ทุ่งหญ้าสีทอง
มีรอยแหว่งตามธรรมชาติใต้หินก้อนยักษ์สีแดง มันคือที่ซ่อนอันสมบูรณ์แบบ ป้องกันพวกเขาจากการลาดตระเวนทางท้องฟ้า
มีกองไฟกำลังลุกไหม้อยู่ในที่ซ่อน ลิงค์ เฟลิน่าและนานะ นั่งล้อมรอบมัน พวกเขาสวมชุดเกราะที่ทำจากหนังแกะเพื่อปลอมตัวให้เหมือนมนุษย์สัตว์ธรรมดา
และกองไฟนี้ก็ไม่ได้ทำมากจากเวทมนตร์แต่ทำขึ้นมาเองด้วยหินเชื้อเพลิงและหินธรรมดา
นานะนั่งลงด้วยท่วงท่าอันงดงามพร้อมกับใช้เหล็กยาวย่างเม่นทุ่งหญ้าบนกองไฟ พวกเขาได้จับเม่นมาถลกหนังเมื่อก่อนหน้านี้
ในอีกด้านหนึ่ง ลิงค์กำลังใส่เครื่องปรุงทุกอย่างเข้าไปในตัวเม่น เขาได้เรียนเทคนิคนี้มาจากทหารรับจ้างที่อยู่กับมาโซส ลิงค์ไม่รู้ว่าอุณหภภูมิที่เขาย่างเม่นนั้นพอเหมาะหรือเปล่า แต่กลิ่นของเนื้อก็น่ากินมากๆ เฟลิน่ากลืนน้ำลายและจ้องไปที่เม่นตาเขม็ง
“มันผ่านไปสองวันแล้ว ดูเหมือนว่าเราจะหนีจากอิเซนดิลันได้แล้วนะ” ลิงค์รู้สึกโล่งใจและภูมิใจกับตัวเองเล็กน้อย
เฟลิน่าไม่ได้รู้สึกถึงอันตรายเลยตลอดช่วงเวลาที่ผ่านมานี้ เธอแค่ทำตามลิงค์ โดยการปกปิดออร่าของตัวเองและซ่อนตัว ซึ่งสิ่งเธอทำมาทั้งหมดนั้นก็แค่ฟังคำสั่งของเขา
อิเซนดิลันไม่เคยปรากฏตัวออกมาเลยแม้แต่ครั้งเดียว มันเหมือนกับว่าเขาไม่เคยมีตัวตนอยู่
มันยิ่งรู้สึกพึงพอใจมากๆที่พวกเขาสามารถหนีจากการไล่ล่าของบุคคลระดับตำนานได้ แม้แต่เฟลิน่าที่เป็นส่วนหนึ่งของความสำเร็จอันงดงามนี้ ก็ยังรู้สึกได้ว่ามันง่ายละธรรมดามาก
“เจ้าคิดว่าอิเซนดิลันจะฆ่าพวกมนุษย์สัตว์รึเปล่าถ้ามันไม่เจอตัวพวกเรา?” นี่คือความกังวลเพียงอย่างเดียวของเฟลิน่า
ในตอนนั้นเอง เม่นก็พร้อมรับประทานแล้ว จากนั้นลิงค์ก็ใช้มีดจุดตัดหั่นน่องขาออกมาอย่างสวยงามและยื่นให้เฟลิน่า จากนั้นเขาก็ยิ้มและพูด “มันไม่ทำหรอก ฉันได้วางตัวหลอกไว้มากมายในระหว่างทาง อิเซนดิลันไม่มีทางรู้ที่อยู่ที่แน่นอนของพวกเราได้ และมันก็ไม่มีทางทำสำเร็จด้วย ดังนั้นมันไม่มีเวลาไปไล่ตามพวกมนุษย์สัตว์หรอก”
