Advent of the Archmage – ตอนที่ 31: เวทย์เลเวล 0 บทแรก (2)

ลิงค์ ไม่เคยคิดเลยว่าสำหรับคนที่เป็นนักเรียนที่ต่ำต้อยอย่างเขา จะสามารถนั่งเงียบๆและเพ่งสมาธิทั้งหมดของเขาไปกับการอ่านหนังสือเวทย์มนตร์ได้จริงๆ ในความเป็นจริง, เขาจดจ่ออยู่กับการอ่านแทบจะทั้งวันได้เลยด้วยซ้ำ

 

ตอนที่เขาเริ่มอ่าน, เขาต้องบังคับตัวเองให้มีสมาธิ มันเป็นเรื่องที่ทรมานแทบตาย ในตอนแรก— เปลือกตาของเขาหนักมากจากสูตรมานาที่มี่จำนวนนับไม่ถ้วนและทะเลแห่งอักษรเวทย์มนตร์ที่ดูเหมือนว่าเขาจะไม่เคยเห็นมาก่อน

 

แต่สมาธิของเขาก็ค่อยๆจมดิ่งเข้าไปในหัวเรื่องของหนังสือ, เขาค่อยๆสนใจเนื้อหาที่อยู่ข้างในมากขึ้นและมากขึ้นเรื่อยๆ, และในท้ายที่สุด, เขาก็ตกเป็นทาสของมันอย่างสมบูรณ์

 

ประสบการณ์ในการอ่านหนังสือเวทย์มนตร์ในตอนนี้แตกต่างจากประสบการณ์ที่เขาได้รับเมื่อคืนก่อน ขณะที่กำลังอ่านทฤษฎีความแปรปรวนของมานาในห้องของ เซลีน โดยสิ้นเชิง เมื่อวาน, เขาแค่เปิดอ่านผ่านๆ; เขาไม่ได้ใส่ความสนใจลงไปทั้งหมด, และเขาก็ไม่ได้มุ่งมั่นที่จะหาความรู้ แต่ครั้งนี้, ลิงค์ ใส่ความพยายามทั้งหมดของเขาลงไปในหนังสือด้วย

 

เขาเปิดอ่านแต่ละหน้าอย่างช้าๆ, บางครั้งเขาถึงขนาดหยุดระหว่างหน้าเพื่อคิดถึงสิ่งที่เขาเพิ่งอ่านไปอย่างระมัดระวัง

 

ตามที่หนังสือเขียนไว้, เวทย์มนตร์แบ่งออกเป็น 6 ประเภท: เวทย์มนตร์ธาตุ, เวทย์มนตร์ลึกลับ, เวทย์มนตร์ปลุกวิญญาณ, เวทย์มนตร์อัญเชิญ, เวทย์มนตร์ลุ่มหลง, และเวทย์มนตร์ปรุงยา

 

สำหรับเวทย์มนตร์เลเวล 3 และต่ำลงมา, ความแตกต่างระหว่างความหลากหลายของชนิดเวทย์มนตร์พวกนี้ไม่ได้สำคัญนัก นักเวทย์สามารถพัฒนาสกิลของพวกเขาในเวทย์มนตร์ทุกประเภทได้ แต่เมื่อนักเวทย์มาถึงเลเวล 3 และเหนือขึ้นไป, พวกเขาจำเป็นต้องระบุและตัดสินใจว่าจะมุ่งเน้นไปที่เวทย์มนตร์ชนิดไหน

 

โดยปกตินักเวทย์สามารถพัฒนาและเพิ่มความก้าวหน้าในทักษะสกิลของพวกเขาได้แค่เวทย์มนตร์ชนิดเดียวเท่านั้น ในการที่จะเชี่ยวชาญเวทย์มนตร์มากกว่าหนึ่งชนิดหลังจากเลเวล 4 นั้นโดยพื้นฐานแล้วเป็นไปไม่ได้, แล้ะเป็นเรื่องที่หายากมากๆที่จะมีข้อยกเว้น

 

