ด้วยเสียงดังพรึ่บ ลิงค์ได้กลับมาที่ภพกายภาพ
มันคือพื้นที่รกร้างที่เต็มไปด้วยก้อนหิน หุ่นเชิดเวทมนตร์ขุดดินยังไม่ได้มาถึงพื้นที่นี้ ดังนั้นจึงไม่มีคนอยู่แถวนี้ แผ่นดินโล่งๆคือสิ่งที่สามารถเห็นได้ในบริเวณนี้ ในระยะไกลๆจะมีเนินเขาอยู่บ้างประปราย
ที่นี่มันโล่งเกินไป ไม่เหมาะสำหรับการต่อสู้ และมันก็ไม่มีที่ให้หลบด้วย ต่อให้เขาใช้เวทย์หายตัว เขาก็จะถูกพบได้อย่างง่ายดาย
โดยไม่มีความลังเล ลิงค์พยายามที่จะใช้เวทย์ข้ามมิติอีกครั้ง
และเขาก็ล้มเหลวอีกครั้ง
ลิงค์ถอนหายใจ “สมแล้วที่เป็นพลังของเทพเจ้า สถานที่นี้ได้ถูกปิดผนึกจากทุกภพ” ในเมื่อเขาไม่สามารถหนีได้ ลิงค์ก็เริ่มเตรียมตัวที่จะต่อสู้
ขั้นแรก เขาเปิดใช้เอเดลไวซ์สีแดงเลเวล 5 ให้กับอัลโลวา พลังของเวทย์ป้องกันนี้ล้าหลังแล้วและไม่สามารถช่วยอัลโลวาป้องกันการโจมตีทั้งหมดได้ ยังไงก็ตาม มันก็สามารถใช้เป็นตัวดูดซับความเสียหายและทำให้มั่นใจว่าร่างกายของอัลโลวาจะไม่ถูกทำลาย
เธอนั้นเป็นอมตะ ตราบใดที่ร่างกายของเธอไม่ถูกทำลาย เธอก็จะสามารถเอาชีวิตรอดได้
จากนั้นลิงค์ก็ร่ายเวทย์รวดเร็วดั่งชีต้าห์ใส่ตัวเอง สิ่งนี้จะช่วยเพิ่มความเร็วและพละกำลังให้กับเขา ในเวลาเดียวกันเขาก็พูดขึ้น “อัลโลวา เธอเดินได้มั้ย?”
ในตอนที่พวกเขาอยู่ในป่า ขาของอัลโลวาได้ถูกปีศาจหักทิ้ง ซึ่งในตอนนี้มันได้ฟื้นตัวขึ้นมากแล้ว แม้ว่ามันจะยังดูบิดเบี้ยวอยู่เล็กน้อยก็ตาม
อัลโลวาเอาขาที่หักของเธอแตะลงพื้นและตัวสั่น ขาของเธอบิดในทันที แต่เธอไม่ได้ส่งเสียง เธอกัดฟันเอาไว้ และยืนด้วยขาทั้งสองอย่างเด็ดเดี่ยว “ยังไงซะข้าก็ไม่ตาย ข้าสามารถเดินได้ดังนั้นไม่ต้องห่วงเรื่องของข้า มีสมาธิกับพวกมันเถอะ!”