“ได้ยินอย่างนั้นมันก็ดี…โอ้ เนื้อนี่อร่อยนะ มันนุ่มยิ่งกว่าของที่กินกับพวกมนุษย์สัตว์อีก อร่อยมากๆ” จากนั้นเฟลิน่าก็หันไปให้ความสนใจกับเนื้อในตอนที่เธอพูด
จากนั้นลิงค์ก็ตัดเนื้อให้ตัวเองและกินอย่างช้าๆ มันอร่อยมากสำหรับความพยายามทำเนื้อบาบีคิวครั้งแรกของเขา มันประสบความสำเร็จ
“นายท่าน นานะลองชิมมันได้มั้ย?” นานะพูดด้วยความสงสัย
“เอาสิ” ลิงค์ทำท่าเชิญก่อนที่จะหยิบหนังสือเวทมนตร์เพลิงออกมา เขานั่งพิงหินที่อยู่ข้างๆอย่างสบายใจ, เพลิดเพลินกับอาหารค่ำพร้อมกับอ่านหนังสือไปด้วย
นานะหั่นเนื้อส่วนของตัวเองออกมาและกัดเข้าไปคำเล็กๆ จากนั้นเธอก็เคี้ยวอย่างช้าๆก่อนที่จะขมวดคิ้ว เธอยังคงดูเหมือนกับกวางที่ไร้เดียงสาและบริสุทธิ์ ไม่มีใครสามารถจินตนาการได้เลยว่าประสบการณ์นี้เป็นอย่างไรสำหรับเธอ
หลังจากผ่านไปซักพัก เธอก็พูด “รสชาติมันแปลกๆ นี่คือสิ่งที่พวกนายท่านเรียกว่าเค็มใช่มั้ย?”
จากนั้นเฟลิน่าก็พูด “มันไม่ใช่แค่เค็มเท่านั้นหรอก มันมีอย่างน้อย 6 รสชาติ พวกมันได้ผสมกันและสร้างรสชาติอันเป็นเอกลักษณ์ขึ้นมา เธอค่อยๆลองชิมมันก็ได้นะ เอ้านี่ กระเทียมตากแห้ง”
จากนั้นนานะก็กลืนกระเทียมตากแห้งแสนเผ็ดร้อนลงไปทั้งชิ้นโดยไม่ลังเล กระเทียมตากแห้งนั้นมีขนาดอย่างน้อยครึ่งกำปั้น มันมีขนาดเท่ากับปากของเธอเลย ทำให้เธอดูเหมือนกับหนูแฮมเตอร์ที่ยัดอาหารเอาไว้ในแก้ม
จากนั้นเธอก็เคี้ยวมัน แล้วดวงตาของเธอก็เป็นประกายด้วยความสงสัย
เธอเร็วเกินไป เฟลิน่าไม่เร็วพอที่จะหยุดเธอและพูดพึมพำ “เธอน่าจะกินมันแค่คำเล็กๆนะ”
แม้กระทั่งเธอก็รู้สึกไม่สบายเมื่อเห็นใครบางคนกินกระเทียมตากแห้งเข้าไปทั้งชิ้น
ในตอนที่นานะเคี้ยว ดวงตาของเธอก็เบิกกว้างและพูดออกมา “ไอนี่อร่อยมากเลยค่ะ!”
จากนั้นเธอก็เลิกกินเนื้อและเริ่มกินกระเทียมตากแห้งที่เหลือ เธอเคี้ยวมันอย่างเอร็ดอร่อย จากนั้นเฟลิน่าก็มองภาพนี้ด้วยอาการอ้าปากค้าง
“นี่..ลิงค์ เจ้าคิดว่านานะเสียรึเปล่า?”
