ที่ทุ่งหญ้า
โทเดลรอนหัวเราะในตอนที่เขามองมาที่ลิงค์แล้วพูด “ท่านดยุคมีความรู้สุดหยั่งถึง แล้วมนุษย์อย่างเจ้าจะไปเข้าใจปริศนาการชุบชีวิตของข้าได้ยังไงกัน?”
ท่าทีดูถูกของเขานั้นน่ารำคาญมาก
เฟลิน่าทนไม่ไหวแล้วและพุ่งไปข้างหน้า พร้อมกับประเคนหมัดเข้าไปที่หน้าของโทเดลรอนอย่างไร้ความปราณี จากนั้นเธอก็ตะคอก “หยุดพูดเรื่องไร้สาระได้แล้ว! ยอมตอบมาสเตอร์ลิงค์ซะดีๆ!”
โทเดลรอนตะโกนด้วยความโกรธ “เฟลิน่า เจ้ากล้าไปเข้าร่วมกันเผาอื่นได้ยังไง ถ้าเกิดว่าเจ้าเก่งขนาดนั้นก็มาสู้กับข้าสิ!”
เฟลิน่าพยายามระงับความโกรธอย่างถึงที่สุด แต่หลังจากที่ได้ยินคำพูดเหล่านี้ ความโกรธของเธอก็ปะทุออกมา
“ชนเผ่าอื่นงั้นหรอ? ดูสิ่งที่เจ้าทำก่อนเถอะ! ชนเผ่าของเรามีหน้าที่ในการรักษาสมดุลของโลก แล้วดูสิ่งที่เจ้ากำลังทำสิ! ฆ่าคนบริสุทธิ์เนี่ยนะ!”
“สมดุล? ทำไมพวกเราต้องสนใจเรื่องสมดุลด้วยในเมื่อพวกเราแข็งแกร่งขนาดนี้? ข้าขอบอกเอาไว้เลย สมดุลมันก็แค่เรื่องโกหกทั้งเพ สัจธรรมของโลกนี้คือพละกำลังล้วนๆตะหากหล่ะ!” โทเดลรอนยิ้มเยาะ
ลิงค์ส่ายหัวให้กับบทสนทนาที่เถียงกันไม่จบสิ้นนี้และพูดขึ้น “เถอะหน่า เฟลิน่า ปล่อยมันพูดไป ยังไงซะ, มันก็เป็นแค่ไอขี้แพ้เท่านั้นแหล่ะ”
จากนั้นเฟลิน่าก็หยุดพูด เธอแค่มองโทเดลรอนด้วยสายตาอันเย็นชา
ลิงค์เดินมาข้างหน้าด้วยสีหน้าเยือกเย็น เขาไม่ได้รู้สึกว่าโดนดูถูกหรือรู้สึกโกรธกับคำพูดของโทเดลรอนเลย จากนั้นเขาก็พูด “ดูเหมือนว่าพลังของแกจะเพิ่มขึ้นทุกครั้งที่ถูกชุบชีวิต แต่ว่า, ดูเหมือนอิเซนดิลันจะไม่ได้ฆ่าแกรัวๆเพื่อเพิ่มพลังให้แกนะ ซึ่งนั่นก็หมายความว่าการชุบชีวิตนั้นมีข้อจำกัดบางอย่าง ฉันพูดถูกใช่มั้ย?”
“เจ้าจะไปรู้อะไร!” โทเดลรอนตะโกนพร้อมกับกรอกตา
จากนั้นลิงค์ก็พูดต่อ “พลังแบบนี้ไม่น่าจะมีอยู่ในโลกมนุษย์หรอก และต่อให้มีมันก็เป็นไปไม่ได้ที่สิ่งมีชีวิตในโลกนี้จะเชี่ยวชาญวิชานั้น แม้แต่สกิลศักดิ์สิทธิ์ก็มีความยากจนน่ากลัวมากๆแล้ว ฉันเชื่อว่าอิเซนดิลันคงจะได้พลังบางอย่างที่เกี่ยวกับพลังของกฏแห่งโลกนี้มาสินะ”
“หึ!” โทเดลรอนยิ้มเยาะและไม่ตอบคำถามของลิงค์
ลิงค์ไม่ได้ดึงดัน เขาสังเกตดูร่างกายของโทเดลรอนอย่างระมัดระวัง จากออร่าของเขา, เขาดูเหมือนกับมังกรแดงทั่วๆไปเลย ซึ่งนั่นอธิบายได้ว่าเทคนิคของอิเซนดิลันนั้นเหนือยิ่งกว่าระดับของเวทมนตร์แห่งความมืด
ภายในเกม อิเซนดิลันนั้นได้ร่วมมือกับเทพปีศาจ ยังไงก็ตาม เขาก็ไม่เคยมีพลังแบบนี้มาก่อน ในครั้งนี้ลิงค์ไม่สามารถพึ่งข้อมูลในเกมได้เลย
จากนั้นเขาก็ถามกับวิญญาณลอร์ดพายุในจิตใจของเขา นี่ท่านเคยเห็นเทคนิคการชุบชีวิตแบบนี้มาก่อนหรือเปล่า?