ด้วยสภาพนั้นเธอก็เดินกระเผลกและเข้าไปในส่วนลึกของพื้นที่รกร้างเฟิร์ด เธอนั้นไม่ได้ช้าจนเกินไป แต่มันดูแปลกมากในแต่ละก้าว อัลโลวานั้นกำลังทนกับความเจ็บปวดแสนสาหัส เธออ้าปากพะงาบๆ วิ่งและร้องด้วยความเจ็บปวด
ลิงค์ดูภาพทั้งหมดนี้และประทับใจมาก ช่างเป็นผู้หญิงที่มีเหตุผลมากจริงๆ
ใช่แล้ว หลักเหตุผลนั้นแทบที่จะควบคุมอารมณ์ของมนุษย์ได้ทั้งหมด เธอเป็นคนประเภทเดียวกับลิงค์
ระหว่างนี้ ลิงค์ก็เริ่มเตรียมตัวเช่นกัน เขาเอาหินนักปราชญ์สีขาวออกมา เขาสามารถใช้หินนี้ได้อีกแค่ครั้งเดียว แต่ว่าเขาเตรียมที่จะใช้มันโดยไม่มีความลังเลเลยเพราะว่าอัลโลวานั้นมีความสำคัญในการต่อสู้กับอุปกรณ์ระดับเทพเจ้า ซึ่งสิ่งนี้มันเกี่ยวข้องกับชะตากรรมของคนจำนวนมาก
เธอจะตายไม่ได้ นอกจากนี้ เธอจะต้องไม่ตกไปอยู่ในกำมือของดาร์กเอลฟ์หรือเวเวอร์ ลิงค์จะต้องทุ่มสุดตัวเพื่อช่วยเธอ!
หลังจากเอาหินนักปราชญ์สีขาวออกมา ลิงค์ก็ดื่มน้ำยามานาระดับสูง เพื่อเติมมานาที่เขาใช้ไปก่อนหน้านี้ ในเวลาเดียวกันนั้นเอง เขาก็เปิดใช้ผลสมองปลอดโปร่งของเสื้อคลุมผู้ควบคุมเปลวเพลิง
มานาสูงสุดของเขาคือ 8,500 แต้ม ผลของสมองปลอดโปร่งสามารถฟื้นฟูมานาได้ 2,000 แต้มภายในเวลา 5 นาที ดังนั้นนี่ทำให้เขามีมานาที่ใช้ได้ทั้งหมด 10,500 แต้ม นี่มันเยอะมาก แต่มันก็น่าจะใช้ได้แค่หนึ่งนาทีครึ่ง สำหรับเวทมนตร์เลเวล9
ซึ่งนี่หมายความว่าเขาจะต้องเอาชนะให้ได้ภายในเวลา 1 นาทีครึ่ง!
ในตอนนั้นเอง ก็มีออร่ามานาปรากฏขึ้นมาในระยะไกลๆ จากนั้นก็มีคนมากมายปรากฏขึ้นจากพื้นที่ที่ว่างเปล่า นั่นคือพวกเวเวอร์ที่ตามลิงค์มายังภพกายภาพ
พวกเขามีทั้งหมด 6 คน เวเวอร์อยู่ใกล้ลิงค์มากที่สุด โดยห่างออกไปประมาณ 400 ข้างหลังเวเวอร์ไปอีก 30 ฟุตคือไอมอนส์ และอัศวินอันเดธอีก 4 คนก็อยู่ห่างออกไปอีก15ฟุต
หลังจากที่ออกมา เวเวอร์ก็มองไปที่ลิงค์และหัวเราะดังสนั่น “ลิงค์ นายไม่ได้คิดถึงเรื่องนี้สินะ ถูกมั้ย? ไม่ว่านายจะแข็งแกร่งแค่ไหน นายก็เป็นแค่คนธรรมดา แต่ว่าฉันน่ะเหรอ? ฉันมีพลังของเทพยังไงหล่ะ!”
ลิงค์ไม่สนใจเขา เขาสูดหายใจเข้าลึกๆและรวบรวมสมาธิ เข้าสู่สถานะร่ายเวทย์ การรับรู้ของเขา ทำให้เวลาช้าลง ในเวลาเดียวกันนั้นเอง เขาก็เริ่มค่อยๆถอยไปทางพื้นที่รกร้างเฟิร์ดอย่างช้าๆ
อัลโลวาเพิ่งวิ่งไปได้แค่ 30 ฟุต พอเห็นว่าเธอเจ็บปวดขนาดไหน ลิงค์ก็ถาม “เธอเป็นนักเวทย์ไม่ใช่หรอ? ทำไมเธอไม่ใช้เวทมนตร์หล่ะ?”
