ที่ถนนด้านหน้าประตูทางเข้าเมืองผี
ในการเผชิญหน้ากับปีศาจระดับสูงและอัศวินอันเดธที่พุ่งเข้ามา โจเซฟได้ตะโกนออกมา “หยุดพวกมัน! หยุดพวกมัน!”
โดยมีโจเซฟเป็นหัวหน้า เหล่าอัศวินศักดิ์สิทธิ์ได้พุ่งไปข้างหน้าและเริ่มทำการต่อสู้กับศัตรูโดยตรง! อัศวินศักดิ์สิทธิ์ทั้ง 10 คนได้เปิดใช้ออร่าต่อสู้จอกศักดิ์สิทธิ์ของพวกเขา มีลมกรรโชกเกิดขึ้นในทันที และพายุศักดิ์สิทธิ์ก็ได้พัดออกมาจากตัวอัศวินทุกคน มีวงแหวนที่แตกต่างกันปรากฏขึ้นมา
วงแหวนป้องกัน
สิ่งมีชีวิตธาตุแสงทั้งหมดในระยะ 150 ฟุตจะได้รับความสามารถในการป้องกันพลังแห่งความมืดเพิ่มขึ้น 50% การป้องกันต่อการโจมตีทางชีวภาพเพิ่มขึ้น 100% และความเร็วเพิ่มขึ้นอีก 50%
วงแหวนนาม
ความเสียหายที่เกิดขึ้นกับสิ่งมีชีวิตธาตุแสงภายในระยะ 150 ฟุตจะถูกสะท้อนกลับไปหาผู้โจมตีด้วยความแรง 30% ของความแรงปกติ ซึ่งการโจมตีนั้นจะต้องมีเลเวลไม่เกิน 8
วงแหวนแสง
สิ่งมีชีวิตธาตุแสงในระยะ 150 ฟุต จะได้รับธาตุของพวกเขาเพิ่มขึ้น 20%
ในชั่วพริบตา ทุกคนก็ถูกห้อมล้อมด้วยแสงสีขาวอันหนาแน่น มีรูนแสงจำนวนมากไหลผ่าน ซึ่งภาพนี้ดูสวยงามมากๆ กลุ่มอัศวินศักดิ์สิทธิ์ได้ใช้พลังของพวกเขาสร้างอาณาเขตแห่งแสงขึ้นมาภายในป่าพิษที่เต็มไปด้วยความมืดมิดแห่งนี้
ในเวลาต่อมา พวกปีศาจก็ได้มาถึง ซึ่งตัวแรกก็คือปีศาจเพลิงโฟดอร์
พลังชีวิตของปีศาจระดับสูงนั้นแข็งแกร่งมากๆ ปีศาจเพลิงโฟดอร์ตัวนี้เพิ่งถูกนานะแทงไปสองครั้งเมื่อก่อนหน้านี้และแขนหักไปแล้ว แต่ตอนนี้ มันกลับดูปกติมากๆ
สิ่งที่แตกต่างอย่างเดียวก็คืออาวุธของมัน แต่เดิมมันมีดาบเพลิงปีศาจ 2 เล่ม แต่ว่าเล่มนึงได้ถูกทำลายไปแล้วดังนั้นตอนนี้มันจึงมีแค่ดาบธรรมดา
เมื่อเห็นมันพุ่งเข้ามา โจเซฟก็พุ่งไปหามันโดยไม่ลังเล
แกร๊ง แกร๊ง ทั้งสองแลกดาบกันนับครั้งไม่ถ้วนโดยที่ไม่มีฝ่ายไหนได้เปรียบไปมากกว่ากัน
แน่นอนว่า ปีศาจเพลิงโฟดอร์นั้นมีฝีมือดาบที่เรียกได้ว่าเกือบจะสมบูรณ์แบบ แต่ว่ามันเพิ่งจะเปลี่ยนอาวุธใหม่และยังไม่ชินกับมัน แถมก่อนหน้านี้แขนของมันก็ได้รับบาดเจ็บจากนานะด้วย ซึ่งภายนอกมันอาจจะดูเหมือนไม่เป็นอะไร แต่จริงๆแล้วมันยังมีปัญหากับการต่อสู้ที่รุนแรง และที่แย่ไปกว่านั้น อัศวินศักดิ์สิทธิ์มีวงแหวนจำนวนมาก และที่โดดเด่นที่สุดก็คือวงแหวนหนาม ปีศาจนั้นสามารถรู้สึกถึงแรงสั่นสะเทือนจากฝ่ายตรงข้ามได้อย่างชัดเจน