“ข้าไม่เคยเห็นมันมาก่อนหรอก…แต่ว่านะ, ข้ามีความรู้สึกว่าเวทย์นี้ต้องแฝงมาด้วยการแลกเปลี่ยนที่สูงมากแน่ๆ” ลอร์ดพายุตอบ
อย่างเช่นอะไรหรอครับ? ลิงค์ถาม
“การพังทลายของกฎแห่งโลก รอยแยกมิติเวลา และการล่มสลายของโลก” ลอร์ดพายุได้พูดถึงสามสถานการณ์ที่ทำให้ลิงค์หนาวไปจนถึงสันหลัง
“เป็นแบบนี้ได้ยังไงกัน? ทำไมอิเซนดิลันถึงมีพลังมากขนาดนั้นได้?” ลิงค์ตกใจกับคำพูดเหล่านี้ มันน่ากลัวเกินไปที่จะคิดว่าผลของเวทย์นี้เป็นยังไง
จากนั้นลอร์ดพายุก็พูดต่อ “ข้าเองก็ไม่มั่นใจหรอกนะ แต่ว่าข้าสามารถรู้สึกได้อย่างชัดเจนว่ามีอะไรบางอย่างในโลกได้เปลี่ยนแปลงไป มันเป็นการเปลี่ยนแปลงที่เล็กน้อยมากๆจนข้าไม่สามารถเจาะจงถึงมันได้ และข้าเองก็บอกไม่ได้เหมือนกันว่ามันจะส่งผลกับโลกยังไง”
จากนั้นดาบก็เงียบลง
ลิงค์เชื่อคำพูดเหล่านี้จากก้นบึ้งของหัวใจ หลังจากที่คิดอยู่พักนึง เขาก็พูด “ฉันเองก็ไม่รู้เหมือนกันว่ามันเกี่ยวกับอะไร พามันไปด้วยเถอะ พวกเราจะศึกษามันในตอนที่พวกเรากลับไป”
เขามีความคิดอยู่ ซึ่งมันก็คือการพาโทเดลรอนไปยังเมืองเมฆขาวและแสดงตัวเขาให้เทพผู้ถูกเนรเทศเห็น ซึ่งเขาจะไม่บอกเรื่องนี้ต่อหน้าโทเดลรอน
“โอเค” เฟลิน่าเดินไปข้างหน้าและกำลังจะแบกโทเดลรอนขึ้นไหล่ของเธอ
จากนั้นโทเดลรอนก็ตะโกนออกมาอย่างกระทันหัน “อย่าอวดดีไปหน่อยเลย! ข้าจะบอกอะไรให้นะ ท่านดยุคคงอยากจะให้ข้าตายมากกว่าการตกไปอยู่ในกำมือของพวกเจ้า สวดภาวนารอไว้ได้เลยเพราะพวกเจ้าไม่สามารถหนีการไล่ล่าของดยุคอิเซนดิลันผู้ยิ่งใหญ่ได้หรอก!”
ลิงค์และเฟลิน่าสั่นไปทั้งตัวกับคำพูดนี้
อิเซนดิลันนั้นเป็นมังกรแดงที่มีพลังระดับตำนาน ถ้าเขามาในสนามรบ พวกเขาก็จะถูกฆ่าตายในทันทีอย่างแน่นอน
โทเดลรอนนั้นเป็นอุปสรรคกับกลุ่มของพวกเขาอย่างแท้จริง
เฟลิน่าจ้องไปที่ลิงค์พร้อมกับพูด “พวกเราจะเอายังไงกันดี?”
ลิงค์เงียบไป
นี่เป็นเพราะความประมาทของเขา ภายในเกม อิเซนดิลันนั้นเป็นแค่นักเวทย์สติเฟื่อง เขาเอาแต่หมกตัวอยู่ในป้อมและทดลองเวทมนตร์แขนงต่างๆ ไม่มีอะไรที่สามารถทำให้เขาออกมาจากป้อมได้เลย ยังไงก็ตาม ในไทม์ไลน์นี้สถานการณ์นั้นแตกต่างกันโดยสิ้นเชิง
ลิงค์ไม่สามารถคาดเดาการเคลื่อนไหวต่อไปของอิเซนดิลันได้อีกแล้ว เขาไม่สามารถรับความเสี่ยงนี้ได้
3 วินาทีต่อมา ลิงค์ก็บอกกับนานะ “ฆ่ามันซะ”
โทเดลรอนระเบิดเสียงหัวเราะออกมาในทันทีแล้วพูด “เดี๋ยวข้าจะกลับมาในเร็วๆนี้นะ ไอนักเวทย์!”
