ที่รกร้างเฟิร์ด
ดอเรียสพุ่งผ่านป่าเกอแวนท์มาพร้อมกับเจ้าชายทมิฬวอลเตอร์ด้วยความเร็วสูงสุด เขานั้นเร็วมากๆและเดินทางไปได้ไกลกว่า 30 ไมล์ภายในเวลา 20 นาที เขากำลังจะมุ่งหน้าไปที่เทือกเขามอดไหม้ในตอนที่เขาได้ยินเสียงฝีเท้าที่เบื้องหน้าของเขา
ดอเรียสสงสัยและเร่งความเร็วไปที่ยอดเนิน จากนั้นเขาก็เห็นผู้หญิง 2 คนกำลังขี่ม้ามาด้วยความเร็วสูงสุดตรงมาทางเขา
เขากวาดสายตามองและจำได้ในทันทีว่าพวกเขาเป็นใคร คนแรกมีผมสีม่วงและใส่เกราะเบาสีน้ำตาล เธอมีปืนเวทมนตร์ห้อยอยู่ตรงข้างเอวของเธอด้วย-เธอคือเซลีน
และข้างๆเธอยังมีหญิงสาวอีกคนที่ไว้ผมทรงหางม้าด้วย เธอดูไร้เดียงสาและสวมชุดเกราะอันประณีต เธอคือหุ่นเชิดเวทมนตร์ของลิงค์นานะ
ในตอนที่เขาเห็นใบหน้าอันคุ้นเคย ดอเรียสก็รู้สึกดีใจ เขากระโดดไปข้างหน้าแล้วทิ้งเจ้าชายทมิฬลงเบื้องหน้าพวกเธอ จากนั้นเจ้าชายทมิฬก็ทำหน้าบูดเบี้ยวเล็กน้อย และมีเลือดออกมาจากปากของเขา ดูเหมือนว่าดอเรียสจะไม่ได้ปล่อยเขาลงมาเบาๆ
ยังไงก็ตาม ดอเรียสก็ไม่ได้สนใจและถามด้วยความสงสัย “เซลีน ทำไมเจ้าถึงมาอยู่ที่นี่?”
สถานที่แห่งนี้อยู่ห่างจากเทือกเขามอดไหม้อย่างน้อย 30 ไมล์ ต่อให้ถ้าเซลีนต้องการมาฝึกทักษะการยิงปืนของเธอ แต่เธอก็ไม่ควรมาไกลขนาดนี้
จากนั้นเซลีนก็มองดาร์กเอลฟ์ที่อยู่บนพื้นก่อนที่จะแสดงความกังวลออกมาในดวงตาของเธอ จากนั้นเธอก็พูด “ถ้านายกลับมากับตัวประกัน ฉันคงบอกได้ว่าตอนนี้ลิงค์อยู่ตัวคนเดียวสินะ?”
ดูเหมือนว่าดอเรียสจะมีความกังวลในตอนที่เขาพูด “ใช่ แต่ว่าไม่เป็นไรหรอกหน่า ลิงค์สู้กับพวกมันได้; พวกมันไม่มีทางเอาชนะเขาได้หรอก”
ดูเหมือนว่าเซลีนจะคิดถึงเรื่องอื่นและถามอย่างเร่งรีบ “นายรู้รึเปล่าว่าเขาไปทางไหน?”
“เรื่องนี้…ข้าไม่ค่อยมั่นใจเท่าไหร่ มันผ่านมา 20 นาทีแล้วตั้งแต่ที่ข้าแยกจากเขา”
เซลีนกังวลยิ่งกว่าเดิม ในตอนนี้ นานะได้พูดขึ้นและชี้ไปทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือ “มาสเตอร์อยู่ทางทิศนั้น เขากำลังเดินทางด้วยความเร็วสูง”
“เธอมั่นใจเหรอ?” เซลีนสงสัย ยังไงซะ นานะก็เป็นแค่หุ่นเชิดเวทมนตร์ เธอจะสามารถระบุตำแหน่งที่แน่นอนของลิงค์แบบนี้ได้ยังไง?