และสิ่งนี้ก็ทำให้พวกปีศาจต้องถอย
ซึ่งมันตรงกันข้ามกับโจเซฟ เขาไม่มีความกังวลและทุ่มสุดตัว มันไม่มีอะไรที่ต้องกังวล; เขาเพียงแค่ต้องฆ่าปีศาจที่อยู่ตรงหน้าของเขาให้ได้ เขาแสดงพลังที่แข็งแกร่งที่สุดของเขาออกมา
ด้วยความเปลี่ยนแปลงนี้ ปีศาจเพลิงโฟดอร์ที่สามารถสู้กับนานะได้อย่างสูสีก็ยังเทียบไม่ได้กับโจเซฟในตอนนี้
มิลด้าเองก็ต่อสู้เช่นกัน เธอหยิบเมล็ดขนาดเท่ากำปั้นออกมา 3 เมล็ดและใส่มานาของเธอเข้าไป เมล็ดนั้นส่องแสงสีเขียวขึ้นมาในทันที จากนั้นเธอก็โยนมันไปข้างหน้า “จงเติบโตขึ้น ทหารตัวน้อยของข้า!”
มันคือเวทย์เพาะปลูกที่เป็นเอกลักษณ์ของไฮเอลฟ์ ตอนนี้ มิลด้าได้ใช้มันในการสร้างนักรบพืซที่แข็งแกร่งของไฮเอลฟ์ขึ้นมา-วิญญาณต้นไม้สีทอง!
วิญญาณต้นไม้สีทอง
เวทย์เพาะปลูก เลเวล 7
ผล: เมื่อเมล็ดถูกเติมด้วยมานาที่เพียงพอและได้รับออกซิเจน ดินและน้ำ มันจะงอกออกมากลายเป็นวิญญาณต้นไม้ที่มีพลังในการต่อสู้อันน่าหวาดกลัว วิญญาณต้นไม้พวกนี้จะใช้เถาวัลย์และหนามพิษเป็นแส้ วิญญาณต้นไม้สามารถพ่นเมล็ดที่มีพลังระเบิดรุนแรงออกมาได้ ซึ่งมันรุนแรงพอที่จะทำให้อวัยวะภายนอกของฝ่ายตรงข้ามกระจุยได้
(หมายเหตุ: นี่เป็นเวทย์สำหรับราชวงศ์ไฮเอลฟ์โดยเฉพาะ การร่ายแต่ละครั้งนั้นใช้พลังชีวิตจำนวนมาก ดังนั้นจึงไม่ควรใช้บ่อย)
ด้วยเสียงระเบิด เมล็ดก็ตกลงพื้น พวกมันฝังลงไปในดินและเริ่มโตในทันที หลังจากผ่านไปไม่กี่วินาที วิญญาณต้นไม้สูง 16 ฟุตก็ได้ปรากฏตัวขึ้นท่ามกลางดงศัตรู
วิญญาณต้นไม้พวกนี้ทำมาจากเถาวัลย์ทองคำดำที่นำมามัดรวมกันทั้งตัว วัตถุดิบที่เป็นไม้นั้นยืดหยุ่นมาก และการโจมตีของพวกเขาก็รุนแรง ไม่นานนักเถาวัลย์สีทองที่หนาและเต็มไปด้วยหนามก็ปรากฏขึ้น แล้วมันก็เริ่มฟาดใส่พวกปีศาจและอันเดธ
เพี๊ยะ! เพี๊ยะ! เพี๊ยะ! เพี๊ยะ! เสียงเถาวัลย์นั้นรุนแรงมาก มันตัดอากาศออก อันเดธบางตัวลอยขึ้นไปบนอากาศจากการกระแทก บางตัวที่โชคร้ายก็โดนฟาดเข้าที่หัว ซึ่งนั่นทำให้หัวของมันระเบิดในทันที
ปีศาจระดับสูงนั้นก็ไม่ได้ต่างกัน พวกมันแข็งแกร่งแต่พวกมันก็ต้องล่าถอยเมื่อถูกฟาดไป 1-2 ครั้ง ยังไงก็ตาม วิญญาณต้นไม้พวกนี้มีประสิทธิภาพมาก การฟาดแส้ราวกับพายุของพวกมันนั้นไม่สามารถหลบหนีได้
