ภายในเกม ลิงค์รู้ว่าหุบเขามังกรอยู่ที่ไหน ระหว่างที่อยู่ในเกม เขาเป็นแขกประจำของที่นั่นด้วยซ้ำแต่ว่าในชีวิตจริงนี้ เขารู้เพียงแค่ตำแหน่งคร่าวๆของมันเท่านั้น
ในครั้งนี้ เฟลิน่าได้แปลงร่างเป็นมังกรอีกครั้งเพื่อให้ลิงค์ขี่ นานะเองก็ไปกับเขาด้วยเพราะว่าตอนนี้เธอเป็นองครักษ์ประจำตัวของเขา
เฟลิน่าบินไปทางตะวันตกด้วยความเร็วอันน่าหวาดกลัวที่ประมาณ 400 ไมล์ต่อชั่วโมง
“พวกเราต้องบินอีกนานแค่ไหน?” ลิงค์รู้ว่าหุบเขามังกรแดงนั้นตั้งอยู่ในเทือกเขาที่อยู่ไปทางตะวันตกไกลจากอาณาจักรนอร์ตัน เขาคาดคะเนว่ามันน่าจะอยู่ห่างไปราวๆ 2,500 ไมล์
“ถ้าพวกเราไม่พักเลย น่าจะใช้เวลาประมาณ 8 ชั่วโมงนะ แต่ว่าด้วยความที่แบกคนมาด้วยสองคน ข้าคงจะบินนานขนาดนั้นไม่ไหว ข้าจะต้องหยุดพักบ้าง” ระยะทางที่เฟลิน่าพูดนั้นไกลกว่าที่ลิงค์คาดเอาไว้มาก
การบินนั้นใช้กล้ามเนื้อ ซึ่งการที่ต้องรับน้ำหนักเพิ่มกลางอากาศนั้นจะต้องใช้งานกล้ามเนื้อหนักมาก ลิงค์มีน้ำหนักประมาณ 150 ปอนด์ในขณะที่ร่างกายที่เป็นโลหะทั้งตัวของนานะหนักกว่า 200 ปอนด์ นี่คือน้ำหนักเพิ่มเติมที่เฟลิน่าต้องแบก และที่สำคัญไปกว่านั้น ร่างกายของเธอเพิ่งจะฟื้นฟูจากการบาดเจ็บสาหัส เรี่ยวแรงทั้งหมดของเธอนั้นยังไม่ได้ฟื้นฟูอย่างเต็มที่
มันใช้เวลานานและดูเหมือนว่าเฟลิน่าจะไม่อยากเดิน ลิงค์รู้สึกเบื่อ ดังนั้นเขาจึงมองไปรอบๆ และในตอนนั้นเอง เขาก็เห็นบางอย่างแปลกๆบนร่างกายของเฟลิน่า
เกล็ดตรงใต้คอของเธอนั้นเคยเป็นระเบียบ แต่ตอนนี้มันกลับมีร่องรอยความไม่เป็นระเบียบอยู่ และเมื่อสังเกตดูใกล้ๆ ลิงค์ก็ยืนยันได้ว่ามันถูกแรงมหาศาลทำให้เสียหาย เมื่อดูจากสภาพของมันแล้ว มันดูเหมือนกับรอยกรงเล็บสัตว์เลย
หลังจากที่พบสิ่งนี้ ลิงค์ก็สังเกตดูทั้งซ้ายและขวา จากนั้นเขาก็พบบาดแผลสมานแล้วที่ไม่เคยมีอยู่เพิ่มขึ้นอีก
มังกรนั้นสามารถมองได้ 360 องศา ดังนั้นเฟลิน่าจึงเห็นการจ้องมองของลิงค์ “พลังแห่งความมืดส่งผลกับทุกเผ่าพันธุ์ในโลกใบนี้” เธออธิบาย “เหมือนกับเวเวอร์ มีใครบางคนในเผ่าของข้าทรยศพวกเรา มังกรแดงอันแข็งแกร่งถูกเทพปีศาจหลอกลวง และมีคนหนุ่มสาวมากมายที่ตามมันไป พวกมันโจมตีราชินีของพวกเราโดยไม่ทันตั้งตัว การโจมตีนั้นกระทันหันมาก แต่ก็โชคดีที่ พวกเราสามารถไล่พวกมันกลับไปได้”