หนังสือโครงสร้างของเวทย์มนตร์พื้นฐาน, ได้ระบุ บอลเพลิง กับ หนามพสุธา ไว้ในฐานะตัวอย่างของเวทย์ธาตุ, และ ระบุหายตัวระดับต้น ไว้ในฐานะของเวทย์มนตร์ปลุกวิญญาณ ส่วนเวทย์มนตร์ลึกลับและเวทย์มนตร์อัญเชิญนั้นไม่ได้มีตัวอย่างเขียนเอาไว้เพราะเวทย์มนตร์ทั้งสองสาขานี้เป็นหัวข้อที่คลุมเครือมากๆ และเป็นเรื่องหายากมากๆที่จะมีคนที่เรียนเวทย์เหล่านี้ผ่านตำราเรียนเพียงอย่างเดียว วิธีเดียวที่จะเรียนรู้พวกมันก็คือการเรียนกับผู้สอนโดยตรง

 

ขณะที่เขาอ่านเรื่องโครงสร้างเวทย์มนตร์ของบอลเพลิงจบ, ลิงค์ ก็เอาคทานิวมูนของเขาออกมาและพยายามที่จะร่ายเวทย์

 

กระบวนการร่ายเวทย์นั้นประกอบด้วยสามขั้นตอน: ขั้นแรกรวบรวมมานา, ขั้นที่สองสร้างโครงสร้างของเวทย์มนตร์, และขั้นที่สามปล่อยเวทย์มนตร์ออกมา

 

ช่วงที่สำคัญที่สุดคือช่วงสร้างโครงสร้างของเวทย์มนตร์ กระบวนการร่ายเวทย์มนตร์จะสำเร็จหรือไม่นั้นขึ้นอยู่กับขั้นตอนนี้

 

ลิงค์ เพ่งสมาธิทั้งหมดของเขาและทำตามแต่ละจุดที่แนะนำไว้ในหนังสือ สองวินาทีต่อมา, ปลายคทานิวมูนก็มีแสงขึ้นมา, และจุดเล็กๆของแสงก็ปรากฏขึ้นมาในอากาศที่เบาบางไกล้ๆกลับปลายคทา

 

นี่คือต้นแบบของเวทย์บอลเพลิง

 

จุดแสงมีขนาดประมาณเท่ากับเมล็ดข้าว, มันคงอยู่ได้ประมาณหนึ่งวินาที, แล้วก็หายไปในอากาศที่เบาบางด้วยเสียง ฟู่ว

 

ถ้าการสร้างโครงสร้างเวทย์มนตร์ล้มเหลว, การร่ายเวทย์มนตร์ก็จะสิ้นสุดลงในทันที

 

นี่จึงอาจจะเป็นเรื่องที่ค่อนข้างยากอยู่พอสมควร

 

ลิงค์ เม้มริมฝีปากของเขา เขาตระหนักได้ว่าวิธีการเรียนรู้แบบนี้แตกต่างจากวิธีการที่เขาเรียนรู้เวทย์มนตร์ที่เขาได้รับด้วยค่าโอมนิพ้อยท์ของเขาโดยสิ้นเชิง ในตอนนี้, มานาได้กลายเป็นเด็กที่ซุกซนและคึกคะนอง ตอนที่เขาต้องการให้มันไปทางซ้าย, มันก็จะไปทางขวา ตอนที่เขาต้องการให้มันเสถียร, มันก็จะปั่นป่วน มันแทบจะเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้ที่จะรักษามันให้อยู่ภายใต้การควบคุมของเขา

 

ลิงค์ พยายามอีกครั้ง

 

สามวินาทีถัดมา, มีเสียง ฟู่ว, และแสงขนาดเท่าก้อนกรวดขึ้นมาอีกครั้ง และอีกครั้งที่มันปรากฏขึ้นมาจากนั้นก็หายไปอย่างรวดเร็ว— มันคืออีกหนึ่งความพยายามที่ล้มเหลวในการร่ายบอลเพลิง

 

ลิงค์ รู้สึกว่าอากาศที่ร้อนแรงได้มากระทบบนหน้าของเขา เขาโชคดีที่เขาแค่ทดสอบเวทย์มนตร์เลเวล 0 หากมันเป็นเวทย์มนตร์เลเวล 4, ระเบิดเพลิง, และเขาทำเละในระหว่างกระบวนการร่ายเวทย์, เขาคงจะถูกเผาจนไหม้เกรียมไปแล้ว

 

