สามวันต่อมา, ณ หุบเขาแห่งนึงในที่รกร้างเฟิร์ด
หุบเขาแห่งนี้กว้างขวางมากๆ มีภูเขาสองลูกที่มีความสูงกว่า 300 ฟุตล้อมรอบมัน, ทำให้มันเป็นไปไม่ได้ที่คนนอกจะสังเกตุเห็นว่าเกิดอะไรขึ้นในหุบเขา
มีคน 14 คนยืนอยู่กลางหุบเขา: ลิงค์, มิลด้า, โรมิลสัน, นานะ, อัศวินศักดิ์สิทธิ์แปดคน, และหัวหน้าบาทหลวงสองคน พวกเขาทุกคนเป็นสมาชิกของภารกิจลอบสังหารนี้
มันเป็นฤดูร้อนที่ร้อนมากจริงๆ แสงอาทิตย์ส่องมาที่หน้าของพวกเขาอย่างไร้ความปราณี แม้ว่าจะมีเวทย์ที่สามารถลดอุณหภูมิรอบๆตัวพวกเขาได้, แต่มันก็ยังรู้สึกไม่สบายตัวเมื่อยืนอยู่ภายใต้แสงอาทิตย์นี้ ทุกคนต่างก็มีสีหน้ากระสับกระส่าย
“ทำไมพวกเขายังไม่มาสักทีเนี่ย?” โรมิลสันพูดอย่างหมดความอดทน
ลิงค์ดูนาฬิกาของเขาแล้วพูดออกมา “พวกเรายังมีเวลาอีกห้านาทีก่อนจะถึงเวลาที่ตกลงกันไว้ เผ่ายับบ้านั้นค่อนข้างจะตรงเวลา พวกเขาน่าจะมาถึงที่นี่ในเร็วๆนี้แหล่ะ”
“ข้าได้ยินมาว่าเรือรบของเผ่ายับบ้านั้นเชื่อถือไม่ได้ มันสามารถร่วงจากท้องฟ้าได้เพียงเพราะระบบนำทางขัดข้องเล็กน้อย มันเป็นเรื่องจริงรึเปล่า?” อัศวินศักดิ์สิทธิ์คนนึงปาดเหงื่อบนหน้าผากของเขาในขณะที่พูด เขาสวมชุดเกราะศักดิ์สิทธิ์ทั้งตัว ซึ่งมันทั้งร้อนและอบอ้าวมาก
โรมิลสันหัวเราะในขณะที่พูด “มันไม่ค่อยน่าเชื่อถือจริงๆนั่นแหล่ะ แต่ว่านะ, มันก็เร็วมากจริงๆ นอกจากนี้, ต่อให้มันตก, พวกเราก็ยังมีเวทย์ลอยอยู่ พวกเราจะไม่เป็นอะไร”
“เอาเถอะ หยุดพูดเรื่องไร้สาระได้แล้ว” มิลด้าจ้องโรมิลสันอย่างเข้มงวด จากนั้นโรมิลสันก็ยักไหล่แล้วหยุดพูด
ห้านาทีต่อมา, เสียงหมุนของเครื่องจักรก็สามารถได้ยินได้จากท้องฟ้า ไม่นานหลังจากนั้น, เงาดำขนาดใหญ่ก็ปรากฎขึ้นบนท้องฟ้าเหนือที่รกร้างเฟิร์ด
ทุกคนจ้องไปยังทิศทางเดียวกัน
นี่เป็นเรือเหาะที่ใหญ่โตมากๆ มันมีความยาว 50 ฟุตและกว้าง 20 ฟุต ภายนอกของเรือเหาะนั้นทำมาจากโลหะสีดำบริสุทธิ์ มีวงเวทย์ขนาดใหญ่เขียนเอาไว้บนโลหะนั้น อากาศที่อยู่ใต้ท้องเรือก็แสดงให้เห็นถึงความบิดเบือน, เนื่องจากความผันผวนอันมหาศาลของธาตุลมที่อยู่รอบๆเรือ ทั้งสองฝั่งของเรือนั้นจะมีปืนใหญ่สีดำฝั่งละกระบอก พวกมันคือปืนใหญ่เวทมนตร์อันแสนภาคภูมิใจของเผ่ายับบ้า มันมีข่าวลือว่าความถี่ในการยิ่งนั้นสูงมาก, มันยิงได้สูงสุดถึง 30 นัดต่อนาที ส่วนอำนาจการยิงในแต่ละนัดนั้นก็ไม่ได้เบาไปกว่าเวทย์เลเวล 6 เลย มันครอบครองพลังอันน่าเกรงขามเอาไว้บนสนามรบ