“เลือดของมาสเตอร์มีสัมผัสอันคุ้นเคย นานะรู้สึกได้”
ในตอนที่นานะพูดออกมาแบบนี้ เซลีนก็นึกถึงตอนที่พวกเขาเจอนานะเป็นครั้งแรก ลิงค์ได้รับบาดเจ็บจากการโจมตีของนานะในตอนนั้น และโลหะไมโครในดาบของเธอก็ได้รวมเข้ากับเลือดของเขา ทำให้นานะสามารถไล่ตามเขาได้ เธอนั้นทำได้แม้กระทั่งวิ่งอยู่ใต้น้ำในขณะที่พยายามจะกำจัดลิงค์
ดูเหมือนว่าเธอจะยังคงมีความสามารถนั้นอยู่
“มันจะต้องมีใครบางคนไล่ตามเขาอยู่แน่ๆ ถ้าเขาวิ่งด้วยความเร็วสูงแบบนี้ ไปกันเถอะ! พวกเราจะไล่ตามเขา!” เซลีนโบกมือของเธอและพุ่งไปข้างหน้า แล้วนานะก็ตามหลังเธอไปติดๆ
“แล้วข้าล่ะ?” ดอเรียสถูกทิ้งไว้คนเดียวอีกครั้ง
“พาตัวประกันคนนั้นกลับไปที่เทือกเขามอดไหม้” เซลีนพูด
“โอเคได้เลย” ดอเรียสใช้ปากคาบวอลเตอร์ขึ้นมาอีกครั้งและพุ่งไปทางเทือกเขามอดไหม้
…
ภพวิญญาณ
ลิงค์กำลังวิ่งหนีเอาชีวิตรอดในขณะที่แบกอัลโลวาไว้ที่หลัง
ในมิตินี้ พลังของเวทมนตร์ทั่วๆไปจะถูกทำให้ลดลงในขณะที่พลังของวิญญาณจะเพิ่มขึ้น ลิงค์นั้นคุ้นเคยกับมิตินี้อย่างประหลาด เขาสามารถวิ่งได้อย่างรวดเร็วแม้ว่าเขาจะแบกของที่หนักมากอยู่ก็ตาม
ยังไงก็ตาม, กลุ่มคนที่ตามเขานั้นก็รวดเร็วเช่นกัน ในกลุ่มนั้น คนที่น่ากลัวที่สุดก็คือเวเวอร์
วิญญาณของเขาแข็งแกร่งผิดปกติ ลิงค์มองไปที่ด้านหลังของเขาและเห็นเงาขนาดมหึมากำลังบดบังทัศนวิสัยของเขา แม้กระทั่งท้องฟ้าที่เป็นสีเทาดำก็ยังถูกออร่าแห่งความมืดจากวิญญาณของเขาปกคลุม
จากนั้นลิงค์ก็พูดด้วยความหวาดกลัว “ทาบินอสนี่ใจกว้างจริงๆ พอมาคิดว่าเขาเพิ่มพลังให้กับวิญญาณของเวเวอร์มากมายขนาดนี้”
มีอยู่ทั้งหมด 2 วิธีในการเพิ่มพลังวิญญาณของตัวเองในโลกแห่งฟิรุแมน วิธีที่หนึ่งคือการฝึกฝน ซึ่งนักเวทย์จะใช้การทำสมาธิเพื่อทำให้วิญญาณแข็งแกร่งขึ้นในขณะที่นักรบจะใช้หยาดเหงื่อและน้ำตาของพวกเขาในการพัฒนาความเข้มแข็ง พลังของวิญญาณของพวกเขาก็จะเพิ่มขึ้นพร้อมกับพลังของพวกเขาในภพกายภาพ โดยที่พลังวิญญาณของนักเวทย์เลเวล 9 จะแข็งแกร่งกว่าคนทั่วไปประมาณ 1,000 เท่า พวกเขาสามารถทำให้คนธรรมดาขวัญกระเจิงได้ตลอดเวลาถ้าพวกเขาต้องการ
ส่วนวิธีที่ 2 ก็คือผ่านการรับพรศักดิ์สิทธ์ ลิงค์นั้นได้รับพรจากเทพเจ้าแห่งแสง เมื่อพรนี้มาผนวกกับการฝึกฝนของเขาจึงทำให้เขามีวิญญาณที่แข็งแกร่งมากๆ
ยังไงก็ตาม วิญญาณของเวเวอร์นั้นน่ากลัวกว่าของลิงค์ถึง 10 เท่า!