เวทย์มนตร์ ถูกพิจารณาให้เป็นพลังที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในโลก แต่มันก็เป็นดาบสองคม นักเวทย์ยิ่งแข่งแกร่งเท่าไหร่ ก็ยิ่งอันตรายเท่านั้นในตอนที่พวกเขาร่ายเวทย์ คำพูดนี้กล่าวโดยจอมเวทย์ผู้มีชื่อเสียง, ผู้ที่ ลิงค์ ในตอนนี้เห็นด้วยอย่างลึกซึ้ง

 

ถ้าคนไม่สามารถทนความล้มเหลวของเวทย์มนตร์เลเวล 4 ได้, ถ้างั้นเวทย์มนตร์ระดับตำนานก็อาจจะถึงขั้นฆ่าพวกเขาได้

 

ในความเป็นจริง, นักเวทย์ที่ปราถนาจะเรียนเวทย์มนตร์ระดับสูงนั้นต้องใช้เครื่องมือต่างๆมาช่วยพวกเขา สิ่งสำคัญที่สุดในบรรดาเครื่องมือเหล่านี้คือหอคอยนักเวทย์ที่ทำงานได้เต็มรูปแบบ

 

หอคอยนักเวทย์สามารถช่วยนักเวทย์ได้ด้วยการตรวจสอบและควบคุมพื้นที่ที่อยู่รอบๆหอคอย, และอุปกรณ์ที่อยู่ข้างในหอคอยเองก็ใช้เพื่อปกป้องพวกเขาขณะที่พวกเขาทดลองเวทย์มนตร์ใหม่ๆ

 

อย่างไรก็ตาม, ข้อเสียของอาคารพวกนี้คือค่าใช้จ่ายในการสร้างพวกมัน หอคอยนักเวทย์ธรรมดาก็ต้องการวัตถุดิบเวทย์มนตร์และวัตถุดิบต้านทานเวทย์มนตร์จำนวนมหาศาลแล้ว, ซึ่งค่าใช้จ่ายในการสร้างนั้นมีราคาประมาณ 10,000 เหรียญทอง – ซึ่งเป็นราคาที่สูงอย่างไม่น่าเชื่อเลยจริงๆ

 

ความแข็งแกร่งมักมาพร้อมกับค่าใช้จ่ายเสมอ

 

เวทย์มนตร์นั้นเป็นเหมือนกับงานอดิเรกที่มีราคาแพงที่สามารถผลาญเงินได้อย่างรวดเร็วจนคนธรรมดาไม่สามารถเชื่อได้!

 

แน่นอนว่า, ลิงค์ ยังไม่คิดถึงหอคอยนักเวทย์ในตอนนี้ บอลเพลิงไม่ได้เป็นอะไรไปมากกว่าเวทย์มนตร์เลเวล 0, เขาสามารถทดลองมันอย่างกล้าหาญได้โดยไม่ต้องกังวลถึงความปลอดภัยของเขา

 

ครั้งที่สาม, ครั้งที่สี่, และครั้งที่ห้า ในการร่ายเวทย์มนตร์ทั้งหมดนั้นล้มเหลว จากนั้นพอถึงความพยายามครั้งที่หก, หลังจากผ่านไปประมาณห้าวินาที, ลูกแก้วสีขาวขนาดเท่าหินอ่อนก็ปรากฏขึ้นมาที่ปลายคทาในที่สุด

 

ลิงค์ ในตอนนี้ได้ตรวจสอบและซึมซับประสบกาณ์ในกระบวนการทั้งหมดของวิธีการร่ายเวทย์โดยตรง โดยเริ่มจากศูนย์

 

มานาไหลเข้ามา, และโครงสร้างของเวทย์มนตร์ก็ถูกสร้าง, จากนั้นธาตุไฟถูกดึงดูดเข้ามา, ก่อให้เกิดโครงสร้างที่มั่นคง ช่างเป็นกระบวนการที่งดงามจริงๆ

 

เขารู้สึกถึงความอบอุ่นของอากาศจากบอลเพลิงเล็กๆที่อยู่เบื้องหน้าเขาแล้วหัวใจของ ลิงค์ ก็ถูกเติมเต็มด้วยความภาคภูมิใจกับความสำเร็จเล็กๆของเขา

 

บอลเพลิง เป็นเวทย์มนตร์แรกสุดที่เขาได้เรียนรู้อย่างแท้จริง

 