วัตถุขนาดใหญ่โตนี้ค่อยๆลงมาอย่างช้าๆ ในตอนที่มันถึงพื้น, วงเวทย์ที่อยู่ใต้ท้องเรือก็ได้สัมผัสกับหุบเขา
ฟู่ววว! เศษฝุ่นและเศษหินจำนวนมหาศาลถูกพัดขึ้นมาจากพื้น, พร้อมกับเกิดลมพัดแรง
ลิงค์ปล่อยเวทย์ป้องกันเลเวล 2 ออกมาในทันที, แล้วห่อหุ้มทุกคนเอาไว้ด้วยแสงอ่อนๆเพื่อป้องกันจากการถูกลมกระแทก
จากนั้นมิลด้าก็มองลิงค์ก่อนที่จะถามออกมา “ดูเหมือนว่าเจ้าจะพัฒนาเทคนิคการร่ายเวทย์ได้อีกแล้วสินะ?”
ลิงค์พยักหน้าก่อนที่จะพูดออกมา “ผมต้องขอบคุณอัลโลวาสำหรับเรื่องนี้ เธอช่วยทำให้เทคนิคการร่ายเวทย์หลายๆอย่างของผมสมบูรณ์แบบในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมานี้ แล้วเวทย์มิติของผมเองก็พัฒนาขึ้นไปอย่างมหาศาลด้วย”
“ดาร์คเอลฟ์เลือดผสมคนนั้นอะนะ? ข้าหล่ะสงสัยจริงๆ ทำไมเจ้าถึงเชื่อใจเธอแถมยังแบ่งปันข้อมูลของนานะให้กับเธอด้วย? ถ้าเกิดว่า…”
มิลด้าไม่ได้พูดจนจบประโยค แต่ก็แน่นอนว่าลิงค์เข้าใจสิ่งที่เธอต้องการจะสื่อ เขาไม่สามารถบอกว่าเขามีข้อมูลจากในเกมส์ได้ นอกจากนี้, ประวัติศาสตร์ก็กำลังเปลี่ยนแปลงในโลกนี้ ถ้าเกิดเขาใช้ความรู้จากในเกมส์เพื่อตัดสินนิสัยของผู้คนต่อ, มันก็คงจะมีปัญหา ยกตัวอย่างเช่นเวเวอร์ เขานั้นไม่ได้เป็นบุคคลที่น่าสนใจภายในเกมส์ อย่างไรก็ตาม, เขาก็ได้เปลี่ยนเป็นบอสใหญ่ในไทม์ไลน์นี้แล้ว
โดยปกติ, สภาพสุดท้ายของคนๆนึงนั้นไม่ได้ถูกตัดสินด้วยนิสัยหรือบุคลิกของพวกเขา, แต่เป็นชะตากรรมของพวกเขา
ดังนั้น, แม้ว่าลิงค์จะทำเป็นเชื่อใจอัลโลวาอย่างมากในภายนอก, แต่เขาก็วางแผนเอาไว้มากมายในเงามืด จากนั้นเขาก็พูดขึ้นมา “ผมไม่ได้เชื่อใจเธอเต็มที่หรอก ผมได้วางสปายเอาไว้หลายคนทั่วหอคอยเวทมนตร์ แล้วนี่ก็เป็นเหตุผลที่ผมไม่ได้พาเซลีนออกมาด้วยในครั้งนี้เช่นกัน”
ด้วยสติปัญญาของอัลโลวา, สปายพวกนี้คงไม่สามารถหลอกเธอได้ อย่างไรก็ตาม, ลิงค์เชื่อว่าถ้าเธอไม่ได้ปกปิดอันตรายเอาไว้, เธอก็คงจะไม่อะไรกับมันเช่นกัน
ณ ตอนนี้, เรือเหาะได้ลงมาถึงพื้นแล้ว, และประตูฝั่งซ้ายของมันก็เปิดออก จากนั้นก็มีบันไดทอดลงมา, แล้วก็มีเผ่ายับบ้าตัวเล็กๆผมสีเขียวคนนึงยืนอยู่ที่ประตู เขาโบกมือให้พวกเขาในขณะที่เสียงแหลมเหมือนกับเด็กของเขาดังก้องไปทั่วพื้นที่ “เห้, พวกตัวโต! ขึ้นมาสิ!”
