถ้ามันเป็นพวกสมาคม มันก็ไม่มีเหตุผลเลยนะ ระหว่างที่คิด อยู่ๆลิงค์ก็นึกถึงสิ่งที่สคินอร์สบอกกับเขาได้ เขาบอกว่าเวเวอร์นั้นได้กลายเป็นทาสของเทพปีศาจทาบินอสและได้สร้างอัศวินอันเดธพวกนี้ขึ้นมา
นี่แสดงว่า, อัศวินอันเดธพวกนี้ไม่ได้มีอะไรเกี่ยวข้องกับสมาคมแต่เป็นของเวเวอร์เองงั้นหรอ? ลิงค์สงสัย หรือถ้าให้เจาะจงกว่านั้น พวกมันเป็นของทาบินอสงั้นเหรอ?
เทพปีศาจทาบินอสนั้นไม่ถูกกับราชินีแมงมุมลอร์ธที่พวกดาร์กเอลฟ์บูชา นี่จึงเป็นเหตุผลที่เข้าใจได้ถึงการกระทำที่ทั้งสองฝ่ายต่างก็แย่งกันชิงตัวสตรีแห่งความจริง
อย่างไรก็ตามคำอธิบายนี้ยังมีความคลุมเครืออยู่ เวเวอร์ไปได้ข้อมูลว่าอัลโลวาหนีมาจากทางเหนือได้ยังไง? เขาคิดอย่างหนัก ลิงค์ตั้งสมมุติฐานได้แค่ว่าเวเวอร์นั้นอาจจะมีอะไรเกี่ยวข้องกับสมาคม แต่ว่านั่นก็แค่ผิวเผินเท่านั้นและมีความขัดแย้งภายในเกิดขึ้นมากมาย
ด้วยคำสั่งให้จับตัวสตรีแห่งความจริง ดาร์กเอลฟ์จึงขอความช่วยเหลือจากสมาคม ซึ่งในระหว่างการดำเนินการ พวกเขาก็เจอกับเวเวอร์ แต่พวกดาร์กเอลฟ์นั้นก็คิดไม่ถึงว่าเวเวอร์จะทรยศระหว่างทาง
นี่เป็นคำอธิบายเดียวที่ดูมีเหตุผลที่ลิงค์สามารถคิดได้ แน่นอนว่า มันเป็นเพียงแค่ความคิดของลิงค์ ส่วนความจริงนั้น เขาจะต้องไปดูด้วยตาตัวเอง เขาตามร่องรอยการต่อสู้และเดินหน้าต่อ
หลังจากผ่านไปประมาณ 650 ฟุต ก็มีพื้นที่โล่งในป่า แต่ว่ามันกลับเต็มไปด้วยศพ! นี่น่าจะเป็นร่องรอยการต่อสู้เมื่อไม่นานมานี้
ลิงค์วนไปรอบๆ ศึกษาร่องรอยในพื้นที่อย่างระวัง
“อัศวินอันเดธ 8 คน ดาร์กเอลฟ์ 2 คน…” เขาพูดกับตัวเอง “หืม นี่มันกูลนิ มีรอยเท้าเพียบเลย-อัศวินอันเดธ กูล รอยกีบนี่…มันคือปีศาจงั้นหรอ?”
หลังจากตรวจสอบไปอีก 5 นาที ลิงค์ก็พบว่ามีบุคคลใหม่ 3 คนได้มาเข้าร่วมในการต่อสู้ นั่นก็คือปีศาจ 1 ตัวและอีกคนก็คือนักเวทย์ดาร์กเอลฟ์
คนสุดท้ายนั้นเป็นปริศนามากที่สุด รอยเท้าบางๆบ่งบอกว่าเขามีตัวตนอยู่ แต่ว่าเขาเอาแต่ยืนดูอยู่ข้าง คอยเฝ้ามองโดยที่ไม่ได้เข้าไปร่วมด้วย ลิงค์ไม่รู้ว่าเขามีพลังแบบไหนกันแน่
“คนๆนี้ยืนอยู่ข้างต้นไม้โดยที่ไม่ปล่อยออร่าออกมาเลย เขาดูเหมือนกับคนธรรมดามากแต่ว่าเขาเป็นใครกันแน่นะ? นี่เขาเป็นฝั่งดาร์กเอลฟ์หรือเดลอนก้ากัน?”
