เทือกเขามอดไหม้
การประชุมลับได้ถูกจัดขึ้นในโถงรัฐสภาที่อยู่ในหอคอยเวทมนตร์ที่เพิ่งสร้างใหม่
คนที่จะได้เข้าร่วมการประชุมในครั้งนี้คือผู้อาวุโสของสถาบันเวทมนตร์ระดับสูงอีสโควฟแอนโทนี่, จอมเวทสองคนในสภาหกมาสเตอร์เกรนซี่และมาสเตอร์เฟอร์ดินันด์, องค์หญิงไฮเอลฟ์มิลด้า, นักเวทย์ไฮเอลฟ์อนาคตดีโรมิลสัน, และคนสุดท้าย, เจ้าของหอคอยเวทมนตร์แห่งนี้, ลิงค์
มีทั้งหมดหกคนในที่นี้ สามคนในนั้นเป็นสมาชิกที่เป็นที่ยอมรับและเคารพในโลกนักเวทย์, ในขณะที่อีกสามคนเป็นนักเวทย์รุ่นใหม่ที่ดูมีอนาคตไกล
หอคอยเวทมนตร์แห่งนี้เพิ่งสร้างขึ้นมาใหม่ ดังนั้นจึงเป็นธรรมดาที่อุปกรณ์ทั้งหมดที่อยู่ข้างในจะใหม่เช่นกัน แสงอาทิตย์หน้าร้อนเบาลงมากๆหลังจากผ่านคริสตัลชั้นนอกของหอคอยเวทมนตร์, ซึ่งทำหน้าที่ในการหักเหแสงอาทิตย์ไปยังมุมที่เหมาะสมที่สุด มีวงเวทย์อุณหภูมิในห้องโถงเพื่อทำให้มั่นใจว่าภายในหอคอยเวทมนตร์จะมีสภาพอากาศที่สบายอยู่เสมอ แล้วก็มีวงเวทย์ลมที่ปล่อยลมเย็นให้ทุกคนในหอคอยอย่างต่อเนื่องด้วย
มันเป็นสภาพแวดล้อมที่สบายมากๆ, แม้ว่ามันดูเหมือนจะไม่ช่วยให้บรรยากาศในห้องโถงสบายขึ้นเลยก็ตาม
ทุกคนก้าวเข้ามาในห้องโถงด้วยหัวใจที่หนักหน่วง
แอนโทนี่นั่งเก้าอี้หลักของโต๊ะยาวแล้วฟังรายงานเกี่ยวกับเหตุการณ์ในป่าเกอร์เวนท์ของลิงค์อย่างตั้งใจ ในตอนที่ลิงค์พูดจบ, เขาก็เคาะโต๊ะเบาๆในขณะที่ขมวดคิ้ว, สายตาของเขาเต็มไปด้วยความไม่เชื่อ แล้วเขาก็พูดออกมา “ตอนนี้เวเวอร์แข็งแกร่งขนาดนั้นจริงๆหรอ? เขาถึงกับสามารถต้านทานเวทย์เลเวล 9 ได้ด้วยเนี่ยนะ?”