ในที่สุดลิงค์ก็เข้าใจแล้วว่าทำไมเฟลิน่าถึงดูเป็นกังวลและเหนื่อยล้าในตอนแรก มีภัยพิบัติเกิดขึ้นที่หุบเขามังกรนี่เอง
เขาสงสัยในสิ่งที่เฟลิน่าพูด ‘ไล่พวกมันกลับไปได้’ แทนคำว่า ‘จัดการได้’ อย่างงั้นหรอ
“พวกเธอยังจัดการไม่เสร็จสินะ?” ลิงค์ถาม
“ใช่ อิเซนดิลันเคยเป็นพระสวามีขององค์ราชินีมาก่อน มันแข็งแกร่งมากๆ และแข็งแกร่งยิ่งกว่าเดิมหลังจากที่ได้รับพลังจากเทพปีศาจ แม้แต่องค์ราชินีเองก็ยังสู้กับมันได้แค่ช่วงสั้นๆเท่านั้น…ตอนนี้สถานการณ์คับขันมาก”
ลิงค์ตกอยู่ในความเงียบ เขารู้จักอิเซนดิลัน!
ภายในเกม อิเซนดิลันนั้นมีหลากหลายชื่อ อย่างเช่น ‘ปีกแห่งการทำลายล้าง’ ‘มังกรผู้ร่วงหล่น’ และ ‘ผู้ทำลายล้างโลก’ และสิ่งที่น่ากลัวที่สุดเกี่ยวกับเขาก็คือ การที่ถึงแม้ว่าเขาจะตกสู่ด้านมืด เขาก็ไม่ได้เชื่อฟังเทพปีศาจอย่างเต็มที่ เขายังคงหัวสูงอยู่ เขาได้ตกสู่ความบ้าคลั่งทั้งที่ยังมีสติอยู่!
และนั่นก็คือเรื่องที่น่ากลัวที่สุด
ความสามารถของเขาเองก็น่ากลัวเช่นกัน ภายในเกม เขาได้เข้าสู่ความมืดตอนใกล้ๆช่วงกลางเกม ในตอนนั้น ความหนาแน่นของมานาได้เพิ่มขึ้นแล้ว และพลังของอิเซนดิลันก็เพิ่มขึ้นไปถึงระดับตำนาน!
ใช่แล้ว เขาขึ้นไปถึงระดับตำนาน และเขาก็เป็นมังกร ซึ่งนั่นหมายความว่าเขามีพลังแทบจะไร้ขีดจำกัด แม้กระทั่งเอเลียร์ด ที่ตอนที่อยู่ในเกมก็ได้ขึ้นไปถึงระดับตำนานเหมือนกัน ก็ยังไม่สามารถสู้เขาได้
ถ้าเกิดไม่ได้ราชินีมังกรแดง, เกรเทล ที่นำทัพมังกรแดงต่อสู้กับเขา ความเสียหายที่เขาทำกับฟิรุแมนก็คงจะเทียบได้กับจ้าวแห่งความลึกโนโซม่า
“ตอนนี้มันแข็งแกร่งขนาดไหนกัน?” ลิงค์ถาม
“เท่ากับองค์ราชินี มันได้ก้าวข้ามระดับตำนานแล้ว และมีลูกน้องเหลืออยู่ 7 คน คนที่อ่อนแอที่สุดอยู่ที่จุดสูงสุดของเลเวล 6 ส่วนคนที่แข็งแกร่งที่สุดนั้นอยู่ที่จุดสูงสุดของเลเวล 8 แถมมันยังเป็นมังกรนักเวทย์อีกด้วย…มีแต่พวกที่จัดการยากๆทั้งนั้น!”