ในอีกด้านนึง ลิงค์นั้นไม่ค่อยตกใจกับสิ่งนี้ เขาหัวเราะและอธิบาย “รสชาติเผ็ดของกระเทียมตากแห้งนั้นมาจากวัตถุดิบที่มีชื่อว่าผงเงิน นานะน่าจะชอบรสชาติโลหะของมันนะ”
ผงเงินนั้นเป็นสารโลหะที่หาได้ยาก โชคดีที่ลิงค์ได้นำมันมาด้วยในการเดินทางครั้งนี้ จากนั้นเขาก็หยิบเศษผงเงินเล็กๆออกมาให้นานะ “เอ้า ลองชิมสิ”
นานะกัดผงเงินโดยไม่ลังเล ทำให้เกิดเสียงเหล็กแตกด้วยฟันของเธอ ยังไงก็ตาม เธอพ่นมันออกมาอย่างรวดเร็ว พร้อมกับขมวดคิ้วและพูด “นายท่าน นี่มันแข็งเกินไปแล้วก็ขมด้วย น่าขนะแขยงชะมัด!”
ลิงค์รู้ในทันทีว่าเขาทำผิดพลาด นี่มันก็คล้ายกับการที่ว่ามนุษย์ต้องการเหล็กในร่างกายเพื่อความอยู่รอด แต่ว่าพวกเขาจะไม่กินเหล็กเข้าไปตรงๆ
นานะอาจจะชอบรสชาติของกระเทียมตากแห้งที่มีผงเงินอยู่ข้างในเพราะว่ามันสามารถดูดซับได้ง่าย แต่สำหรับชิ้นผงเหล็กเพียวๆนั้นรสชาติมันหนาแน่นเกินไป ทำให้มันทั้งขมและไม่อร่อย
จากนั้นลิงค์ก็พูดแบบแปลกๆ “ขอโทษจริงๆนะ กินอาหารที่เหลือได้เลย เอาชิ้นไหนก็ได้ตามที่เธอชอบเลย”
“โอเคค่ะ” ดูเหมือนว่านานะจะเจอของเล่นใหม่และเธอก็เริ่มที่จะทดลองอาหารที่แตกต่างกัน
ลิงค์ไม่ค่อยรู้สึกอยากอาหารเท่าไหร่ ไม่นานนัก เขาก็ล้างน้ำมันออกจากมือและมีสมาธิกับการอ่านหนังสือ
เฟลิน่ากับนานะเองก็พยายามทำอะไรให้เบาๆ ถ้ำแห่งนี้สงบสุขและเงียบมากๆ
2 ชั่วโมงต่อมา ลิงค์ก็พูด “ถึงเวลาแล้ว ออกเดินทางกันเถอะ”
“ไม่มีปัญหา”
จากนั้นพวกเขา 3 คนก็เตรียมตัวออกจากถ้ำ ลิงค์เป็นคนนำทาง และเขาก็ยังคงระมัดระวังอย่างมาก ก่อนที่เขาจะออกไป เขาได้ร่ายเวทย์มิติบิดเบี้ยวขนาดเล็กเอาไว้ที่ทางเข้าถ้ำ
มิติบิดเบี้ยวนั้นทำหน้าที่เหมือนกับกระจก มันทำให้เขาเห็นทัศนวิสัยด้านนอกถ้ำ
“มีอะไรอยู่บนฟ้ามั้ย?” ลิงค์ถามเฟลิน่า ยังไงซะ ชนเผ่ามังกรก็มีสายตาดีกว่า
เฟลิน่ามองขึ้นฟ้าอย่างระมัดระวังก่อนที่จะส่ายหน้าและพูด “นอกจากนกแล้วก็ไม่มีอย่างอื่นเลย”
“งั้นมันก็น่าจะไม่เป็นอะไรแล้ว” ลิงค์เดินออกจากถ้ำ
