ยังมีผู้คนอีก 4,000 คนอาศัยอยู่ที่จตุรัส อย่างไรก็ตาม, เวเวอร์ไม่สามารถรอที่จะสังเวยพวกเขาให้กับเจ้านายของเขาเพื่อแลกกับพลังอันยิ่งใหญ่ได้แล้ว
แต่ไม่ว่ายังไง คนพวกนี้ก็เป็นแหล่งพลังชีวิตอันมหาศาลเช่นกัน, โดยเฉพาะในตอนที่พวกเขาตกอยู่ในความสิ้นหวัง พลังชีวิตของพวกเขาจะหนีออกมาจากร่าง, และพลังพวกนั้นก็เต็มไปศักยภาพอันไร้ที่สิ้นสุด
ซึ่งพลังงานนี้จะถูกนำมาสกัดและกลายเป็นพลังสำรองของเขาในการต่อกรกับศัตรู
ที่จตุรัส, อัศวินอันเดธได้ทำการสังหารหมู่อย่างบ้าคลั่ง เลือดและเนื้อสดๆกระจายไปทั่วทุกที่ในขณะที่มีเสียงร้องและคำสาปแช่งดังขึ้นมากมาย ความเจ็บปวดและความทุกข์ทรมานนั้นปกคลุมไปทั่วเมืองผี
“ใครก็ได้ช่วยข้าด้วย!”
“ปีศาจ! ปีศาจ!”
“เวเวอร์, ข้าขอสาปแช่งเจ้า ข้าขอแช่งให้เจ้าถูกเผาในนรกเป็นเวลา 10,000 ปี!”
ในตอนที่ได้ยินคำพูดเหล่านี้, เวเวอร์ไม่ได้โกรธ, แต่เขากลับรู้สึกตื่นเต้นในขณะที่ยกมือขึ้นแล้วหัวเราะคิกคักออกมาแทน “มาสิ, ความสิ้นหวัง, ความโกรธ, ความหวาดกลัว, ปล่อยพวกมันออกมาให้หมด เสียงเหล่านี้ช่างงดงามเหมือนกับท่วงทำนองอันมีค่า ภาพนี้แหล่ะคือสวรรค์ที่ฉันแสวงหามาโดยตลอด อา, พลังชีวิตอันงดงาม, มาเถอะ มาหาฉันสิ…”
เวเวอร์หัวเราะอย่างบ้าคลั่ง
เมียสเมอร์แสดงความคิดเห็นในตอนที่เธอเห็นฉากนี้ “เวเวอร์, ข้าขอบอกเลยว่าเจ้าดูเหมือนกับโคตรวายร้ายจริงๆ ข้าว่าเจ้าน่าจะลองไปเยี่ยมนรกดูสักวันนึงนะ, ข้ารับรองเลยว่าเจ้าจะรู้สึกว่ามันเข้ากับเจ้ามากแน่ๆ”
“โคตรวายร้ายหรอ? ไม่หรอกหน่า, ฉันก็แค่วายร้ายที่น่ารังเกียจมากๆคนนึง 555!”