เกรนซี่, เฟอร์ดินันด์, และไฮเอลฟ์อีกสองคนก็หันไปมองลิงค์, เฝ้ารอคำตอบจากเขา
ลิงค์นึกถึงฉากการต่อสู้แล้วพยักหน้าก่อนที่จะพูดออกมา “เขาน่ากลัวมากจริงๆ แต่ว่า, เขาก็ยังมีจุดอ่อนอยู่”
พอพูดจบ, ลิงค์ก็ชี้คทาไปในอากาศ จากนั้นภาพโฮโลแกรมก็ปรากฎขึ้นแล้วแสดงภาพเบลอๆออกมา มันคือฉากการต่อสู้ในตอนที่ไอมอนส์, เวเวอร์แล้วก็เขากำลังปะทะกัน
ด้วยความที่ภาพนี้มาจากความทรงจำของลิงค์, มันจึงค่อนข้างบิดเบี้ยว, เพราะสมาธิของลิงค์อยู่กับการร่ายเวทย์และการต่อสู้ตลอดเวลา อย่างไรก็ตาม, นี่ก็ไม่ได้ส่งผลกับรายละเอียดที่เขาตั้งใจจะแสดงเลย
“เห็นไหมครับ ตลอดการต่อสู้นี้, เวเวอร์ร่ายเวทย์ออกมาสี่เวทย์ ซึ่งเวทย์พวกนี้ดูไม่แตกต่างจากเวทมนตร์แห่งความมืดทั่วๆไปเลย แต่ว่า, หลังจากที่พิจารณาดูใกล้ๆ, ผมก็ตระหนักได้ว่ารูปร่างภายนอกของเวเวอร์ได้เปลี่ยนไปทุกครั้งที่เขาร่ายเวทย์ ยิ่งเข้าใช้พลังงานไปมากเท่าไหร่, เขาก็ยิ่งเหมือนศพมากเท่านั้น, โดยเฉพาะหลังจากการป้องกันเวทย์เลเวล 9 ของผม ร่างกายของเวเวอร์ก็ดูเหมือนจะเปลี่ยนไปอย่างรุนแรง และยังมีรายละเอียดที่สำคัญอีกอย่างนึง”
จากนั้นลิงค์ก็แสดงอีกภาพนึงขึ้นมา ภาพนี้ชัดเจนกว่าภาพก่อนมาก สีหน้าของเวเวอร์และการตอบสนองของไอมอนส์สามารถมองเห็นได้อย่างชัดเจนจากภาพนี้
ภาพนี้ยังมาจากความทรงจำของลิงค์ ความชัดเจนของภาพนี้บ่งบอกว่าแม้จะอยู่ในช่วงที่รุนแรงที่สุดของการต่อสู้, ลิงค์ก็ยังมีความเข้าใจในสภาพแวดล้อมรอบตัวเขาที่ละเอียดถี่ถ้วน ทุกคนในที่นี้แสดงสีหน้าตกใจและหวั่นเกรง, โดยเฉพาะโรมิลสัน, ที่สีหน้าดูเหมือนจะหวาดกลัวอย่างเต็มที่
ตอนแรก, เขาคิดว่าความแตกต่างเพียงอย่างเดียวระหว่างลิงค์กับตัวเขาก็คือประสบการณ์ อย่างไรก็ตาม, ดูเหมือนว่าเขาจะคิดผิดอีกครั้ง ลิงค์สามารถขยี้เขาได้อย่างง่ายดายด้วยการควบคุมสนามรบได้อย่างเชี่ยวชาญของเขา
“นี่มันสัตว์ประหลาดชัดๆ!” เขาอดพึมพำออกมาไม่ได้
จากนั้นลิงค์ก็ชี้ไปที่ภาพในอากาศแล้วพูด “ผมได้ลองสร้างฉากจากการต่อสู้ขึ้นมาใหม่ ดูดีๆนะครับ, ก่อนที่ผมจะร่ายเวทย์เลเวล 9, เวเวอร์ยังดูเหมือนกับคนทั่วๆไป แต่ว่า, ในตอนที่เขาร่ายโล่คริสตัลโลหิต, พลังชีวิตของเขาก็ลดลงอย่างรวดเร็ว ในตอนที่การปะทะกันของเวทมนตร์ทั้งสองนี้ไปถึงขีดสุด, โล่นี้ได้แตกไปครั้งนึง จากนั้น, เวเวอร์ก็ไม่ลังเลที่จะเสียสละอัศวินอันเดธสี่คนแล้วใช้พลังชีวิตของพวกเขาสร้างเวทป้องกันขึ้นมาใหม่”
ในเวลานี้, โรมิลสันขมวดคิ้วในขณะที่พูดออกมา “นี่เจ้าจะบอกว่าเวเวอร์ใช้พลังชีวิตเพื่อรักษาสภาพของเวทมนตร์เอาไว้งั้นหรอ?”