จากนั้นลิงค์กับคนที่เหลือก็เดินขึ้นไป
โชคดีที่, เรือเหาะที่เผ่ายับบ้าสร้างนั้นไม่ได้เล็กเหมือนรูปร่างของพวกเขา อันที่จริง, เรือเหาะของพวกเขานั้นกว้างมากจริงๆ นอกจากนี้, มันยังหรูหรามากๆด้วย มันเต็มไปด้วยวงเวทย์มากมายที่มีไว้เพื่อเพิ่มความสะดวกสบายในการเดินทาง
“มานั่งนี่สิ” ยับบ้าคนเมื่อสักครู่นี้ได้นำทางพวกเขามาถึงส่วนหน้าของเรือเหาะ
ส่วนหน้าของเรือเหาะนั้นมีรูปร่างเป็นครึ่งวงกลม มีกระจกโปร่งแสงขนาดใหญ่อยู่รอบๆและแสดงทัศนียภาพอันงดงามของพื้นที่โดยรอบ ทุกคนได้รู้จักชื่อของยับบ้าคนนี้แล้วในระหว่างที่เดินทางมาที่นี่ เขามีชื่อว่าเมอร์ลิน, เขาเป็นหัวหน้าของเรือที่มีชื่อว่า USS Owl ลำนี้
“เห้พวกตัวโต, นั่งลงสิ ข้าได้ยินเกี่ยวกับภารกิจมาแล้ว ฆ่าเนโครแมนเซอร์ใช่ไหม…นี่ช่างเป็นการผจญภัยที่น่าตื่นเต้นจริงๆ มันคงจะสนุกน่าดู!” เมอร์ลินนั่งเก้าอี้ของตัวเองแล้วเงยหน้ามองทุกคนอย่างกระตือรือร้น
ทุกคนแลกเปลี่ยนสายตากันด้วยความสับสน จากมุมมองของพวกเขานั้น, ภารกิจนี้อันตรายมาก, และพวกเขาก็มีโอกาสตายสูง อย่างไรก็ตาม, ชายตัวเล็กคนนี้กลับบอกว่ามันน่าสนุก นี่มันน่าเหลือเชื่อจริงๆ
ชื่อของผู้บัญชาการอัศวินศักดิ์สิทธิ์ก็คือโจเซฟ ฮันนิบาล เขาเป็นอัศวินเลเวล 7 ที่มาจากโบสถ์และแข็งแกร่งมากๆ เขามีอายุ 38 ปีแล้วและเคยจัดการกับปีศาจด้วยการต่อสู้ตัวต่อตัว, ซึ่งปีศาจตนนั้นก็คือปีศาจพันเนตรจากมิติอื่น เขามีชื่อเสียงโด่งดังภายในโบสถ์และเป็นหนึ่งในหกอัศวินพิพากษา ซึ่งความสำเร็จของภารกิจนี้ขึ้นอยู่กับเขาเป็นส่วนใหญ่