ยิ่งเรื่องซับซ้อนขึ้นเท่าไหร่ ลิงค์ยิ่งสงสัยขึ้นเท่านั้น
เมื่อสืบสวนได้มากขึ้น ลิงค์ก็มั่นใจว่าศัตรูนั้นยังอยู่ข้างหน้าและเขาก็เริ่มไล่ตามต่อ
ข้างหน้านั้นเป็นป่าอีกครั้ง ต้นไม้สูงได้บดบังแสงอาทิตย์ และพุ่มไม้ก็ปิดกั้นทุกเส้นทาง มีเพียงเส้นทางเดียวที่สามารถไปได้ซึ่งมันถูกสร้างขึ้นอย่างบังคับโดยใครบางคน ที่นี่ พวกอัศวินอันเดธได้ทิ้งม้าของพวกเขาและเดินทางต่อด้วยเท้า
เมื่อดูจากร่องรอยแล้ว พวกเขาเพิ่งมาถึงที่นี่เมื่อไม่ถึง 10 นาทีที่แล้ว
ลิงค์สังเกตอย่างระมัดระวังตลอดทาง เป้าหมายของเขาไม่ใช่อัศวินอันเดธ กูล หรือว่าดาร์กเอลฟ์นักเวทย์ แต่ว่าเป็นบุคคลปริศนาที่ไม่ได้ต่อสู้ คนนั้นๆดูเป็นภัยคุกคามมากที่สุดแล้ว และลิงค์ก็ต้องระวังเขาด้วย
บุคคลปริศนาคนนั้นรอบคอบมาก เขาไม่ได้ทิ้งร่องรอยเอาไว้เลย แต่เขาก็ยังมีตัวตนอยู่ ลิงค์เองก็ละเอียดมากเช่นกัน เขาไม่เคยคลาดจากเป้าหมายของเขาเลยตลอดเวลาที่ผ่านมานี้
หลังจากไปได้ประมาณ 2 ไมล์ เขาก็เจอกับศพอีกครั้ง ครั้งนี้มีกูล 2 คนและอัศวินอันเดธหนึ่งคน ลิงค์มองไปรอบๆและรู้สึกได้ถึงอะไรบางอย่างแปลกๆ
ก่อนหน้านี้ อัศวินอันเดธทุกคนได้ถูกแยกส่วน แต่ศพนี้แตกต่างออกไป มันล้มลงเพราะว่าหัวของมันถูกตัดขาด ลิงค์รู้สึกได้ว่าร่างกายของมันยังคงเต็มไปด้วยพลังชีวิต ถ้ามีใครบางคนเจอหัวของมันและใส่มันกลับเข้าที่เดิมหล่ะก็ มันก็จะสามารถลุกขึ้นมาได้อีกครั้งในเวลาไม่นาน
ศพของพวกกูลนั้นเละกว่ามาก พวกมัน 2 คนเหมือนกับถูกระเบิด อวัยวะภายใน เลือด และกล้ามเนื้อของพวกมันกระจัดกระจายอยู่เต็มพื้น ทำให้สถานที่นี้กลายเป็นนรกบนดิน
หลังจากตรวจสอบไป 10 วินาที ลิงค์ก็ได้ข้อสรุป “ในที่สุดบุคคลปริศนาก็ลงมือแล้ว เวทมนตร์ของเขาคือ…หือ นี่มัน ด้วงเพลิงทมิฬนี่!”