ต่อให้เธอขาหัก เธอก็น่าจะยังคงใช้เวทย์เพื่อเพิ่มความเร็วได้
“ข้าทำไม่ได้ ร่ายกายอมตะของข้าได้ทำลายสมดุลของโลก กฎของโลกนี้ปฏิเสธข้า พลังเวทย์ของข้าได้หายไปจนหมดเลย”
“ก็ฟังดูมีเหตุผลนะ..” ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมลิงค์ถึงไม่เห็นอัลโลว่าใช้เวทย์เลย หลังจากที่เข้าสู่สถานะร่ายเวทย์ ลิงค์ก็ไม่ได้กังวลเรื่องความอ่อนโยนอีกแล้ว ด้วยการใช้ประโยชน์จากศัตรูที่ยังมาไม่ถึงระยะการร่ายเวทย์ของพวกเขา ลิงค์ก็มีความคิดผุดขึ้นมาแล้วร่ายเวทย์ระดับต่ำ 2 บทอย่างรวดเร็ว- เบาดั่งขนนกและสนามพลังเวกเตอร์
สนามพลังเวกเตอร์ผลักให้อัลโลวาไปข้างหน้า และด้วยความช่วยเหลือของเบาดั่งขนนก เธอจึงไปได้เร็วกว่าเดิมถึง 10 เท่า ด้วยการลอยผสมกับการกระแทกเธอได้พุ่งไปประมาณ 30 ฟุตในทันที
ด้วยเหตุนี้ ลิงค์ก็ไม่มีอะไรให้ต้องเป็นห่วงอีกแล้ว
ในตอนนั้นเอง เวเวอร์ก็ได้พุ่งเข้ามา เขานั้นอยู่ห่างจากลิงค์แค่ 300 ฟุต อัศวินอันเดธ 4 คนตามเขามา คอยปกป้องเขาอยู่รอบๆ ยังไงก็ตาม การกระทำของไอมอนส์นั้นน่าสนใจกว่า จิ้งจอกเฒ่าผู้นี้อยู่ห่างจากลิงต์ 330 ฟุต เขาไม่ได้พุ่งเข้ามาใกล้แล้วก็ไม่ได้ถอย
เวเวอร์นั้นมั่นใจในพลังของตัวเองเป็นอย่างมาก เขาหัวเราะเสียงดัง “ลิงค์ ลองลิ้มรสพลังของเจ้านายของฉันดูซะเนตรแห่งความตาย!”
เนตรแห่งความตาย
เวทย์เลเวล7
ผล:สร้างดวงตาเวทมนตร์ขนาดยักษ์ ทุกอย่างที่อยู่ภายในการจ้องมองของมันจะตกลงสู่ความตาย!
ออร่าสีแดงเลือดพุ่งออกมาจากคทาของเวเวอร์ มันรวมตัวกันเป็นดวงตาสีแดงขนาดยักษ์ที่มีเส้นผ่าศูนย์กลาง 16 ฟุต มันสมจริงมากๆ และเมื่อมันปรากฏขึ้น มันก็จ้องไปที่ลิงค์
พรึ่บ! มีเสียงดังขึ้นเบาๆ แล้วลำแสงสีแดงก็พุ่งออกมาจากเนตรแห่งความตายแล้วตรงไปที่ลิงค์
“มิติบิดเบือน!” นี่คือวิธีที่ดีที่สุดในการตอบโต้กับเวทย์ประเภทลำแสง
พริบตาต่อมา ลำแสงแห่งความตายก็ได้เลี้ยวผ่านเลนส์มิติและพุ่งผ่านร่างกายของลิงค์ไป ลิงค์นั้นไม่ได้รับบาดเจ็บเลย และเขาก็เริ่มที่จะตอบโต้!