อย่างไรก็ตาม, ในขณะที่เขาพูด, จู่ๆเวเวอร์ก็เอามือกุมหัวและเริ่มร้องออกมา เขาร้องไห้ในขณะที่บ่น “ทั้งโลกเกลียดฉัน ทุกคนอยากฆ่าฉัน; ฉันไม่มีทางเลือก; ฉันไม่เหลือทางเลือกอะไรแล้ว! ถ้าพวกเขาเกลียดฉัน, ฉันก็ทำได้แค่ฆ่าพวกเขาก่อนที่พวกเขาจะฆ่าฉันเท่านั้น…”
เมียสเมอร์จ้องมองเวเวอร์ผู้บ้าคลั่งและไม่สามารถเข้าใจการกระทำของเขาได้ จากนั้นเธอก็ปล่อยปีศาจในคราบมนุษย์ตัวนี้โดยไม่พูดอะไรอีก
เพื่อนคนนี้มีอารมณ์แปรปรวนมากๆ ไม่มีใครรู้ว่าเขาจะทำอะไรต่อไป เธอค่อนข้างจะระวังเขา
ณ ตอนนี้, มีผู้คนเหลือรอดไม่ถึงครึ่งแล้ว เลือดสดๆที่ไหลรินออกมาจากบาดแผลของเหยื่อเริ่มมารวมกันบนพื้น, เกิดเป็นลำธารเลือดเล็กๆขึ้น อากาศในจตุรัสเองก็กลายเป็นสีแดงเข้ม, ปกคลุมเมืองผีไปด้วยหมอกเลือด และกลิ่นของเลือดนั้นก็รุนแรงมากจนหายใจแทบไม่ออก
หลังจากนั้นก็มีกลุ่มคนสีขาวปรากฎขึ้นที่ทางเข้า ลิงค์และกลุ่มนักฆ่าได้มาถึงที่นี่แล้ว
ฉากที่อยู่เบื้องหน้าของพวกเขานั้นคือนรกทะเลเลือด ในนรกนี้, พวกอันเดธยังคงมัวเมากับการพรากชีวิตผู้บริสุทธิ์ พวกเขาเป็นบ้ากันไปหมดแล้ว
พอเห็นฉากนี้, โจเซฟก็แผดเสียงออกมา “เวเวอร์, ออกมาเดี๋ยวนี้นะ!”
ในขณะนั้นเอง, ก็มีเชลยของเมืองผีคนนึงวิ่งมาหาพวกเขาในขณะที่ตะโกนออกมา “ช่วยข้าด้วย, ได้โปรดช่วยข้าด้วย…”
ฉัวะ! หัวของเขาหลุดออกจากคออย่างกระทันหัน ข้างหลังเขา, มีอัศวินอันเดธคนนึงเดินมาพร้อมกับดาบเปื้อนเลือดในมือของเขา เขาเตะร่างไร้หัวนี้ในขณะที่หัวเราะคิกคักอย่างเย็นชา
“อ้ากก, ไปลงนรกซะ!” ดวงตาของโจเซฟเบิกกว้างด้วยความเกลียดชังในขณะที่พุ่งไปข้างหน้าและเหวี่ยงดาบของเขา เขาปล่อยออร่าต่อสู้ทั้งหมดใส่อัศวินอันเดธคนนั้น
จากนั้นอัศวินอันเดธก็เอาดาบในมือของเขาป้องกันมันอย่างใจเย็น, มีสีแดงเลือดห่อหุ้มดาบของเขาอยู่ด้วย
ตูม! การปะทะกันระหว่างพลังแห่งแสงสว่างและความมืดทำให้เกิดการระเบิดขึ้น ซึ่งมันส่งผลให้เลือดและเนื้อสดๆลอยไปทั่วพื้นที่ หลุมที่มีรัศมีประมาณ 30 ฟุตได้ถูกสร้างขึ้นจากการระเบิดนี้
พวกเขาทั้งสองมีพลังสูสีกัน
อันเดธคนนี้ไม่ใช่ทหารกากๆ เขาเป็นลูกน้องอันแสนภาคภูมิใจของเวเวอร์, อัศวินอันเดธเลเวล 8 ,ทาโรโกะ เขามองใบหน้าอันเดือดดาลของโจเซฟในขณะที่ยิ้มแล้วพูดออกมา “อัศวิน, ไม่ต้องรีบหรอก แกจะได้ไปอยู่กับมันในเร็วๆนี้”
โจเซฟตกตะลึง เขารู้สึกตัวแล้วว่าเขาดูถูกเวเวอร์มากเกินไป
ตัวเวเวอร์เองก็แข็งแกร่งมากๆแล้ว อย่างไรก็ตาม, อัศวินอันเดธที่อยู่ภายใต้การบังคับบัญชาของเขาเองก็ไม่ได้เอาชนะได้ง่ายๆ ยกตัวอย่างเช่น, อัศวินอันเดธที่อยู่เบื้องหน้าของเขาคนนี้ที่ได้มอบแรงกดดันอันมหาศาลให้เขาในตอนที่ปะดาบกัน
เขาไม่มีความมั่นใจว่าจะเอาชนะอันเดธคนนี้ได้
จากนั้นโจเซฟก็ถอยกลับมาอยู่ข้างๆลิงค์หลังจากที่เขาใจเย็นลงแล้วพูดออกมา “มาสเตอร์ครับ, สถานการณ์เลวร้ายมาก”
ลิงค์พยักหน้าแล้วพูด “ผมประเมินดูแล้ว ศัตรูน่าจะมีทั้งหมด 26 คน เวเวอร์, ซัคคิวบัส, และอัศวินอันเดธ พวกมันทุกคนนั้นน่าจะมีความแข็งแกร่งอย่างน้อยเลเวล 7 และมีแม้กระทั่งเลเวล 8 ด้วย 3 คน ดูท่านี่จะเป็นงานยากแล้วหล่ะ!”