จากนั้นเขาก็กระซิบกับลิงค์ที่อยู่ข้างๆเขา, “มาสเตอร์, ข้ารู้สึกว่าไอจิ๋วคนนี้ดูไม่น่าเชื่อถือเอาซะเลย”
ลิงค์ยิ้มแล้วพูดออกมา “ไม่ต้องห่วงหรอก; พวกเขาก็มักจะเป็นแบบนี้หล่ะ—ชอบผจญภัยแต่ก็รอบคอบ ในตอนที่การต่อสู้เริ่มขึ้น, นายจะได้รู้ว่าจริงๆแล้วพวกเขาเป็นพรรคพวกที่น่าเชื่อถือมากๆ”
ลิงค์ไม่ได้พูดเบาเลยในตอนที่เขาพูดออกมาแบบนี้ เมอร์ลินได้ยินพวกมันอย่างชัดเจนและยิ้มให้คำพูดพวกนี้อย่างร่าเริง จากนั้นเขาก็พูดออกมา “มาสเตอร์ลิงค์พูดถูก! ทุกคนไว้ใจพวกเราได้เลยในตอนที่การต่อสู้เริ่มขึ้น!”
มิลด้าเองก็เริ่มสนทนากับยับบ้า เธอพูด “เมื่อสามปีก่อน, ข้าได้พบกับเลดี้ฟอร์ทูน่าเอลิน เธอยังสบายดีอยู่ใช่ไหม?”
พอพูดถึงเรื่องเอลิน, รอยยิ้มของเมอร์ลินก็หายไป ใบหน้าของเขาหม่นหมองในขณะที่ขมวดคิ้วแล้วถอนหายใจออกมา “ไม่ดี ไม่ดีเลย ดูเหมือนว่าเอลินจะมองเห็นอนาคตอันน่าหวาดกลัว เธอเอาแต่พูดว่าดาร์คเอลฟ์จะบุกรุกเมืองแห่งวิทยาศาสตร์, เมืองลาลิเอลของพวกเรา เธอได้ไปโน้มน้าวให้ราชาย้ายไปทางเหนือ แต่ว่า, พวกเราทุกคนก็คิดว่าดาร์คเอลฟ์ไม่ได้มีพลังขนาดนั้น”
ลิงค์ตกตะลึงในตอนที่เขาได้ยินคำพูดพวกนี้ จากนั้นเขาก็ถาม “พวกนายไม่เชื่อเธอหรอ?”
เมอร์ลินยักไหล่แล้วพูดออกมา “เอลินมีพรสวรรค์ในสาขาเวทมนตร์ นี่เป็นเรื่องที่ไม่มีใครสงสัย แต่ว่า, ไอเรื่องอย่างการมองเห็นอนาคตนั้นมันจะเป็นไปได้ก็ต่อเมื่อเธอเป็นพระเจ้าเท่านั้น เรื่องนี้มันดูไม่เป็นรูปธรรมมากเกินไป นอกจากนี้, ยับบ้าก็ใช้ชีวิตอยู่ในลาริเอลมา 3,000 ปีแล้ว เธอไม่สามารถขอให้ทั้งเผ่าพันธุ์ของพวกเราย้ายออกเพียงเพราะคำทำนายที่คลุมเครือได้หรอก ข้าพูดถูกไหม?”