ลิงค์เริ่มเข้าใจเหตุการณ์มากขึ้น “อิเซนดิลันคือขุมพลังหลักที่เธอบอกว่าทำลายสมดุลใช่มั้ย? แต่ว่าฉันเพิ่งใช้น้ำยาพรของราชินีมังกรแดงไป และพลังของฉันก็ถูกจำกัดอยู่ ฉันอาจจะ…”
เอาจริงๆ, ต่อให้เขาอยู่ในช่วงที่แข็งแกร่งที่สุด เขาก็อาจจะตายด้วยลมหายใจมังกรอยู่ดีถ้าเกิดว่าเขาต้องไปเผชิญหน้ากับมังกรระดับตำนาน
เฟลิน่าส่ายหัว “ไม่ ไม่ พวกเราไม่จำเป็นต้องต่อสู้ตรงๆหรอก พวกเราแค่ต้องการใช้ความรู้เกี่ยวกับเวทมนตร์มิติและความรอบรู้ด้านเวทมนตร์ของเจ้าเท่านั้นเอง”
หลังจากที่หยุดไปพักนึง เฟลิน่าก็พูดด้วยความเขินอายเล็กน้อย “จริงๆแล้ว เจ้าไม่ใช่มนุษย์แค่คนเดียวหรอกที่พวกเราเชิญมา ผู้คนจากเผ่าพันธุ์อื่นเองก็ได้ตอบรับคำเชื้อเชิญนี้…ถ้าเกิดว่าเจ้าสามารถช่วยได้ องค์ราชินีจะมอบรางวัลให้กับเจ้าอย่างงามเลยหล่ะ”
คำพูดพวกนี้ได้ทำให้ลิงค์มั่นใจ
การเดินทางครั้งนี้อันตราย แต่ว่า อิเซนดิลันนั้นเป็นราชาปีศาจผู้ยิ่งใหญ่ที่สามารถทำลายโลกได้อย่างง่ายดายถ้าเกิดว่าเขาต้องการ ลิงค์จะช่วยเท่าที่ช่วยได้ แถม ราชินีมังกรแดงก็ใจกว้างมากๆ, เธอจะไม่ให้เขาทำงานฟรีอย่างแน่นอน
“โอเค ฉันจะทำให้ดีที่สุดแล้วกันนะ” ลิงค์พยักหน้าเป็นการตกลง
“ขอบคุณนะ ข้าเชื่อมั่นในความรู้ของเจ้า” เฟลิน่ารู้สึกดีใจที่ลิงค์ไม่ได้ปฏิเสธคำขอร้อง
จากที่เธอรู้ อัจฉริยะหลายคนของเผ่าพันธุ์อื่นๆนั้นโกรธมากกับคำเชิญนี้ ซึ่งเหตุผลนั้นง่ายมาก-นี่เป็นปัญหาของมังกร ดังนั้นเผ่ามังกรก็ควรจะแก้ไขมัน พวกเขาไม่มีส่วนเกี่ยวข้องด้วย และพวกเขาก็มีเรื่องอื่นๆให้ทำอีกมากมายในเผ่าพันธุ์ของตัวเอง พวกเขาไม่มีเวลามาช่วยหรอก!