ปีศาจพันเนตรเสียสมาธิไปแวบนึงและโดนแส้ฟาดไปหลาย 10 ที ผิวหนังของมันเปิดออก และดวงตาของมันก็บอดไปหลายดวงจากการโดนฟาดเช่นกัน จากนั้นมันก็ลงไปนอนดิ้นกับพื้นด้วยความเจ็บปวด
แต่นั่นยังไม่ใช่ทั้งหมด เถาวัลย์ของวิญญาณต้นไม้พวกนี้ยังมีดอกไม้ตูมสีทองด้วย มันลอยขึ้นเหมือนกับบอลลูนและระเบิดออก, พร้อมกับพ่นเมล็ดจำนวนมากออกมารอบๆ
ป๊อก ป๊อก ป๊อก! เมล็ดระเบิดในร่างกายของทหารอันเดธ พรึ่บ พรึ่บ พรึ่บ หนามพิษจำนวนมากพุ่งเข้าไปท่ามกลางฝูงชน (อันเดธ+ปีศาจ)
พิษนั้นไม่ค่อยมีผลกับอันเดธ แต่มันมีผลกับปีศาจเป็นอย่างมาก พวกปีศาจนั้นยังคงอยู่รอดได้ด้วยพลังชีวิตอันแข็งแกร่ง แต่ว่าพวกมันก็ยังได้รับความเจ็บปวดมหาศาล ซึ่งส่งผลกับพลังของมัน
“บ้าเอ้ย! ฆ่าไอบ้าพวกนี้ซะ!” ดวงตาครึ่งนึงของปีศาจพันตาได้บอดไปแล้ว มันคำรามด้วยความเจ็บปวดและพุ่งไปทางวิญญาณต้นไม้
วิญญาณต้นไม้สีทองทั้ง 3 นั้นมีพลังการต่อสู้อันน่ากลัว พวกมันต่อสู้กับอัศวินอันเดธจำนวนมากตั้งแต่ตอนที่พวกมันปรากฏตัวขึ้นมา ในขณะเดียวกันนั้นก็สู้กับปีศาจระดับสูงอีก 5 ตัวพร้อมกันไปด้วย
ดังนั้น อัศวินศักดิ์สิทธิ์จึงได้ปะทะกับปีศาจระดับสูงเพียงแค่ 2 ตัวเท่านั้น โจเซฟสู้อยู่ตัวนึง ในขณะที่อัศวินอีก 9 คนที่เหลือสู้อยู่กับอีกตัวหนึ่ง พวกเขานั้นเสมอกัน
ในระหว่างนี้ ลิงค์กำลังรวบรวมพลังศักดิ์สิทธิ์อยู่ เลนส์มิติปรากฏขึ้นข้างๆเขา พลังงานศักดิ์สิทธิ์ได้ถูกควบคุมให้เข้าไปรวมตัวกันในเลนส์มิติเพื่อให้ได้รับพลังต่อสู้ที่สูงยิ่งขึ้น
ลิงค์เคยใช้แผนนี้กับอาเซเลีย ในป่าทมิฬ
ยังไงก็ตาม ครั้งที่แล้วเขาใช้มันเพื่อรวมพลังของรูนแสง ส่วนตอนนี้ เขาใช้มันในการเก็บพลังศักดิ์สิทธิ์ของรูปสลัก แน่นอนว่ารูปสลักนั้นบรรจุพลังงานศักดิ์สิทธิ์มากพอที่จะร่ายเวทย์เลเวล 9 ได้ แต่ถ้าเกิดว่าเขาแค่ควบคุมพลังและปล่อยให้มันระเบิด มันก็คงจะน่าเสียดาย
โดยไม่มีข้อจำกัดของโครงสร้างมานา พลังงานศักดิ์สิทธิ์สามารถไปถึงระดับของเวทย์เลเวล 9 ได้ ยังไงก็ตาม ถ้ายิงต่อเนื่องมันจะอยู่แค่ราวๆเลเวล 7 เท่านั้น พลังงานเท่านี้สามารถบังคับให้พวกอัศวินอันเดธล่าถอยไปได้แต่มันก็ดูไม่ค่อยน่ากลัวเท่าไหร่นักสำหรับพวกปีศาจระดับสูง พวกมันเพียงแค่ต้องซ่อนตัวสักพักนึงแล้วค่อยกลับมาหลังจากการระเบิดของพลังศักดิ์สิทธิ์ ซึ่งมันคงจะเป็นโศกนาฎกรรมถ้าเป็นแบบนั้น