แม้ว่าพวกอัศวินอันเดธจะไม่ได้มีวิญญาณและออร่าต่อสู้ที่แข็งแกร่งเหมือนกับที่นักรบเลเวล 7 ทั่วๆไปมี, แต่ความแข็งแกร่งของพวกมันก็อยู่ที่เลเวล 7 อย่างแท้จริง
พลังดิบนั้นก็มีความหมายบางอย่างเช่นกัน
แม้ว่าพวกมันจะขาดประสบการณ์ในการต่อสู้, แต่พวกมันก็สามารถพึ่งออร่าต่อสู้อันแข็งแกร่งของพวกมันในการฝ่าฟันอุปสรรคได้ แถมพวกมันยังเอาชนะพวกเขาด้วยจำนวนได้อีกด้วย, สรุปก็คือ, พวกเขากำลังต่อสู้กับกองทัพอันน่าหวาดกลัวอยู่
จากนั้นมิลด้าก็กระซิบ “แล้วแผนหล่ะ?”
ลิงค์มีคำตอบอยู่ในใจแล้ว เขากระซิบ “โจเซฟ, อัศวินอันเดธคนนั้นไม่ใช่ปัญหาหรอก คนๆเดียวที่น่ากลัวก็คือเวเวอร์ ตอนนี้เริ่มเตรียมตัวได้แล้ว ผมต้องการให้คุณหยุดวิญญาณของเวเวอร์จากการหลบหนีให้ได้ในตอนที่เวลามาถึง!”
“ข้าเข้าใจแล้ว!”
จากนั้นโจเซฟก็หันไปหาอัศวินศักดิ์สิทธิ์คนอื่นๆแล้วพูด “พวกเราจะเริ่มตั้งค่ายกลจับกุมวิญญาณ!”
อัศวินศักดิ์สิทธิ์ทั้งเก้าคนทำตามคำสั่งในทันที พวกเขากระจายตัวกันและล้อมรอบโจเซฟเป็นวงกลม จากนั้นพวกเขาก็ปล่อยออร่าต่อสู้ออกมา ครั้งนี้, ออร่าต่อสู้ของพวกเขาไม่ได้กระจายไปทุกทิศทาง, แต่มันกลับถูกโจเซฟที่ยืนอยู่ตรงกลางดูดซับไปทั้งหมดแทน
จากนั้นโจเซฟก็ยกดาบกางเขนศักดิ์สิทธิ์ในมือของเขาขึ้นในขณะที่แสงสีทองถูกยิงขึ้นไปบนฟ้า ในเวลาเดียวกันนั้นเอง, อัศวินศักดิ์สิทธิ์ทุกคนก็ถูกห่อหุ้มด้วยรัศมีอันแข็งแกร่ง ความมืดและความชั่วร้ายที่ทางเข้าของจตุรัสถูกขจัดไปในทันที, แล้วเปลี่ยนเป็นพื้นที่แห่งแสงสว่าง
โจเซฟก็กำลังเปล่งแสงเจิดจ้าอยู่เช่นกัน ร่างทั้งร่างของเขาถูกห่อหุ้มด้วยรูนศักดิ์สิทธิ์ จากนั้นเขาก็สวดภาวนา “ในนามของเทพแห่งแสง, ข้า, โจเซฟ ฮันนิบาล, ขอพิพากษาบาปของวิญญาณเหล่านี้!”