มีคำเชิญเพียงครึ่งเดียวเท่านั้นที่ตอบตกลง
การเดินทางนั้นยาวนาน เพื่อที่จะเก็บเรี่ยวแรงของเธอเอาไว้สำหรับการเดินทางที่เหลือ เฟลิน่าจึงหยุดพูด จากนั้นลิงค์ก็มีเวลาว่างเล็กน้อย “คอยสอดส่องรอบข้างให้ดีนะ” เขาบอกนานะที่อยู่ข้างๆเขา “ฉันอยากพักผ่อนซักหน่อย”
“นานะ เข้าใจแล้ว” นานะมองซ้ายมองขวาอย่างรอบคอบในทันที
ลิงค์หาจุดที่สบายๆแล้วหลับตาลง เขาเรียกหนังสือเวทมนตร์เพลิงออกมาในทัศวิสัยของเขาและเริ่มอ่านมัน หลังจากศึกษามันมาได้ 5 หรือ 6 วัน เขาก็มีความเข้าใจเบื้องต้นเกี่ยวกับหนังสือทั้ง 3 เล่มนี้แล้ว
เล่มแรก แก่นแท้แห่งเพลิงนั้นเต็มไปด้วยทฤษฏี และเล่มที่สอง ไฟและการชำระล้างก็เกี่ยวกับการใช้เทคนิคเฉพาะ ส่วนเล่มที่3 ผู้ปราบปีศาจ นั้นเกี่ยวกับเวทย์ธาตุไฟระดับสูงที่มีความแปลกประหลาด
เวทย์นี้แปลกเล็กน้อย เมื่อดูคร่าวๆ มันคือเวทย์เลเวล 8 แต่มันก็ประกอบไปด้วยพลังของกฎแห่งเพลิง ดังนั้นอันที่จริงแล้ว มันคือเวทย์ระดับกึ่งตำนาน!
อีกชื่อเรียกนึงของเวทย์ระดับตำนานก็คือเวทย์แห่งกฏ
ยิ่งเวทย์ตำนานมีระดับสูงเท่าไหร่ ก็ยิ่งต้องใช้ความเข้าใจในกฎของโลกมากขึ้นเท่านั้น ระดับตำนานนั้นเป็นตัวบ่งบอกว่านักเวทย์คนนั้นได้เข้าใจกฏประเภทหนึ่งและได้ไปถึงภพแห่งสวรรค์แล้ว
และเมื่อถึงตอนนั้น ฉายาอย่างผู้ควบคุมหรือลอร์ดก็จะถูกใส่เข้าไป ยกตัวอย่างเช่น ลอร์ดแห่งพายุจากยุคก่อนประวัติศาสตร์เองก็มีพลังของกฏแห่งลมที่ไม่สามารถเข้าใจได้
ในบรรดาหนังสือเวทมนตร์เกี่ยวกับไฟทั้งสามเล่มนี้ ลิงค์คิดว่า เล่มที่ 3 นั้นคือเวทมนตร์ เล่มที่สองคือทักษะเวทย์ขั้นสูง และเล่มแรกก็คือทฤษฏีพื้นฐาน…ทฤษฏีมันยาวเกินไป ส่วนทักษะก็ต้องมีเวทย์เฉพาะทางก่อนถึงจะใช้ได้ งั้นฉันขอเริ่มจากผู้ปราบปีศาจละกัน!