จากนั้นนานะก็แทงทะลุหัวใจของโทเดลรอนอย่างรวดเร็วในฉับเดียว และจบชีวิตของเขา
แล้วลิงค์ก็พูดต่อ “พวกเราจะพาร่างของมันไปให้เทพผู้ถูกเนรเทศคนนั้นดู เขาน่าจะสามารถให้คำตอบกับพวกเราได้”
เอาไปแบบเป็นศพก็น่าจะพอแล้ว
ด้วยการลากศพของโทเดลรอนไปด้วย ลิงค์กับพรรคพวกก็รีบไล่ตามกลุ่มของมนุษย์สัตว์ไป มาโซสมาตอนรับพวกเขาและถาม “ไปได้สวยใช่ไหมครับ?”
ลิงค์พูด”พวกเราฆ่าพวกมันไป 1 ตัวและอีกตัวได้ถอยกลับไป สถานการณ์ยังเลวร้ายอยู่ มีโอกาสสูงมากที่พวกมันจะกลับมาอีกครั้ง”
จากนั้นมาโซสก็บอกข่าวดีให้กับพวกเขา “เมื่อสักครู่นี้หมอผีของกลุ่มมนุษย์สัตว์ได้ติดต่อกับหมอผีของเมืองเมฆขาวแล้ว พวกเขาเพิ่งจะได้รับข่าวมาว่า ขุนศึกฟ้าแยกของเผ่ามนุษย์สัตว์มาอยู่ที่เมืองเมฆขาวพอดี เขากำลังเดินทางมาให้ความช่วยเหลือครับ”
พอได้ยินชื่อนี้ ลิงค์ก็รู้สึกโล่งใจ
โดยปกติแล้ว มนุษย์สัตว์จะได้รับพรที่ทำให้ลักษณะทางกายภาพแข็งแกร่งกว่ามนุษย์ โดยเฉพาะในเรื่องพละกำลัง พวกเขาเป็นนักรบที่ดีมากๆและความแตกต่างของพละกำลังในแต่ละเลเวลของพวกเขาก็เยอะมากๆ
ที่เลเวล 7 พวกเขาจะสามารถเชี่ยวชาญออร่าต่อสู้พลังยักษาได้ ออร่าต่อสู้นี้ได้ส่งต่อกันมาในชนเผ่ามนุษย์สัตว์รุ่นสู่รุ่น ทำให้พลังของพวกเขาเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ และเมื่อพวกเขาไปถึงเลเวล 8 พละกำลังของพวกเขาก็จะเทียบได้กับชนเผ่ามังกรเลยทีเดียว
และถ้าพวกเขาขึ้นไปถึงเลเวล 9 พวกเขาก็จะสามารถจัดการกับมังกรและปีศาจระดับสูงได้ด้วยการใช้พละกำลังเพียงอย่างเดียว!