ณ ตอนนี้, อัศวินคนนี้ได้กลายเป็นผู้ส่งสารของเทพแห่งแสงแล้ว ในตอนที่วิญญาณของเวเวอร์ซึ่งถูกความมืดเข้าครอบงำปรากฎขึ้นมันจะถูกตัดสินด้วยค่ายกลจับกุมวิญญาณในทันที!
จากนั้นลิงค์ก็เดินไปข้างหน้าแล้วบอกกับนานะ “มาเริ่มกันเถอะ; กวาดล้างพวกอัศวินอันเดธซะ! เริ่มด้วยตัวที่อ่อนแอที่สุดเลย!”
“นานะเข้าใจแล้ว!”
ตูม! นานะหายไปจากตำแหน่งเดิมของเธอด้วยเสียงระเบิดและภายในสิบเสี้ยววินาที, อัศวินอันเดธคนนึงที่อยู่ห่างจากเธอ 60 ฟุตก็หัวขาด
ร่างของนานะโฉบไปมารอบๆศพของอัศวินอันเดธเป็นเวลาพักนึงก่อนที่เธอจะหายตัวไปอีกครั้งด้วยเสียงระเบิด เธอกำลังมุ่งหน้าไปหาเป้าหมายต่อไปของเธอ
จากนั้นมิลด้าก็ชี้คทาของเธอไปที่จตุรัสในขณะที่จี้หนามบนคอของเธอเริ่มบีบรัด คอของเธอเริ่มมีเลือดไหลออกมา, และคริสตัลมรกตที่ห้อยอยู่กับจี้ก็เริ่มถูกปกคลุมด้วยแสงสดใส จากนั้น, วิญญาณต้นไม้สีทองทั้งสามก็วิ่งเข้ามาในจตุรัสแล้วเริ่มโจมตีอัศวินอันเดธอย่างบ้าคลั่ง ในการเผชิญหน้ากับการโจมตีที่รุนแรงและเข้มข้นขนาดนี้, อัศวินอันเดธถูกรุกรานอย่างสมบูรณ์และไม่สามารถโจมตีนักเวทย์ที่อยู่ข้างหลังได้เลย
โรมิลสันเองก็เริ่มชาร์จเวทย์ป้องกันเลเวล 7 เอาไว้เผื่อในกรณีฉุกเฉิน
เขาจ้องมองมิลด้าด้วยสีหน้ากังวล เขารู้ว่าวิญญาณต้นไม้สีทองนั้นต้องใช้พลังชีวิตในการเคลื่อนไหว มิลด้าคงจะไม่สามารถทนได้นานซักเท่าไหร่
ในฝั่งของศัตรู, เวเวอร์ก็ไม่ได้นั่งอยู่เฉยๆเช่นกัน เขาถามเมียสเมอร์, “เธอช่วยจัดการกับหุ่นเชิดเวทมนตร์ตัวนั้นให้หน่อยได้ไหม?”