เขาก็พูดถูกเช่นกัน เวทย์ทำนายนั้นมักจะคลุมเครือและน่าสงสัย ยังไงซะ, ก็ไม่มีใครรู้ว่าอนาคตจะออกมาเป็นเช่นไร
จากนั้นเมอร์ลินก็ผายมือออกมาอย่างจนปัญญาแล้วถอนหายใจก่อนที่จะพูดออกมา “อันที่จริง, เรื่องนี้ข้าเชื่อเอลินนะ พวกดาร์คเอลฟ์มันบ้าเกินไปแล้ว ใครจะไปรู้หล่ะว่าพวกมันจะทำอะไรได้บ้าง? แต่ว่านะ, ความเชื่อของคนๆเดียวมันไม่พอหรอก”
นี่เป็นการเมืองภายในของเผ่ายับบ้า ไม่มีใครกล้าคุยเรื่องนี้ต่อ จากนั้นมิลด้าก็ทำลายความเงียบด้วยการพูดอย่างสุภาพ “ขอให้เทพแห่งแสงสถิตอยู่กับพวกเรา”
แล้วทุกคนก็พูดตามเธอ “ขอให้เทพแห่งแสงสถิตอยู่กับพวกเรา”
บรรยากาศตึงเครียดเล็กน้อย, และหลังจากที่ผ่านไปไม่กี่นาที, เมอร์ลินก็ทำลายความเงียบด้วยการส่งจดหมายให้ลิงค์ เขาพูด, “ดยุคอาเบลได้ฝากมาให้ท่านในตอนที่พวกเราผ่านป้อมโอริด้า จากสีหน้าของเขา, ดูเหมือนว่ามันจะไม่ใช่ข่าวดีนะ”
ลิงค์ตกตะลึงและเปิดจดหมายดู หลังจากที่ได้อ่านจดหมาย, ใบหน้าของลิงค์ก็หม่นหมอง
“เกิดอะไรขึ้น?” มิลด้าถาม
จากนั้นลิงค์ก็ส่งจดหมายให้เธอ
หลังจากที่มิลด้าได้เห็นจดหมาย, เธอก็เม้มปากเงียบ พอเห็นแบบนี้โจเซฟก็รู้สึกสนใจเช่นกัน, แล้วเธอก็ส่งจดหมายให้เขา
หลังจากที่โจเซฟได้อ่านจดหมาย, เขาก็ตบต้นขาด้วยความขุ่นเคืองแล้วพูดออกมา “ไอพวกดาร์คเอลฟ์นี่มันไม่ต่างอะไรจากตัวปัญหาจริงๆ!”
จดหมายนี้ไม่ใช่จดหมายลับสุดยอด ไม่นานนัก, ทุกคนในเรือเหาะก็ได้เห็นมัน, แล้วใบหน้าของพวกเขาในตอนนี้ก็เต็มไปด้วยความกังวล
มีข้อมูลทั้งหมดสามเรื่องในจดหมายนี้ เรื่องแรก, มันระบุว่าไอมอนส์ได้ถูกดาร์คเอลฟ์ช่วยเหลือในขณะที่เจ้าชายทมิฬวอลเตอร์ถูกฆ่า ณ จุดเกิดเหตุ เรื่องที่สอง, มันบอกว่าไอมอนส์ได้หลอมรวมเข้ากับอสรพิษทมิฬ, ทำให้เขากลายเป็นผู้ถือครองอุปกรณ์ระดับพระเจ้า ส่วนเรื่องที่ 3, หน่วย MI3 พบว่ามีปีศาจระดับสูงกำลังมุ่งหน้าลงใต้ ตอนนี้, พวกเขายังจับตาดูพวกมันอยู่, แม้ว่าจุดหมายของพวกมันจะยังไม่ชัดเจนก็ตาม
ข้อมูลสองส่วนแรกนั้นไม่ได้สร้างผลกระทบกับคนที่อยู่ที่นี่มากนัก อย่างไรก็ตาม, เรื่องสุดท้ายนั้นแปลกมากไม่ว่าจะดูยังไงก็ตาม ปีศาจระดับสูงนั้นเป็นสิ่งมีชีวิตที่ถูกดาร์คเอลฟ์อัญเชิญมา, และพวกมันก็ฟังคำสั่งของดาร์คเอลฟ์เพียงเท่านั้น แล้วนี่พวกมันมุ่งหน้าลงใต้ทำไมกัน?
โรมิลสันถาม “คิดว่าพวกมันมาที่นี่เพื่อสนับสนุนเวเวอร์รึเปล่า?”