“ใช่ เวทย์ที่เขาใช้หลังจากนี้เองก็มีพื้นฐานมาจากกฎเดียวกัน เวทย์พวกนี้ไม่มีขีดจำกัดของพลังหรือโครงสร้างเวทมนตร์ที่แน่นอน ตราบใดที่มีพลังชีวิตเพียงพอ, มันก็จะกลายเป็นเวทย์ที่แข็งแกร่งได้ตามที่ต้องการ แต่ว่า, ในตอนที่จำนวนพลังชีวิตลดลง, เวทย์พวกนี้ก็จะไม่ต่างอะไรจากของเด็กเล่น!”
พอได้ยินคำพูดพวกนี้, ทุกคนก็แลกเปลี่ยนสายตากันเพราะพวกเขาได้ข้อสรุปแล้ว
จากนั้นมิลด้าก็พูดความคิดที่อยู่ในหัวของทุกคน “หรือจะให้พูดก็คือเวเวอร์กำลังใช้สกิลศักดิ์สิทธิ์ของเทพปีศาจอยู่สินะ!”
สกิลศักดิ์สิทธิ์ของเทพปีศาจนั้นเป็นสาขาของสกิลศักดิ์สิทธ์, เพราะมันมีต้นกำเนิดมาจากพระเจ้า พวกมันมีความสมบูรณ์แบบมากๆเช่นกันและสามารถทำสิ่งที่นักเวทย์ทั่วๆไปคิดว่าไม่มีทางทำได้ได้
ยกตัวอย่างเช่น, เวทย์คืนชีพ, เวทย์รักษาสมบูรณ์และเวทย์ทำนาย, เวทย์พวกนี้ต่างก็เป็นพลังที่นักเวทย์ทั่วๆไปไม่สามารถทำได้ทั้งหมด อย่างไรก็ตาม, นักบวชสามารถทำเรื่องพวกนี้ได้อย่างง่ายดาย เหตุผลก็เพราะมันเป็นการใช้สกิลศักดิ์สิทธิ์
“ถ้างั้นมันก็ง่ายๆไม่ใช่หรอ? พวกเราก็แค่ต้องหยุดเวเวอร์จากการดูดซับพลังชีวิตในระหว่างการต่อสู้ให้ได้ก็พอนี่” โรมิลสันพูดอย่างสบายๆ
อย่างไรก็ตาม, ในตอนที่คำพูดพวกนี้หลุดออกมาจากปากของเขา, ทุกคนก็จ้องเขาด้วยสายตาแปลกๆ
“มะ…มีปัญหาตรงไหนหรอ?” โรมิลสันรู้สึกว่ารูปแบบความคิดของเขาถูกต้อง
องค์หญิงมิลด้าตบหน้าผากของเธอและรู้สึกอับอายมากๆ จากนั้นเธอก็พูดตอกหน้า “เจ้าคิดว่ามันจะไม่เก็บพลังชีวิตเอาไว้รึไง? นอกจากนี้, มันมีอัศวินอันเดธ 30,000 คนอยู่ภายใต้การบังคับบัญชานะ พลังชีวิตของพวกมันมีให้ดูดซับเพียบเลยหล่ะ แล้วเจ้าจะหยุดมันได้ยังไง?”
“นี่มัน…” ใบหน้าของโรมิลสันกลายเป็นสีแดงในทันที นี่เป็นปัญหาใหญ่จริงๆ
นี่เป็นแค่การแสดงเล็กๆก่อนที่จะเข้าสู่หัวข้อหลัก จากนั้นแอนโทนี่ก็ตบโต๊ะเบาๆก่อนที่จะพูดออกมา “ในเมื่อเวเวอร์มีพลังขนาดนี้, พวกเราก็ต้องกำจัดมันให้ได้ก่อนที่มันจะแข็งแกร่งยิ่งกว่านี้ ถ้าพวกเราปล่อยให้มันบ้าคลั่งต่อไป, จะไม่มีใครหยุดมันได้ ลิงค์, เจ้าคิดว่ายังไงหล่ะ?”