มันน่าหงุดหงิดจริงๆ
แต่ก็โชคดีที่ ถึงแม้วิญญาณของเวเวอร์จะแข็งแกร่ง แต่ดูเหมือนว่าเขาจะยังไม่คุ้นเคยกับการใช้พลังนี้ และเขาก็ยังไม่คุ้นเคยกับกฏของภพวิญญาณด้วย ซึ่งนั่นทำให้ความเร็วในการเคลื่อนไหวของเขาช้าลงมาก ที่เขาเร็วกว่าลิงค์นั้นเพียงเพราะว่าเขามีวิญญาณที่แข็งแกร่งกว่าเท่านั้น และยิ่งไปกว่านั้น ลิงค์กำลังแบกน้ำหนักเพิ่มอยู่ด้วยจึงทำให้ความเร็วของเขาลดลง
หลังจากที่อัลโลวาได้ยินคำพูดของลิงค์ เธอก็พูดด้วยสีหน้าเฉยเมย “แน่นอนอยู่แล้วว่าทาบินอสต้องใจดี เจ้าไม่รู้หรอกว่าเวเวอร์ทำอะไรลงไปบ้าง”
ลิงค์นั้นตกตะลึงไปพักนึงก่อนที่เขาจะถามขึ้น “เขาบูชายัญผู้คนไปมากขนาดไหน?”
เพื่อที่จะทำให้เทพปีศาจพึงพอใจ เขาจะต้องทำพิธีบูชายัญ ยิ่งไปกว่านั้น มันจะต้องเป็นการบูชายัญวิญญาณด้วย
“อย่างน้อยก็ 50,000 ดวง!” อัลโลวาพูดตัวเลขที่น่ากลัวออกมา
วิญญาณ 50,000 ดวงเลยหรอ? ลิงค์หวาดกลัว
ดาร์กเอลฟ์บูชายัญวิญญาณไป 15,000 ดวงเพื่อให้ได้อุปกรณ์ระดับพระเจ้าของพวกเขามา แต่นี่เวเวอร์ไปหาดวงวิญญาณจำนวนมากขนาดนี้ภายในเวลาอันสั้นแบบนี้มาบูชายัญได้ยังไง?
อัลโลวานั้นช่างสังเกตและสามารถเดาได้ว่าลิงค์กำลังคิดอะไรอยู่จากการกระทำของเขา จากนั้นเธอก็หัวเราะในใจและพูด “เจ้าคิดว่าทำไมอาณาจักรเดลอนก้ากับอาณาจักรเซาท์มูนถึงเกิดสงครามที่รุนแรงขึ้นหล่ะ? นักรบและประชาชนที่ตายไปนั้นต่างถูกนับรวมเข้ากับตัวเลข 50,000 นั้นด้วย นี่เป็นการประมาณที่น้อยที่สุดแล้ว”
ชีวิตนั้นเป็นสิ่งไร้ค่าในตอนที่เกิดความวุ่นวาย ผู้คนนั้นทำได้แค่ประมาณจำนวนผู้เสียชีวิตในการต่อสู้เมื่อเกิดสงครามอันโหดร้ายขึ้น ยังไงก็ตาม ลิงค์นั้นคิดไม่ถึงเลยว่าจะมีเป้าหมายที่ยิ่งใหญ่ขนาดนี้แอบแฝงอยู่ภายในเงาเบื้องหลังสงคราม
ในตอนนี้ เขาได้เข้าใจอย่างลึกซึ้งแล้วถึงความมืดมิดในโลกแห่งฟิรุแมน ในโลกนี้ พลังจะเป็นสิ่งที่บ่งบอกทุกอย่าง นั่นจึงเป็นเหตุผลที่ชัดเจนว่าทำไมพลังแห่งความมืดถึงหลุดการควบคุมได้อย่างง่ายดาย และเป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดเหตุการณ์อันน่ากลัว
“นี่มันบ้าไปแล้ว! ฉันคิดไม่ถึงเลยว่าเรื่องแบบนี้จะเกิดขึ้น ยิ่งไปกว่านั้น มันเกิดขึ้นที่ทางใต้ ตรงฝั่งล่างของดินแดนของฉันเลย!”