พวกเขาอยู่ห่างจากเมืองเมฆขาวประมาณ 130 ไมล์ทางทิศตะวันออก เพื่อที่จะไม่ให้ทิ้งหลักฐานอะไรเอาไว้ พวกเขาจึงเดินทางด้วยความเร็วพอๆกับมนุษย์สัตว์ธรรมดา ด้วยความเร็วเท่านี้พวกเขาต้องการเวลาอย่างน้อย 4 วันในการไปถึงที่หมาย
ถึงแม้ว่ามันจะช้า แต่ก็ปลอดภัย
หลังจากผ่านไปครึ่งวัน เมืองมนุษย์สัตว์ขนาดเล็กก็ปรากฏขึ้น ดูเหมือนว่าเมืองขนาดเล็กนี้จะไม่เจอกับความพิโรธของมนุษย์สัตว์บ้าคลั่ง ดูเหมือนว่าในเมืองจะมีเทศกาลอะไรบางอย่าง ซึ่งมันได้อธิบายถึงผู้คนจำนวนมากที่อยู่บนถนน และแม้กระทั่งพ่อค้าชาวมนุษย์บางคนก็อยู่ในกลุ่มนี้เช่นกัน
“ดูสร้อยคอเขี้ยวหมาป่านั่นสิ สวยจังเลย” เฟลิน่าชี้ไปที่ร้านค้าที่อยู่ข้างทาง เธอมักจะชอบเครื่องประดับพวกนี้เสมอ เมื่อนานมาแล้ว, เธอเคยซื้อกำไลข้อมือที่ลิงค์ออกแบบเพื่อสะสมเป็นคอลเล็กชันด้วย
จากนั้นเธอก็วิ่งไปซื้อสร้อยคอเส้นนี้ด้วยเงิน 1 เหรียญทองมังกรแดง
พ่อค้าคนนี้ไม่รู้จักเหรียญทองมังกรแดง แต่ว่าเขาก็รู้มันคือทองในตอนที่เขาเห็นมัน เขานั้นตกใจที่เฟลิน่าจะซื้อมันโดยที่ไม่ต่อราคาและยิ้มอย่างแจ่มใส เขาดูกระตือรือล้นมากและมอบสร้อยคอเขี้ยวหมาป่าอันงดงามให้กับเฟลิน่า
นี่ทำให้เฟลิน่ารู้สึกดีใจอย่างมาก จากนั้นเธอก็เริ่มทำการช็อปแหลก เธอใช้เงินของเธอกับร้านค้าข้างทางเกือบทุกร้านที่เธอเจอ
ลิงค์ไม่ได้หยุดเธอเพราะเห็นว่าเธอกำลังเพลิดเพลินกับมัน
เฟลิน่าใช้เงินไปมากกว่า 10 เหรียญทองในตอนที่เธอออกมาจากเมือง เธอซื้อของไร้ประโยชน์มามากมายและสวมมันทั้งหมดเอาไว้บนร่างกายของเธอ และเธอก็ถามลิงค์อยู่บ่อยๆด้วยว่าเธอดูเป็นยังไงบ้าง
ลิงค์ไม่เข้าใจงานอดิเรกแปลกๆนี้และทำได้แค่พยักหน้าเห็นด้วยอยู่ทุกครั้ง
จากนั้นพวกเขาก็เดินทางไปเมืองเมฆขาวต่อ
ครึ่งวันหลังจากที่พวกลิงค์ออกจากเมืองไปแล้ว อิเซนดิลันก็มาถึง เขาสวมผ้าคลุมสีดำยาว และรู้สึกว่ามีบางอย่างแปลกๆในตอนที่เข้ามาในเมือง บรรยากาศในเมืองนั้นเต็มไปด้วยกลิ่นที่เขาคุ้นเคย
เขาสะกดรอยตามไปและมาถึงร้านค้าที่ขายเครื่องประดับเขี้ยวหมาป่าอย่างรวดเร็ว