โดยที่ไม่ลังเล เขาได้ใช้งานหินนักปราชญ์สีขาว มันเปล่งแสงรุนแรงสีขาวออกมา ออร่าอันมหาศาลได้พุ่งออกไปในทุกทิศทาง มันเหมือนกับว่าธาตุทั่วทั้งที่รกร้างเฟิร์ดนั้นกำลังก่อการจราจลเลย
ธาตุมารวมตัวกันอย่างรวดเร็วและความรุนแรงนั้นทำให้เกิดรอยแยกอากาศรอบตัวลิงค์ที่สามารถมองเห็นได้ด้วยตาเปล่า นี่คือความปั่นป่วนของธาตุ!
สีหน้าของไอมอนส์เปลี่ยนไปในทันที เขาถอยในทันทีและตะโกน “เวเวอร์ นั่นคือเวทย์เลเวล 9 ! อย่าป้องกันมันนะ!”
“ฉันจะทำ!” แทนที่จะถอย เวเวอร์กลับพุ่งไปข้างหน้าพร้อมกับหัวเราะอย่างบ้าคลั่ง “ฉันมีวิญญาณอมตะ! ฉันมีร่างกายที่ไม่สามารถฆ่าตายได้มันเป็นเวทย์เลเวล 9 แล้วยังไงหล่ะ? มันก็ยังเป็นแค่พลังของมนุษย์อยู่ดี แต่ว่าฉันมีพลังของเทพ!”
ในตอนที่เขาพูด ลำแสงสีแดงเลือดมากมายก็ได้พุ่งออกมาจากเวเวอร์ พวกมันรวมตัวกันเป็นโล่คริสตัลสีแดงรอบตัวเขา รูนแห่งความมืดแปลกๆมากมายได้ลอยเข้าไปหามันอย่างรวดเร็ว
“กำแพงคริสตัลสีแดงฉาน!”
กำแพงคริสตัลสีแดงฉาน
เวทย์ไร้เลเวล
ผล: เวทย์นี้จะดูดพลังชีวิตจากรอบๆเพื่อเติมเต็มพลังงานของตัวเอง ตราบใดที่มีทรัพยากรณ์เพียงพอ มันก็จะสามารถอยู่ได้อย่างไม่มีขีดจำกัด
(หมายเหตุ: ทุกอย่างสามารถเป็นเหยื่อบูชายัญของมันได้ มีเพียงมันเท่านั้นที่อยู่รอด!)
ในจังหวะที่กำแพงคริสตัลสีแดงฉานเสร็จสิ้น หัตถ์ไททันเลเวล 9 ที่เสริมพลังของลิงค์ก็มาถึง
ที่เลเวล 9 นิ้วของหัตถ์ไททันนั้นมีความกว้างมากกว่า 10 ฟุต และฝ่ามือของมันก็มีความยาวกว่า 150 ฟุต ในตอนที่มันปรากฏขึ้น มันกำมือเป็นหมัดและต่อยลงไปที่กำแพงคริสตัลสีแดงฉาน
ตู้ม! หัตถ์ไททันและกำแพงคริสตัลสีแดงฉานปะทะกันด้วยเสียงอันน่าหวาดกลัว เศษหินและฝุ่นลอยขึ้นมาฟุ้งไปหมด และผู้คนสามารถเห็นคลื่นกระแทกบนอากาศได้ด้วยตาเปล่า
ไอมอนส์ที่ถอยออกมาไกลกว่า 150 ฟุตนั้นโดนคลื่นกระแทกอัดเข้าไป เขามีเวทย์ป้องกันตัว แต่ว่าเขาก็เกือบรักษาสมดุลเอาไว้ไม่อยู่ และไม่มีเวลาร่ายเวทย์ตอบโต้เลย
1 วินาทีต่อมา ฝุ่นก็หายไป แสดงให้เห็นผลของการปะทะ