ไม่น่าแปลกใจเลยที่ทำไมประชาชนจากอาณาจักรเดลอนก้าถึงได้มาขอลี้ภัยในดินแดนของเขา ผู้คนธรรมดาพวกนี้ไม่รู้ว่าอะไรเกิดขึ้นภายในอาณาจักรของพวกเขา ยังไงก็ตามนี่ก็ไม่ได้ป้องกันพวกเขาจากความอันตราย
จากนั้นอัลโลวาก็ถอนหายใจแล้วพูด “นี่เป็นเหตุผลที่ทำไมข้าถึงได้หนีมาจากพวกดาร์กเอลฟ์ พวกนั้นน่ากลัวและบ้าเกินไป การกระทำของพวกเขาไม่เพียงแค่จะทำลายเผ่าพันธุ์ทั้งหมดเท่านั้น แต่มันยังรวมถึงทั่วทั้งฟิรุแมนด้วย!”
จากนั้นเธอก็จ้องมาที่เขาแล้วพูด “ข้าตั้งใจที่จะมาหาเจ้าในตอนที่ข้าหนีออกมาจากแบล็คฟอเรส ข้าพบเจอกับอุบัติเหตุนิดหน่อยระหว่างทางและถูกคนที่ไล่ตามข้ามาขัดขวางในตอนที่มาถึงป่าเกอแวนท์ แต่ว่า ผลลัพธ์ก็ยังคงเป็นที่น่าพอใจ เพราะเจ้ายังคงมาตามหาข้า”
“ทำไมถึงเป็นฉันล่ะ?” ลิงค์สับสน ในขณะที่เขาพูด เขาก็หันไปดูข้างหลังอีกครั้งนึง
ในตอนนั้นเอง เขาก็ได้วิ่งผ่านป่าเกอแวนท์มาถึงที่รกร้างเฟิร์ดแล้ว ในพื้นที่นี้ไม่มีสิ่งกีดขวางเลย เขาสามารถเห็นเวเวอร์ได้ชัดเจนในระยะห่างออกไปประมาณ 900 ฟุต โดยที่มีไอมอนส์ตามหลังเวเวอร์อยู่ 15 ฟุตและอัศวินอันเดธตามหลังไอมอนส์อยู่ 80 ฟุต
เวเวอร์นั้นจะเข้ามาใกล้ 150 ฟุตในทุกๆหนึ่งนาที ถ้าเกิดว่าพวกเขายังเคลื่อนที่ด้วยความเร็วเท่ากับตอนนี้ ลิงค์ก็จะเข้าสู่ระยะการร่ายเวทย์ของเวเวอร์ภายในเวลา 4 นาที
ลิงค์นั้นสามารถเคลื่อนที่ไปได้ 3 ไมล์ภายในเวลา 4 นาที ซึ่งเขานั้นยังคงอยู่ห่างจากเทือกเขามอดไหม้และไม่สามารถที่จะเรียกกำลังเสริมมาได้ทัน ยังไงก็ตาม เขาก็ไม่ได้ตื่นตระหนก เขายังคงมีมานาเหลืออยู่ 7,000 แต้ม ซึ่งนั่นมันมากพอที่จะให้เขาร่ายเวทย์ข้ามมิติ พอเวเวอร์ใกล้จะไล่เขาทัน เขาก็แค่ร่ายมันเพื่อหลบหนี
ถ้าพวกเขากล้าที่จะไล่ตามเขาไปเรื่อยๆจนถึงเทือกเขามอดไหม้ ลิงค์ก็แค่เรียกนานะมาและให้พวกเขาได้รู้ถึงพลังของหุ่นเชิดเวทมนตร์ที่เขาภาคภูมิใจ
จากนั้นอัลโลวาก็ตอบคำถามของลิงค์อย่างจริงจัง “เพราะว่าเจ้ารู้วิธีใช้เวทย์มิติ”
“เวทย์มิติหรอ? แล้วมันมีผลยังไงกับเธอ?”