ด้วงเพลิงทมิฬ
เวทย์แห่งความมืดเลเวล 4
ผล: สร้างด้วงที่มีอำนาจทะลุทะลวงมหาศาล ด้วงนั้นเต็มไปด้วยเพลิงทมิฬอันหนาแน่น เมื่อมันเข้าไปในร่างกายของเป้าหมาย มันอาจจะกลายเป็นกาฝากหรือว่าระเบิดก็ได้ขึ้นอยู่กับสถานการณ์
(หมายเหตุ: ตู้ม!แตงโมงระเบิด!)
ปัญหาก็คือ เวทย์แห่งความมืดนี้ทรงพลังมากเมื่อใช้ลอบโจมตี แต่โครงสร้างของเวทย์เองก็ซับซ้อนเช่นกัน มันใช้ยากมากกว่าเวทย์เลเวล 4 ทั่วๆไป ความยากและผลของมันนั้นไม่เท่ากัน ดังนั้นจึงมีแค่ไม่กี่คนเท่านั้นที่เลือกที่จะเรียนรู้มัน ภายในเกม นักเวทย์แห่งความมืดที่ลิงค์เจอแล้วใช้เวทมนตร์นี้ส่วนมากจะเป็นผู้ที่เชื่อในเทพปีศาจทั้งนั้น
ซึ่งนี่เป็นเพราะว่าพลังของเทพปีศาจนั้นทำให้ความยากในการใช้เวทย์นี้ลดลง
ลิงค์ฉุกคิดขึ้นมา “ผู้ที่เชื่อในเทพปีศาจ เวเวอร์ นายเองก็มาด้วยสินะ?” เขาถามออกเสียง
นี่เป็นความคิดของเขา ด้วยความคิดนี้ ลิงค์ก็เริ่มสำรวจสถานการณ์ของสนามรบเล็กๆนี้อย่างละเอียด ภายในเวลา 2 นาที เขาได้พบเบาะแสมากมาย เขานั้นเกือบจะสร้างการต่อสู้ขึ้นมาได้อีกครั้งในหัวของเขา
ดาร์กเอลฟ์จับอัลโลวาได้และไปทางตะวันตกเฉียงเหนือต่อ พวกมันเตรียมพร้อมที่จะถอย…ดูจากร่องรอย พวกอัศวินอันเดธเหลือไม่มากแล้วน่าจะเหลือแค่..13 ตัว แล้วก็มีกูล 2 ตัวถูกทิ้งไว้เพื่อหยุดศัตรูที่ตามมา 2 ต่อ 1 หรอ-พวกมันน่าจะฆ่าอัศวินอันเดธได้อย่างง่ายดายนะ แต่ว่าจู่ๆเวเวอร์ก็โผล่ออกมา…ตอนนี้ พวกดาร์กเอลฟ์เสียเปรียบแล้ว นักเวทย์แห่งความมืดได้ใช้เวทย์เลเวล 6 ไป 3 บทและเลเวล 4 ไป 10 บทตลอดทั้งวันนี้ ที่นี่ เขาใช้แค่เวทย์เลเวล 3 เพื่อปิดทางเท่านั้น มานาของเขาคงจะใกล้หมดแล้ว
ลิงค์ได้ข้อมูลจำนวนมากจากเบาะแสเล็กๆอันนับไม่ถ้วน เขานั้นประเมินพลังต่อสู้คร่าวๆของศัตรูได้แล้ว
เขาไล่ตามต่อไปอีก 1 ไมล์ ระหว่างทาง มีอัศวินอันเดธ 3 คนล้มตายในขณะที่พวกกูลนั้นมีมากกว่า พวกมันมี 9 คน ซึ่งทุกคนถูกฆ่าด้วยระเบิดหมดเลย
ลิงค์สังเกตุเห็นรอยเท้าของพวกดาร์กเอลฟ์ที่ไม่เป็นระเบียบ รอยเท้านั้นมีความลึกที่แตกต่างกันซึ่งแสดงถึงความกังวลของพวกเขา ในอีกด้านหนึ่ง รอยเท้าของเวเวอร์นั้นเท่ากันตลอด เขานั้นเหมือนกับจ้าวป่า ค่อยๆรุกเข้าไปและจำกัดพื้นที่ในการหนีของเหยื่อ