แต่แล้ว ลิงค์ ก็หัวเราะเยาะตัวเอง นี่เป็นแค่เวทย์มนตร์เลเวล 0, และฉันยังต้องใช้เวลาถึงห้าวินาทีในการร่ายมัน แถม, บอลเพลิงของฉันก็เป็นได้แค่แสงจากไม่ขีดไฟดีๆเท่านั้นเอง

 

ภายในเกมส์, เขาสามารถปล่อยเวทย์มนตร์เลเวล 0 ได้ในเวลาแค่ 0.1 วินาที ซึ่งต้องให้ได้ความเร็วขนาดนั้นเท่านั้นถึงจะสามารถเอาพวกมันไปใช้ได้ในการต่อสู้

 

อย่างไรก็ตาม, ลิงค์ มีความเชื่อมั่นว่าเขาจะเก่งขึ้นได้ในที่สุดด้วยการฝึกฝนที่มากขึ้น

 

แถม ลิงค์ เองก็ไม่มีเหตุผลที่จะกังวลว่าเขาจะใช้มานาในร่างกายของเขาทั้งหมดไปขณะที่กำลังฝึกฝน เพราะเขาจะทำให้มั่นใจว่ามานาที่ใช้ไปในการร่ายเวทย์นั้นจะถูกดูดซึมกลับมา, แล้วตอนที่บอลเพลิงค่อยๆหายไปอย่างช้าๆ, พลังงานที่เสียไปก็กลับเข้ามาในร่างกายของ ลิงค์

 

จากนั้น, ลิงค์ ก็ปล่อยให้มานาไหลเพิ่มเข้าไปในคทา, แล้วสร้างโครงสร้างเวทย์มนตร์ขึ้นมาอีกครั้ง ครั้งนี้, หลังจากที่เวลาผ่านไปสี่วินาที, บอลเพลิงก็ถูกสร้างขึ้นมาได้สำเร็จ

 

ลิงค์ เริ่มที่จะเข้าใจมัน, และเขาก็ฝึกฝนต่อไปอย่างไม่หยุดหย่อนซ้ำแล้วซ้ำแล้ว

 

เขาจมอยู่กับการฝึกฝนอย่างเต็มที่จนเขาไม่ทันรู้ตัวถึงการไหลเวียนของเวลา

 

เขาร่ายเวทย์มนตร์ซ้ำแล้วซ้ำเล่า, โดยไม่ได้ตระหนักเลยว่าการร่ายเวทย์โดยใช้ความพยายามของเขากับการร่ายเวทย์ที่ได้รับมาจากโอมนิพ้อยท์นั้นได้ถูกหลอมรวมเข้าด้วยกันจนแยกไม่ออก

 

ซู่วววว บอลเพลิงที่มั่นคงปรากฏขึ้นมาที่ปลายคทาของเขา, แล้วก็— ฟู่ว, บอลเพลิงได้หายไป, และมานาก็ถูกดูดซึมกลับเข้ามา เรื่องทั้งหมดนี้เกิดขึ้นอย่างวดเร็วเหมือนกับการเปิด/ปิดไฟ

 

โดยไม่ทันได้รู้สึกตัว, การร่ายเวทย์ของ ลิงค์ ก็มีความเร็วไม่ถึง 0.1 วินาที ลิงค์ รู้สึกว่าในเวลาแค่ 1 วินาทีเขาสามารถปล่อยบอลเพลิงได้อย่างน้อย 20 ลูก

 

เขาอยู่ในสภาพที่ผิดธรรมดาแล้วในตอนนี้, เขายังคงได้รับความช่วยเหลือและการสนับสนุนจากระบบเกมส์, แต่เขาเองก็สามารถรู้สึกและเข้าใจในแต่ละกระบวนการของการร่ายเวทย์ได้ รวมถึงโครงสร้างพื้นฐานของเวทย์มนตร์ด้วย

 

“นายเพิ่มความเร็วในการร่ายเวทย์ของฉันหรอ?” ลิงค์ ถามระบบเกมส์ มันเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้สำหรับเขาที่จะพัฒนาได้เร็วขนาดนี้ถ้ามันเป็นแค่ความพยายามของเขาคนเดียว

 

ระบบเกมส์ตอบกลับ

 

ใช่แล้ว การฝึกฝนซ้ำไปซ้ำมาในทีเดียวนั้นจะผลาญพลังงานของผู้เล่นเพียงเท่านั้น, และไม่ได้ช่วยให้ผู้เล่นเข้าใจถึงเวทย์มนตร์เลย แต่เมื่อผู้เล่นมีความเข้าใจถึงพื้นฐานของเวทย์มนตร์, ระบบจะทำการเพิ่มความเร็วในการร่ายเวทย์ของผู้เล่นเพื่อเพิ่มความเร็วในการร่ายเวทย์โดยรวม

 

“แล้วฉันสามารถร่ายเวทย์เลเวล 0 ได้เร็วที่สุดเท่าไหร่?”