จากนั้นอัลโลวาก็พยักหน้าด้วยสีหน้าจริงจังและพูดด้วยความเสียใจ “มีผลสิ มีผลมากด้วย สิ่งที่ข้ากำลังวิจัยอยู่นั้นมันข้ามไปเกินกว่าขอบเขตความรู้ของมนุษย์ เจ้าเป็นคนๆเดียวในโลกแห่งฟิรุแมนที่สามารถเข้าใจงานวิจัยของข้าได้ เพราะอย่างนั้น เจ้าจึงเป็นคนๆเดียวที่ข้าจะไปหาได้”
ลิงค์นั้นพูดไม่ออก ผู้หญิงคนนี้แสดงความรู้ของเธอออกมาราวกับว่าเธอต้องการที่จะอยู่เหนือสิ่งมีชีวิตอื่นๆ
“เธอค้นพบอะไรกันแน่?” ลิงค์ถาม เขาคาดว่าการค้นพบนี้จะทำให้ทุกคนต้องตกตะลึง และนั่นก็อธิบายถึงเหตุผลที่ทำไมพวกดาร์กเอลฟ์ถึงได้ไล่ตามเธอมาตลอดจากทางใต้และถึงขนาดส่งไอมอนส์มาทำภารกิจนี้ด้วย
ระหว่างที่เขาพูดเขาก็หันไปดูข้างหลังอีกครั้ง เวเวอร์นั้นยังคงไล่ตามเขามาและอยู่ห่างไป 600 ฟุต อีกด้านหนึ่งไอมอนส์ก็ตามหลังเวเวอร์อยู่ 60 ฟุต
ถ้าเกิดว่าเวเวอร์อยู่คนเดียว ลิงค์ก็คงจะเริ่มต่อสู้กับเขาไปแล้ว ยังไงก็ตาม มีนักเวทย์ 2 คนไล่ตามเขาอยู่ ไอมอนส์เองก็เป็นนักเวทย์ที่แข็งแกร่งจนน่ากลัว เมื่อรวมเข้ากับอัศวินอันเดธ ลิงค์นั้นไม่มีความมั่นใจเลยว่าจะจัดการพวกเขาทุกคนได้ เพราะอย่างนั้นเขาจึงทำได้แค่หนี
เมื่อลิงค์หันไปรอบๆ เขาก็สังเกตได้ถึงบรรยากาศแปลกๆ เขารู้สึกว่ามีบางอย่างบดบังทัศนวิสัยของเขาอยู่ เมื่อเขาตรวจสอบดูใกล้ๆ เขาก็ตกใจ มันคือหน้าอกของอัลโลวา
เขาไม่ได้รู้สึกถึงมันมาก่อน แต่อันโลวานั้นมีหน้าอกที่สวยงามมาก และมันยิ่งสวยเป็นพิเศษในตอนที่เขาแบกเธอวิ่งด้วยความเร็วสูงสุด ทำให้มันเด้งอย่างน่าดึงดูดในทุกๆก้าว ลิงค์เบือนสายตาหนีและเพิ่มความเร็วในการวิ่ง