เด็กหนุ่มคนนี้ได้สร้างปาฏิหารย์มามากมาย ทุกคนจะมาหาเขาในตอนที่มีปัญหา
ลิงค์มีแผนอยู่ในหัวแล้ว เขาพูดออกมา “กองทัพอันเดธนั้นมีปัญหาอยู่อย่างนึง มันพึ่งพาเนโครแมนเซอร์มากเกินไป นี่เป็นองค์กรที่รวมศูนย์มากๆ ตราบใดที่พวกเราสามารถเอาชนะบุคคลที่เป็นศูนย์กลางได้, สิ่งอื่นๆก็จะพังไปตามธรรมชาติ ด้วยเหตุผลนี้, พวกเราก็ไม่ต้องจัดการกับอัศวินอันเดธ; พวกเราแค่ต้องสร้างกลุ่มเล็กๆขึ้นมากลุ่มนึงแล้วมุ่งหน้าไปหาเวเวอร์เท่านั้น”
อันที่จริง, ทุกคนในที่นี้ก็คิดแผนหนีขึ้นมาได้ อย่างไรก็ตาม, พวกเขาขาดความมุ่งมั่น พวกเขากลัวว่ากลุ่มเล็กๆนี้จะจบลงด้วยการทำผิดพลาด, และส่งผลให้ภารกิจล้มเหลว
ในอีกด้านนึง, ลิงค์นั้นดูเหมือนจะมองผ่านเมฆหมอกนี้ได้และชี้นำพวกเขาไปยังเส้นทางที่ถูกต้อง
“แต่เจ้าบอกว่ามันมีวิญญาณที่ไม่สามารถทำลายได้นี่” เกรนซี่พูด
ลิงค์พยักหน้าแล้วพูด “ใช่ครับ ดังนั้น, พวกเราจึงต้องการความช่วยเหลือของอัศวินศักดิ์สิทธิ์, เหมือนกับวิธีที่พวกเขาช่วยพวกเรากักขังวิญญาณของปีศาจเลือดทาลอนเมื่อ 200 ปีก่อน”
วิญญาณเป็นของดินแดนพระเจ้า มนุษย์ไม่มีความเข้าใจในพื้นที่นี้ ทั้งเทพปีศาจและเทพแห่งแสงมีความเข้าใจในพลังของดินแดนนี้อย่างลึกซึ้ง ดังนั้นคนในปกครองของพวกเขาจึงมีพลังที่จัดการกับวิญญาณได้
ปีศาจเลือดทาลอนเองก็ได้ติดต่อกับเทพปีศาจและได้รับวิญญาณที่ไม่สามารถทำลายได้มา อย่างไรก็ตาม, เมื่อ 200 ปีก่อนเขาก็ถูกจับได้ หลายๆคนลืมรายเอียดเกี่ยวกับความพินาศของเขาไปแล้ว, แต่ว่าลิงค์ยังจำมันได้อย่างชัดเจน
พอพูดจบ, รายละเอียดแผนการก็ผุดขึ้นมาในหัวของลิงค์ นอกจากนี้, นี่เป็นแผนที่มีความเป็นไปได้สูง
แอนโทนี่คิดอยู่พักนึงก่อนที่จะพูดออกมา “พระสันตะปาปากับหัวหน้าบาทหลวงประจำการอยู่ที่ป้อมทางเหนือ แต่ว่า, บาทหลวงของเมืองฮอทสปริงยังอยู่ที่เมือง ข้าจะไปติดต่อเขาให้”
จากนั้นมิลด้าก็พูดขึ้น “ในเมื่อพวกเราจะทำการลอบสังหาร, พวกเราก็ต้องพูดถึงสมาชิกที่เกี่ยวข้องด้วย ข้าเชื่อว่าศัตรูคงไม่ยอมมอบโอกาสให้เราทำภารกิจนี้สำเร็จได้หลายครั้งหรอก ถ้าพวกเราพลาดครั้งนี้, ครั้งต่อไปจะยากขึ้นมาก ดังนั้น, สมาชิกของภารกิจนี้จะต้องแข็งแกร่งมากๆ พวกเราต้องมีความมั่นใจในความสำเร็จของภารกิจนี้”