 

0.0512 วินาที นั่นคือขีดจำกัดของเวทย์มนตร์ธาตุไฟ คุณไม่สามารถเร็วไปกว่านี้ได้อีกแล้ว

 

เวลาในการร่ายเวทย์สำหรับเวทย์ธาตุแบ่งเป็นสองส่วน: ส่วนแรก, คือเวลาในการสร้างโครงสร้างมานา ส่วนนี้ขึ้นอยู่กับความเร็วจิตของนักเวทย์, ซึ่งแน่นอนว่าสามารถพัฒนาได้ด้วยการฝึกฝน ส่วนที่สอง, คือเวลาที่ธาตุจะรวบรวมและจัดการองค์ประกอบให้อยู่ในรูปแบบที่เหมาะสม ความเร็วส่วนนี้ขึ้นอยู่กับความเข้มข้นของธาตุในบริเวณโดยรอบ เมื่อเปรียบเทียบระหว่างพื้นที่หิมะของทางเหนือกับพื้นที่ทะเลทรายของทางใต้, พื้นที่อย่างหลังจะรวบรวมธาตุไฟได้เร็วกว่าเดิมสิบเท่า

 

ภายในห้องที่ ลิงค์ อาศัยอยู่, ธาตุไฟต้องใช้เวลา 0.05 วินาทีในการรวบรวม, และนี่เป็นเวลาที่เร็วที่สุดสำหรับเวทย์นี้

 

โอ้, งั้นก็หมายความว่าฉันเร็วมากแล้วสินะ 0.0512 วินาที, นั่นเร็วพอๆกับสายฟ้าเลยนะเนี่ย ลิงค์ พอใจกับระดับของความคืบหน้านี้

 

ครั้งต่อไปที่เขาจะฝึกบอลเพลิง, เขาจะไม่ทุ่มสมาธิมากเกินไปในการควบคุมเสถียรภาพของโครงสร้างเวทย์มนตร์, แต่เขาจะเอาความพยายามของเขาไปใส่ในกระบวนการดึงดูดธาตุไฟแทน

 

หลังจากผ่านไปกว่าสิบนาที, ความสงสัยก็ผุดขึ้นมาในหัวของ ลิงค์ มีข้อบกพร่องในโครงสร้างของเวทย์มนตร์นี้

 

เมื่อเขาได้ฝึกฝนและได้ซึมซับประสบการณ์มาบ้าง, ลิงค์ ในตอนนี้ก็เริ่มตั้งคำถาม ตอนนี้เขาเข้าใจกระบวนการร่ายเวทย์ทั้งหมด, และเขาก็สามารถสังเกตุเห็นข้อบกพร่องบางอย่างในโครงสร้างของเวทย์มนตร์บอลเพลิงได้

 

ลิงค์ ให้ความสนใจอย่างทั่วถึงในโครงสร้างของเวทย์มนตร์และทำการค้นหาต่อไป

 

กระบวนการของเวทย์นี้ในการดึงดูดธาตุไฟเข้ามาจากรอบๆมันยังไม่สมบูรณ์, และไม่ค่อยมีประสิทธิภาพ แต่มันก็มีความเสถียรมาก, และเป็นวิธีที่ง่ายที่สุดในการพัฒนา แต่วิธีเหล่านี้ไม่ใช่สิ่งที่ฉันต้องการในเวทย์มนตร์ของฉัน, บางทีฉันอาจจะสามารถปรับแต่งและพัฒนามันได้นะ

 

ลิงค์ เป็นคนที่ทำจริง; เมื่อเขามีความคิดผุดขึ้นมาเขาก็จะทำมันในทันที

 