ในอีกด้านนึง อัลโลวาไม่ได้รู้สึกตัวถึงสายตาของลิงค์เพราะเธอกำลังอยู่ในห้วงความคิด หลังจากเงียบไปประมาณ 10 วินาทีเธอก็กระซิบ “พ่อของข้าเป็นสมาชิกของตระกูลซิลเวอร์มูน เพราะอย่างนั้น สายเลือดของซิลเวอร์มูนจึงอยู่ในตัวข้าด้วย แต่ว่า ด้วยความที่สายเลือดของข้านั้นไม่บริสุทธิ์ ข้าจึงถูกเลือกให้โดนบูชายัญเพื่อเป็นภาชนะของอสรพิษทมิฬ”
“งั้นทำไมเธอถึง? นี่เธอได้เอาอุปกรณ์ระดับพระเจ้ามาด้วยรึเปล่า? ดูเหมือนว่าจะไม่ใช่นะ”
“แน่นอนว่าข้านั้นได้รวมเข้ากับอุปกรณ์ระดับพระเจ้าแล้ว แต่ว่า ข้าได้สร้างหุ่นเชิดขึ้นมาเพื่อผ่านกระบวนการส่วนใหญ่ในที่อยู่ของข้า ซึ่งนั่นทำให้ข้าหลุดจากการควบคุมของอุปกรณ์ระดับพระเจ้ามาได้ และในขั้นตอนนี้ ข้าก็ได้ค้นพบหลักการควบคุมอุปกรณ์ระดับพระเจ้า…อย่างที่เจ้าเห็น ข้าได้กลายเป็นอมตะและไม่ถูกทำให้แปดเปื้อนด้วยพลังแห่งความมืด”
ลิงค์นั้นตกตะลึงเมื่อได้ยินคำพูดพวกนี้ การที่ปลดปล่อยตัวเองออกมาจากการควบคุมของอุปกรณ์ระดับพระเจ้าได้ก็ถือว่าสุดยอดมากแล้ว แต่นี่ยังค้นพบหลักการควบคุมมันในเวลาเดียวกันอีก เรื่องพวกนี้คงต้องใช้สติปัญญาที่เหนือกว่าการคาดเดาของเขาไปเป็นอย่างมาก
ไม่แปลกใจเลยที่ทำไมเธอถึงเป็นสตรีแห่งความจริงและแสดงท่าทีว่ามีความรู้มาก เธอนั้นไม่ได้หยิ่ง แต่แค่มุมมองต่อโลกของเธอนั้นแตกต่างจากคนธรรมดามากเกินไปเท่านั้นเอง
“แล้วเป้าหมายที่เธอมาหาฉันหล่ะ?”
“อย่างที่เจ้ารู้ อุปกรณ์ระดับพระเจ้านั้นมีเวทย์ศักดิ์สิทธิ์ที่สามารถกลืนกินวิญญาณได้ ข้าได้พยายามแก้ไขมันแล้วแต่ก็ไม่ได้ผล และข้าก็พบว่าข้าทำมันด้วยตัวเองไม่ได้ ข้าจึงต้องการคนอื่นที่มีความรู้มากกว่าคนธรรมดามาช่วยข้าอีกแรงนึง เจ้าเป็นคนแรกที่เข้ามาในหัวข้า เพราะอย่างนั้นข้าจึงนำขุมทรัพย์อย่างสถิติของอุปกรณ์ระดับพระเจ้ามาด้วย”
ลิงค์นั้นตะลึง แต่มันก็ตามมาด้วยความสบายใจในภายหลัง เขาพูด “ผักพ่อนเถอะ ฉันจะรับรองความปลอดภัยของเธอเอง!”
