วิหารมังกรนั้นมีเอกลักษณ์เป็นอย่างมาก-มันยิ่งใหญ่ ทุกอย่างดูใหญ่ไปหมด อย่างเช่นทางเดินที่มังกรแดงอาวุโส, เพทตาลองกำลังนำทางให้ลิงค์อยู่นั้น มันมีความกว้าง 300 ฟุต มันให้ความรู้สึกเหมือนกับว่าเขากำลังเดินอยู่ใจกลางจตุรัสของเมืองที่ว่างเปล่าเลย
หลังจากเดินกับผู้อาวุโสเพทตาลองอยู่พักนึง ลิงค์กับเอลินก็รู้สึกตัวว่าพวกเขากำลังเดินไปทางด้านหลังของวิหารศักดิ์สิทธิ์ พวกเขาแลกเปลี่ยนสายตากัน และพวกเขาก็รู้สึกไม่ดี
ครั้งล่าสุดที่พวกเขาเห็นราชินีก็คือจัตุรัสกว้างที่อยู่ด้านหลังวิหารศักดิ์สิทธิ์ และตอนนี้ เธอก็กำลังจะพบกับแขกที่นั่น ซึ่งนี่หมายความว่าราชินีมังกรแดงนั้นอ่อนแอมากๆและไม่สามารถขยับตัวได้
สถานการณ์นั้นเลวร้ายมาก
หลังจากเดินไปได้ 5-6 นาที ทางเดินก็สิ้นสุด ซุ้มประตูสูง 150 ฟุตปรากฏขึ้น มีนักรบสูง 30 ฟุตยืนอยู่ที่ทั้งสองฝั่งของทางเข้า
พวกเขาถือดาบเล่มยักษ์และแต่งตัวด้วยชุดเกราะสีแดงเข้ม มีเพียงแค่ดวงตาสีเงินเท่านั้นที่เผยให้เห็น ออร่าของพวกเขาดูลึกลับและคลุมเคลือ ในตอนที่พวกเชามองลงมา มันจะรู้สึกได้ถึงความกดดันที่ไม่สามารถอธิบายได้
ลิงค์จำลักษณะของนักรบเหล่านี้ได้ พวกเขามีชื่อว่าการ์ดมังกรแห่งวันสิ้นโลก ในตอนนี้พวกเขามีเลเวล 8 แต่หลังจากนี้ ในตอนที่ความหนาแน่นของมานาเพิ่มขึ้น พวกเขาทุกคนจะก้าวเข้าสู่ระดับตำนานและมีพลังต่อสู้อันน่าหวาดกลัว
ก่อนหน้านี้ ในตอนที่การ์ดมังกรแห่งวันสิ้นโลกปรากฏตัวขึ้นที่สนามรบนั้นพวกเขาเหมือนกับรถศึกแห่งวันสิ้นโลก ใครก็ตามที่พยายามขวางทางพวกเขาจะต้องตาย มีเพียงแค่ เขาทมิฬ, ปีศาจระดับสูงที่มีลักษณะทางกายภาพใกล้เคียงกันเท่านั้น ที่สามารถหยุดพวกเขาได้
และที่น่ากลัวยิ่งกว่านั้นก็คือ พวกเขามีกันอย่างน้อย 100 คนในวิหารมังกรแห่งนี้ เห็นได้ชัดว่า ชนเผ่ามังกรนั้นเป็นชนเผ่าในตำนานอย่างแท้จริง
พอถูกนักรบเหล่านี้จ้องมอง เอลินก็ตัวสั่นเหมือนกับลูกนกตัวเล็กๆ เธอรีบเดิน และตามลิงค์ไปโดยไม่กล้าแม้แต่จะหายใจแรง
ที่ทางเข้า เพททาลองหยุดเดิน “ช่วงนี้องค์ราชินีรู้สึกไม่ค่อยสบายเท่าไหร่” เขาพูดเบาๆ “เพื่อไม่ให้สุขภาพของพระองค์แย่ลงไปกว่านี้ ในตอนที่เจ้ารายงานความจริงให้องค์ราชินีฟังก็คอยระวังสิ่งที่เจ้าจะพูดด้วยหล่ะ เข้าใจใช่ไหม?”
ลิงค์กับเอลินแลกเปลี่ยนสายตากัน ราชินีมังกรแดงนั้นมีพลังระดับตำนาน แต่ตอนนี้เธออยู่ในสภาพที่ความรู้สึกของเธออาจจะมีผลต่อร่างกายได้ สถานการณ์นั้นย่ำแย่ขนาดไหนกันเนี่ย?