“คุณลูกค้าที่เคารพ ท่านประสงค์จะซื้อสิ่งใดหรอครับ?” มนุษย์สัตว์ถาม ไม่นานมานี้ เขาได้ขายสร้อยคอที่มีค่าแค่ไม่กี่เหรียญทองแดงได้ด้วยราคา 1 เหรียญทอง เขากำลังอารมณ์ดีมากๆ
แต่ว่า, อารมณ์ของอิเซนดิลันนั้นตรงข้ามกันอย่างสมบูรณ์ เขาได้ไล่ตามลิงค์มาจนถึงสถานที่อันน่ากลัวนี้ มีแต่พระเจ้าเท่านั้นที่รู้ว่าเขาโดนกับดักไปมากขนาดไหนตลอดทางที่มาถึงที่นี่ เขาอยากจะฆ่าใครซักคนเพื่อปลดปล่อยความโกรธที่อยู่ในตัวเขา
ยังไงก็ตาม เขานั้นก็ควบคุมตัวเองได้ดี เขาไม่เคยฆ่าคนมั่วซั่ว ซึ่งนั่นไม่ใช่เพราะว่าความหิงสาของเขา แต่เป็นเพราะเขารู้สึกว่ามันเป็นการสิ้นเปลืองพลังงาน
เขานั้นไม่ตอบมนุษย์สัตว์ด้วยซ้ำ เขาผลักมนุษย์สัตว์ลงกับพื้นก่อนที่จะเดินเหยียบเขาและเข้าไปดึงเอาเงินที่แคชเชียร์ออกมา
มนุษย์สัตว์เป็นที่รู้จักกันว่าไม่เป็นมิตรกับเผ่าพันธุ์อื่น มันเป็นเรื่องปกติที่พวกเขาจะต่อสู้กับมนุษย์และมังกร ยิ่งไปกว่านั้น ดูเหมือนว่าชายคนนี้จะปล้นเงินที่เขาหามาอย่างยากลำบากด้วย
“เฮ้ย นี่เจ้าจะปล้นข้าหรอ?” เขาหยิบหินมาจากพื้นและโยนไปที่หัวของอิเซนดิลันเต็มแรง
หินกระแทกเข้าไปที่หลังหัวของอิเซนดิลัน ดูเหมือนว่าเขาจะไม่เป็นไร แต่ว่าหินกลับแตกเป็นเสี่ยงๆ
ในตอนนั้น อิเซนดิลันกำลังจ้องไปที่เหรียญทองมังกรแดงอย่างเหม่อลอย เขาไม่ได้รู้สึกถึงการโจมตีของมนุษย์สัตว์เลยจนกระทั่งรู้สึกเจ็บจากถูกการโจมตี
“หืม?” อิเซนดิลันยังคงไร้การตอบโต้พร้อมกับหยิบเหรียญทองมังกรแดงขึ้นมา จากนั้นเขาก็ถามอย่างน่ากลัว “เหรียญทองนี้มาจากที่ไหนกัน?””
มนุษย์สัตว์กลืนน้ำลายอย่างกังวล เขารู้ว่าคนๆนี้ไม่ใช่คนที่ควรยุ่งด้วยหลังจากที่เห็นหินแตกเป็นเสี่ยงๆ
ในตอนนั้นเอง เขาก็เห็นอิเซนดิลันใกล้เข้ามา เขารู้สึกสิ้นหวัง ดูเหมือนว่าความคิดของเขาหยุดจะทำงานไปแล้ว เขาถอยไปนิดนึงก่อนที่จะเริ่มวิ่งแล้วก็ตะโกน “เอาไปได้เลย!มันเป็นของท่านแล้ว!”
อิเซนดิลันขมวดคิ้วและกำลังจะไล่ตามไปในตอนที่มีมนุษย์สัตว์สวมเกราะมาล้อมเขา หนึ่งในพวกเขาเอาดาบมาจ่อที่คอของอิเซนดิลันและตะโกน “แกกล้าดียังไงมาปล้นคนของพวกเรา จะไปกับพวกเราหรือจะยอมจ่ายเงินมาดีๆ เลือกมาซะ!”