นี่คงจะเป็นเหตุผลที่ทำไมระบบเกมถึงให้ภารกิจที่มีเวลาจำกัดขึ้นมาอย่างกะทันหัน อัลโลวานั้นมีคุณค่ามาก ถ้าเกิดว่าเขารู้ว่าจะมีเรื่องแบบนี้เกิดขึ้นล่วงหน้า เขาก็คงเต็มใจที่จะเข้าไปในแบล็คฟอเรสอีกครั้ง!
ดูเหมือนว่าอัลโลวาจะพึงพอใจในความตั้งใจของลิงค์และพยักหน้า จากนั้นเธอก็พูด “ความกระตือรือร้นเป็นอาจารย์ที่ดีที่สุด แต่ว่า ก่อนหน้านั้นพวกเราต้องจัดการกับคนที่ไล่ตามมาก่อน พวกมันไล่เข้ามาแล้ว”
ลิงค์พยักหน้าและมองไปข้างหลังอีกครั้ง เวเวอร์ได้เข้ามาใกล้เข้าถึงระยะเพียงแค่ 150 ฟุตแล้ว ภายใน 1 นาที ลิงค์จะเข้าสู่ระยะร่ายเวทย์ของเขา
ลิงค์นั้นไม่กล้าที่จะเสี่ยงและเตรียมพร้อมที่จะใช้เวทย์ข้ามมิติหนีในทันที
ข้ามมิตินั้นเป็นเวทย์ระดับตำนานซึ่งมันไม่ถูกลดพลังลงโดยภพวิญญาณ และนี่เองก็เป็นอีกเหตุผลหนึ่งที่ลิงค์กล้าพาอัลโลวาเข้ามาในภพวิญญาณในตอนแรก
ยังไงก็ตาม สิ่งที่แปลกๆก็ได้เกิดขึ้น
เมื่อเห็นแสงสว่างสีขาวที่คุ้นเคยรอบตัวลิงค์ ออร่าสีดำรอบๆตัวเวเวอร์ก็ได้ขยายขนาดขึ้นเช่นกัน จากนั้นเขาก็หัวเราะเยาะ “ลิงค์ ฉันรู้ว่านายจะใช้วิธีสกปรกนี้! แต่ว่า เจ้านายของฉันได้บอกอะไรบางอย่างมา มาดูหน่อยสิว่านายจะหนีได้รึเปล่าหลังจากนี้!”
หมอกสีดำพุ่งไปหาพวกเขาด้วยความเร็วแสง ปกคลุมลิงค์อยู่ภายในอุ้งมือของปีศาจ หลังจากนั้น แสงสว่างรอบๆลิงค์ก็ถูกเป่าหายไปราวกับแสงเทียนที่โดนลมพัด อัลโลวากับลิงค์ยังคงยืนอยู่ที่เดิม
ลิงค์พูดไม่ออก เขาได้ทำผิดพลาดไปโดยการดูถูกพลังของเวเวอร์ เขานั้นควรจะใช้เวทย์ข้ามมิติตั้งแต่ก่อนหน้านี้ในตอนที่เขายังคงนำหน้าอยู่ สถานการณ์ในตอนนี้ไม่สู้ดีเลย
“นั่นน่าจะเป็นพลังของเทพปีศาจทาบินอส เขาได้ผนึกทั่วทั้งมิติแล้ว เจ้าจะต้องจัดการพวกเขาถึงจะไปต่อได้” อัลโลวาอธิบายด้วยสีหน้าเฉยเมย โดยไม่แสดงอาการกลัวหรือตกใจเลย เพราะว่าเธอนั้นคาดเอาไว้แล้วว่ามันจะต้องเกิดขึ้น
“ดูเหมือนว่ามันจะเป็นการต่อสู้ที่หนักหน่วงอีกแล้วสินะ” ลิงค์หยิบคัมภีร์มิติออกมา แม้ว่าพวกเขาจะต้องสู้ แต่เขาก็พึงพอใจในการสู้ที่ภพกายภาพมากกว่า มีเพียงภพกายภาพเท่านั้นที่เขาจะสามารถปลดปล่อยพลังทั้งหมดของเขาได้