กำแพงคริสตัลสีแดงฉานยังอยู่ที่นั่น แต่ว่าสีมันจางลงไปมาก ข้างในนั้น อัศวินอันเดธทั้ง 4 คนได้ตายไปทั้งหมด พวกเขาดูแปลกประหลาด ร่างกายของพวกเขาแห้งราวกับไม้เน่า ออร่าวิญญาณก็หายไปอย่างสมบูรณ์เช่นกัน มันเห็นได้ชัดว่ากำแพงคริสตัลสีแดงฉานนั้นได้ดูดพลังชีวิตของพวกเขาออกไปจนหมด
ยังไงก็ตาม พวกเขาทั้ง 4 ก็ยังไม่เพียงพอที่จะรับพลังของเวทย์เลเวล 9 ร่างกายของเวเวอร์เองก็ลีบลงเช่นกัน ตอนนี้เขาดูเหมือนกับโครงกระดูกเลย
หัตถ์ไททันเลเวล 9 ได้พ่ายแพ้ให้กับพลังอันมหาศาลของกำแพงคริสตัลสีแดงฉาน
“5555! ฉันป้องกันเวทย์เลเวล 9 ได้!” ภายในโล่จางๆ เวเวอร์หัวเราะอย่างบ้าคลั่ง
ครั้งหนึ่ง เวทย์เลเวล 9 นั้นเป็นเหมือนกับยอดเขาสูงที่ดูเป็นไปไม่ได้ ในตอนที่เขาได้ยินมาจากอาจารย์ของเขาว่า เด็กหนุ่มจากทางเหนือได้ใช้เวทย์เลเวล 9 ในการฆ่าปีศาจตัวใหญ่ เขานั้นตกใจมาก เขาไม่สามารถจินตนาการได้เลยว่ามันจะมีพลังขนาดไหน
แต่ตอนนี้ เขาป้องกันการโจมตีเลเวล 9 ได้สำเร็จ มันเหมือนกับเป็นความฝัน ถ้าเกิดว่าข่าวนี้แพร่ออกไป ชื่อของเขาก็จะกลายเป็นฝันร้ายแห่งฟิรุแมน!
“5555 ตาแก่ เห็นรึเปล่า? ฉันป้องกันได้! ฉันป้องกันมันได้!” เวเวอร์ยังคงไม่พอใจ ดังนั้นเขาจึงหันไปตะโกนใส่ไอมอนส์อย่างบ้าคลั่ง
ไอมอนส์เองก็ตกใจเช่นกัน เขาไม่คิดว่าเวเวอร์จะเก่งขึ้นขนาดนี้หลังจากที่แปรพักตร์ไปอยู่ฝั่งเทพปีศาจ เวทย์เลเวล 9 นั้นคือจุดสูงสุดของพลัง แต่เวเวอร์ก็สามารถป้องกันมันได้ เขาน่ากลัวจริงๆ
ไม่ใช่แค่พลังของเขาที่น่ากลัว วิธีการของเขาก็น่ากลัวเช่นกัน ไอมอนส์เชื่อว่าถ้าเขาอยู่ใกล้กว่านี้อีกซักหน่อย เวเวอร์ก็คงดูดเอาพลังชีวิตของเขาไปด้วยโดยไม่ลังเลเพื่อป้องกันการโจมตีของลิงค์
เมื่อเขาเห็นเวเวอร์เป็นแบบนี้ เขาก็พึมพำออกมา “ไอเสียสติ!”
หลังจากที่ป้องกันการโจมตีถึงตายของลิงค์ได้ เวเวอร์ก็ไม่มีความกังวลอีกต่อไปแล้ว เขาหันไปหาลิงค์ “ลิงค์ วันนี้จะเป็นวันตายของแก ฉันจะเอาวิญญาณของแกออกมาและเอามันไปขังไว้ในกำแพงแสดงศิลปะที่ห้องของฉัน ฉันจะจับเซลีนมาและทรมานเธอต่อหน้าแก ฮ่า ฉันจะทรมานเธอจนตาย!”