ลิงค์เปลี่ยนหัวข้อการวิจัยของเขาและเริ่มตรวจสอบผู้ปราบปีศาจก่อน ซึ่งหน้าแรกนั้นคือคำอธิบายคร่าวๆเกี่ยวกับเวทย์นี้
ผู้ปราบปีศาจ
เวทย์กฎแห่งเพลิง เลเวล 8
ค่ามานาพื้นฐาน: 50 แต้มต่อวินาที
มานาที่ใช้ในการต่อสู้: จำนวนครั้งที่โจมตี * 400
ผล: อัญเชิญแส้เพลิงยาว 300 ฟุตที่มีทั้งไฟและความแข็งแกร่งออกมา ภายในระยะ 300 ฟุต แส้เพลิงสามารถเปลี่ยนรูปร่างได้ตามความคิดของผู้ใช้ เมื่อมันสะบัด ตัวแส้ทั้งหมดนั้นคือจุดโจมตี ยิ่งผู้ใช้แข็งแกร่งเท่าไหร่ ก็จะยิ่งโจมตีได้เยอะเท่านั้น
(หมายเหตุ: เวทย์นี้มีพลังมากจนทำให้ศัตรูตกอยู่ในความสิ้นหวังได้ แต่มันก็กลายเป็นเรื่องตลกได้เช่นกัน)
คำอธิบายของเวทย์นี้ซับซ้อนมาก ลิงค์คิดอยู่ซักพักและรูปร่างที่เฉพาะเจาะจงของผู้ปราบปีศาจก็ปรากฏขึ้นในหัวของเขา
มันคือแส้ยาวที่ทำขึ้นมาจากไฟ แส้ทั้งเส้นนั้นแข็งแกร่ง และมันก็ส่ายเป็นรูปตัว S ตรงปลายและส่วนที่ขดนั้นคือส่วนที่แข็งแกร่งที่สุด มันมีพลังโจมตีเท่ากับเวทย์เลเวล 8
โดยทฤษฏีแล้ว แส้ยาวสามารถโจมตีได้อย่างไม่จำกัดด้วยการสะบัด แต่ก็แน่นอนว่า, มันเป็นไปไม่ได้เพราะว่าค่ามานาที่ใช้คงจะสูงจนน่ากลัว ซึ่งมานาของลิงค์คือ 8,500 แต้ม ถ้าเกิดว่าการโจมตีแต่ละครั้งใช้มานา 400 แต้ม เขาก็จะโจมตีได้แค่ 20 ครั้งเท่านั้น
ยังไงก็ตาม การโจมตีเลเวล8, 20 ครั้งก็น่าประทับใจมากพอแล้ว ถ้าเกิดว่าเพิ่มเวทย์สูงสุดเข้าไปอีก เวทย์นี้ก็จะกลายเป็นเวทย์ที่ไม่สามารถถูกเวทย์อื่นที่มีเลเวลเท่ากันทำลายได้เลย!
และที่น่าสนใจยิ่งกว่านั้นก็คือเวทย์นี้ไม่จำเป็นต้องอัญเชิญธาตุไฟในการใช้งาน พลังมันมาจากกฎแห่งไฟ ซึ่งมันข้ามผ่านข้อจำกัดของสภาวะปฏิเสธธาตุไปแล้ว
งั้นมาเริ่มเรียนกันเถอะ ลิงค์ตั้งสมาธิและเริ่มอ่านอย่างจริงจัง
เวทย์เลเวล 8 นั้นยากมากๆ แต่มันก็ไม่ได้ยากเกินกว่าที่จะเข้าใจได้ด้วยความรู้ด้านเวทมนตร์ของลิงค์ในตอนนี้ ในตอนที่เขาเจอกับอะไรที่เขาไม่สามารถทำความเข้าใจได้ เขาก็จะไปหาคำตอบในแก่นแท้แห่งเปลวเพลิง เขาใช้มันเป็นตัวอ้างอิงและตัวยืนยันในเรื่องอื่นๆ
เวลาผ่านไปในขณะที่ลิงค์มีสมาธิอย่างเต็มที่
หลังผ่านไปซักพัก ลิงค์ก็รู้สึกตัวว่าเฟลิน่ากำลังร่อนลงและเขาก็มีสติกลับมาสู่ความเป็นจริง “อะไร พวกเราอยู่ที่…โอ้ นี่เธอจะพักที่นี่หรอ?”