แต่ในขณะนั้น, ก็มีคนมาเคาะที่หน้าประตู, เอเลียร์ด เรียกเขา “ลิงค์, ตอนนี้ถึงเวลาไปแล้วนะครับ”

 

ลิงค์ หันไปมองนอกหน้าต่าง เพียงแค่นั้นเขาก็ตระหนักได้ว่าท้องฟ้าเริ่มสว่างแล้ว

 

“แปบนะ, เดี๋ยวฉันออกไป” ลิงค์ ตอบกลับไปอย่างรีบร้อน

 

พอเก็บไม้คทาของเขา, เขาก็รีบล้างหน้าของเขาและพยายามที่จะทำให้ตัวเองดูสดชื่นขึ้น แต่จากสิ่งที่เขาเห็นในกระจก, ไม่ว่าเขาจะมองดูตัวเองยังไง, เขาก็ดูเหมือนแค่คนธรรมดาๆ โรคป่วยมานาส่งผลกระทบกับเขาอย่างแน่นอน

 

เขาเปิดประตูมาเห็น เอเลียร์ด แล้วนั่นก็ทำให้ตอนนี้ ลิงค์ รู้สึกหงุดหงิดมากขึ้น

 

หลังจากได้พักผ่อนยามค่ำคืนอย่างเต็มที่, เอเลียร์ด ก็เปลี่ยนไปใส่เสื้อผ้าตัวใหม่ ตอนนี้ทั้งตัวของเขาดูมีชีวิตชีวามากขึ้น, ราวกับว่าตัวเขากำลังเปล่งประกายอยู่ คู่ดวงตาสีเขียวอ่อนของเขามีความชัดเจน, และดูมีความหมายราวกับว่าพวกมันส่องแสงในตัวเอง ใครก็ตามที่เห็นเขาจะรู้ได้ว่าเขามีจิตวิญญาณที่แข็งแกร่ง

 

ในบรรดาเวทย์มนตร์, มีเวทย์มนตร์ที่เรียกว่าตรวจจับออร่า, ที่สามารถใช้วัดออร่าที่แผ่ออกมาจากเป้าหมายได้

 

ลิงค์ ยังไม่ได้เรียนมัน, แต่เขาก็เชื่อว่าถ้าให้คนมาตรวจสอบ เอเลียร์ด โดยใช้เวทย์นี้, พวกเขาจะพบว่าเขากำลังเปล่งประกายด้วยพลังมานาที่สดใส

 

อา, คุณจะสามารถพูดอะไรได้บ้างตอนที่เขาเป็นนักเวทย์ที่มีพรสวรรค์ที่สุดอันดับหนึ่งและผู้ชายที่หล่อที่สุดอันดับหนึ่งในเกมส์ เขาช่างมีหน้าตาที่มีเสน่ห์จนไม่มีใครสามารถเปรียบเทียบได้จริงๆ! ลิงค์ อดที่จะคร่ำครวญไม่ได้

 

หลังจากที่ทั้งคู่ทานข้าวเช้าที่ห้องโถงเสร็จ, พวกเขาก็ออกเดินทาง

 

สถาบันอีสโควฟอยู่ห่างไป 30 ไมล์ทางตะวันออกเฉียงใต้ของเมืองรีเวอร์โควฟ, ในพื้นที่โคเว่น มันอยู่ห่างออกไปไม่ไกลนัก พวกเขาต้องเดินประมาณสองชั่วโมง, จากนั้นทางเข้าอ่าวก็จะอยู่ในระยะสายตาของพวกเขาแล้ว

 

ที่ทางเข้าเป็นแผ่นหินขนาดใหญ่, และในนั้นก็มีตัวอักษรขนาดใหญ่เขียนเอาไว้อยู่, มันคือชื่อของสถาบันเวทย์มนตร์ระดับสูงอีสโควฟ มีตราโรงเรียนประดับไว้อยู่ด้านบน, โดยที่หัวของสิงโตอยู่ตรงกลาง, และมีคทาไขว้กันอยู่ข้างใต้มัน, ซึ่งมันหมายถึงเวทย์มนตร์ที่ขึ้นตรงต่ออาณาจักรนอร์ตัน

 

ข้างๆแผ่นหินคืออาคารไม้สองชั้นขนาดเล็ก, และด้านหน้าอาคารก็เป็นลานที่มีชายแก่ผมขาวสวมผ้าคลุมนักเวทย์สีน้ำเงินเทากำลังนั่งอาบแดดอยู่บนเก้าอี้ยาว