สายตาของเพทตาลองนั้นเฉียบคมมาก ลิงค์ทำได้แค่พยักหน้าเท่านั้น “พวกเราจะพยายามระมัดระวังเรื่องความรู้สึกขององค์ราชินีอย่างเต็มที่ครับ”
“ถ้างั้นก็ดี ตามข้ามา” มังกรอาวุโสนำทางพวกเขาต่อ
ทั้งกลุ่มเดินผ่านซุ้มประตูเข้าไปและเห็นจตุรัสที่มีความกว้างกว่า 1,000 ฟุต ที่ตรงกลางนั้นมีราชินีมังกรนอนเหยียดอยู่อย่างเงียบๆ
ฉากนี้แทบจะเหมือนกับในภพวิญญาณเลย ความแตกต่างเพียงอย่างเดียวก็คือลูกบอลสีดำที่เป็นตราช่างแห่งสมดุลนั้นหายไป บางทีพวกมังกรอาจจะปิดบังมันเอาไว้
ที่ข้างๆราชินีนั้นมีมังกรอยู่ประมาณ 30 คน พวกเขาทุกคนสูงกว่า 60 ฟุต และคนที่อ่อนแอที่สุดก็มีเลเวลถึง 8 แล้ว พวกเขาทุกคนต่างก็ส่งคลื่นพลังสีแดงเข้าไปในตัวของราชินี
หัวของราชินีนั้นตกลงมาที่พื้นอย่างรุนแรง ดวงตาสีทองเปิดออกแค่ครึ่งเดียว เมื่อเธอเห็นกลุ่มของลิงค์ เสียงอันอ่อนโยนก็ดังขึ้นไปทั่วทุกแห่ง “ขอโทษด้วย, สหายของข้า ข้ามีปัญหาด้านสุขภาพ ดังนั้นข้าจึงต้อนรับพวกเจ้าได้ด้วยท่าทีแบบนี้เพียงเท่านั้น”
ปากของเธอไม่ได้ขยับในตอนที่พูด, เธอกำลังพูดด้วยเวทมนตร์ ถึงแม้ว่าเธอจะอ่อนแอลงไปมาก แต่ความสง่างามของเธอก็ยังคงทำให้หายใจแทบไม่ออก
เอลินไม่กล้าหายใจดัง เธอเดินขึ้นมา, ทำความเคารพอย่างจริงจัง และพูดอย่างแผ่วเบา “เอลิน นักเวทย์แห่งเผ่ายับบ้า ขอถวายบังคมพะยะค่ะ”
การสังเกตุการณ์จากระยะไกลในภพวิญญาณนั้นก็ส่วนนึง แต่การได้พบราชินีมังกรแดงตัวจริงมันแตกต่างออกไป สำหรับเอลิน ราชินีนั้นเหมือนกับภูเขาในขณะที่เธอเป็นแค่กระต่ายตัวเล็กๆ
เธอรู้สึกได้ถึงแรงกดดันอันมหาศาล และเสียงของเธอก็เบาลงมากในตอนที่พูด เอลินนั้นได้กลายเป็นกุลสตรีแห่งเผ่ายับบ้าไปแล้ว เธอไม่ใช่คนเกรี้ยวกราดและขี้หัวร้อนเหมือนอย่างตอนที่อยู่โรงแรมมังกรราตรี
ในอีกด้านนึง ลิงค์นั้นเคยเห็นราชินีมังกรแดงมาหลายครั้งแล้วในชีวิตเก่าของเขา ดังนั้นสีหน้าของเขาจึงยังเป็นปกติ เขาทำความเคารพและถวายบังคมให้กับเธอตามธรรมเนียม “องค์ราชินี”
ราชินีมังกรแดงจ้องมาที่ลิงค์และพูดต่อ “ข้าได้ยินมาว่า พวกเจ้าไปสืบสวนดยุคโอชีริสมาเมื่อเร็วๆนี้ ได้ผลลัพธ์อะไรมาบ้างหล่ะ?”
“แน่นอนขอรับ” ลิงค์ตอบ จากนั้นเขาก็เห็นเพทตาลองจ้องมาที่เขาเป็นการเตือน ซึ่งมันได้สื่อกับเขาว่าให้ระมัดระวังเทคนิคการพูดของเขาด้วย นี่มันน่าหงุดหงิดมาก เขาต้องบอกความจริง และทางเดียวก็คือการบอกจุดประสงค์ไปตรงๆ มันจะไปมีวิธีไหนอีกหล่ะ?