“เวเวอร์เก่งขึ้นกว่าเมื่อก่อน ดูเหมือนว่าเทพปีศาจจะให้พลังกับเขามาเยอะเลยนะ”
หลังจากผ่านไปประมาณ 300 ฟุต ลิงค์ก็รู้สึกถึงบางอย่างที่ผิดปกติ จากนั้นเงาดำก็กระโดดออกมาจากป่าข้างๆ โดยไม่มีความลังเล มันได้ฟาดดาบลงมาที่เขา
ฟรึ่บ! ออร่าต่อสู้ได้สร้างคลื่นยาว 7 ฟุตขึ้นมาในอากาศ และมันก็พุ่งลงมาตรงที่ลิงค์อยู่
ศัตรูสัมผัสได้ถึงการมีอยู่ของฉันแต่ว่าไม่สามารถระบุตำแหน่งที่แน่นอนได้สินะ ลิงค์คิด การโจมตีนี้บังคับให้ฉันเปิดเผยตัวออกมา! ถ้าอัศวินอันเดธสามารถสร้างคลื่นออร่าต่อสู้ได้หล่ะก็ มันจะต้องมีเลเวลอย่างน้อย 6 ช่างแข็งแกร่งจริงๆ!
การต่อสู้ระหว่างเขากับเจ้าชายทมิฬวอลเตอร์นั้นได้ทำให้เกิดความปั่นป่วนครั้งใหญ่ ถ้าเวเวอร์อยู่ที่นี่ เขาจะต้องรู้อย่างแน่นอนว่ามีใครบางคนกำลังไล่ตามเขาอยู่ ถ้าเขาเหลืออัศวินอันเดธไว้ข้างหลังแบบนี้ มันก็เพื่อทำให้ลิงค์ช้าลง
ความคิดนี้แวบขึ้นมาในหัวของลิงค์อย่างรวดเร็ว เขาตอบสนองในทันที ด้วยการร่ายเวทย์รวดเร็วดั่งชีต้าห์ใส่ตัวเอง จากนั้นก็ก้มลงหลบอย่างรวดเร็ว มีเสียงพรึ่บดังขึ้น คลื่นออร่าต่อสู้ลอยผ่านไป มันสูงกว่าหัวของลิงค์เพียงแค่เส้นผมเท่านั้น
เขาได้หลบการโจมตีและเปิดเผยที่อยู่ของเขา จากนั้นอัศวินอันเดธก็เห็นร่างของเขาและพุ่งเข้าใส่ลิงค์โดยไม่ลังเล
ลิงค์ตั้งสมาธิ การเคลื่อนไหวของคู่ต่อสู้ช้าลงในทันที เขาเล็งอย่างระมัดระวังและใช้สนามพลังเวกเตอร์
สนามพลังเวกเตอร์นั้นอาจจะเป็นแค่เวทย์เลเวล1 แต่ลิงค์ได้ปรับปรุงโครงสร้างเวทมนตร์ของมันให้ดีขึ้นมาก ตอนนี้มันมีพลังเทียบเท่ากับเวทย์เลเวล 3
แน่นอน มันทำอะไรได้ไม่มากนักกับนักรบเลเวล 6 ยังไงก็ตาม หลังจากผ่านการต่อสู้มามากมาย ลิงค์เองก็ได้เพิ่มความเข้าใจในการตอบสนองที่แตกต่างกันของนักรบ การใช้สนามพลังกับพวกเขานั้นง่ายดายและเป็นเรื่องที่เคยชินสำหรับเขา
อย่างที่คาดเอาไว้ มีเสียงกระแทกดังขึ้นเบาๆ อัศวินอันเดธถูกโจมตีด้ยสนามพลังระหว่างที่พุ่งมา การกระแทกนั้นทำให้เขากระเด็นถอยหลังไป เขาสูญเสียสมดุลและไม่สามารถฟื้นฟูมันได้