พวกมนุษย์สัตว์จะเรียกนักรบที่มีเลเวล 8 หรือสูงกว่าว่า “ขุนศึก” ลิงค์รู้ว่าในกลุ่มของพวกมนุษย์สัตว์นั้นมีขุนศึกอยู่ทั้งหมด 3 คน: ขุนศึกฟ้าแยก, ขุนศึกผู้รุ่งโรจน์ อวาตาร์,ขุนศึกแห่งพายุ พามีส
พวกเขาแต่ละคนนั้นต่างก็มีจุดเด่นของตัวเอง ขุนศึกฟ้าแยกโฮลุนมีพละกำลังมากที่สุด ในขณะที่ขุนศึกแห่งพายุรวดเร็วที่สุด ซึ่งพามีสนั้นสามารถแข่งกับนานะได้เลยในเรื่องของความเร็ว ยังไงก็ตาม ถ้าเกิดว่าพูดถึงเรื่องทักษะการต่อสู้ ขุนศึกผู้รุ่งโรจน์ อวาตาร์นั้นจะโผล่ขึ้นมาในใจคนแรกเลย
ในช่วงท้ายเกม พละกำลังของโฮลุนนั้นทัดเทียมกับจ้าวแห่งความลึก, โนโซม่าเลยด้วยซ้ำ พวกเขาเสมอกันจนในที่สุดโนโซม่าก็ตัดสินใจใช้เวทมนตร์ ซึ่งส่งผลให้โฮลุนพ่ายแพ้ไป
ลิงค์ไม่รู้ว่าโฮลุนแข็งแกร่งแค่ไหนในช่วงตอนนี้ของเกม แต่อย่างน้อยเขาก็ต้องมีเลเว 8 อย่างแน่นอน และเขาก็จะเป็นพรรคพวกที่แข็งแกร่งด้วย
“นั่นเป็นข่าวที่ดีเลยนะ” ใบหน้าของลิงค์สดใสขึ้นในตอนที่เขาพูด
“นั่นสินะ ข้าก็หวังว่าอย่างนั้น” มาโซสหัวเราะ
เฟลิน่ายังคงลาดตระเวนบนท้องฟ้าอยู่ตลอดการเดินทางนี้ ร่างของโทเดลรอนถูกเอาไปไว้บนหลังม้าตัวนึงของมาโซสเพื่อลดน้ำหนักของเธอลง
ในอีกด้านนึง ลิงค์ก็กำลังจะพักผ่อนและเก็บเรี่ยวแรง เวทย์ผู้ปราบปีศาจที่เขาร่ายนั้นทรงพลังก็จริงแต่มันก็ใช้มานาเยอะ มันใช้มานาไป 7,000 แต้มใน 1 วินาที
ทันใดนั้นเอง ก็มีเสียงร้องของมาโซสดังขึ้น “แปลกจัง ดูสิ ศพกำลังเปล่งแสง”
ลิงค์มองตามไป และแน่นอนว่าแสงสีทองที่สว่างขึ้นมานั้นมาจากร่างของโทเดลรอน เขาเดินไปข้างหน้าในทันทีเพื่อสังเกตุดูให้ละเอียด
หลังจากที่ผ่านไปซักพักมันก็กลายเป็นแสงชัดเจน ร่างกายของโทเดลรอนไม่ใช่แค่ส่องแสงสีทองออกมาเท่านั้น ถ้าพูดให้ชัดๆก็คือ ทั่วทั้งร่างของเขาได้กลายเป็นลำแสงสีทอง
แสงได้กลายเป็นเส้นใยเล็กๆและมีเส้นใหม่ปรากฏขึ้นบนร่างของโทเดลรอน ในขณะที่แสงเข้มข้นขึ้นเรื่อยๆ ร่างของเทลโดรอนก็ค่อยๆเล็กลง
“พระเจ้าช่วย ร่างกายของมันกำลังกลายเป็นแสง!” มาโซสอ้าปากค้าง
ลิงค์เองก็สับสนเหมือนกัน เขาไม่ได้รู้สึกถึงออร่าเวทมนตร์เลยตลอดทั้งกระบวนการนี้ จากนั้นเขาก็จับร่างของโทเดลรอนด้วยมือเปล่าและรู้สึกได้ถึงความอบอุ่นที่มือของเขา ดูเหมือนว่าลำแสงสีทองจะไม่สนใจสิ่งกีดขวางใดๆเลย มันทะลุผ่านมือของลิงค์และม้าก่อนที่จะหายไปในอากาศ
“อิเซนดิลันจะต้องชุบชีวิตมันแล้วแน่ๆ!”
ลิงค์คิดอยู่พักนึงก่อนที่เขาจะตัดสินใจใช้เวทย์มิติดู เขายกคทาขึ้นและพึมพำ “มิติทับซ้อน!”
บอลแสงที่เล็กมากๆได้พุ่งใส่ร่างของโทเดลรอนก่อนที่จะระเบิดออก จากนั้นมิติที่อยู่ภายในก็เริ่มทับซ้อนกันด้วยรูปแบบที่ไม่สามารถคาดเดาได้ แม้กระทั่งแสงก็หนีออกจากมิตินี้ไม่ได้ พวกมันจะติดอยู่ข้างในนี้ตลอดกาล
ยังไงก็ตาม มันไม่ได้ผล แสงสีทองไม่สนใจการเปลี่ยนแปลงของมิติและทะลุผ่านมันไป สิ่งที่แตกต่างอย่างเดียวที่เวทย์มิติทำได้คือทำให้แสงมันอ่อนลงเล็กน้อย
คิดไม่ถึงเลยนะเนี่ยว่าเวทย์มิติจะไม่ได้ผล!
ลิงค์โบกมือให้นานะในทันที จากนั้นเขาก็เอามีดจุดแตกหักออกมาจากต้นขาของเธอและฟันมันเข้าไปที่บริเวณรอบๆโทเดลรอนเบาๆ
มันได้ผล!