ดังนั้นลิงค์จึงเตรียมตัวที่จะใช้พลังศักดิ์สิทธิ์เพียงแค่ครึ่งเดียว จากนั้นเขาก็จะใช้เลนส์มิติในการรับรวมพลังงานให้เป็นลำแสงศักดิ์สิทธิ์ที่มีความเข้มข้นสูง ด้วยวิธีนี้ เขาจะสามารถเก็บพลังไว้ได้นิดหน่อยและยังขู่พวกปีศาจได้แบบจริงจังอีกด้วย
แต่ก็แน่นอนว่ามันต้องใช้เวลา แม้ว่ามันจะเป็นพลังเพียงแค่ครึ่งเดียว แต่มันก็ยังเยอะและควบคุมได้ยาก เขาต้องการเวลาอย่างน้อย 5 วินาที
“หึ พวกมันก็พอจะมีน้ำยาอยู่บ้างสินะ” เสียงของเมียสเมอร์ดังขึ้น เธอไม่ได้เข้าร่วมด้วยตั้งแต่แรกแต่เมื่อเห็นว่าออร่าพลังงานศักดิ์สิทธิ์ของนักเวทย์ชาวมนุษย์เข้มข้นขึ้นเรื่อยๆ เธอจึงต้องลงมือ
“เจ้าหนู อย่ามาใช้ลูกเล่นยิบย่อยลับหลังข้านะ” เธอพูดด้วยรอยยิ้ม ในตอนแรกที่เธอพูด เธอยังอยู่ห่างออกไป 250 ฟุต แต่เมื่อเธอพูดจบ เธอก็ผ่านสนามรบและมาอยู่ข้างๆโจเซฟแล้ว เธอนั้นรวดเร็วมากๆ
ในตอนที่เธออยู่ใกล้ๆกับโจเซฟที่กำลังต่อสู้กับปีศาจเพลิงโฟดอร์ เธอก็ฟาดแส้ใส่เขาในทันที แส้ถูกฟาดลงมาแต่ไม่ได้โดนโจเซฟ ทันใดนั้นเองเขาก็รู้สึกหายใจไม่ออกราวกับว่าถูกรัดคออยู่
นี่คือพลังของเธออย่างงั้นหรอ? ช่างน่ากลัวยิ่งนัก ข้าไม่สามารถทนได้เลย! โจเซฟนั้นตกใจมาก เขารู้สึกตัวขึ้นมาในทันทีว่าเขาไม่มีโอกาสที่จะป้องกันตัวด้วยซ้ำ เขานั้นทำอะไรไม่ได้เลยนอกจากรอความตาย
แต่ว่าเขาก็ไม่ได้อยู่ตัวคนเดียว!
ในตอนที่แส้กำลังจะฟาดใส่เขา ดาบสั้นของนานะ ฝันร้ายสิ้นสุดก็ได้ปรากฏขึ้นข้างๆเขา ด้วยการปะทะกัน มันได้ป้องกันแส้อันรุนแรงและปัดแส้ออก
โอ้? ช่างน่าสนใจจริงๆ เมียสเมอร์เก็บแส้ของเธอกลับมาและหลบดาบของนานะ จากนั้นเธอก็สะบัดแขนเบาๆ และมันก็เหมือนกับว่าแส้นั้นมีชีวิต มันหมุนและพุ่งไปหานานะด้วยความเร็วราวกับสายฟ้าฟาด
เปรี๋ยะ! นานะโดนโจมตี!
มันไม่ใช่เพราะว่าเธอตอบสนองช้าเกินไป แต่เป็นเพราะว่าเธอไม่เคยมีประสบการณ์การต่อสู้กับผู้ใช้แส้มาก่อน หลังจากที่เธอป้องกันมัน แส้ก็บิดและทะลุผ่านดาบของเธอ มันทะลุผ่านการป้องกันของเธอและโดนเข้ากับหน้าอกของเธอ
การโจมตีนั้นอาจดูธรรมดาๆ แต่ว่าความเสียหายของมันนั้นรุนแรงมาก!