ภูมิประเทศของป่านั้นสลับซับซ้อน ขาซ้ายของอัศวินอันเดธได้ก้าวพลาดและบิด ด้วยเสียงดังแกร๊บ กระดูกได้แตกออก และเขาก็กระเด็นออกไป การลอบโจมตีสำเร็จ; อัศวินอันเดธไม่ใช่ภัยคุกคามอีกต่อไปแล้ว
ลิงค์ได้ก้มเอาไว้ก่อนและหลบร่างที่ลอยมาของอัศวินอันเดธได้ ยังไงก็ตาม เขาก็ยังอยู่ในอันตรายอยู่ดี; มีอัศวินถูกทิ้งเอาไว้สองคน
ในขณะที่คนนึงพุ่งเข้ามา อีกคนนึงก็พุ่งเข้ามาจากอีกด้านนึงของลิงค์เช่นกัน
การจัดการกับอัศวินนั้นง่ายมากๆ ลิงค์หลบข้างหลังต้นไม้หนา 2 ฟุตที่อยู่ข้างๆเขา ศัตรูนั้นคลาดสายตาจากเขา ด้วยความที่ตอนวิ่งอยู่นั้นมันหันได้ยาก อัศวินอันเดธจึงไม่สามารถหยุดได้ แต่การตอบสนองของเขาก็เร็วเช่นกัน เขาเปิดใช้คลื่นออร่าต่อสู้และตัดต้นไม้ลงในทันที
ลิงค์ไม่ได้ให้โอกาสกับเขา เขาจับจังหวะของอันเดธได้อย่างสมบูรณ์
หลังจากหลบหลังต้นไม้ ลิงค์ไม่ได้ปล่อยให้เสียเวลา เขากระโจนออกด้านข้าง แต่ระหว่างทางเขาได้ร่ายแฟลชและเวทย์ไร้ร่องรอยด้วย เขาหายไปในอากาศและออร่าก็หายไปด้วย
ในตอนที่อัศวินอันเดธรีบไปที่ต้นไม้ ลิงค์ก็หายไปแล้ว อัศวินมองซ้ายมองขวา เขาสะบัดดาบไปทั่วในที่ๆคิดว่าลิงค์น่าจะแอบอยู่ แต่ว่าเขาจะไปอยู่ในที่แบบนั้นได้ยังไงกันหล่ะ?
ด้วยความที่หมดหนทาง เขาจึงหันกลับไปหาพวกของเขา “ฟอร์ด เป็นยังไงบ้าง?”
“กระดูกสะบ้าหัวเข่าของข้าหัก ข้าต้องใช้เวลาครึ่งวันในการรักษามัน” เสียงของอัศวินอันเดธฟอร์ดนั้นดูมืดมน
กระดูกสะบ้าหัวเข่าของเขานั้นบิดงออย่างรุนแรง แต่เพราะว่าเขาไม่สามารถรู้สึกเจ็บได้ เขาจึงเปิดมันออกด้วยดาบของเขาและเริ่มที่จะซ่อมกระดูก
ในขณะที่เขารักษาตัวเอง เขาก็ถาม “มันไปไหนแล้ว?”
“มันหนีรอดไปได้เหมือนหนูเลย ข้าไม่รู้ว่ามันหายไปไหน!”
“มันจะต้องตามเจ้านายไปแน่ๆ ทิ้งข้าไว้แล้วไปช่วยเหลือท่านซะ!” ฟอร์ดพูดอย่างกังวล
“โอเค!”
อัศวินอันเดธพุ่งเข้าไปในป่าลึก ยังไงก็ตามเขาไม่ได้สังเกตเลยว่าในตอนที่เขาวิ่ง ก็มีคนที่วิ่งตามหลังเขามาด้วย
ซึ่งนั่นก็คือลิงค์
ถ้าเขาไปคนเดียว เขาก็จะไม่รู้ที่อยู่ที่แน่นอนของศัตรู เขาจะต้องใช้เวลาในการตามหาเบาะแสและต้องคอยระวังการโจมตี แต่ตอนนี้เขามีคนนำทางแล้ว ซึ่งวิธีนี้มันปลอดภัยกว่ามาก