“ข้าสามารถขัดขวางเธอได้, แต่การฆ่าเธอคงจะเป็นไปไม่ได้” เธอพูด นานะได้แสดงความสามารถในการเรียนรู้อันโดดเด่นออกมาในการต่อสู้ก่อนหน้านี้ แม้ว่านานะจะถูกเมียสเมอร์ยับยั้งได้ในตอนแรก, แต่เธอก็ถือไพ่เหนือกว่าในทันทีหลังจากที่ปะทะกันได้ไม่กี่รอบ ถ้าเมียสเมอร์ต้องต่อสู้กับสิ่งที่น่าหวาดกลัวขนาดนี้อีกสองรอบหล่ะก็, เธอคงจะพ่ายแพ้ในที่สุด
ในช่วงเวลาสั้นๆ, นานะก็ฆ่าอัศวินอันเดธไปสามคนแล้ว จากนั้นเวเวอร์ก็ตะโกน “ทาโระโกะ, กลับมานี่แล้วร่วมมือกับเมียสเมอร์จัดการหุ่นเชิดเวทมนตร์ซะ! พวกเราต้องทำลายเธอ!”
“น่าจะไม่มีปัญหาอะไรแล้วใช่ไหม?” เวเวอร์ถาม
“ก็น่าจะใช่นะ”
เธอเป็นปีศาจเลเวล 8 ที่มีจิตวิญญาณในระดับตำนาน ถ้าเธอจัดการกับหุ่นเชิดเวทมนตร์ไม่ได้แม้ว่าจะได้รับความช่วยเหลือจากอัศวินอันเดธเลเวล 8 แล้วหล่ะก็, เธอคงจะกลายเป็นตัวตลกของสายเลือดอันมีเกียรติของเธอ!
จากนั้น, เมียสเมอร์ก็วิ่งไปพร้อมกับทาโรโกะ
เวเวอร์เองก็เริ่มการโจมตีของเขาเช่นกัน
ภัยคุกคามที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในสนามรบในตอนนี้ก็คือวิญญาณต้นไม้สีทองทั้งสาม เขาต้องกำจัดสิ่งมีชีวิตที่น่ารำคาญพวกนี้เป็นอันดับแรก
ซึ่งวิธีที่ดีที่สุดในการจัดการกับพืชก็คือการใช้เวทย์ธาตุไฟ เวเวอร์คิดอยู่พักนึงก่อนที่จะชี้คทาของเขาไปที่จตุรัสแล้วพูด “อสรพิษเพลิงทมิฬ!”
อสรพิษเพลิงทมิฬ
เวทย์เทพปีศาจ
ผล: ใช้พลังชีวิตเพื่ออัญเชิญอสรพิษยักษ์ออกมา อสรพิษตัวนี้สร้างขึ้นมาจากเพลิงทมิฬบริสุทธิ์ที่มีอำนาจกัดกร่อนขั้นรุนแรง
(หมายเหตุ: ยิ่งใช้พลังชีวิตมากเท่าไหร่, พลังทำลายของอสรพิษก็ยิ่งแข็งแกร่งขึ้นเท่านั้น!”
ตูม! ด้วยเสียงระเบิดดังสนั่น, เลือดสดๆในจตุรัสก็ดูเหมือนจะมีชีวิต มันมารวมตัวกันเป็นเสาเลือดที่มีความกว้างกว่าสามฟุต เสานี้ทะยานสูงขึ้นฟ้า, และในตอนที่มันไปถึงระยะ 60 ฟุต, เลือดก็สลายไปด้วยเสียงซู่วแล้วกลายเป็นเพลิงลุกไหม้, ที่มีรูปร่างเป็นอสรพิษเพลิงสีแดงเข้ม
“เผาพวกพืชให้กลายเป็นขี้เถ้าซะ!”