เกราะหนังที่แข็งแรงของนานะระเบิดและปลิวออกราวกับผีเสื้อ ด้วยประสบการณ์การต่อสู้ของเธอ นานะได้ถอยในตอนที่แส้เข้ามาโดนตัวเธอ เธอนั้นหลบการโจมตีได้ถึง 90% ส่วน 10% ที่เหลือนั้นโดนร่างกายของเธอและทิ้งรอยฟาดเอาไว้บนผิวหนังชั้นนอกของเธอ
แต่ก็โชคดีที่ เธอสามารถฟื้นฟูอันโนมัติได้ บาดแผลนั้นอยู่แค่ 2 วินาทีก่อนที่มันจะหายไป
ช่างเป็นหุ่นเชิดเวทมนตร์ที่รวดเร็วจริงๆ เจ้าตัวน้อย เจ้าคือคนที่จัดการอาเซเลียสินะ? เมียสเมอร์รู้สึกทึ่ง แต่เธอก็ไม่ได้ตกใจ เจ้าตัวน้อยนี้เร็วก็จริง แต่มันก็ไม่ได้เป็นภัยคุกคาม
เมียสเมอร์นั้นมีความแข็งแกร่งแค่เลเวล 8 แต่ว่าเธอนั้นมีวิญญาณอันแข็งแกร่ง ซึ่งมันแข็งแกร่งมากพอที่จะควบคุมพลังระดับตำนานได้ ดวงตาของเธอนั้นสามารถตามความเร็วของนานะได้และตอบสนองได้ตามที่ต้องการ
เมื่อแส้ถูกหลบไปได้แล้วครั้งนึง เธอก็ฟาดมันออกมาอีกครั้ง แส้ของเธอนั้นยาวเกือบ 10 ฟุต ในตอนที่เธอปล่อยแส้ออกมายาว ตัวเธอก็ลอยไปข้างหน้าด้วย แส้นั้นพุ่งไปที่หน้าของนานะราวกับงูพิษ
ถ้านานะถูกโจมตี เธอก็คงจะจบลงตรงนั้น ดังนั้นเธอจึงเหวี่ยงดาบของเธอมาป้องกันในทันที
เฮอะ ไม่หัดเรียนรู้บ้างรึไง? เมียสเมอร์สะบัดแส้ของเธอให้มันผ่านดาบเหมือนกับครั้งที่แล้ว
แต่ในเวลาต่อมา ดาบของนานะก็ขยับเช่นกัน ดาบสนับสนุนของเธอ เสียงเพรียกแห่งป่า ตามมาอย่างรวดเร็ว หลังจากการขยับอันรวดเร็ว มันก็พันเข้ากับแส้และดาบหลักของเธอ ฝันร้ายสิ้นสุด ก็ฟันลงมา
แส้ถูกตัดในทันทีและมันก็สั้นลงประมาณ 3 ฟุต
แน่นอนว่านานะไม่เคยเจอคู่ต่อสู้ที่ใช้แส้มาก่อน แต่ตอนนี้เธอได้เจอแล้ว ซึ่งคนๆนั้นจะต้องจ่ายค่าเสียหายสำหรับการพยายามที่จะลองใช้วิธีเดิมกับเธอ หลังจากตัดแส้ของเมียสเมอร์ นานะก็เริ่มจู่โจมอีกครั้ง ด้วยความเร็วสูง มีเสียงระเบิดอากาศดังขึ้น และดาบของเธอก็พุ่งเข้าไปที่หน้าผากของเมียสเมอร์
หึ เธอแข็งแกร่งมากจริงๆ แต่ว่าข้ายังใช้แส้ได้อยู่นะ
มีเสียงดังขึ้น และแส้ก็พุ่งไปหานานะเหมือนกับงูอีกครั้ง ในครั้งนี้ เมียสเมอร์ได้ใช้พลังทั้งหมดของเธอ แส้นั้นดูไร้ทิศทางและเป็นไปไม่ได้เลยที่จะคาดเดาทิศทางของมัน
ตู้ม นานะไม่กล้าที่จะเสี่ยง เธอถอยในระหว่างที่อยู่กลางอากาศอย่างรวดเร็ว
สนามพลังที่อยู่ที่เท้าของเธอทำงาน เธอพุ่งไปอีกด้านนึงและหลบมันได้ เทคนิคของคู่ต่อสู้นั้นแปลกเกินไป เธอไม่เคยเห็นมันมาก่อน ดังนั้นเธอจึงไม่กล้าที่จะลองเสี่ยง ถ้าเธอโดนฟาดอีกครั้ง เธออาจจะได้รับความเสียหายจริงๆก็ได้