เขาตัดสินใจที่จะไม่สนใจการเตือนของเพทตาลอง ลิงค์ก้าวไปข้างหน้าและเอาจดหมายจากโต๊ะของโอชีริสออกมา เขาใช้มือแห่งนักเวทย์เปิดมันออกกลางอากาศ เมื่อเทียบกับร่างกายของราชินี ม้วนจดหมายนั้นเล็กมากๆ ส่วนตัวอักษรก็เล็กยิ่งกว่า ยังไงก็ตาม ลิงค์รู้ว่าราชินีสามารถอ่านมันได้
ราชินีมีสมาธิกับจดหมาย เธอค่อยๆอ่านมัน เธอไม่ได้แสดงสีหน้าอะไรเลย ในระหว่างนี้ ลิงค์เองก็อ่านจดหมายไปด้วย และมังกรอาวุโสที่อยู่ข้างๆก็เช่นกัน มังกรนั้นมีสายตาที่ดีมากๆ พวกเขาสามารถมองระยะไกลได้ถึง 100 กว่าฟุต
เนื้อหาในจดหมายนั้นส่วนใหญ่แล้วเป็นสิ่งที่อิเซนดิลันเขียนให้โอซีริสหลังจากที่เขาถูกขับไล่ออกจากหุบเขามังกร ซึ่งเนื้อหาก็ง่ายมาก เขาเร่งเร้าให้โอชีริสทำร้ายราชินี และเพื่อเป็นการตอบแทน เขาจะให้หัวใจแห่งดรามอสกับโอชีริส
“ดรามอส” เป็นคำศัพท์ของภาษามังกร มันมีความหมายว่า “ตำนาน” หรือ “ศักดิ์สิทธิ์” ในภาษาที่ใช้กันทั่วไป มันคือหัวใจแห่งตำนาน มันสามารถช่วยให้โอชีริสก้าวเข้าสู่ระดับตำนานได้
ในบรรดาจดหมายพวกนี้ยังมีจดหมายของโอชีริสที่ยังเขียนไม่เสร็จด้วย มันเห็นได้ชัดจากจดหมายว่าเขาทำภารกิจที่อิเซนดิลันให้มาสำเร็จแล้วและต้องการของตอบแทน
ทั่วทั้งจัตุรัสตกอยู่ในความเงียบหลังจากที่พวกเขาอ่านจดหมายเสร็จ ลิงค์เองก็ไม่พูดอะไรเช่นกัน เขาวางกระดาษลงกับพื้น ในเวลาเดียวกันนั้นเอง ข้อความก็ปรากฏขึ้นในทัศนวิสัยของเขา มันเกี่ยวกับภารกิจ
ภารกิจเปิดโปงเสร็จสิ้น สำเร็จชุดภารกิจ
ผู้เล่นได้รับเครื่องลางคลื่นเวทมนตร์ (เสริมพลัง)
มีแสงสว่างเกิดขึ้นในทัศนวิสัยของลิงค์ และอัญมณีสีม่วง 6 แฉกก็ปรากฏขึ้น มันส่องแสงและไปหยุดอยู่ตรงที่มุมขวาล่างของทัศนวิสัยของเขา พร้อมกับมีคำอธิบายเขียนอยู่ด้านล่าง
ลิงค์ไม่มีเวลามาสนใจของรางวัลชิ้นนี้ เขากำลังรอการตอบสนองของราชินีมังกรแดงอยู่
ในตอนนั้นเอง เขาก็สังเกตเห็นว่าสีหน้าของราชินีแปลกไป ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงนอกจากดวงตาสีทองอันใหญ่โตของเธอ หยาดน้ำตาใสๆก่อรูปขึ้นและไหลลงมา
ในตอนที่น้ำตาหยดลงมาที่พื้น มันก็แตกออกไปทุกทิศทางและมันก็เริ่มแข็งตัวกลายเป็นไข่มุก พวกมันไหลออกไปทุกทิศทาง; และมีชิ้นนึงไหลมาที่เท้าของลิงค์
เขาหันซ้ายหันขวา และเมื่อเห็นว่าไม่มีใครสนใจ เขาก็แอบเก็บ “ไขมุก” ที่มีขนาดเท่ากับกำปั้นเด็กขึ้นมา เขามองไปที่มันและค่าสถานะของมันก็ปรากฏขึ้นที่ทัศนวิสัยของเขา