ลิงค์ถอนหายใจในขณะที่พูด “หากไม่มีข้อมูลสองส่วนแรก, ฉันคงไม่มั่นใจนัก, แต่ว่า, ตอนนี้ไอมอนส์ได้หลอมรวมเข้ากับอุปกรณ์ศักดิ์สิทธิ์แล้ว, ฉันสามารถยืนยันได้เลยว่าพวกเราจะได้พบกับปีศาจจำนวนมากที่เมืองผีของเวเวอร์
ไอมอนส์มีส่วนร่วมในการต่อสู้ในวันนั้นเช่นกัน ด้วยสติปัญญาของเขา, เขาน่าจะคาดเดาแผนการของพวกเขาออกอย่างแน่นอน ซึ่งการส่งปีศาจระดับสูงมาหยุดพวกเขาในตอนนี้นั้นสามารถป้องกันปัญหาที่ไม่จำเป็นได้ และต่อให้พวกเขาไม่ได้พยายามฆ่าเวเวอร์, ไอมอนส์ก็ไม่ได้สูญเสียอะไรเช่นกัน
ปีศาจระดับสูงนั้นเป็นสิ่งมีชีวิตที่แข็งแกร่งมากๆและมาจากหลากหลายสายพันธุ์ พวกมันแต่ละตัวนั้นมีรูปแบบการต่อสู้ที่เฉพาะเจาะจึงที่มีทั้งเอกลักษณ์และความแข็งแกร่ง
สรุปแล้ว, มันก็คือข่าวร้าย
ทุกคนตกอยู่ในความเงียบ, แม้กระทั่งเมอร์ลิน, ที่รักการผจญภัยก็ยังหยุดพูดล้อเล่น การผจญภัยมันก็อีกเรื่องนึง, แต่ถ้าฝ่ายตรงข้ามแข็งแกร่งจนพวกเขาแทบหมดโอกาสนั้น, มันก็คงจะไม่สนุก
นานะถามขึ้นมาในทันที “นายท่าน, นานะต้องจัดลำดับความสำคัญของพวกปีศาจในการต่อสู้ไหม?”
เธอไม่ได้กลัวเลย น้ำเสียงของเธอสดใสและชัดเจนเหมือนเช่นเคย ภายใต้สถานการณ์แบบนี้, มันฟังดูเหมือนกับว่าเธอค่อนข้างตื่นเต้นด้วยซ้ำ
เมอร์ลินมองนานะในขณะที่เขาลูบหัวของตัวเองและพูดด้วยรอยยิ้มอันขมขื่นบนใบหน้าของเขา “มาสเตอร์, หุ่นเชิดเวทมนตร์ของท่านน่าสนใจจริงๆ ข้าคิดว่าข้าตกหลุมรักเธอแล้วหล่ะ”
…
ทางใต้, เมืองผี
กลุ่มปีศาจระดับสูง 13 ตัวได้มาถึงทางเข้าเมืองผีแล้ว หัวหน้าของกลุ่มนี้มีเขาโค้งงอ, ใบหน้ายั่วยวนเหมือนมนุษย์, ปีกสีม่วง, หน้าอกใหญ่, ขายาว, และบั้นท้ายโค้งงอน เธอมีเกล็ดสีม่วงปกคลุมส่วนสำคัญของเธอและมีกีบเหมือนแกะ เธอมีแซ่หนามอันคมกริบเป็นอาวุธของเธอด้วย เธอเป็นเผ่าพันธุ์ปีศาจระดับสูงที่ได้รับการยกย่องในชื่อซักคิวบัส
เธอจ้องไปที่เมืองผีและฟาดแส้ของเธอเต็มกำลัง, ทำให้เกิดเสียงดังสนั่น จากนั้นเธอยิ้มอย่างชั่วร้ายแล้วพูดออกมา “พูดตามตรง, ข้าไม่ชอบโครงกระดูกพวกนี้เลย พวกมันไม่รู้จักวิธีหาความสนุกด้วยซ้ำ”