ในที่สุดความอดทนของอิเซนดิลันก็หมดลง เขาจับดาบและบีบมันแน่น เพล้ง! ดาบแตกออกและเศษเหล็กก็กระเด็นไปทุกทิศทาง
เศษปลิวไปอย่างรวดเร็ว เจาะทะลุทุกสิ่งที่มันผ่าน
มนุษย์สัตว์ที่อยู่รอบๆตอบสนองไม่ทันและได้รับบาดเจ็บจากเศษเหล็ก เลือดกระจายไปทั่วทั้งถนน มีคนอย่างน้อย 20 คนตายไปเพราะการกระทำอันเล็กน้อยของอิเซนดิลัน
“กรี๊ด!” ผู้หญิงร้องไห้
“ฆาตกรต่อเนื่อง!”
“วิ่ง”
เมืองได้ตกอยู่ในความวุ่นวาย
“สิ่งมีชีวิตที่น่าสงสาร!” อิเซนดิลันขี้เกียจโจมตีอีก เขาเริ่มดมเหรียญทองมังกรแดงที่อยู่ในมือของเขา
“ช่างเป็นกลิ่นที่สดใหม่จริงๆ พวกมันน่าจะออกไปได้ไม่ถึง 4 ชั่วโมงนะ…แต่ว่านี่จะเป็นตัวล่ออีกรึเปล่า?”
เขาโดนกับดักมามากมายในระหว่างทาง และเขาก็ลังเลกับหลักฐานชิ้นนี้เช่นกัน
ในตอนที่เขากำลังใช้ความคิดอยู่ เสียงตะโกนก็ดังขึ้น “ยิง!”
เสียงหน้าไม้ดังก้องไปทั่วเมือง จากนั้นอิเซนดิลันก็ได้ยินเสียงประกาศสงครามอย่างห้าวหาญของพวกเขา เขาหันกลับมาและตระหนักได้ว่ามนุษย์สัตว์นักธนู 30 คนได้มายืนเรียงกันอย่างเป็นระเบียบเบื้องหน้าเขาแล้ว
“โอ้เจ้าพวกต่ำต้อย พวกเจ้าทำเป็นแต่ลอบโจมตีรึไง?”
อิเซนดิลันกำลังอารมณ์ไม่ดี และตอนนี้เขาก็ถูกยั่วโมโหรัวๆ ดังนั้นเขาจึงสูญเสียความเยือกเย็นไปในที่สุด เขายกมือขึ้นและบอลเพลิงอันร้อนระอุที่มีความกว้างกว่า 6 ฟุตก็ปรากฏขึ้นบนฝ่ามือของเขา
จากนั้นเขาก็ปล่อยบอลเพลิงลงไปที่พื้น
“ช่างน่ารำคาญซะจริง เงียบไปซะ!”
“ตู้ม!” เสียงดังสะเทือนไปทั่ว บอลเพลิงอันร้อนระอุที่มีขนาดกว้าง 300 ฟุตได้ปรากฏขึ้นบนท้องฟ้าเหนือเมืองเล็กๆ และเมืองทั้งเมืองก็สลายหายไปด้วยพลังของเวทมนตร์
หลังจากที่เวทย์หายไป โลกก็ดูเงียบสงบขึ้นมาในทันที
ในขณะที่มองไปยังศพที่อยู่บนพื้น อิเซนดิลันก็ส่ายหน้าด้วยความไม่พอใจและพูด “ช่างเปลืองแรงของข้าจริงๆ”
จากนั้นเขาก็ดมกลิ่นเหรียญทองมังกรแดงอีกครั้งและไล่ตามกลิ่นจางๆของมันออกไปนอกเมือง
แม้ว่าเขาจะไม่รู้ตำแหน่งที่แน่นอน แต่เขาก็รู้สึกได้ว่าศัตรูอยู่ไม่ไกลแล้ว ทั้งหมดที่เขาต้องการในตอนนี้ก็คือความโชคดี