“รวมหุ่นเชิดเวทมนตร์ของผมกับตัวผมเขาไปได้เลย” ลิงค์พูด
กองทัพส่วนใหญ่ของอาณาจักรนอร์ตันนั้นอยู่ทางเหนือ นักเวทย์ที่แข็งแกร่งที่สุดที่ยังอยู่ทางใต้ก็คือลิงค์ นอกจากนี้, เขาคุ้นเคยกับรูปแบบการต่อสู้ของเวเวอร์ดี เขาไม่มีเหตุผลให้ออกห่างจากเรื่องนี้
ในส่วนของนานะนั้น, มันกลายเป็นนิสัยไปแล้วที่จะพาเธอไปทุกที่ในฐานะบอดี้การ์ดส่วนตัวของเขา
จากนั้นมิลด้าก็พูดเสริม “นับข้าไปด้วยสิ ข้าฟื้นตัวเต็มที่แล้วหลังจากที่พักผ่อนมาหลายวันขนาดนี้”
โรมิลสันพูดต่ออย่างรวดเร็ว “ในเมื่อองค์หญิงไป, ข้าก็ไปด้วย”
แอนโทนี่, เกรนซี่, และเฟอร์ดินันด์ทำได้แค่ยิ้มอย่างขมขื่นในขณะที่เฝ้ามอง พวกเขาแก่เกินกว่าที่จะทำภารกิจแทรกซึมที่ต้องใช้ความละเอียดขนาดนี้ พวกเขามีแต่จะเป็นภาระถ้าเข้าร่วมด้วย
แอนโทนี่ครุ่นคิดอยู่พักนึงก่อนที่จะพูดออกมา “ในเมื่อมันเป็นภารกินแทรกซึม, เจ้าก็จำเป็นต้องใช้ความเร็วและการปกปิดให้มากที่สุดเท่าที่เจ้าจะทำได้ ข้าจะเดินทางไปยับบ้า ในอีกสามวันถัดจากนี้, ข้าจะนำเรือรบกลับมาให้ลำนึง”
เรือรบนั้นเป็นยานพาหนะที่สะดวกสำหรับเดินทางไกล แล้วมันยังติดตั้งอาวุธเอาไว้มากมายด้วย เรือรบเป็นเหมือนกับป้อมปราการเคลื่อนที่ที่ลอยได้ มันมักจะเป็นสมบัติอันน่าภาคภูมิใจของเผ่ายับบ้าอยู่เสมอ
ความจริงที่ว่าแอนโทนี่สามารถสัญญาว่าจะหาเรือรบได้ภายในสามวันนั้นแสดงถึงเส้นสายอันกว้างขวางของเขา
ด้วยความเชื่อเหลือของเรือรบ, พวกเขาจะไม่ต้องกังวลเกี่ยวกับการแทรกซึมและการล่าถอยอีก
จากนั้นเฟอร์ดินันด์ก็พูดต่อ “ข้ารู้จักหัวหน้าสภานักเวทย์ในอาณาจักรเซาท์มูน พวกเราทั้งคู่เคยศึกษาในสถาบันเวทมนตร์เดียวกันในตอนที่พวกเรายังหนุ่ม ข้าจะไปเยี่ยมเขาแล้วขอความช่วยเหลือ การปรากฎตัวของกองทัพอันเดธก็เป็นภัยคุกคามใหญ่หลวงสำหรับอาณาจักรเซาท์มูน ข้าเชื่อว่าเขาจะช่วยพวกเราในการควบคุมอาณาจักรเดลอนก้า”
การลดความแข็งแกร่งของกองทัพอันเดธก็เป็นเรื่องสำคัญเช่นกัน