 

พอ ลิงค์ หันไปทางชายแก่คนนั้น, การแจ้งเตือนก็โผล่ขึ้นมา

 

วินเซนท์

นักเวทย์ปกติ เลเวล 2

สถานะ: ค่าออร่าคงที่

ตำแหน่ง: ผู้รับนักเรียนเข้าสถาบันเวทย์มนตร์อีสโควฟและผู้ทดสอบคุณสมบัติ

 

ในตอนที่ วินเซนท์ เห็น ลิงค์ กับ เอเลียร์ด, เขาก็กวาดสายตามาที่พวกเขาแล้วถาม, “พวกเธอทั้งคู่พยายามที่จะเข้าสถาบันหรอ?”

 

“ครับ?” ทั้งคู่ตอบกลับไปด้วยความเคารพ

 

วินเซนท์ ยกคทาในมือของเขาขึ้นมาแล้วชี้ไปที่ เอเลียร์ด, แล้วพยักหน้า “เธอสามารถเข้าเรียนได้, ตราบเท่าที่เธอสามารถจ่ายค่าเล่าเรียนได้”

 

จากนั้นเขาก็ชี้คทาไปที่ ลิงค์, แล้วส่ายหน้า “เธอ, มีต้นกำเนิดมานาน้อยเกินไป เว้นเสียแต่ว่า, เธอจะสามารถพิสูจน์ได้ว่าเธอมีความรู้และสายตาที่หลักแหลมในเรื่องเวทย์มนตร์ที่เพียงพอเธอถึงจะสามารถเข้าเรียนได้ แต่ถ้าไม่ก็กลับไปยังที่ที่เธอจากมาซะ”

 

Advent of the Archmage

Advent of the Archmage

Type: Author: , ,
เรื่องย่อ ลิงค์เป็นอาร์จเมจที่เก่งที่สุดในทุกๆเซิร์ฟเวอร์ เขาเพิ่งจะโค้นล้มบอสที่แข็งแกร่งที่สุด,เจ้าแห่งความลึก โนโซม่า ด้วยปาร์ตี้ของเขา อย่างไรก็ตาม,แทนที่เขาจะกลับไปที่เมื่อง เขากลับถูกส่งตัวไปที่พื้นที่ลับด้วยพิกเซลCG มันให้ความรู้สึกเหมือนกับสูญญากาศ และภายในนั้นก็ได้มีเสียงที่ยิ่งใหญ่และมากด้วยอำนาจที่เรียกตัวเองว่าพระเจ้าแห่งแสงสว่างดังขึ้น “ลิงค์ เจ้าเต็มใจที่จะเป็นผู้ช่วยชีวิตที่จะดึงโลกแห่งฟิรูแมนออกจากความปั่นป่วนไหม?” ภารกิจที่ยิ่งใหญ่นี้มันอะไรกัน! ถ้ามันเป็นโลกจริง ลิงค์ คงจะปฏิเสธไปในทันที อย่างไรก็ตามเขาก็มีความแน่วแน่ที่จะเป็นฮีโร่ในเกมส์ “จัดไปเลย!” ลิงค์ ตอบอย่างมั่นใจ “ถ้างั้นก็ขอให้เจ้าโชคดี” และนั่นจะเป็นการเริ่มต้นการเดินทางที่เต็มไปด้วย เวทย์มนตร์,มิตรภาพ,การทรยศ,ความรัก และความสิ้นหวังของ ลิงค์ ในโลกที่เปลี่ยนแปลงไปของฟิรุแมน Link was the top Archmage in the entire server. He had just defeated the strongest boss, the Lord of The Deep, Nozama with his party. However, instead of going back to town, he was transported to a secret location with pixelated CG. It sort of felt like a vacuum, and within it came a glorious and commanding voice that calls himself the God of Light. “Link, would you be willing to be the saviour who will pull the World of Firuman out from the churning abyss?” What a huge mission! If it was in the real world, Link would have rejected it immediately. However, he was bent on being the hero in game. “Bring it on!” Link answered confidently. “Then, best of luck.” And so began Link’s journey of magic, friendship, betrayal, love and despair in the ever changing World of Firuman.

Comment

Options

not work with dark mode
Reset