อสรพิษทมิฬหันร่างกายของมันในทันทีแล้วพุ่งเข้าใส่วิญญาณต้นไม้สีทองด้วยความเร็วสูง มันรวดเร็วมากๆและไม่สนใจการโจมตีของวิญญาณต้นไม้สีทองเลย พวกเถาวัลกลายเป็นขี้เถ้าในตอนที่สัมผัสกับร่างของมัน, ทำให้การโจมตีของพวกวิญญาณต้นไม้นั้นไร้ประโยชน์
อสรพิษยักษ์ตัวนี้มีพลังชีวิตอันน่าหวาดกลัว แค่ความแข็งแกร่งของไฟรอบๆตัวมันเพียงอย่างเดียวก็สูงกว่าเลเวล 8 แล้ว พวกวิญญาณต้นไม้สีทองไม่ใช่คู่ต่อสู้ของมันเลย
องค์หญิงไฮเอลฟ์มิลด้าดูเหมือนจะตัวซีดขึ้นทุกครั้งที่เถาวัลถูกอสรพิษตัวนี้ทำลาย แสงจากมรกตที่ห้อยอยู่เองก็ดูเหมือนจะหรี่ลงในตอนที่วิญญาณต้นไม้สีทองได้รับความเสียหาย
จะปล่อยให้เป็นแบบนี้ต่อไปไม่ได้!
ลิงค์เอารูปสลักของนักบุญราฟาเอลออกมาในทันที ยังมีพลังศักดิ์สิทธิ์เหลืออยู่ครึ่งนึง เขาอัญเชิญเลนส์มิติออกมาและรวบรวมพลังของรูปสลักเอาไว้ในจุดๆเดียว ด้วยความที่มีประสบการณ์มาก่อน, ลิงค์จึงจัดการได้เร็วมาก ประมาณหนึ่งวินาทีต่อมา, ลำแสงพลังงานศักดิ์สิทธิ์เข้มข้นที่มีความกว้างกว่าหนึ่งฟุตก็ถูกยิงออกมา
ลำแสงนี้พุ่งตรงไปหาเวเวอร์
“ฉันกำลังรอนายอยู่เลย!” เวเวอร์โบกคทาของเขาและใช้อสรพิษยักษ์มาป้องกันลำแสงนี้
ตูม! มันเป็นการปะทะกันอันน่าหวาดกลัวของพลังแห่งแสงสว่างและความมืด
และทันใดนั้นเอง, เพลิงทมิฬก็กระจายไปทั่วเมืองผีและลำแสงศักดิ์สิทธิ์ก็กระจายไปทุกทิศทาง การปะทะกันของเวทย์เลเวล 8 ทั้งสองนี้ได้สร้างคลื่นกระแทกขนาดยักษ์ขึ้นมา คนที่โชคดีรอดจากการระเบิดมาได้ต่างก็ถูกคลื่นกระแทกพัด ส่วนพวกที่อยู่ค่อนข้างไกลก็สูญเสียสมดุลของพวกเขาและล้มลง
ในช่วงเวลานี้, นักโทษทุกคนรู้ว่ามันคือโอกาสหนีของพวกเขา พวกเขาทุกคนวิ่งไปที่ทางเข้าเมืองผี, โดยหวังว่าจะหนีไปจากสถานที่อันน่าหวาดกลัวนี้ได้
มันคือความโกลาหล
เวเวอร์จ้องไปยังนักโทษที่กำลังจะหนีแล้วหัวเราะคิกคัก “คิดจะหนีหรอ? เป็นไปไม่ได้หรอก! ตายซะ!”
เขาโบกคทาในอากาศและอัญเชิญอสรพิษทมิฬตัวใหม่มายังสนามรบ จากนั้นอสรพิษยักษ์ตัวนี้ก็พุ่งไปหาเหล่านักโทษที่รอดมาได้, และกลืนกินพลังชีวิตของพวกเขาไปตลอดทาง
เวเวอร์มีวิธีเก็บเกี่ยวพลังชีวิตมากมาย ทุกชีวิตที่เคยย่างกายเข้ามาในเมืองผีและแม้กระทั่งพวกที่ยังรอดอยู่นั้นสามารถกลายเป็นเชื้อเพลิงให้เวทมนตร์ของเขาได้ทั้งหมด นี่คือหายนะ!