เธอหลบได้รวดเร็วมากแต่ว่าคนที่เธอต้องปกป้องหน่ะ…
แส้เลี้ยวระหว่างทางและพุ่งไปทางลิงค์ เขานั้นกำลังจะถูกโจมตี! โรมิลสัน ผู้ที่ไม่ได้ทำอะไรเลยนอกจากคอยเตรียมใช้เวทย์ป้องกัน ในที่สุดก็ได้ทำงาน-โล่คริสตัลหยก
โล่คริสตัลหยก
เวทย์เลเวล7
ผล: สร้างโล่คริสตัลแสงที่เหมือนกับหยกขึ้นมา ในตอนที่มันป้องกันการโจมตีของศัตรู มันสามารถสะท้อนความเสียหายได้30%
(หมายเหตุ: เวทย์ของไฮเอลฟ์)
โรมิลสันได้เตรียมเวทย์ป้องกันนี้เอาไว้ตั้งแต่ตอนที่การต่อสู้เริ่มต้นขึ้น ซึ่งการร่ายมันในตอนนี้ส่งผลอย่างมาก
ด้วยเสียงปะทะ แส้ก็โดนเข้ากับโล่คริสตัลหยก เมียสเมอร์เป็นนักรบเลเวล 8 ดังนั้นโล่เลเวล 7 จึงไม่สามารถทนพลังของเธอได้ มันพังลงและหายไป ยังไงก็ตาม ผลการสะท้อนของมันนั้นยังคงมีอยู่
เมียสเมอร์รู้สึกว่าแขนเธอสั่นและรู้สึกชาเล็กน้อย แส้ที่แต่เดิมสมบูรณ์แบบนั้นมีช่องว่าง นานะใช้โอกาสนี้ในการพุ่งกลับไป ฝันร้ายสิ้นสุดได้แทงเข้าไปที่ชายโครงของเธอ และเสียงเพรียกแห่งป่าก็พร้อมที่จะรับการโจมตีด้วยแส้ของเธอแล้ว!
นี่เป็นเทคนิคที่นานะได้ข้อสรุปมาจากก่อนหน้านี้ มันเป็นการโจมตีและป้องกันในเวลาเดียวกัน
หืม? ในที่สุดเมียสเมอร์ก็รู้สึกถึงแรงกดดัน เธอนั้นถูกดันกลับไป
ในตอนนั้นเอง ลิงค์ก็ร่ายเวทย์สำเร็จ!
เขาขยับคทาของเขาเบาๆ เลนส์มิติของเขาลอยขึ้นไปบนท้องฟ้าสูง30ฟุต จากนั้นมันก็มีลำแสงศักดิ์สิทธิ์จำนวนมากพุ่งออกมา!
ปีศาจระดับสูงทุกตัวที่อยู่ในสนามรบต่างก็ตกใจ บาดแผลที่ชัดเจนปรากฏขึ้นบนหัวของปีศาจอย่างน้อย 6 ตัว ซึ่งตัวเดียวที่สามารถหลบได้ก็คือเมียสเมอร์ ในช่วงเวลาสุดท้าย เธอได้หลบออกไปด้านข้างเพราะเธอคาดการณ์เอาไว้แล้วและหลบหนีจากพลังศักดิ์สิทธิ์อันน่าหวาดกลัวนี้ได้
บาดแผลที่อยู่ส่วนหัวนั้นสะอาดมาก มันเป็นเพราะว่าพลังศักดิ์สิทธิ์นั้นได้ถูกออกแบบมาเพื่อจัดการกับปีศาจโดยเฉพาะ ด้วยบาดแผลแบบนี้ แม้แต่ปีศาจก็จะตายในทันที
หลังจากการโจมตีเพียงครั้งเดียว ปีศาจระดับสูง 6 ใน 9 ตัวก็ล้มลงกับพื้นในทันที ส่วนปีศาจอีก 2 ตัวที่หลบได้ในช่วงเวลาสุดท้ายยังคงจับบาดแผลที่อยู่ในร่างกายของมัน พลังศักดิ์สิทธิ์นั้นแผดเผาพลังต่อสู้ของพวกมันไปเกือบหมด
จากนั้นอัศวินศักดิ์สิทธิ์ก็ได้เปลี่ยนพวกมันให้กลายเป็นพายเนื้อในทันที!