สุดท้าย, มันก็คือตาของเกรนซี่ เขาผายมือออกมาอย่างจนปัญญาในขณะที่พูด “ข้าไม่มีเส้นสายหรอก แต่ว่า, ข้าพอมีประสบการณ์ในการปรุงยาและมีชุดยาอยู่ที่สถาบัน พวกมันบางส่วนสามารถใช้รักษาบาดแผลได้ในขณะที่บางส่วนสามารถใช้เพิ่มพลังโจมตีหรือพลังป้องกันได้ ข้าจะไม่เก็บพวกมันเอาไว้ในชั้นอีกแล้ว ดังนั้นข้าจะกลับไปยังหอคอยเวทมนตร์แล้วเอาทั้งหมดนั้นมาให้เจ้า”
หลังจากที่เรื่องอัศวินศักดิ์สิทธิ์, เรือรบ, ยาและกลุ่มนักเวทย์สภาเข้าที่แล้ว, ภารกิจสังการก็จะเริ่มต้นขึ้น
แล้วลิงค์ก็พูดเสริม “ร่ายกายของเวเวอร์นั้นถูกหุ่นเชิดเวทมนตร์ของผม, นานะทำลายไปแล้ว, หลังจากที่มันกลับไปเดลอนก้า, มันจะทำการสะสมพลังอย่างบ้าคลั่ง แล้วมันก็คงจะคิดแผนป้องกันนานะอย่างแน่นอน ดังนั้นก่อนที่พวกเราจะออกไป, ผมจะจัดการปรับแต่งบางอย่างกับเธอ”
ทุกคนพยักหน้า หุ่นเชิดเวทมนตร์ของลิงค์แข็งแกร่งมากๆและสามารถตัดสินความสำเร็จของภารกิจนี้ได้ นี่เป็นมติเอกฉันท์
การสนทนาจบลงตรงนี้แล้วทุกคนก็ไปเตรียมสิ่งที่จำเป็น จากนั้นลิงค์ก็ไปหาแอนโทนี่แล้วพูด “ผมจับคนสำคัญของดาร์คเอลฟ์ได้สองคนในภารกิจนี้ หนึ่งในนั้นคือเจ้าชายทมิฬ วอลเตอร์, ในขณะที่อีกคนนึงก็คือผู้อาวุโสแห่งพันธมิตรซิลเวอร์มูน, ไอมอนส์ ผมเชื่อว่าการส่งพวกเขาไปทางเหนือจะเป็นความคิดที่ดีนะครับ พวกเราอาจจะสามารถยื้อเวลาศึกตัดสินได้”
ณ เวลานี้, ทั้งอาณาจักรกำลังค้นหาวิธีป้องกันอสรพิษทมิฬอยู่ ยิ่งพวกเขามีเวลาเตรียมตัวนานเท่าไหร่, โอกาสสำเร็จก็จะยิ่งสูงเท่านั้น
แอนโทนี่ประหลาดใจเล็กน้อยกับตัวประกันที่เหมาะสมสองคนนี้แล้วพูดออกมา “เจ้าพูดถูก, ข้าจะแจ้งคนของ MI3 ให้มาจัดการเรื่องนี้
“เยี่ยมไปเลยครับ”
จากนั้น, ลิงค์ก็ไปหาอัลโลวา
อัลโลวาได้เปลี่ยนเป็นชุดนอนแล้วในตอนนี้ เธอกำลังสวมเสื้อเชิ้ตและปล่อยผมลงมาประบ่าของเธอ ดวงตาสีแดงฉานที่เป็นเอกลักษณ์ของราชวงศ์ดาร์คเอลฟ์ของเธอเองก็มีเสน่ห์อันโดดเด่น ส่วนรูปร่างของเธอนั้นน่าดึงดูดยิ่งกว่า
พอเห็นลิงค์, เธอก็ยิ้มแล้วพูดออกมา “ข้าสัมผัสได้ถึงความเกลียดชังบนใบหน้าของเจ้า เจ้ากำลังเตรียมตัวไปฆ่าคนหรอ? ให้ข้าเดานะ…เวเวอร์ใช่ไหม?”