เวทมนตร์ที่แข็งแกร่งที่สุดที่ลิงค์รู้จักก็คือเวทย์ลูกแก้วมิติเวลา, ซึ่งมีความแข็งแกร่งแค่เลเวล 7 เท่านั้น และถึงแม้ว่าจะมีผลของคทาระดับอีพิคของเขา, แต่มันก็ยังห่างไกลจากความแข็งแกร่งเลเวล 8 อยู่ดี เขาต้องใช้เวทมนตร์ที่แข็งแกร่งกว่านี้และทรงพลังยิ่งกว่านี้ในการกำจัดแหล่งพลังชีวิตของเวเวอร์!
พอคิดได้แบบนี้, ลิงค์ก็ดื่มน้ำยาพรของราชินีมังกรแดงโดยไม่ลังเล
ในตอนที่ยาเข้าไปในท้องของเขา, ลิงค์ก็รู้สึกเหมือนกับว่าวิญญาณของเขากำลังสั่นไหว เขารู้สึกราวกับว่าเขาได้ครอบครองอำนาจอันมหาศาลอย่างกระทันหัน, ธาตุทั้งหมดที่อยู่รอบๆจะฟังคำสั่งทุกอย่างของเขา พวกมันจะไม่มีพื้นที่ให้ต่อต้านเลย
นอกจากนี้เขายังรู้สึกตัวว่าเขาสามารถรวบรวมธาตุได้อย่างง่ายดายด้วยสมาธอันน่าเหลือเชื่อ ยานี้ไม่ได้ล้อเล่นจริงๆในตอนที่มันสัญญาว่ามันสามารถเพิ่มพลังของธาตุทั้งหมดได้ 500%
ตอนนี้ลิงค์มีเวลาสิบวินาทีในการทำลายเมืองผีให้ย่อยยับ
พายุธาตุอันน่าหวั่นเกรงล้อมรอบร่างกายของลิงค์ เขาจ้องไปที่อสรพิษเพลิงในสนามรบและเริ่มตอบโต้
ผลพิเศษของเพลิงพิโรธแห่งสวรรค์: คลื่นเพลิง!
เวทย์สะท้อน, หัตถ์ไททัน!
ความเร็วในการร่ายเวทย์นี้แทบจะทันที ภายใต้ผลของคทาระดับอีพิค, พลังของมันก็เพิ่มขึ้น 350% แล้ว แต่นี่ยังมีพรแห่งราชินีมังกรเพลิงเพิ่มมันอีก 500% หลังจากบัฟทั้งหมดนี้ เวทย์นี้ก็มีความแข็งแกร่งไปจนถึงเวทย์เลเวล 8!
และสิ่งที่น่าหวาดกลัวก็คือการที่ลิงค์ไม่ต้องเสียมานาในการเพิ่มพลังเหล่านี้เลย มันยังใช้มานาในอัตราของเวทย์เลเวล 6
“มันคือยาเทพจริงๆ!”
ลิงค์สั่งให้มือพุ่งไปคว้าคอของอสรพิษ จากนั้นหัตถ์ไททันก็บีบเป้าหมายแน่น!
ตูม! หัตถ์ไททันยังอยู่สภาพเดิมไร้รอยขีดข่วน ในอีกด้านนึง, อสรพิษยักษ์สลายไปแล้ว!
การเผชิญหน้าระหว่างเวทย์ทั้งสองนี้จบลงด้วยชัยชนะถล่มทลายของหัตถ์ไททัน
อย่างไรก็ตาม, นั่นยังไม่ใช่ทั้งหมด หัตถ์ไททันได้เลี้ยวกลางอากาศในทันทีแล้วเปลี่ยนเป็นหมัดพร้อมกับพุ่งตรงไปหาเวเวอร์
ไม่มีความตื่นตระหนกอยู่บนหน้าของเวเวอร์เลย อันที่จริง, เขาหัวเราะอย่างบ้าคลั่งในขณะที่พูดออกมา “น่าสนใจดีนี่! ไม่ธรรมดาเลย! แต่ว่ามันยังแรงไม่พอหรอก! ลองลิ้มรสพลังระดับพระเจ้าของฉันซะ!”