“พวกเรายังเดินทางไปได้ไม่ถึงหนึ่งส่วนสามด้วยซ้ำ เจ้าได้พัก แต่ข้าสิเหนื่อย” มีความไม่พอใจแฝงอยู่ในน้ำเสียงของเฟลิน่า เธอเพิ่งจะฟื้นตัวจากอาการบาดเจ็บ และตอนนี้ ก็มีใครบางคนมานอนอยู่บนหลังเธอในขณะที่เธอต้องบินข้ามแผ่นดินใหญ่ การปฏิบัตินี้มันแตกต่างกันมากเกินไป
มีทุ่งหญ้าขนาดใหญ่อยู่เบื้องล่างพวกเขา มันคือทุ่งสีทองที่อยู่ทางทิศตะวันตกของแผ่นดินใหญ่ ที่นี่มีมนุษย์สัตว์มากมาย แต่ว่าลิงค์ก็ไม่เห็นร่องรอยของพวกเขาใกล้ๆเลย
จากระยะไกลๆ ทุ่งหญ้านั้นมีทัศนียภาพที่ชัดเจนและปลอดภัยมากๆ หลังจากร่อนลงมา เฟลิน่าก็พักผ่อนไปครึ่งวันก่อนที่เธอจะออกบินอีกครั้ง
ในระหว่างเวลานั้น ลิงค์ได้เอาหนังสืออกมาอ่าน ในตอนที่เขากลับมาขึ้นหลังของเฟลิน่า เขาก็หลับตาพักผ่อนต่อแต่จริงๆแล้วเขากำลังอ่านหนังสืออยู่ในหัวของเขา
พวกเขาบินๆหยุดๆ ในตอนที่พักเป็นครั้งที่ 3 มันก็เป็นเวลาเย็นของวันที่ 2 แล้ว “พวกเรามาถึงเทือกเขาโคโรราโด้แล้ว”เฟลิน่าพูด “หุบเขามังกรแดงอยู่ในภูเขาเหล่านี้แหล่ะ และพวกเราเหลือระยะทางประมาณ 300 ไมล์ ในครั้งนี้ ข้าจะพักผ่อนยาวหน่อยเพราะว่ามันอาจจะมีอันตรายเกิดขึ้นได้ในการเดินทางครั้งสุดท้าย”
“โอเค” ลิงค์พยักหน้าและเอาหนังสือออกมาอีกครั้ง เขาอ่านมันไปได้ครึ่งนึงแล้ว และยังเหลืออีกเยอะถึงจะจับทางเวทย์ผู้ปราบปีศาจได้ เขาได้อ่านมันไปเยอะและพบว่ามันน่าอ่านมากๆ
พวกเขาทั้งสองพักผ่อนในถ้ำเตี้ยๆที่ไม่ค่อยมีลม ลิงค์เอาถุงนอนที่เซลีนเตรียมเอาไว้ให้ออกมา เขาเอาผืนนึงให้เฟลิน่าและใช้เองอีกผืนนึง
เห็นได้ชัดว่าเฟลิน่าเหนื่อยมาก เธอเอาผ้าห่มคลุมตัวและหลับไปอย่างรวดเร็ว ลิงค์อ่านหนังสือต่อในขณะที่นานะนั่งคุกเข่าอยู่ที่ทางเข้า เธอจับดาบสั้นของเธอและคอยระวังภัยอยู่ตลอดเวลา
ตอนเที่ยงคืน ลิงค์ก็เหนื่อยเช่นกัน เขากินอาหารแห้งไปเล็กน้อยและเตรียมตัวพักผ่อน แต่ในตอนนั้นเอง นานะก็ขยับแล้วเข้ามากระซิบ “นายท่าน นานะได้ยินเสียงฝีเท้า”
ลิงค์ก็ได้ยินมันเหมือนกัน เสียงฝีเท้านั้นเบาและมั่นคง คนๆนั้นอาจจะผ่านทางมาและยังไม่สังเกตเห็นพวกเขา “รอดูก่อน” เขากระซิบ
นี่คือพื้นที่แห้งแล้งบนเทือกเขาโคโรราโด้ตอนเที่ยงคืน การปรากฏตัวขึ้นมาในเวลานี้มันไม่สมเหตุสมผลเอาซะเลย พวกเขาจะต้องระวังตัวเอาไว้