น้ำตามังกรแดง
คุณภาพ: อีพิค
ผล: น้ำตามังกรสามารถเปลี่ยนแปลงรูปร่างของสิ่งมีชีวิตได้ มันจะทำให้พวกเขามีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับมานามากขึ้น น้ำตาของราชินีนั้นมีผลมากที่สุดและเป็นที่รู้จักกันในชื่อ “เมล็ดพันธุ์แห่งตำนาน”
(หมายเหตุ: ไม่มีใครสามารถพบเจอของชิ้นนี้ได้โดยบังเอิญ)
การทรยศของอิเซนดิลันกับโอชีริสนั้นสร้างความเจ็บปวดให้กับหัวใจของราชินีอย่างแท้จริง แต่ลิงค์ไม่รู้สึกอะไรกับเรื่องรักๆใคร่ๆพวกนี้ เขาแค่รู้สึกดีใจอย่างเงียบๆที่ได้รับหยาดน้ำตาชิ้นนี้ แต่ก็แน่นอนว่า, เขาไม่สามารถเปิดเผยมันได้ ไม่อย่างนั้น เขาคงจะถูกมังกรทุกตัวรังเกียจ
หลังจากที่ผ่านไปพักใหญ่ๆ ราชินีก็พูดขึ้นมาอีกครั้ง เสียงของเธอไม่ได้ใจเย็นเหมือนกับก่อนหน้านี้และมันก็ดูมีความสะอื้นเล็กน้อย “นี่ช่างเป็นข่าวร้ายจริงๆ มนุษย์ ขอบคุณที่ทำให้ข้าได้รู้ความจริงนะ ข้า-”
ก่อนที่เธอจะพูดจบ ก็มีมังกรหนุ่มพุ่งเข้ามาผ่านซุ้มประตู เขารีบวิ่งเข้ามาที่นี่พร้อมกับหายใจหอบ
ผู้อาวุโสเพทตาลองตำหนิเขาในทันที “โอโระ ทำไมเจ้าถึงทำตัวแบบนี้? มารยาทของเจ้าหายไปไหน?”
มังกรหนุ่มที่ถูกถามคำถามกำลังพยายามหายใจ เขาดูหวาดกลัว “มีเรื่องที่เลวร้ายมากๆเกิดขึ้นแล้วครับ ดยุคโอชีริสกับดยุคดาโวซัสตายแล้ว พะ…พวกเขาทั้งคู่ตายแล้วครับ!”
“อะไรนะ?!” มังกรทุกคนพูดขึ้นมาพร้อมกัน
ลิงค์กับเอลินมองหน้ากัน นี่มันน่าเหลือเชื่อ และพวกเขาทั้งคู่ต่างก็คิดไม่ถึงว่าเรื่องมันจะไปไกลถึงระดับนี้ ไม่ใช่ว่ามังกรเป็นที่รู้จักกันในเรื่องพลังชีวิตอันมหาศาลงั้นเหรอ? แล้วทำไมดยุคทั้งสองที่มีพลังถึงเลเวล 9 ถึงตายได้ล่ะ?
พวกมังกรทุกคนที่อยู่ในจตุรัสต่างก็ตกใจ
โอชีริสกับดาโวซัสนั้นเป็นเสาหลักของเผ่ามังกร พวกเขาเป็นอัจฉริยะและมีความสามารถที่จะก้าวไปสู่ระดับตำนานได้
การทรยศของโอชีริสนั้นก็เป็นเรื่องใหญ่แล้ว แต่ตอนนี้ดาโวซัสกลับมาตายไปด้วยเนี่ยนะ? แถมเขายังตายพร้อมกับโอชีริสอีกต่างหาก นี่มันหายนะชัดๆ!
นั่นหมายความว่าดยุคทั้ง3ของมังกรแดงนั้นได้ตายไป2คน และอีกคนก็ทรยศ พละกำลังของมังกรแดงนั้นลดลงไปอย่างน้อยถึง30%เลยทีเดียว!
ราชินีมังกรแดงก็สูญเสียความเยือกเย็นไปในที่สุด น้ำเสียงของเธอสั่นในตอนที่พูด “อธิบายมาให้ละเอียดซิ เกิดอะไรขึ้นกัน?”