ในอีกด้านหนึ่ง ลิงค์เองก็ตกใจเช่นกัน ยังไงก็ตาม ต่อให้เวทย์เลเวล 9 ของเขาถูกป้องกันได้ มันก็ไม่ใช่ว่าเขาจะยอมรับไม่ได้เพราะว่าเขาได้ทำสิ่งที่เขาต้องการไปแล้ว
โดยไม่ปล่อยให้เสียเวลา เขายกคทาเพลิงพิโรธแห่งสวรรค์ขึ้นมาและใช้ผลคลื่นเพลิงแล้วใช้เวทย์หัตถ์ไททันระดับสุดยอดของเลเวล 7
เหมือนกับเวทย์ก่อนหน้านี้ หัตถ์ไททันได้ปะทะเข้ากับกำแพงคริสตัลสีแดงฉาน
มีเสียงร้าวดังขึ้น และกำแพงคริสตัลสีแดงฉานของเวเวอร์ก็แตกในทันที หัตถ์ไททันยังคงพุ่งต่อและปะทะเข้ากับเวเวอร์
“ฉันมีดาบยมทูต ฉันจะป้องกันมันอีกครั้ง!” เวเวอร์หัวเราะและเอาคทามาอยู่ด้านหน้าของเขา ดาบสีดำขนาดยักษ์ปรากฏขึ้นมา มันมีวงแหวนสีดำอยู่ข้างหลังมัน ซึ่งเต็มไปด้วยรูนมากมาย
ดาบสีดำแทงไปทางหัตถ์ไททันในขณะที่แสงนั้นได้ปกป้องเวเวอร์ มันเป็นการโจมตีและป้องกันในเวลาเดียวกัน
ตู้ม! หัตถ์ไททันที่เสริมพลังได้สลายไป หลังจากเวทย์หายไป ธาตุไฟที่พุ่งออกมาก็ถูกวงแหวนสีดำป้องกันไว้ ทำให้เวเวอร์ไม่ได้รับความเสียหายเลย
ดาบยมทูตเองก็หายไปเช่นกัน เวเวอร์นั้นดูตัวลีบกว่าเดิมอีก เขานั้นเหมือนกับโครงกระดูกแห้งๆเลย หลังจากที่ป้องกันการโจมตีของลิงค์ เขาก็ตะโกนออกมา “ไอมอนส์ คุณจะโจมตีเมื่อไหร่เนี่ย?!”
หลังจากป้องกันเวทย์อันรุนแรงทั้งสอง เวเวอร์ก็เหลือพลังอยู่แค่เพียง 1 ใน 5 และแทบจะยืนไม่ไหวแล้ว
ในที่สุดไอมอนส์ก็เลิกถอย เวเวอร์ได้หยุดการโจมตีที่แข็งแกร่งที่สุดไปแล้ว และตอนนี้ก็ถึงตาเขาแล้ว “ลิงค์ การรุมเป็นเรื่องที่น่าอับอายจริงๆ แต่ว่ามันจำเป็น ขอโทษแล้วกันนะ”
เขายกคทาของเขาขึ้นมาและร่ายเวทย์บิน เขาพุ่งมาข้างหน้าทันทีและเตรียมที่จะเข้าสู่ระยะการร่ายเวทย์ ยังไงก็ตาม ทั้งไอมอนส์และเวเวอร์ต่างก็ไม่รู้สึกตัวเลยว่าที่เนินเขาในระยะห่างออกไป 3 ไมล์นั้น มีคนอีก 2 คนได้ปรากฏตัวขึ้น
ลิงค์สัมผัสถึงพวกเธอได้ แล้วเขาก็ดีใจมากๆ โดยไม่ลังเล เขาถอยในทันที ตอนนี้ สิ่งที่เขาต้องทำก็คือล่อพวกเขา
…
บนเนินเขา
“แย่แล้ว เจ้านายกำลังตกอยู่ในอันตราย” นานะพูด ด้วยเสียงระเบิดอากาศ เธอก็หายไป
เซลีนถอนหายใจ “เป็นเด็กสาวที่ห่ามจริงๆ แต่ไม่ว่าเธอจะเร็วแค่ไหน เธอก็ไม่เร็วไปกว่ากระสุนของฉันหรอก” เธอหยิบปืนของเธอออกมา และหาก้อนหินที่จะนอนลงและตั้งเป้าเล็ง