เมียสเมอร์รู้สึกว่าสถานการณ์ไม่สู้ดี เธอจ้องไปที่ลิงค์และตะโกนออกมา “นักเวทย์ ข้าจะจดจำเจ้าเอาไว้!”
หลังจากนั้น เธอก็ถอยกลับไปด้วยความเร็วสูง นานะไล่ตามเธอไป เมียสเมอร์ฟาดแส้ออกมา และนานะก็ป้องกันมันด้วยดาบของเธอในทันที
ด้วยเสียงปะทะกัน นานะก็ตัดแส้ของเธออีกครั้ง ยังไงก็ตามเธอเองก็กระเด็นกลับมาเนื่องจากพลังอันมหาศาลของแส้ และในช่วงเวลานั้นเอง เมียสเมอร์ก็ถอยไปถึงหมอกสีขาวและหายตัวไปแล้ว
“นานะ พวกอัศวินอันเดธ” ลิงค์เรียกเธอกลับมา
ด้วยการตายของปีศาจระดับสูง พวกอัศวินอันเดธก็ยิ่งเสียเปรียบ วิญญาณต้นไม้สีทองฟาดแส้อย่างรุนแรง โดยมีอัศวินศักดิ์สิทธิ์คอยสนับสนุน จากการสนับสนุนของนักเวทย์ทั้ง 3 นานะยิ่งทรงพลังมากขึ้น ภายในเวลา 3 นาที อัศวินอันเดธ 100 ตัวก็ถูกจัดการ
ข้อความเด้งขึ้นมาในทัศนวิสัยของลิงค์
ภารกิจกำจัดปีศาจสำเร็จ
ผู้เล่นได้รับหนังสือเวทมนตร์ ไฟและการชำระล้าง
เริ่มภารกิจ: การต่อสู้สุดท้าย
เนื้อหาภารกิจ: จัดการเวเวอร์,จับกุมวิญญาณอมตะของเวเวอร์
รางวัลภารกิจ:หนังสือเวทมนตร์ธาตุไฟ ผู้ปราบปีศาจ
ลิงค์นั้นได้รับหนังสือที่เกี่ยวกับเวทมนตร์ธาตุไฟมา 3 เล่มพร้อมกัน เขาไม่มีเวลาที่จะอ่านพวกมัน ดังนั้นเขาจึงแค่ยอมรับมัน
ยังคงมีกลุ่มหมอกอยู่เบื้องหน้าของพวกเขา เขามองไปที่ทุกคน “ตอนนี้เหลือแค่เวเวอร์แล้ว!”
…
เมืองผี
เวเวอร์มองซัคคิวบัสที่หมดสภาพ “นี่ยังไม่ถึงครึ่งชั่วโมงเลย” เขาพูดด้วยความสับสน “เธอกลับมาทำไม?”
“ขอโทษ ข้าไม่อาจเทียบกับพวกมันได้ ข้าไม่สามารถหยุดพวกมันได้” เมียสเมอร์ดูน่าสงสารมากๆ
เวเวอร์มองไปที่คนอีก 4,000 คนที่ยังไม่ได้ถูกบูชายัญและขมวดคิ้ว “เธอนี่มันน่าผิดหวังจริงๆ!”
เขาสัมผัสได้ถึงออร่าแห่งแสงที่กำลังใกล้เข้ามา ซึ่งนี่ทำให้เขาอารมณ์เสียยิ่งกว่าเดิม หลังจากที่คิดอยู่พักนึง เขาก็หัวเราะอย่างเลือดเย็น “พวกนั้นจะต้องอยากช่วยคนที่ยังมีชีวิตอยู่ที่นี่แน่ๆ แต่ฝันไปเถอะ ฉันไม่ให้พวกนายได้ทำตามที่หวังหรอก!”
เขาหันไปหาอัศวินอันเดธและออกคำสั่ง “ไปฆ่าพวกมันให้หมด! อย่าให้เหลือรอดแม้แต่คนเดียว!”