“ไม่ใช่เรื่องที่เดายากซะหน่อย” ลิงค์ผายมือออกมาอย่างช่วยไม่ได้ จากนั้นเขาก็กวาดตามองรอบๆห้องแล้วถาม “เซลีนอยู่ไหนหล่ะ?”
ในตอนที่เขาถามคำถามนี้, รอยยิ้มมีเลศนัยก็ปรากฎขึ้นบนใบหน้าของอัลโลวา แล้วเธอก็พูดออกมา “ข้าบอกเจ้าไม่ได้หรอก เธอบอกว่ามันคือเซอร์ไพรส์”
“เซอร์ไพรส์หรอ?” ลิงค์ไม่เข้าใจ อย่างไรก็ตาม, เขาเลือกที่จะไม่สนใจมันแล้วรอให้เซอร์ไพรส์นั้นเกิดขึ้นอย่างอดทน จากนั้นเขาก็พูดต่อ “เธอรู้จักทฤษฎีหุ่นเชิดเวทมนตร์ไหม?”
“ข้าเริ่มเรียนรู้เกี่ยวกับหุ่นเชิดเวทมนตร์หลังจากที่อาเซเลียถูกหุ่นเชิดจัดการ เจ้าสามารถพูดได้เลยว่าข้ามีประสบการณ์ค่อนข้างน้อยในเรื่องนี้”
“แค่นั้นก็พอแล้ว” ลิงค์ประหลาดใจเล็กน้อย เขาเองก็พึ่งจะศึกษาทฤษฎีหุ่นเชิดเวทมนตร์หลังจากที่เอาชนะอาเซเลียได้ ตอนนี้, เขาถูกพิจารณาว่าเป็นผู้เชี่ยวชาญในด้านนี้แล้ว และเมื่ออ้างอิงจากสติปัญญาของอัลโลวา, ถ้าเธอบอกว่าเธอมีประสบการณ์กับมัน, มันก็อาจจะหมายความว่าเธอทำการวิจัยมาเพียงพอแล้ว
“ช่วยอะไรหน่อยได้ไหม: ฉันอยากให้เธอช่วยแก้ไขจุดอ่อนที่นานะมี”
นานะนั้นเกือบจะสมบูรณ์แบบ อย่างไรก็ตาม, ความจริงที่ว่าร่างกายของเธอทำมาจากสสารโลหะนั้นก็เป็นจุดอ่อนที่สำคัญ
เวเวอร์เป็นคนฉลาด เขาจะสังเวยวิญญาณให้กับทาบินอสเพิ่มอย่างแน่นอนหลังจากที่กลับไปอาณาจักรเดลอนก้า แล้วหลังจากนั้นเขาก็จะขอสกิลศักดิ์สิทธิ์ที่สามารถเอาชนะนานะได้ ซึ่งเวทย์แบบนั้นก็มักจะเป็นพวกเวทย์แม่เหล็กแถมมันก็เชี่ยวชาญได้ไม่ยากด้วย พอเวเวอร์เชี่ยวชาญเวทย์พวกนั้น, นานะก็จะเจอปัญหา ดังนั้น, ลิงค์ต้องกำจัดปัญหาที่กำลังมาถึงนี้
แน่นอนว่าอัลโลว่าไม่ได้ปฏิเสธคำขอนี้ เธอพยักหน้าแล้วพูด “จะให้ช่วยพัฒนานานะหรอ? ข้ารู้สึกเป็นเกียรติมากจริงๆ”