บรรยากาศรอบๆโทเดลรอนดูปั่นป่วนเล็กน้อยก่อนที่เส้นลำแสงที่อยู่รอบๆร่างกายของเขาจะแตกกระจายออกไป
มีดจุดแตกหักนั้นสามารถแก้ไขทุกอย่างในโลกได้จริงๆ
ลิงค์ตัดเส้นพวกนั้นต่อไป
จากนั้นเส้นแสงสีทองก็หายไปด้วยความรวดเร็ว มันจะสูญเสียความสว่างของมันไปหลังจากที่ถูกตัดออกจากร่างของโทเดลรอน และจากนั้นก็จะสลายไปในอากาศ
ประมาณ 5 วินาทีต่อมา เส้นก็ถูกตัดออกทั้งหมด เขามองไปที่โทเดลรอนอีกครั้ง ร่างกายของเขาดูซีดเซียวและไร้ชีวิต ในเวลาเดียวกันนั้นเอง บาดแผลจำนวนนับไม่ถ้วนก็ปรากฏขึ้นบนร่างกายของเขา มันเหมือนกับเทียนที่ละลายแล้ว เขาดูน่ากลัวมาก
ลิงค์มีความรู้สึกว่าโทเดลรอนได้ตายจริงๆแล้ว
หลังจากนั้น ความรู้สึกตื่นตระหนกก็แล่นขึ้นมาในใจของเขา เขารู้สึกหายใจไม่ออก ลิงค์รู้สึกเหมือนกับว่าเขาอยู่ในที่แคบ แม้กระทั่งมาโซสก็รู้สึกได้ถึงแรงกดดันอันมหาศาลนี้ ซึ่งหลักฐานก็คือใบหน้าหวาดกลัวของเขา ม้าที่เคยแบกโทเดลรอนอยู่ก็ล้มลงกับพื้นด้วยอาการตกใจ และนอนไม่ขยับไปไหนเพราะความหวาดกลัว
ในเวลาต่อมา ลิงค์ก็รู้สึกได้ถึงเสียงที่ดังขึ้นในหัวของเขา “เจ้าเป็นใคร? ทำไมเจ้าถึงมาขวางทางข้า?”
บ้าเอ้ย เขาทำให้อิเซนดิลันรู้ตัวแล้ว!
ลิงค์รู้ว่าอิเซนดิลันจะต้องใช้วิธีอะไรซักอย่างเพื่อตามหาตัวเขา ยังไงก็ตาม เขาไม่กลัว เพราะว่าเขาไม่มีปัญหากับเวทย์สอดแนม มีดจุดแตกหักของเขาสามารถจัดการมันได้อย่างง่ายดาย
เขาอยากจะวาดมีดจุดแตกหักไปรอบๆเพื่อทำลายการเชื่อมต่อ แต่เขาก็หยุดในเวลาต่อมา
ตอนนี้ฉันตัดมันไม่ได้ ฉันอยู่ท่ามกลางพวกมนุษย์สัตว์ ถ้าฉันตัดการเชื่อมต่อออกตอนนี้ อิเซนดิลันจะต้องรีบพุ่งมาและคนอื่นก็จะตายกันหมด! ฉันจะต้องหาสถานที่อื่น
เมื่อคิดได้อย่างนี้ ลิงค์ก็หันไปหามาโซสแล้วพูด “ดูเหมือนว่าฉันจะไปทำให้บุคคุลที่น่ากลัวโกรธเข้าแล้วหล่ะ ฉันไม่สามารถปกป้องพวกคุณได้อีกแล้ว มันคงจะทำให้เกิดความโชคร้ายกับทุกคนในกลุ่ม”
หลังจากนั้นเขาก็ร่ายเวทย์รวดเร็วใส่ตัวเองและออกจากกลุ่มหลักไปอย่างรวดเร็ว นานะกับเฟลิน่าตามเขาไปด้วย แม้ว่าพวกเขาจะไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น แต่พวกเขาก็เลือกที่จะตาม
“อย่าคิดหนีนะ! เจ้าจะต้องตาย!” เสียงในใจของเขาดังชัดขึ้นมาในทันที จากนั้นลิงค์ก็บอกกับนานะ “แบกฉันและวิ่งไปด้วยความเร็วเต็มที่เลย”
ไม่ว่าอิเซนดิลันจะแข็งแกร่งขนาดไหน แต่ถ้าเกิดว่าเขาไม่สามารถหาที่อยู่ของพวกเขาได้ มันก็ไร้ประโยชน์ แม้กระทั่งพระเจ้าก็เช่นกัน