เมื่อเห็นว่ามีบางอย่างผิดปกติ เพทตาลองก็ส่งสายตาให้มังกรหนุ่มเป็นการบอกว่าให้สนใจความรู้สึกของราชินีด้วย ยังไงก็ตาม มังกรหนุ่มนั้นก็ตื่นตระหนกมากเช่นกัน เขาไม่ได้สนใจคำเตือนของเพทตาลองเลยด้วยซ้ำ
“ในตอนที่พวกเราเจอพวกเขา พวกเขาอยู่ที่ชายแดนของหุบเขามังกรครับ” เขาพูดอย่างลุกลี้ลุกลน “คอของดยุคโอซีริสถูกดยุคดาโวซัสหัก แต่เขาเองก็ได้รับบาดเจ็บหนักเหมือนกัน อวัยวะภายในของเขาถูกระเบิดเลยหมดเลย…มันคือการต่อสู้ถึงชีวิตครับ”
เมื่อได้ยินสิ่งนี้ ราชินีก็เริ่มขยับ เธอดันตัวเองขึ้นมาด้วยกรงเล็บหน้าของเธอ ดวงตาของเธอเต็มไปด้วยความไม่เชื่อ “ทำไมพวกเขาถึงทำอย่างนั้นหล่ะ? ทำไมเรื่องแบบนี้ถึงเกิดขึ้นได้? ทำไมพวกเขาถึงทรยศข้า?”
“องค์ราชินี นี่เป็นความผิดของอิเซนดิลัน ได้โปรดใส่ใจสุขภาพของท่านด้วย!” เพทตาลองให้คำแนะนำอย่างเป็นกังวล
ราชินีไม่ได้สนใจเขาเลย “ข้าปฏิบัติกับอิเซนดิลันและโอชีริสอย่างจริงใจ” เธอพึมพำ “โอชีริส ข้าเตรียมตัวที่จะเลือกท่านแล้วนะ ทำไมท่านถึงทำอย่างนี้หล่ะ? ทำไมกัน?”
“องค์ราชินี องค์ราชินี?” เพทตาลองพยายามจะปลอบราชินี
เธอชักหัวของเธอกลับ และราชินีมังกรแดงก็แผดเสียงคำรามออกมาครั้งใหญ่ มันเต็มไปด้วยความเศร้าและความโกรธ ภายใต้ผลของความเศร้าและความสิ้นหวังอย่างสมบูรณ์นี้ อารมณ์ของเธอรุนแรงมากจนแม้แต่คนนอกอย่างลิงค์กับเอลินก็ยังสามารถรู้สึกถึงมันได้อย่างชัดเจน
ในระหว่างที่คำราม ปีกของราชินีก็กางออกอย่างกระทันหัน มันกระพืออย่างหนักหน่วง และด้วยสายลมอันรุนแรง เธอก็บินเฉียงขึ้นไป
แต่ว่าบนฟ้าขึ้นไป 100 กว่าฟุตนั้น มีตาข่ายแสงสีดำปรากฏขึ้นบนจัตุรัส มันรัดราชินีเหมือนกับใยแมงมุม ดึงให้เธอลงมา เธอพยายามดื้นรนแต่มันก็เปล่าประโยชน์
ด้วยเสียงระเบิดดังสนั่น เธอก็ตกลงมาที่พื้นอย่างน่าสงสาร จากนั้นเธอก็นอนโดยไม่ขยับอีกเลย ดวงตาของเธอนั้นว่างเปล่าราวกับว่าเธอได้ตายไปแล้ว
และที่น่ากลัวกว่านั้นก็คือ เส้นพลังแห่งความมืดได้เลื้อยผ่านลำตัวสีแดงเข้มของเธอ มันกัดกินร่างกายของเธอด้วยความเร็วที่สามารถมองเห็นได้ด้วยตาเปล่า
เพทตาลองตื่นตกใจ “พวกเจ้ารออะไรอยู่หล่ะ?” เขาตะโกน “ช่วยราชินีขจัดพลังแห่งความมืดสิ! ไอพวกบ้าเอ้ย เร็วเข้า!”
เขาพุ่งไปข้างหน้าและส่งพลังที่มีทั้งหมดไปให้ราชินีมังกรแดง มังกรคนอื่นก็ทำแบบเดียวกัน แต่มันก็ทำได้แค่ลดความเร็วในการกัดกร่อนลงเท่านั้น
ดูเหมือนว่าราชินีจะตัดใจยอมแพ้ไปแล้ว สติและพลังในตำนานของเธอหายไป ในตอนนี้เธอเหมือนกับมังกรทั่วไปเลย
ดูเหมือนว่าการถูกกลืนกินของราชินีนั้นจะเปลี่ยนแปลงไม่ได้แล้ว